เงินเยนแข็งค่าสูงสุดระหว่างวัน ท่ามกลางแรงซื้อปลอดภัยเงินเยนญี่ปุ่นพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดระหว่างวัน; แนวโน้มการอ่อนค่าของ USD/JPY ดูจำกัดเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ยังแข็งแกร่งในระดับปานกลาง
เงินเยนญี่ปุ่นได้รับแรงหนุนจากนักลงทุนที่เข้าซื้อเมื่อราคาตกในวันอังคาร ท่ามกลางความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัยที่ฟื้นตัวขึ้น ความคาดหวังเกี่ยวกับนโยบายที่แตกต่างกันระหว่างธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) และธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังคงเป็นประโยชน์ต่อเงินเยน และเป็นปัจจัยกดดันคู่สกุลเงิน USD/JPY ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับสถานะการคลังของสหรัฐฯ กดดันค่าเงินดอลลาร์ให้อ่อนค่าใกล้ระดับต่ำสุดในรอบหลายสัปดาห์ และส่งผลลบต่อราคาตลาดในทันที
มุมมองทางเทคนิค
จากมุมมองด้านเทคนิค การดีดตัวขึ้นในช่วงกลางคืนจากระดับต่ำกว่า 144.00 หรือบริเวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 ชั่วโมง (100-hour Simple Moving Average: SMA) และการขยับขึ้นต่อจากนั้น บ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นของคู่ USD/JPY นอกจากนี้ ดัชนีออสซิลเลเตอร์ (Oscillators) บนกราฟรายวันเริ่มแสดงสัญญาณเชิงบวก ซึ่งบ่งบอกว่าทิศทางที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นมากที่สุดของราคาตลาดคือขาขึ้น ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้อย่างชัดเจนที่จะเห็นแรงซื้ออย่างต่อเนื่องไปยังแนวต้านระหว่างทางที่ระดับ 145.60-145.65 ก่อนถึงระดับ 146.00 ซึ่งเป็นตัวเลขกลม และโมเมนตัมอาจขยายตัวต่อไปถึงช่วง 146.25-146.30 หรือระดับสูงสุดของวันที่ 29 พฤษภาคม
มุมกลับกัน (แนวโน้มขาลง)
ในทางกลับกัน หากมีการปรับตัวลดลงต่อ คาดว่าจะมีแนวรับที่มั่นคงบริเวณ 144.25 (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 ช่วงเวลา บนกราฟ 4 ชั่วโมง) ซึ่งหากราคาหลุดระดับนี้ คู่ USD/JPY อาจทดสอบระดับต่ำกว่า 144.00 อีกครั้ง โดยบริเวณดังกล่าวควรทำหน้าที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ หากถูกเจาะทะลุลงมาอย่างเด็ดขาด จะเป็นการลบล้างมุมมองเชิงบวก และเปลี่ยนอคติระยะสั้นไปยังฝั่งผู้ขาย
เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบเกือบสองสัปดาห์เทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงต้นวันอังคาร และกลับมาแข็งค่าเป็นวันที่สองติดต่อกันในช่วงก่อนเปิดตลาดยุโรป ความวิตกกังวลของตลาดก่อนเข้าสู่วันที่สองของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ช่วยกระตุ้นความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ การยอมรับเพิ่มขึ้นว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง ยังช่วยดึงดูดนักลงทุนที่มองหาโอกาสซื้อเงินเยนเมื่อราคาตก
ในขณะที่ ดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) ยังคงมีปัญหาในการดึงดูดแรงซื้อที่มีนัยสำคัญ และยังเคลื่อนไหวในกรอบที่คุ้นเคยต่อเนื่องมาราวหนึ่งสัปดาห์ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานะการคลังของสหรัฐฯ อีกทั้ง การคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมภายในปีนี้ ก็เป็นปัจจัยกดดันเพิ่มเติมต่อค่าเงินดอลลาร์ ในขณะเดียวกัน ความแตกต่างของคาดการณ์นโยบายระหว่าง Fed และ BoJ กลายเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เป็นประโยชน์ต่อเงินเยนซึ่งให้ผลตอบแทนต่ำ และกดดันให้คู่ USD/JPY อ่อนค่าลง
ไอเดียชุมชน
โอกาสกลับตัวขาลงหลังจากราคาปฏิเสธที่1. รูปแบบ Double Top (แนวต้านสำคัญ)
มีการเกิดรูปแบบ Double Top ชัดเจนบริเวณราคา 2,760–2,800 USDT
บริเวณนี้ทำหน้าที่เป็น โซนซัพพลาย (แถบสีแดง) ที่มีแรงขายสูงในอดีต
ราคาปัจจุบันได้กลับขึ้นไปทดสอบโซนนี้อีกครั้งและเริ่มมีการปฏิเสธ
2. การกวาดสภาพคล่อง (Liquidity Sweep)
ทางฝั่งซ้ายของกราฟ มีไส้เทียนยาวลงล่าง (ลูกศรสีน้ำเงิน) แสดงถึงการ กวาดสภาพคล่อง (stop hunt) ก่อนที่ราคาจะกลับตัวขึ้นอย่างรุนแรง
สะท้อนการเข้าซื้อของ สถาบันการเงิน หรือ "Smart Money"
3. ระยะสะสมราคา (Accumulation Phase)
มีการวาดกรอบสี่เหลี่ยมสีน้ำเงินแสดงถึง การสะสมตัวในกรอบราคาแคบ
หลังจากการสะสม มีการเบรกทะลุกรอบขึ้นไปอย่างชัดเจน แสดงถึง แรงส่งจากฝั่งซื้อ
4. รูปแบบ Double Bottom (แนวรับแข็งแกร่ง)
ราคามีการดีดกลับจากบริเวณ 2,480 หลายครั้ง (วงกลมสีแดงด้านล่าง)
บริเวณนี้เป็น แนวรับสำคัญ และอาจกลายเป็นเป้าหมายของการปรับฐานในรอบถัดไป
5. ลูกศรชี้ลง (แนวโน้มคาดการณ์ขาลง)
ลูกศรสีดำที่ลากจากจุดสูงสุดบริเวณ 2,800 ชี้ไปยังแนวรับ 2,480
สื่อถึงแนวโน้มการ กลับตัวลงชั่วคราว หรือ การพักฐานราคา
---
บทสรุปและแผนการเทรด:
🔻 มุมมอง: ขาลง (ในระยะสั้น)
รูปแบบ Double Top ร่วมกับการปฏิเสธจากโซนซัพพลาย บ่งบอกถึงโอกาสที่ราคาจะเริ่มกลับตัวลง
รอคอนเฟิร์มจากสัญญาณแท่งเทียน เช่น bearish engulfing หรือการเบรกแนวรับย่อย
🧠 แผนการเข้าเทรด (ตัวอย่าง):
จุดเข้า: Short ใกล้ๆ บริเวณ 2,780–2,800 หลังจากเห็นการกลับตัวชัดเจน
เป้าหมายกำไร (TP): 2,480
จุดตัดขาดทุน (SL): เหนือ 2,820
Risk-Reward: ประมาณ 1:2.5 หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการเข้าออเดอร์
แนวโน้มทองคำสำหรับ วันที่10/6/68ภาพday
ราคายังคงไม่ได้ไปไหน ถ้าขึ้นต่อจะมีเป้าไปหา3560
แต่ถ้าราคาย่ออาจจะกลับลงมาเก็บของแถว 3130-3050อีกรอบ ราคาภาพday ยังคงเป็นรอบขาขึ้นอยู่
ภาพรายชั่วโมง ตอนนี้เป็นขาลงมีเป้าลงมาหา3280 ถ้ารับอยู่แล้วดีดกลับ อาจจะเป็นกรอบไซเวย์อัพ แต่ถ้าหลุด3270 มีโอกาสลงไปหา3220
หน้าSELL
3332 3339 ต้องลุ้นให้ราคาขึ้นมารับอีกรอบ ไม่ควรเกิน3346 มีเป้าลงไป3300 3280
หน้าBUY
รอ3280 หรือรอรายชั่วโมงเปลี่ยนเทรนด์ก่อน
20 Days challenge ลงทุนกับตัวเองใน 20 วัน20 Days challenge ลงทุนกับตัวเองใน 20 วัน
👹 หลายคนอาจมองว่า “การลงทุน” คือการซื้อหุ้น ซื้อคริปโต หรือทำกำไรจากกราฟ โดย การใช้เงินต่อเงินมันจึงเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุด และเป็นการลงทุนที่ดีที่สุด แต่แท้จริงแล้ว...การลงทุนที่ดีที่สุดไม่ใช่แค่การลงทุนด้วยเงิน หากคุณต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีแบบสุขสบายใจ บทความนี้มีคำตอบเป็นแนวทางให้อ่านกันนะครับ
“การลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด คือการลงทุนกับตัวเอง” และนี่คือความตั้งใจของ 20 Days Challenge ภารกิจ 20 วันที่จะเปลี่ยนคุณให้เป็นนักเทรดที่มีวินัยทางอารมณ์ รู้จักบริหารเงิน และใช้ชีวิตด้วยความเข้าใจมากขึ้น
🎯 เป้าหมายของ 20 Days Challenge
👉เข้าใจจิตวิทยาการเทรดอย่างลึกซึ้ง
👉พัฒนาวินัยการใช้เงินและการออม
👉สร้างนิสัยที่เสริมคุณภาพชีวิตและการตัดสินใจ
👉เสริม mindset ที่เหมาะสมกับ “การเป็นนักลงทุนในระยะยาว”
📈ภารกิจ: 20 วันกับ 20 พฤติกรรมใหม่📈
💪 Day 1 เขียนเป้าหมายการเทรดและชีวิต ตั้งเข็มทิศจิตใจให้ชัด
💪 Day 2 ติดตามอารมณ์ตัวเองหลังเทรด รู้ทันอารมณ์ ลด overtrade
💪 Day 3 ลองเทรด Paper Trade แบบไม่มีเงิน ฝึก “วินัย” ไม่ใช่แค่ “กำไร”
💪 Day 4 จัดการการใช้เงินใน 1 วัน รู้รายจ่าย = คุมอารมณ์ได้ดีขึ้น
💪 Day 5 ฟังพอดแคสต์พัฒนาตัวเอง 1 ตอน เติมความรู้ให้ mindset
💪 Day 6 พักจากหน้าจอ 6 ชม. ฝึกสมาธิและการอยู่กับตัวเอง
💪 Day 7 อ่านหนังสือเกี่ยวกับพฤติกรรม เสริมความเข้าใจจิตวิทยา
💪 Day 8 วางแผนการใช้เงินใน 1 สัปดาห์ เริ่มต้น “การออมแบบมีเป้าหมาย”
💪 Day 9 เขียน Journal ความคิดหลังเข้าเทรด เข้าใจว่าอะไรผลักดันเราเทรดผิด
💪 Day 10 เดินเร็ว 30 นาที ฟื้นพลังใจ สมองปลอดโปร่งขึ้น
💪 Day 11 ตั้งกฎ “หยุดเทรดเมื่อ...” สร้างขอบเขต ลด emotional trading
💪 Day 12 ใช้จ่ายแบบ “คิดก่อนซื้อ 3 นาที” ฝึกสติและลดความฟุ่มเฟือย
💪 Day 13 ดูกราฟแต่ไม่เข้าออเดอร์ ฝึกมอง “ตลาด” ไม่ใช่แค่ “กำไร”
💪 Day 14 สรุปการใช้จ่าย 2 สัปดาห์ เพื่อให้เข้าใจนิสัยการใช้เงินของตัวเอง
💪 Day 15 ลองเทรดแค่ 1 ไม้ที่วางแผนไว้ ฝึกคุมความอยาก ลบ FOMO
💪 Day 16 ลองไม่ใช้มือถือ 2 ชั่วโมงก่อนนอน ปรับคุณภาพการพักผ่อน
💪 Day 17 เขียนสิ่งที่ขอบคุณในชีวิต 3 ข้อ สร้างมุมมองบวกต่อชีวิต
💪 Day 18 วางเป้าหมายการออม 3 เดือน เชื่อมโยง “เป้าหมายชีวิต” กับ “เงิน”
💪 Day 19 ประเมินพฤติกรรมตนเอง สะท้อนและพัฒนาแบบมีสติ
💪 Day 20 สรุปสิ่งที่เปลี่ยนแปลง + วางแผนต่อเนื่องเริ่มการเป็น “นักลงทุนตัวเอง” แบบยั่งยืน
📈จิตวิทยาการเทรดคือ “ใจ” ไม่ใช่แค่ “จอกราฟ”
หลายคนล้มเหลวในการเทรด ไม่ใช่เพราะระบบไม่ดี แต่เพราะใจไม่มั่นคง
โลภ, กลัว, คาดหวัง, ใจร้อน
20 วันนี้คือการฝึกจิตใจ:
😸 สังเกตอารมณ์
😸 ฝึกยอมรับความผิดพลาด
😸 ฝึกรอคอยโอกาส
😸 และฝึกคิดอย่างเป็นระบบ
💸 รู้จักใช้เงิน = รู้จักควบคุมชีวิต
การจัดการเงินไม่ใช่แค่เรื่องบัญชีรายรับ-รายจ่าย แต่คือการควบคุมความต้องการในใจตนเอง คนที่บริหารเงินได้ดี มักจะเป็นคนที่บริหารอารมณ์ตัวเองได้ดีด้วยเช่นกัน
👿👿👿 ถ้าอยากเทรดให้ดีขึ้น อย่ามัวแต่มองแต่กราฟ ให้หันกลับมามองตัวเองด้วย 20 Days Challenge จะไม่เปลี่ยนชีวิตคุณในทันที แต่มันจะ “เริ่มต้นการเปลี่ยน” ที่ยั่งยืนและคุ้มค่ากว่าไม่ใช่แค่เป็น “เทรดเดอร์” ที่ดีขึ้น แต่เป็น มนุษย์ที่เข้าใจตัวเองและเข้าใจชีวิตมากขึ้นด้วยเช่นกัน
👿👿👿 เป็นอย่างไรกันบ้างครับ พอจะได้แนวทางในการจัดสรรในชีวิตสักนิดๆหน่อยๆมั้ยครับ ลองทำดูก็ไม่เสียหลายนะ ชอบไม่ชอบค่อยว่ากันอีกที ที่สำคัญ มันทำให้เรามีเป้าหมายในชีวิตที่ดีขึ้นแน่นอนเลยครับ แอดฟันธง เรามาลองทำตามกันดูดีกว่า ได้ผลดีไม่ดีอย่างไร อย่าลืมมาเล่าสู้กันฟังนะฮะ
วิเคราะห์คลื่น SET ปรับฐานคลื่น IV Flat Correction คลื่น 5 ขา C การปรับฐานคลื่น IV เวฟหลักของดัชนี SET เป็นรูปแบบ Flat correction โดยที่มี คลื่น Strong-B ยกตัวที่ระดับ 78.6% ของคลื่น A ในช่วงโควิท บ่งบอกถึงคลื่น B ที่แข็งแกร่งและแรงซื้อที่มีมาก
ตอนนี้การปรับฐานของคลื่น C กำลังอยู่ในช่วงคลื่นที่ 5 เป็นรูปแบบคลื่นขยายโดยมีความยาวเท่ากับ คลื่น 1 + คลื่น 3 รวมกันที่ระดับ 61.8% ของคลื่น A เป็นเป้าหมายแรก ที่โซนดัชนี 1150 แล้วมีแรงซื้อกลับทันที แต่ยังไม่สามารถเบรคผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 20 สัปดาห์และเส้นกดดาวน์เทรนไลน์ของคลื่น 5 ได้
สิ่งที่น่าจับตามองในสถานการณ์นี้ คือ ความยาวของคลื่นทั้ง C เกิดขึ้นเป็นรูปแบบตามทฤษฎีคลื่น Strong-B Flat correction ย่อลงมาที่แนวรับสำคัญ โดยมีโครงสร้างตามลำดับ
คลื่น 1 ย่อตัวพักฐานมาที่ความยาว 38.6% ของคลื่นขาขึ้นก่อนหน้า
คลื่น 2 ยกตัวที่ระดับ 61.8 - 78.6% ของความยาวคลื่น 1 ถือว่ามีแรงซื้อที่แข็งแกร่ง
คลื่น 3 ย่อตัวพักฐานแบบ Falling wedge มีความยาวเท่ากับ 161.8 - 200% ของคลื่น 1
คลื่น 4 มักจะเป็นคลื่นหลอกกลับตัวก่อนกลับตัวจริง มีความเร็วและรุนแรงยกตัวที่ระดับ 50 % ของคลื่น 3
คลื่น 5 ของขา C ที่มีการปรับฐานในรูปแบบขยายมีความยาวเท่ากับคลื่น 1 + 3 รวมกัน หากแต่ยังไม่มีสัญญาณ bullish divergence ใน RSI อาจจะนำไปสู่การเกิด Extended Flat Strong-B correction ที่คลื่น C ขยายตัวไปมากกว่า 61.8% ของคลื่น A
Bearish Scenario: แนวโน้มยังให้น้ำหนักฝั่งลง หากปริมาณการซื้อขายที่ลดลงต่อไป การกลับตัวอาจจะชะลอตัวและปรับฐานลงต่อไป สังเกตุจากรูปแบบการย่อตัวคลื่นแรกของคลื่น 5 เคลื่อนที่แบบเร็วและรุนแรง มีแนวโน้มที่จะขยายตัวไปที่แนวรับต่อไปที่ระดับ 78.6% ของคลื่น A ที่ระดับดัชนี 1010 ไปถึง 100% ของคลื่น A ที่ระดับดัชนี 850 ทำให้การปรับฐานมีแนวโน้มลึกเป็นระดับหรือแม้แต่ 123.6% ในกรณีที่ตลาดมีแรงขายสูง
Bullish Scenario: หากคลื่น 5 ไม่มีแรงขายส่งอาจจะเกิด Truncation ทำให้เกิดการกลับตัวก่อนเวลา ซึ่งจะสามารถยืนยันได้จากการเบรคเอ้าท์ทะลุดาวน์เทรนแชนนัลของคลื่น C หรือกลับขึ้นไปยืนดาวน์เทรนแชนนัลหรือเหนือดัชนีของคลื่น 3 ก่อนหน้านี้ได้ที่โซน 1290 เป็นการส่งสัญญาณบวก
จากนี้ไปจับตาดูสัญญาณขัดแย้งกระทิงและการทะลุเส้นแนวโน้ม 20 สัปดาห์อีก 1-2 รอบ จะมีโอกาสเป็นการกลับตัวจริง
SET ไม่เล่นขึ้น จนกว่าจะลงถึงโซนแล้วเห็น "Sell Reject"🧠 สรุปภาพรวมจากภาพ SET@DAY:
• เป็นกราฟ SET Index รายวัน ที่เน้นวิเคราะห์พฤติกรรมราคาในเฟรมกลาง–ยาว
• ใช้เครื่องมือ 3 อย่างหลัก:
1. Linear Regression Channel ±3SD (เส้นแดง)
2. Fibonacci Retracement (เส้นแนวนอนสีฟ้า-แดง)
3. Price Pattern: Rebound & Rejection
________________________________________
🔻 1. แนวโน้มหลัก (Primary Trend)
• แนวโน้มเป็น Downtrend ที่ชัดเจน
o จากจุดสูงสุด 1506.82 → จุดต่ำสุด 1056.41
o แกนกลางแนวโน้มคือ Regression Line ที่ลากลง
o ราคาวิ่ง “ใต้แนวโน้มหลัก” ตลอดเวลา
• พฤติกรรมราคาทำ Lower Highs – Lower Lows อย่างสม่ำเสมอ
________________________________________
🔁 2. การฟื้นตัวจาก -3SD: Rebound ที่ยัง “ไม่พ้นกรอบขาลง”
• SET มีแรงรีบาวด์แรงจาก 1056.41 → 1231.02
🔹 ถือเป็น การดีดตัวจากขอบล่าง -3SD กลับเข้าใกล้ค่าเฉลี่ย
• จุด 1231.02 = เป็น จุดสูงสุดของการ Rebound Wave
o แต่ไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน Fibonacci 38.2% (1228.47)
o แล้วโดนแรงขายกดกลับลงมา (เห็นจากเส้น dotted red)
• แปลว่า การดีดขึ้นนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแนวโน้มหลักได้
________________________________________
📏 3. Fibonacci Retracement
• ใช้ Fibonacci วัดจากยอด rebound → low
• จุดราคาปัจจุบัน 1149.18 อยู่ระหว่างแนว 50% (1143.72) และ 38.2% (1164.32)
ระดับ Fib จุดราคา ความหมาย
1228.47 38.2% (rebound wave) แนวต้านสูงสุด
1164.32 38.2% (pullback) แนวต้านรอง
1143.72 50% แนวรับสำคัญ → “แนวรับชี้ชะตา”
1123.11 61.8% แนวรับถัดไป ถ้าหลุด = bearish
1093.78 78.6% แนวรับสุดท้ายก่อน low เดิม
________________________________________
🧭 แนวทางกลยุทธ์:
เงื่อนไข แนวโน้ม กลยุทธ์
ยืนเหนือ 1143.72 มีโอกาส sideway / rebound เทรดสั้น ลุ้นไป 1164–1180
หลุด 1143.72 กลับเข้าสู่ bearish wave Cut loss หรือวาง short / hedge
หลุด 1123.11 เสี่ยงลงแรง เตรียมรับแนวรับสำคัญ 1093.78
หลุด 1056.41 new low, panic zone อาจเร่งขาย force sell
________________________________________
🔮 สรุปในสไตล์ "นักเทคนิคอล Fibonacci"
“SET ดีดแรงจากขอบนรก -3SD แต่ขึ้นไม่สุด ฟ้าไม่รับ วิญญาณร่วง
หากไม่สามารถเกาะแนว 1143 ได้อีกครั้ง... ราคาก็อาจถลำกลับลงไปรับกรรมที่แนว 1123 → 1093 หรือจุดเริ่มนรกเดิม 1056”
วิเคราะห์คลื่นเอลเลียต – แผนการเทรด XAUUSD ประจำวันที่ 03/06/202
🌀 รูปแบบคลื่นปัจจุบัน
บนกราฟ เรากำลังติดตามโครงสร้างคลื่น 5 ย่อยสีเขียวที่อยู่ภายในคลื่น 3 สีดำ ซึ่งขณะนี้คลื่น 3 สีเขียวได้เสร็จสมบูรณ์ และราคากำลังเข้าสู่คลื่น 4 สีเขียว
👉 เนื่องจากคลื่น 3 เป็นคลื่นขยายที่แข็งแรง คลื่น 4 มีแนวโน้มที่จะปรับฐานสั้นและไม่ลึกมาก
ปัจจุบัน คลื่น a ของโครงสร้างปรับฐานได้เกิดขึ้นแล้ว และเราคาดว่าจะมีคลื่น b ย่อยดีดกลับในลำดับถัดไป
📍 โซนเป้าหมายของคลื่น 4
• โซน Buy Swing ที่น่าจับตา: บริเวณ 3346 – อ้างอิงจาก Fibonacci 0.382 และโซนสภาพคล่องจาก Volume Profile
• โซน Sell ระยะสั้น: บริเวณ 3390 หากมีคลื่น b ดีดตัวขึ้น แต่หากเกิดรูปแบบ Zigzag, Flat หรือสามเหลี่ยมก่อนถึงบริเวณนี้ แผนนี้อาจใช้ไม่ได้
⚡️ แรงส่งจากโมเมนตัม
• D1: โมเมนตัมขาขึ้น → แนวโน้มหลักยังคงเป็นขาขึ้น สนับสนุนโครงสร้างคลื่นแบบ Impulse
• H4: โมเมนตัมขาลง → ราคาอาจยังคงปรับฐานเพื่อให้คลื่น 4 สมบูรณ์
• H1: โมเมนตัมกำลังจะกลับตัวขึ้น → มีโอกาสเกิดการดีดขึ้นไปยังบริเวณ 3390 ซึ่งเป็นโซนสำหรับ Sell ระยะสั้น
📈 แผนการเทรด
🔻 Sell Scalp:
• จุดเข้า: 3387 – 3390
• SL: 3395
• TP1: 3368
• TP2: 3356
🔺 Buy Swing:
• จุดเข้า: 3347 – 3344
• SL: 3337
• TP1: 3367
• TP2: 3390
• TP3: 3421
🎯 กลยุทธ์วันนี้:
ให้ความสำคัญกับการ Sell ระยะสั้น หากราคาดีดขึ้นถึงแนวต้านและมีสัญญาณกลับตัว
ในขณะเดียวกัน รอ Buy Swing ที่บริเวณแนวรับ หากราคาลงถึงโซนคลื่น 4 พร้อมมีรูปแบบการปรับฐานที่ชัดเจน
วิเคราะห์หุ้น ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA)เราจะวิเคราะห์หุ้น ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) โดยอิงจากข้อมูล 3 ส่วนหลัก ได้แก่ ราคา, มูลค่าพื้นฐาน และพฤติกรรมราคาในเชิงเทคนิค:
________________________________________
🔍 ข้อมูลจากภาพ:
• ราคาล่าสุด (9 พ.ค.): 14.00 บาท (+2.94%)
• มูลค่ายุติธรรม: 16.27 บาท
• Upside: +16%
• พฤติกรรมราคาในภาพ: แนวโน้มระยะกลางถึงยาว "ขาลงชัดเจน"
• รูปแบบกราฟแท่งเทียน: มีการฟื้นตัวเล็กน้อยจากโซนต่ำสุด
________________________________________
📌 วิเคราะห์เชิงพื้นฐาน (Fundamental View)
STA เป็นผู้ผลิตยางธรรมชาติรายใหญ่ของโลก รวมถึงธุรกิจถุงมือยาง (ศรีตรังโกลฟส์ - STGT เป็นบริษัทย่อย)
ปัจจัยที่ต้องจับตา:
1. ราคายางธรรมชาติ – มีผลโดยตรงต่อรายได้ หากราคายางปรับตัวขึ้น จะเป็นบวกต่อ STA
2. ค่าเงินบาท – อ่อนค่าช่วยการส่งออกและกำไร (STA ส่งออกสูง)
3. ธุรกิจถุงมือ – ยังฟื้นตัวช้า หาก STGT ยังไม่ฟื้น อาจกดดันภาพรวมของกลุ่ม
มูลค่ายุติธรรม 16.27 บาท บ่งชี้ว่าราคาปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าเหมาะสมพอสมควร (Discount ~16%)
________________________________________
📈 วิเคราะห์เชิงเทคนิค (Technical View)
แนวโน้ม:
• แนวโน้มหลัก (Long-term Trend): ยังเป็น "ขาลง"
• ราคาหลุด 27 → 24 → 21 → ล่าสุดลงมาทำ Low ใกล้ 13.00 ก่อนรีบาวด์
สัญญาณล่าสุด:
• มีแท่งเทียนเขียวเกิดขึ้นใกล้แนวรับสำคัญ
• ราคา 14.00 อาจกำลังพยายาม “กลับตัวระยะสั้น” (Short-term Bounce)
• หากทะลุ 14.50 ได้ → มีลุ้นไปทดสอบ 15.50 และ 16.00 (Gap zone + EMA)
แนวรับ:
• 13.50 / 13.00 = แนวรับสำคัญระยะสั้น
แนวต้าน:
• 14.50 = แนวต้านแรก
• 15.50 – 16.00 = แนวต้านหลักที่ต้องผ่านให้ได้
________________________________________
🎯 กลยุทธ์แนะนำ
สำหรับนักลงทุนเน้นพื้นฐาน:
• หากเชื่อมั่นในพื้นฐาน STA และมองว่าราคายางจะฟื้นตัว → จุดนี้น่าสนใจสะสม โดยเน้นถือลงทุนระยะกลางถึงยาว (Target 16.27+)
สำหรับนักเก็งกำไรระยะสั้น:
• รอทะลุ 14.50 บาท และยืนได้ → ค่อยพิจารณา "เข้าเก็งกำไร"
• ตัดขาดทุนหากหลุด 13.00 บาท (Low เดิม)
________________________________________
✅ สรุป:
ปัจจัย ความเห็น
พื้นฐาน มี Upside 16% จากมูลค่าเหมาะสม
เทคนิค มีสัญญาณรีบาวด์ใกล้แนวรับหลัก
ความเสี่ยง หากราคายางตกต่ำ หรือ STGT ยังไม่ฟื้น อาจกดดันต่อ
กลยุทธ์ สะสมแบบ Value investor ได้, รอเบรก 14.50 สำหรับสายเก็งกำไร
Disclaimer “โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน เนื้อหาและข้อมูลในเพจมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นข้อมูลและไว้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเท่านั้น ไม่มีเจตนาที่จะให้มีลักษณะเป็นการเสนอ เชื้อเชิญ ชักจูง แนะนำ หรือเชิญชวนให้มีการซื้อหรือขายตราสารทางการเงินใด (รวมถึงใบสำคัญแสดงสิทธิหรือผลิตภัณฑ์อื่นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย)”
BTCUSD Daily Analysis 3/6/2025 by TraderTan
📰 ข่าวต่างประเทศ
Bitcoin (BTC) ยังคงเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในตลาด โดยได้รับอิทธิพลจากปัจจัยมหภาคและ sentiment ของนักลงทุน
ข่าวเศรษฐกิจโลกและการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบของสินทรัพย์ดิจิทัลยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคา Bitcoin รวมถึงกระแสการยอมรับจากองค์กรต่างๆ
นักลงทุนสถาบันและรายใหญ่ยังคงจับตาโอกาสในการเข้าสะสม Bitcoin โดยพิจารณาจากแนวโน้มระยะยาวและมูลค่าของสินทรัพย์ดิจิทัล
สถาบันการเงินหลายแห่งเริ่มแสดงความสนใจและเสนอผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนุนราคาในอนาคต
cr. Cointelegraph, CoinDesk (และแหล่งข่าวอื่นๆ)
Trading Note (SELL)
➡️ เข้าขาย (Entry Price): 106,762.66
✅ TP (Take Profit): 104,875.97
🛑 SL (Stop Loss): 107,570.54
💡 เหตุผลในการเข้าเทรด:
ราคาได้ฟอร์มตัวเป็นรูปแบบสามเหลี่ยม (triangle pattern) ซึ่งบ่งชี้ถึงการบีบตัวของราคาและมีโอกาสที่จะ Breakout ลง
จึงเป็นจังหวะในการพิจารณาเข้าขาย ณ ราคาเข้า
✨ Fibonacci: หาจังหวะเข้าที่ fibo 0.50% โดยเป็นโซนที่มีนัยยะสำคัญ
📊 RSI: Overbought
🧱 แนวรับแนวต้านสำคัญ:
แนวต้าน: 107,570.54 (SL), 106,762.66 (ราคาเข้า), 106,746.92 (โดยประมาณ), 106,400.00 (โดยประมาณ)
แนวรับ: 105,981.53 (โดยประมาณ), 105,659.32 (โดยประมาณ), 105,263.43 (โดยประมาณ), 104,875.97 (TP)
🧠 ประสบการณ์:
เทคนิค Triangle Patterns คือรูปแบบกราฟที่เกิดขึ้นเมื่อราคาสินทรัพย์มีการเคลื่อนไหวบีบตัวเข้าหากัน
โดยมีเส้นแนวโน้มทั้งสองด้านมาบรรจบกัน ทำให้เกิดรูปสามเหลี่ยม ซึ่งบ่งชี้ว่าราคากำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
⚠️ ข้อควรระวัง:
❗นี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคล อาจจะกำไรและขาดทุน ฉะนั้น
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
“หากบทวิเคราะห์นี้ดี…มีประโยชน์กับเพื่อนๆนักเทรดทุกท่าน
“กรุณากดติดตามและสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ…ขอบคุณครับผม”
BTCUSD Daily Analysis 2/6/2025 by TraderTan📰 ข่าวต่างประเทศ
Bitcoin (BTC) ยังคงเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในตลาด โดยได้รับอิทธิพลจากปัจจัยมหภาคและ sentiment ของนักลงทุน
ข่าวเศรษฐกิจโลกและการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบของสินทรัพย์ดิจิทัลยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคา Bitcoin รวมถึงกระแสการยอมรับจากองค์กรต่างๆ
นักลงทุนสถาบันและรายใหญ่ยังคงจับตาโอกาสในการเข้าสะสม Bitcoin โดยพิจารณาจากแนวโน้มระยะยาวและมูลค่าของสินทรัพย์ดิจิทัล
สถาบันการเงินหลายแห่งเริ่มแสดงความสนใจและเสนอผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนุนราคาในอนาคต
cr. Cointelegraph.com, CoinDesk.com (และแหล่งข่าวอื่นๆ)
📈 Trading Note (SELL)
➡️ เข้าขาย (Entry Price): $106,118.50$
✅ TP (Take Profit): $102,292.19$
🛑 SL (Stop Loss): $107,550.05$
💡 เหตุผลในการเข้าเทรด:
ราคาได้ปรับตัวขึ้นมาทดสอบแนวต้านสำคัญ และเริ่มมีสัญญาณของการดีดตัว (rebound) ลงมา
จึงเป็นจังหวะในการพิจารณาเข้าขาย ณ ราคาเข้า
✨ Fibonacci: หาจังหวะเข้าที่ fibo 0.382% โดยเป็นโซนที่มีนัยยะสำคัญ
📊 RSI: 63.16% (เป็นกลาง)
🧱 แนวรับแนวต้านสำคัญ:
แนวต้าน: $107,550.05$ (SL), $106,971.54$ (โดยประมาณ), $106,319.33$ (โดยประมาณ)
แนวรับ: $106,118.50$ (ราคาเข้า), $105,516.54$ (โดยประมาณ), $104,908.37$ (โดยประมาณ), $103,855.56$ (โดยประมาณ), $102,292.19$ (TP)
🧠 ประสบการณ์:
เทคนิค Rebound คือการเข้าเทรดเมื่อราคาสินทรัพย์มีการปรับตัวกลับ (ดีดตัว)
จากแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ หลังจากที่มีการเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามชั่วคราว สำหรับการเทรด Sell นี้ หมายถึงราคาได้ดีดตัวขึ้นมาทดสอบแนวต้านก่อนที่จะปรับตัวลงต่อ
⚠️ ข้อควรระวัง:
❗นี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคล อาจจะกำไรและขาดทุน ฉะนั้น
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
“หากบทวิเคราะห์นี้ดี…มีประโยชน์กับเพื่อนๆนักเทรดทุกท่าน
“กรุณากดติดตามและสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ…ขอบคุณครับผม”
SMC GOLD
GOLD
แผนเทรด M15
ราคาเป็นขาลงใน M15
ราคาขึ้นไปกวาด IDM
ด้านล่างมีสภาพคล่อง รออยู่ และมี Demand อยู่ใต้ LQ ห
แผนเทรด
หน้า Sell รอ reaction ที่ Supply 2 Zone ใน LTF
TP LQ 3323
หน้า Buy
1.ถ้าราคา สามารถทำลาย Supply 2 โซนออกไปได้ เราจะมาหา Demand ในการ Buy ขึ้นไปตาม โครงสร้างขาขึ้นใน HTF
2. รอราคาลงมากวาดสภาพคล่องด้านล่าง รอreaction ที่Demand M15 บริเวณ 3321
BTCUSD Daily Analysis 27/5/2025 by TraderTanข่าวต่างประเทศ
การสะสมของนักลงทุน: ข้อมูลจาก Glassnode แสดงให้เห็นว่ามีการสะสม BTC อย่างต่อเนื่องในทุกระดับของกระเป๋าเงิน โดยเฉพาะในช่วงราคาประมาณ $106,600 ซึ่งเป็นระดับแนวต้านทางจิตวิทยาและทางเทคนิค.
การสนับสนุนจากสถาบันการเงิน: JPMorgan เปิดให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงการลงทุนใน Bitcoin ผ่านแพลตฟอร์มของตน ซึ่งสะท้อนถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นจากสถาบันการเงิน.
cr.investing -siamblockchain
Trading note: ✅
Buy : 108516.42
✅ Tp: 110331.10 111970.70
❗ SL: 107244.97
เหตุผลในการเข้าเทรด:
ราาได้มีแรงซื้อกลับเข้ามา เบรกเทรนไลน์ ขาลง
หากราคาสามารถยืนเหนือแนวได้ก็มีโอกาสที่ราคาขึ้นต่อ ลุ้นขึ้นไปทำ BOS
fibo : เก็บกำไร ประมาณ 168.00
เป้ามหาย ลุ้นราคาลงมาทดสอบโซน 3395.19
RSI: เป็นกลาง
รอให้มีสัญญาณกลับตัว หาจังหวะเข้า
หากรับความเสี่ยงได้และไม่อยากรอสามารถตั้ง Pending Buy บริเวณโซนดังกล่าวได้เลย
แต่ถ้ารับความเสี่ยงได้ สามารถเข้าซื้อขายได้เลย
โดยสามารถเก็บกำไรระยะสั้น Scalping โดยมีจุดเข้าและจุดออกที่ชัดเจน หรือ ถือยาวข้ามวัน ทั้งนี้เมื่อราคาวิ่งขึ้นไประยะหนึ่ง สามารถตั้ง TSL เพื่อป้องกันกำไร หรือ ทะยอยปิด ออเดอร์ปิดกำไร
ประสบการณ์: การBreakout และการ Retest เพื่อป้องกันการเกิด False Breakout และเป็นรูปแบบที่คาดหวังกำไร RRR เกิน 1:2 ขึ้นไปได้ และเป็นจุดที่ทำให้ราคาได้ราคาที่เปรียบ ซื้อถูกขายแพง เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่นิยมใช้เทรด ไม่ว่าจะเป็น เทรดสั้น เทรดยาว หรือ สายสวนเทรน ตามเทรน สามารถที่จะประยุกต์ได้หลากหลาย
❗นี้เป็นเพียงความคิดส่วนบุคคล อาจจะกำไรและขาดทุน ฉนั้น
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
“หากบทวิเคราะห์นี้ดี…มีประโยชน์กับเพื่อนๆนักเทรดทุกท่าน
“กรุณากดติดตามและสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ…ขอบคุณครับผม”
อารมณ์ตลาดที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ทองคำเริ่มถูกขายคาดการณ์แนวโน้ม ราคาทองคำ ตั้งแต่วันที่ 19/05/2025 - 23/05/2025
📊อารมณ์ตลาดที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ทองคำเริ่มถูกขายเพื่อซื้อสินทรัพย์เสี่ยงมากกว่า
🌐 สถานการณ์ล่าสุด:
ราคาทองคำร่วงลงกว่า 1.5% ในวันศุกร์ เตรียมปิดสัปดาห์ด้วยการร่วงลงอย่างรวดเร็วกว่า 4% เนื่องจากนักลงทุนเริ่มหันเหออกจากสินทรัพย์ปลอดภัยและหันไปลงทุนในหุ้นและการลงทุนเสี่ยงอื่นๆ แทน ล่าสุดซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 3,205 ดอลลาร์ ลดลงจากระดับสูงสุดประจำวันที่ 3,252 ดอลลาร์
🖥การเริ่มต้นสัปดาห์ด้วยการชะลอตัวหลังจากมีรายงานว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนคลี่คลายลงอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงข้อตกลงร่วมกันในการลดภาษีลง 115% ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการเทขายทองคำแท่งอย่างรวดเร็ว แม้ว่าทองคำจะผันผวนระหว่าง 3,120 ดอลลาร์และ 3,265 ดอลลาร์ตลอดทั้งสัปดาห์ แต่ทองคำก็ไม่สามารถรักษาโมเมนตัมขาขึ้นได้ โดยความสนใจของผู้ซื้อที่ลดลงเริ่มเห็นได้ชัดเจนขึ้นท่ามกลางความต้องการเสี่ยงที่สูงขึ้นและข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สดใส
💬ความเห็นส่วนตัว :
ราคาทองคำยังอยู่ในช่วงสะสมรอราคาลดลงที่ราว 3,200 ดอลลาร์ จะได้รับผลกระทบอย่างมากจากข่าวภาษีศุลกากรและการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน
⚙️ ในทางเทคนิค:
วันศุกร์สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำดีดตัวขึ้นจนสามารถปิดตลาดรายวันเหนือ 3,200 ดอลลาร์ได้
อย่างไรก็ตาม โอกาสที่ผู้ขายสามารถเข้ามาแทรกแซง โดยลากราคาให้ลงไป และยืนยันว่ายังมี “จุดสูงสุดสองจุด” อยู่ โมเมนตัมสนับสนุนการลงต่อเนื่องจากดัชนีความแข็งแกร่งสัมพันธ์ (RSI) ยังคงมีแนวโน้มเป็นขาลง
🔽ดังนั้น หากราคาลงไปอยู่ต่ำกว่า 3,200 ดอลลาร์ ระดับแนวรับถัดไปจะเป็นเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบง่าย (SMA) 50 วันที่ 3,155 ดอลลาร์ ตามด้วย 3,087 ดอลลาร์
🔼ในทางกลับกัน หากทองคำทะลุ 3,200 ดอลลาร์ ระดับแนวต้านถัดไปจะเป็นจุดสูงสุดในวันที่ 14 พฤษภาคมที่ 3,257 ดอลลาร์ ก่อนที่จะถึง 3,300 ดอลลาร์
....
🕯จากแนวต้านและแนวรับของราคาทองคำตามกรอบ H4 ระบุพื้นที่สำคัญที่สำคัญดังต่อไปนี้:
แนวต้าน: 3,267 ดอลลาร์ 3,357 ดอลลาร์ 3,370 ดอลลาร์
แนวรับ: 3,155 ดอลลาร์ 3,087 ดอลลาร์ 2,950 ดอลลาร์
ข้อจำกัด: การวิเคราะห์นี้เป็นเพียงการคาดการณ์ และสถานการณ์ตลาดอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผู้ลงทุนควรทำการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน
หมายเหตุ: ข้อมูลที่นำเสนอนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจลงทุนของตนเอง
EURUSD Daily Analysis 15/5/2025 by TraderTanTrading note: EURUSD
อนิตา อานันด์ รัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ของแคนาดากล่าวเมื่อวันพุธ (14 พ.ค.) ว่า อิสราเอลกำลังใช้อาหารเป็นเครื่องมือทางการเมืองในการปฏิบัติการทางทหารที่ฉนวนกาซา และเรียกร้องให้มีความพยายามมากขึ้นในการผลักดันข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มฮามาสซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธที่ควบคุมพื้นที่ดังกล่าว
อานันด์แสดงความเห็นว่าไม่ควรปล่อยให้มีการใช้อาหารเป็นอาวุธทางการเมืองอีกต่อไป โดยระบุว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 50,000 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นกับชาวปาเลสไตน์และชาวกาซา พร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเดินหน้าเพื่อให้เกิดการหยุดยิง และสนับสนุนแนวทางการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์เคียงข้างอิสราเอล ซึ่งเป็นจุดยืนที่แคนาดายังคงยึดมั่น
ขณะนี้ฉนวนกาซากำลังเผชิญภาวะขาดแคลนอาหารอย่างหนัก ตามรายงานของกลุ่มช่วยเหลือระหว่างประเทศและหน่วยงานด้านมนุษยธรรม แม้อิสราเอลปฏิเสธว่าไม่ใช่สาเหตุของปัญหานี้ และโทษฮามาสว่าเป็นฝ่ายขโมยความช่วยเหลือที่ควรส่งถึงพลเรือน
BUY : 1.11919
TP : 1.12374
SL : 1.11582
เหตุผลในการเข้าเทรด:
Trendline
จากกราฟแท่งเทียนในกรอบTF H1
ราคาเริ่มกลับตัวขึ้นอีกครั้ง หลงจากราคาทดสอบแนวรับต่ำสุด และพักตัวเหนือเส้น EMA200 ในกรอบ H4 จึงทำการเข้า BUY โดยเน้นรูปแบบการทำกำไรแบบ scalping ในระยะสั้นๆ
จุดเข้า - จุดออก เป้าหมายการทำกำไร
ใช้สัญญาญาณการกลับตัวขึ้น จากกรอบแนวรับต่ำสุดในกรอบรายวัน และลุ้นการดีดตัวกลับขึ้นในระยะสั้นๆ เป็นไปได้ที่ราคาจะขึ้นไปทดสอบเส้นแนวต้าน EMA50 ในกรอบ H4 โดยตั้งเป้าหมายกำไร 200 จุดขึ้นไป และตั้ง TSL เมื่อกำไรเริ่มบวกแล้ว 100 จุด
RSI : เป็นกลาง เริ่มมีสัญญาณกลับตัวขึ้น เน้นทำกำไรตามกรอบแนวรับแนวต้าน ซึ่งเป็นตัวกำหนดจุดกำไร และตั้ง SL ระยะห่างไม่ไกลมากเพื่อป้องกันความเสี่ยง เน้นจบปิดกำไรรายวัน และอาจปิดเร็วขึ้น หากกำไรเป็นที่พอรับได้ โดยมีตั้งกำไร TP และตั้ง SL ไม่ไกลจากแนวรับแนวต้านเดิม ทั้งใน TF1H และ 4H และจะทำการล๊อคกำไรจาก TSL ด้วยระดับหนึ่ง
ประสบการณ์: เน้นการถืออออเดอร์โดยปิดจบรายวัน เพื่อเป็นการเพิ่มกระแสเงินสด แคชโฟร์ ในพอร์ต อาจมีการแบ่งปิดกำไรจากออเดอร์ที่กำไรในระดับหนึ่งแล้ว อาจมีการตั้ง TSL เพื่อเป็นการล๊อคกำไรได้ในอีกทางหนึ่งด้วย
เพื่อนๆคิดว่าตลาดตอนนี้ป็นขาขึ้น ( Bullish)หรือขาลง (Bearish)ครับ คอมเม้นท์ด้านล่างไว้ได้เลย !!!
“หากบทวิเคราะห์นี้ดี…มีประโยชน์กับเพื่อนๆนักเทรดทุกท่าน
กรุณากดติดตามและสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ…ขอบคุณครับผม”
BTCUSD หากหลุดแนวรับ 100,000 มีโอกาสย่อตัวลงสูงBTCUSD
หลังจาก BTC ขึ้นมาชนแนวต้าน 105,760 แล้ว เกิดการย่อตัวลง ปัจจุบันชนเส้นแนวรับค่าเฉลี่ย 50 วัน 100,741
หากหลุดแนวรับ 100,000 มีโอกาสย่อตัวลงสูง
โดยมีแนวรับ 97,934 กับ โซนแนวรับ 94,000-93,000
Disclaimer คำเตือน
1.โพสต์นี้เป็นการแชร์มุมมองเพื่อการศึกษาและเรียนรู้พฤติกรรมการทำราคาของกราฟเทคนิคคอลเท่านั้น (For Educational purposes only) และ ผู้เขียนไม่ใช่ (Financial advisor nor a CPA)
2.ทางเพจไม่ได้มีเจตนาชี้แนะหรือชี้ชวนการลงทุนแต่อย่างใด (I am sharing my opinion with no guarantee of investment gains or losses.)
3.ผู้ลงทุนควรศึกษาผลิตภัณฑ์การลงทุนก่อน และตัดสินใจการลงทุนเอง ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นผู้ลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเอง (Investing of any kind involves risk. While it is possible to minimize risk, your investments are solely your responsibility. You must conduct your own research.)
ผู้ลงทุนรอผลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) - การประเมินอัตราเงินเฟ้อ📊ผู้ลงทุนรอผลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) - การประเมินอัตราเงินเฟ้อ คืนนี้
ราคาทองคำสามารถรักษาระดับ 3,200 ดอลลาร์ไว้ได้อีกครั้ง โดยฟื้นตัวจากระดับลดลง 3% เมื่อวันจันทร์ในช่วงเช้าวันนี้ ผู้ขายทองคำพักเบรกเนื่องจากผู้ค้ารอข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ที่มีผลกระทบสูง ซึ่งคาดว่าจะเป็นแรงผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในครั้งต่อไป
ในด้านภูมิรัฐศาสตร์ นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่าปฏิบัติการทางทหารต่อปากีสถานนั้นถูกระงับไว้เพียงเท่านั้น โดยเตือนว่าการดำเนินการในอนาคตจะขึ้นอยู่กับการดำเนินการของอิสลามาบัด ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครนแสดงความเต็มใจที่จะพบกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เรียกร้องให้เขา "ยอมรับ" คำเชิญเข้าร่วมการประชุมสุดยอดสันติภาพในตุรกีในทันที ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้นจากการพัฒนาดังกล่าวอาจกระตุ้นความต้องการสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เช่น ทองคำ ซึ่งตอกย้ำความน่าดึงดูดใจของโลหะชนิดนี้ท่ามกลางความไม่แน่นอนทั่วโลกที่ยังคงดำเนินอยู่
นอกจากนี้ ผู้ซื้อขายยังหันไปขายทำกำไรจากสัญญาซื้อ USD ก่อนการเผชิญหน้าระหว่างดัชนี CPI ของสหรัฐฯ ซึ่งช่วยจำกัดขาลงของราคาทองคำ
การเคลื่อนไหวในทิศทางต่อไปของโลหะมีค่าขึ้นอยู่กับผลของการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ตลาดคาดการณ์ว่าดัชนี CPI ประจำปีของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้น 2.4% ในเดือนเมษายนในอัตราเดียวกับเดือนมีนาคม ส่วนอัตราเงินเฟ้อ CPI พื้นฐานจะคงอยู่ที่ 2.8% ตลอดทั้งปีในช่วงเวลาเดียวกัน
ตัวเลข CPI ที่ออกมาค่อนข้างดีจะทำให้ความรู้สึกที่แข็งกร้าวต่อเฟดกลับมาเป็นสองเท่า ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งสูงขึ้น ขณะเดียวกันก็ทำให้ราคาทองคำที่ไม่มีดอกเบี้ยลดลงอีกครั้ง ในทางกลับกัน การชะลอตัวของการเติบโตของ CPI ของสหรัฐฯ ที่ไม่คาดคิดอาจทำให้มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 2 ครั้ง ซึ่งจะช่วยหนุนราคาทองคำ
อย่างไรก็ตาม พาดหัวข่าวใดๆ จากรัฐบาลทรัมป์เกี่ยวกับข้อตกลงการค้าที่อาจเกิดขึ้นกับหุ้นส่วนทางการค้าหลักของสหรัฐฯ อาจมีน้ำหนักมากกว่าปฏิกิริยาของตลาดต่อข้อมูล CPI ของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ
คำกล่าวของผู้กำหนดนโยบายของเฟดจะถูกตรวจสอบอย่างใกล้ชิดเช่นกัน
💭ความคิดเห็นส่วนตัว
ข้อมูล CPI ประเมินระดับเงินเฟ้อในเศรษฐกิจสหรัฐ ราคาทองคำยังคงพยายามรักษาช่วงราคาไว้ที่ 3200
🕯การวิเคราะห์ทางเทคนิค:
อิงตามตัวบ่งชี้ทางเทคนิค EMA 34, EMA89 และพื้นที่แนวรับแนวต้าน เพื่อกำหนดคำสั่งขายที่เหมาะสม
ราคาทองคำทะลุเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบง่าย 21 วัน (SMA) จากนั้นปิดตลาดรายวันที่ 3,313 ดอลลาร์ในวันจันทร์ ซึ่งเปิดโอกาสให้เกิดแนวโน้มขาลงเพิ่มเติม
ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพันธ์ 14 วัน (RSI) หันไปเป็นขาลงเช่นกัน หลังจากปิดตัวต่ำกว่าเส้นกลางเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน
ยังคงต้องรอดูว่าข้อมูล CPI ของสหรัฐฯ ที่ร้อนแรงเกินคาดจะส่งผลให้ราคาทองคำลดลงอีกครั้งไปที่เส้น SMA 50 วันที่ 3,145 ดอลลาร์หรือไม่
ระดับแนวรับที่ดีถัดไปอยู่ที่ระดับรอบ 3,100 ดอลลาร์และระดับต่ำสุดในวันที่ 10 เมษายนที่ 3,072 ดอลลาร์
หากข้อมูล CPI ของสหรัฐฯ ออกมาในทางลบราคาทองคำอาจสามารถกลับขึ้นไปยืนเหนือแนวรับ SMA 21 วันที่ปัจจุบันอยู่ที่ 3,311 ดอลลาร์ได้ หากราคาสามารถยืนเหนือระดับดังกล่าวได้ ราคาจะทดสอบแนวต้านเส้นแนวโน้มขาลงที่ 3,430 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวต้านแบบไม่สม่ำเสมอ
การเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องเหนือระดับดังกล่าวจะเปิดประตูไปสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,500 ดอลลาร์
ข้อจำกัด: การวิเคราะห์นี้เป็นเพียงการคาดการณ์ และสถานการณ์ตลาดอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผู้ลงทุนควรทำการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน
หมายเหตุ: ข้อมูลที่นำเสนอนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจลงทุนของตนเอง
NZDUSD ทำรูปแบบแพทเทิร์นสามเหลี่ยม จ่อเบรกNZDUSD
ทำรูปแบบแพทเทิร์นสามเหลี่ยม จ่อเบรก
และถ้าหากเบรกล่างก่อน จะมีแนวรับแน่นๆคือ 0.58890 ที่มีโอกาสชนแล้วเด้งแรงๆสูง
แต่ถ้าหากเบรกกรอบบนได้เลย จะมีแนวต้านคือ 0.61350
Disclaimer คำเตือน
1.โพสต์นี้เป็นการแชร์มุมมองเพื่อการศึกษาและเรียนรู้พฤติกรรมการทำราคาของกราฟเทคนิคคอลเท่านั้น (For Educational purposes only) และ ผู้เขียนไม่ใช่ (Financial advisor nor a CPA)
2.ทางเพจไม่ได้มีเจตนาชี้แนะหรือชี้ชวนการลงทุนแต่อย่างใด (I am sharing my opinion with no guarantee of investment gains or losses.)
3.ผู้ลงทุนควรศึกษาผลิตภัณฑ์การลงทุนก่อน และตัดสินใจการลงทุนเอง ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นผู้ลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเอง (Investing of any kind involves risk. While it is possible to minimize risk, your investments are solely your responsibility. You must conduct your own research.)
เส้นแนวโน้มขาลง H4 กำลังแสดง🕯วิเคราะห์ราคาทองคำกัน ตั้งแต่วันที่ 28/04/2025 - 02/05/2025
การปรับฐานจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์จะรุนแรงขึ้นเนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนคลี่คลายลง
สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำ (XAU/USD) เริ่มต้นสัปดาห์ด้วยแนวโน้มขาขึ้น และทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 3,500 ดอลลาร์ในการซื้อขายในตลาดเอเชียเมื่อวันอังคาร ก่อนที่จะปรับตัวลดลงอย่างมากในช่วงครึ่งหลังของสัปดาห์ โดยลบกำไรจากวันพฤหัสบดีและหลุดต่ำกว่าเกณฑ์ 3,300 ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาทองคำได้รับผลกระทบอย่างหนัก แม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ จะลดลงก็ตาม ความตึงเครียดในข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่คลี่คลายลง ส่งผลให้ราคาทองคำลดลงมากกว่า 1.6%ความคืบหน้าใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคที่สำคัญที่เผยแพร่โดยสหรัฐฯ อาจผลักดันมูลค่าของทองคำในระยะใกล้
อารมณ์ของตลาดยังคงเปราะบาง โดยแกว่งตัวไปมาระหว่างโหมดเสี่ยงและโหมดเลี่ยงความเสี่ยง ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อความคิดเห็นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ บลูมเบิร์กรายงานว่าจีนกำลังพิจารณายกเว้นภาษีสินค้าบางรายการของสหรัฐฯ ทำให้เกิดความหวัง อย่างไรก็ตาม อารมณ์กลับแย่ลงหลังจากที่ทรัมป์ยืนยันว่าจะไม่ยกเลิกภาษีกับจีนหากไม่ประนีประนอมอย่างมีนัยสำคัญ
🙂สัปดาห์นี้นักลงทุนทองคำให้ความสนใจไปที่การเปิดเผยข้อมูลของสหรัฐฯ
สำนักงานวิเคราะห์ เศรษฐกิจของสหรัฐฯ (BEA) จะเผยแพร่ประมาณการครั้งแรกเกี่ยวกับ การเติบโตของ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาสแรก โดยตลาดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัวในอัตราต่อปี 0.4% ซึ่งถือเป็นอัตราที่ช้ากว่ามากเมื่อเทียบกับการขยายตัว 2.4% ที่บันทึกไว้ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2024
ตัวเลข GDP ที่เป็นลบอาจกระตุ้นให้เกิดการเทขาย USD ทันทีและส่งผลให้ XAU/USD ปรับตัวสูงขึ้น ตามเครื่องมือ FedWatch ของ CME ตลาดแทบไม่เห็นโอกาสที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพฤษภาคม ขณะที่มีโอกาสเกือบ 40% ที่ Fed จะคงนโยบายเดิมในเดือนมิถุนายน ข้อมูลการเติบโตที่น่าผิดหวังอาจส่งผลต่อการคาดการณ์ว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดพื้นฐานในเดือนมิถุนายน ในทางกลับกัน USD อาจได้รับประโยชน์จากตัวเลขที่ 1% ขึ้นไป และบังคับให้ค่าเงินคู่นี้ปรับตัวลดลง
ในวันศุกร์ นักลงทุนจะจับตาดูรายงานการจ้างงานเดือนเมษายนของสหรัฐฯ ผู้กำหนดนโยบายของเฟดได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของ ตลาดแรงงาน ประธานเฟดมินนิอาโปลิส นีล คาชคารี กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่าเขากังวลว่าธุรกิจต่างๆ อาจเริ่มเลิกจ้างพนักงานเนื่องจากความไม่แน่นอนที่เกิดจากความขัดแย้งทางการค้า ในทำนองเดียวกัน คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟด กล่าวกับบลูมเบิร์กว่าเขาจะไม่แปลกใจหากเห็นการเลิกจ้างเพิ่มขึ้นและอัตราการว่างงานสูงขึ้น "วิธีที่ง่ายที่สุดในการชดเชยต้นทุนภาษีศุลกากรคือการลดจำนวนพนักงาน" วอลเลอร์กล่าว
ดังนั้น การที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ออกมาต่ำกว่าหรือต่ำกว่า 100,000 อาจส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง และช่วยให้XAU/USDปรับตัวสูงขึ้นก่อนถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ ในทางกลับกัน อัตราการว่างงานที่ลดลง ประกอบกับตัวเลข NFP ที่แข็งแกร่งที่สูงกว่า 200,000 อาจทำให้ตลาดเกิดความสงสัยเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน และส่งผลให้คู่เงินนี้ปรับตัวลดลง
ผู้เข้าร่วมตลาดจะประเมินพัฒนาการใหม่ๆ เกี่ยวกับข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนด้วยเช่นกัน หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถอยกลับและตัดสินใจที่จะหยุดหรือลดภาษี ทองคำอาจต้องดิ้นรนเพื่อหาอุปสงค์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
👀มุมมอง:
ข่าวการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนในสุดสัปดาห์นี้จะยังคงสร้างแรงกดดันการขายให้กับราคาทองคำในสัปดาห์หน้า โดยเคลื่อนตัวตามแนวเส้นแนวโน้มขาลง H4
🕯 ในทางเทคนิค:
ตั้งแต่วันที่ 28/04/2025 - 02/05/2025 จากพื้นที่แนวต้านและแนวรับของราคาทองคำตามกรอบ H4 เราระบุแนวรับสำคัญทางเทคนิคได้ดังนี้:
แนวต้าน: $3358, $3500, $3600
แนวรับ: $3211, $3150, $3100
ข้อจำกัด: การวิเคราะห์นี้เป็นเพียงการคาดการณ์ และสถานการณ์ตลาดอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผู้ลงทุนควรทำการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน
หมายเหตุ: ข้อมูลที่นำเสนอนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจลงทุนของตนเอง
⚠️คำเตือน
บทวิเคราะห์นี้เป็นการคาดการณ์โดยใช้ปัจจัยทางเทคนิคเท่านั้น ซึ่งนักลงทุนควรรับทราบว่าปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำยังมีผลกระทบมาจากด้านปัจจัยพื้นฐาน ปัจจัยทางรัฐศาสตร์ภูมิศาสตร์ที่สามารถสร้างความผันผวนอย่างสูงต่อราคาทองคำได้ตลอดเวลา ควรติดตามปัจจัยเหล่านี่เพื่อประกอบการลงทุนตลอดเวลา...❤️ขอโชคดีทุกคน
RELX บริษัทดี Business Model งาม แต่ก็แพงแบบอิหยังหน่อยๆRELX: ผู้ให้บริการข้อมูลและการวิเคราะห์ชั้นนำระดับโลก
RELX เป็นบริษัทมหาชนสัญชาติอังกฤษ ผู้ให้บริการข้อมูลและการวิเคราะห์ชั้นนำระดับโลก ที่มีบทบาทสำคัญในการให้บริการข้อมูลและการวิเคราะห์ (information and analytics) แก่ลูกค้าธุรกิจและมืออาชีพทั่วโลก รวมถึงด้านการศึกษาและวิจัยทางวิชาการ
โดย RELX เอง ดำเนินการผ่านธุรกิจผ่าน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ดังต่อไปนี้
1. งานวิจัย Scientific, Technical & Medical - STM คิดเป็น 33.4% ของรายได้
- ดำเนินการภายใต้แบรนด์ Elsevier
- เป็นผู้ตีพิมพ์บทความวิชาการชั้นนำของโลก (600,000 บทความในปี 2021)
- ให้บริการฐานข้อมูลวิชาการผ่านแพลตฟอร์มอย่าง ScienceDirect (18 ล้านเอกสาร) และ Scopus
2. การบริหารความเสี่ยง (Risk) คิดเป็น 34.2% ของรายได้
- ให้บริการเครื่องมือช่วยตัดสินใจด้านความเสี่ยงสำหรับธนาคารและบริษัทประกันภัย
- ช่วยตรวจจับการฟอกเงิน และการฉ้อโกง
- 84% ของบริษัทใน Fortune 500 เป็นลูกค้าของ RELX และ 9 ใน 10 ธนาคารชั้นนำของโลกก็เป็นลูกค้าของ RELX เช่นกัน
3. การบริการด้านกฎหมาย (Legal) คิดเป็น 20.2% ของรายได้
- ดำเนินการภายใต้แบรนด์ LexisNexis
- ฐานข้อมูลทางกฎหมายและข่าวสารมีเอกสารมากกว่า 119 พันล้านฉบับ
- 85% ของรายได้มาจากการให้บริการแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งช่วยรีดใ้ห Operating Margin ของบริษัทดีมากเลยล่ะ
และ BU สุดท้าย
4. การจัดนิทรรศการ (Exhibitions) คิดเป็น 12.2% ของรายได้
- ดำเนินการภายใต้ชื่อ RX (เดิมคือ Reed Exhibitions)
- เป็นบริษัทจัดนิทรรศการที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดงานแสดงสินค้า 500 งานสำหรับผู้ออกบูธ 140,000 รายและผู้เข้าชม 7 ล้านคน
------------------------------------------------------------------------
ปี 2024 RELX มีรายได้อยู่ที่ £9.434 พันล้าน และมีกำไรสุทธิ £1.934 พันล้าน
หลักๆ แล้ว โครงสร้างรายได้ของธุรกิจเน้นไปที่การให้บริการแบบดิจิทัลและการสมัครสมาชิกทำให้บริษัทมีรายได้ที่มั่นคงและคาดการณ์ได้:
- 93% ของรายได้ทั้งหมดมาจากผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัล
- รายได้จากการสมัครสมาชิกแบบต่อเนื่องมีมูลค่า £6.4 พันล้านในปี 2023
- อัตราการต่ออายุสมาชิกมากกว่า 90% ในทุกส่วนธุรกิจ
-------------------------------------------------------------------------
RELX ให้บริการลูกค้ากว่า 180 ประเทศทั่วโลก โดยส่วนใหญ่เป็นองค์กรขนาดใหญ่และเสิร์ฟผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขาวิชาชีพ ครอบคลุมอุตสาหกรรมใหญ่ๆ ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเลยล่ะคุณ โดยเบื้องต้นเรากล่าวไ้แล้วคร่าวๆ เกี่ยวกับลูกค้า จากข้อมูลเพิ่มเติม เราใส่มาเพิ่มดังนี้ฮะ
- สถาบันการศึกษาและการวิจัย
- บริษัทใน Fortune 500 (84%)
- ธนาคารชั้นนำของโลก (9 ใน 10 แห่ง)
- บริษัทประกันภัยชั้นนำ (21 ใน 25 แห่ง)
- สำนักงานกฎหมาย
- หน่วยงานภาครัฐ
------------------------------------------------------------------------------
Competitive Advantage & Moat
gvk]jt มาอยู่ในหัวข้อที่ทุกคนน่าจะให้ความสนใจกัน RELX มี moat ที่แข็งแกร่งหลักๆ 2 เรื่อง ซึ่งเราว่าเรื่องนี้มันช่วยให้บริษัทรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน 2 หัวข้อที่ว่าคืออันนี้:
1. High Switching Costs ต้นทุนการเปลี่ยนแปลงสูง
- ส่วนหนึ่งมาจากแบรนด์ และการที่มหาวิทยาลัยหลายแห่งต้องการนำเสนอ Research ดีๆ ให้กับเล่ม Research ของทาง Science Direct หรือแม้แต่การใช้ SCopus เพื่อตรวจจับการโกง
- สิ่งนี้เลยทำให้บรรดาอาจารย์ และลูกค้าที่ใช้บริการของ RELX มีต้นทุนในการเปลี่ยนไปใช้บริการของคู่แข่งสูง หากคู่แข่งไม่มีของแบบนี้มาสู้ได้ และว่ากันตามตรงเราว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของความภาคภูมิของมหาลัยด้วยล่ะ ที่อยากจะตีพิมพ์ Research ดีๆ กับเจ้าดังๆ ซึ่ง RELX สั่งสมประสบการณ์มามากเลย
- ซึ่งเรื่องที่เรากล่าวไป มันเลยสะท้อนมาที่อัตราการต่ออายุสมาชิกที่สูงถึง 90% แสดงให้เห็นถึงการล็อคลูกค้าได้ดีเลย
2. ความประหยัดจากขนาด (Economies of Scale)
- ด้วยความที่เขาเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม นั่นเลยทำให้บริษัทมีมีเครือข่ายลูกค้าขนาดใหญ่ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับแพลตฟอร์ม
- และด้วยเรื่องต้นทุนต่างๆ ที่พอบริษัทหันมาอยู่ในโลกดิจิตัลแล้ว มันเลยไม่ได้มีมากขนาดนั้น ยิ่งสเกลได้ง่าย
และจุดขายอื่นๆ ที่นอกจาก Moat ก็มีเรื่องของ
ฐานข้อมูลกรรมสิทธิ์เฉพาะ (Proprietary Database)
- ที่บริษัทครอบครองฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่รวบรวมมาเป็นเวลานาน เช่น ScienceDirect ที่มีเอกสารกว่า 18 ล้านชิ้น และ LexisNexis ที่มีเอกสารกว่า 119 พันล้านฉบับ
- ซึ่งข้อมูลพวกนี้อาจจะยากหน่อยต่อการลอกเลียนแบบหรือสร้างใหม่ ทำให้คู่แข่งเข้ามาแข่งขันได้ยาก
และอีกเรื่องที่น่าจะพูดถึง คือ
ความต้านทานต่อวัฎจักรเศรษฐกิจ (Anti-cyclical)
- บริการวิเคราะห์ข้อมูลของ RELX มีความจำเป็นไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจจะเป็นยังไง เพราะว่าโลกมันถูกขัยเคลื่อนด้วยการ R&D ล้วนๆ และ Trust เป็นเรื่องสำคัญจริงๆ
- นอกจาดนี้ ลูกค้ายังคงต้องใช้ข้อมูลและเครื่องมือวิเคราะห์แม้ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยด้วย
------------------------------------------------------------------------------------------------------
จากทั้งหลายทั้งปวงนี้ มันสนับสนุนว่าบริษัทนี้มันดูน่าสนใจ น่าแข็งแกร่งมากเลย
และมันส่งให้ภาพสติรี่ของบริาัทดูมีอะไรให้เล่นอีกมากด้วย ผ่าน Usecase ของ AI ใหม่ๆ
แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยนะคุณ ว่าบริษัทนี้ รายได้โตแค่หลักเดียว และกำไรโตแค่หลัก 1x% แต่บริษัทกลับถูกเทรดอยู่ที่ P/E 5x เท่า ซึ่งว่ากันตามตรงแล้ว หุ้นกลุ่มนี้ อาจจะอยู่ในขอบข่ายของทาง Passive Fund ที่ต้องซื้อหุ้นในตระกร้าของ ETF ฝั่ง Euro Zone แน่ๆ อยู่แล้ว กับส่วนหนึ่งอาจจะเป็นนักลงทุนที่อาจจะเป็นสาย Mometum Play
น่าเสียดายหากท่านเป็นนักลงทุนสาย Growth Investor แล้ว การที่บริษัทเทรดที่ P/E ระดับนี้ รวมถึง Growth ที่ไม่ได้สูงขนาดนั้น คงเป็นเรื่องที่น่าลำบากใเหมือนกัน หากเราจะซื้อ ณ ระดับ P/E นี้ จนอดคิดไม่ได้ว่านี่เป็นการลงทุนที่ดีหรือเปล่า หรือว่าเราควร Say Bye แล้วไปหาตัวอื่นต่อไป
สำหรับเราแล้ว เราอาจจะมองว่าหุ้นตัวนี้เป็นหุ้นที่อาจจะแพงแบบไร้สาระไปหน่อย แต่ในความไร้สาระนั้น พื้นฐานของเขาก็นับว่าไม่เลว และสมควรที่จะถูกหยิบเป็นเคสของบริษัทที่มีความแข็งแกร่งในเรื่องของ Revenue Stream อย่างแท้จริง และ Business Model แบบนี้ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ เสียด้วย
และด้วยความแพงระดับนี้ เราให้เขาอยู่ในระดับ ของขลังของวงการการเงิน อย่าง ASML , NVDA , LIN , ISRG ที่แบบเก่งมากกก เก่งเกินจนแบบต้องเทรด P/E ระดับนี้
ไว้คราวหน้าเราจะหาตัวที่คล้ายๆ แบบนายให้เจอนะ
ขอจบการบ่นแต่เพียงเท่านี้
SCAP หากไม่หลุด 1.35 มีโอกาสขึ้นทดสอบต้าน 1.58-1.60SCAP หากไม่หลุด 1.35 มีโอกาสขึ้นทดสอบต้าน 1.58-1.60
และอาจเกิดการย่อตัว 1 เที่ยว แถวบริเวณ 1.39-1.35 และ ถ้าไม่หลุดจุดเบรก จะกลับ
ขึ้นไป 2.00
แต่ถ้าหากหลุด 1.35 และหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 50/200 วัน จะลงกลับเข้าไปเล่นในกรอบ 1.35-1.15
โดยมีแนวรับ 1.15
Disclaimer คำเตือน
1.โพสต์นี้เป็นการแชร์มุมมองเพื่อการศึกษาและเรียนรู้พฤติกรรมการทำราคาของกราฟเทคนิคคอลเท่านั้น (For Educational purposes only) และ ผู้เขียนไม่ใช่ (Financial advisor nor a CPA)
2.ทางเพจไม่ได้มีเจตนาชี้แนะหรือชี้ชวนการลงทุนแต่อย่างใด (I am sharing my opinion with no guarantee of investment gains or losses.)
3.ผู้ลงทุนควรศึกษาผลิตภัณฑ์การลงทุนก่อน และตัดสินใจการลงทุนเอง ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นผู้ลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเอง (Investing of any kind involves risk. While it is possible to minimize risk, your investments are solely your responsibility. You must conduct your own research.)