ถ้าข่าวออกมาตามคาดการณ์ทองคำมีสิทธิ์บินขึ้นไปทำราคา 2038 อีกรอบมุมมองทองคำวันนี้ 13/2/24
ข่าวสำคัญวันนี้ 20:30น.
ตัวเลขออกมาค่อนข้างต่ำกว่าครั้งที่แล้วถ้าข่าวออกมาตามคาดการณ์ทองคำมีสิทธิ์บินขึ้นไปทำราคา 2038 อีกรอบ แต่ในระหว่างวันทองคำอาจมีการทำราคาลงไปเทสโล ที่ 2012-2009 เพื่อทำราคาที่จะวิ่งขึ้นไปและให้ลองดูติดตามข่าว 14:00 น. ของ GBP ถ้าข่าวกล่องแดงออกมาตามคาดการณ์ GBP แข็ง อาจกดในตัวของดอลล่าร์บ้างวันนี้น้ำหนักของทองคำให้ไปที่ขา บาย แต่ต้องลุ้นให้ไม่หลุด 2004 ยังจะสามารถที่เข้าถือได้เป้าคาดหวังอยู่ที่ 2030 up อย่างไรก็ตามรอข่าวคอนเฟิร์มอีกทีช่วงเวลาสองทุ่มครึ่งและดูวอลุ่มเจ้าตลาดด้วยและติดตามความแข็งค่าอ่อนค่าของตัวดอลล่าร์สหรัฐและตัวธนบัตร 10 ปี
เทรดอย่างระมัดระวังบริหารพอร์ตให้ดีให้ดีค่ะ
D-US30
ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์: เทรดขาลงหรือขาขึ้น?จากภาพกราฟของดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ (US30USD) 4 ชั่วโมง แสดงให้เห็นว่าราคาได้ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 วันที่ผ่านมา โดยราคาได้ทะลุแนวรับสำคัญที่ 33,957.8 ซึ่งบ่งชี้ว่าแนวโน้มปัจจุบันเป็นขาลง
โอกาสในการเทรดขาลง
จากการวิเคราะห์กราฟ พบว่ามีโซนขายที่น่าสนใจอยู่ที่ 33,791.3 ซึ่งหากราคาสามารถทะลุโซนนี้ลงได้ มีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลงต่อไปยังโซน Take Profit ถัดไปที่ 33,511.8 และ 33,300.6
กลยุทธ์การเทรดขาลง
นักเทรดที่สนใจเทรดขาลงสามารถตั้งคำสั่งขาย (Short) ได้ที่โซน 33,791.3 พร้อมตั้ง Stop Loss ไว้เหนือแนวต้านที่ 33,957.8 โดยหากราคาสามารถทะลุโซน 33,791.3 ได้ แนะนำให้ตั้ง Stop Loss ใหม่ที่ 33,851.8 เพื่อลดความเสี่ยงในการถูก Stop Out
โอกาสในการเทรดขาขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่คาดเดาไม่ได้เสมอ แม้จะมีความเป็นไปได้ที่ราคาจะปรับตัวลงต่อ แต่ก็ยังมีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวเป็นขาขึ้นได้เช่นกัน
จากการวิเคราะห์กราฟ พบว่ามีแนวรับสำคัญที่ 32,893.2 หากราคาสามารถทะลุแนวรับนี้ได้ มีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวเป็นขาขึ้นไปยังโซน Take Profit ที่ 33,511.8 และ 33,957.8
กลยุทธ์การเทรดขาขึ้น
นักเทรดที่สนใจเทรดขาขึ้นสามารถตั้งคำสั่งซื้อ (Long) ได้ที่โซน 32,893.2 พร้อมตั้ง Stop Loss ไว้ต่ำกว่าแนวต้านที่ 33,791.3 โดยหากราคาสามารถทะลุโซน 32,893.2 ได้ แนะนำให้ตั้ง Stop Loss ใหม่ที่ 32,822.3 เพื่อลดความเสี่ยงในการถูก Stop Out
สรุป
จากการวิเคราะห์กราฟ พบว่ามีแนวโน้มขาลงมากกว่าขาขึ้น แต่ก็ยังมีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวเป็นขาขึ้นได้เช่นกัน นักเทรดควรใช้ความระมัดระวังในการเทรด และควรตั้ง Stop Loss เพื่อจำกัดความเสี่ยง
US30 ยังคงมีโอกาสร่วงลงระยะสั้นอีกครั้ง 16/08/2023US30 หรือเรียกว่าดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ยังคงมีโอกาสร่วงลงระยะสั้นหลังจากที่ตลาดเริ่มมีความกังวลถึงเรื่องอสังหาริมทรัพย์จากจีนที่อาจจะก่อให้เกิดถึงความผันผวนของธนาคาร ของสหรัฐ
โดยดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีการปรับตัวผันผวนและร่วงลงในหลายวันที่ผ่านมาถึงแม้ว่าวันนี้มีการฟื้นตัวขึ้นบ้างเล็กน้อยเพียงแค่ +0.02% เท่านั้นโดยอาจจะมีสิทธิ์ในการปรับตัวร่วงลงอีกครั้งในการเปิดตลาดสหรัฐอเมริกา
ถ้ามีการฟื้นตัวขึ้นไม่สามารถทะลุแนวต้านสำคัญที่ 35,100 ขึ้นไปได้คุณเปิดสถานะขายในตำแหน่งระหว่าง 35,100 ลงมายัง 35,020 เป็นสถานะที่ควรเปิดตำแหน่งสถานะขายราคามีการปรับตัวร่วงลงทะลุแนวรับที่ 34,886 ลงมาได้ควรทำกำไรในแนวรับที่ 34,637 ละ 34,400 ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ควรทำกำไรอย่างมากเป็นตำแหน่งสุดท้าย
แต่ถ้ามีการปรับตัวสูงขึ้นตำแหน่งที่ควรตัดขาดทุนสองตำแหน่งสุดท้ายก็คือ 35,100 และ 35,177 เป็นตำแหน่งที่คนตัดขาดทุน
ติดตามการประกาศตัวเลขสำคัญคือการประกาศยอดขายบ้านและติดตามการประกาศรายงานใบอนุญาตการก่อสร้างของสหรัฐที่จะมีการประกาศในช่วงเวลา 19:30 น. ในวันนี้
DJIUSD ยังคงโดนกดดันจากอัตราดอกเบี้ย 29/06/2023DJIUSD หรือเรียกว่าดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีการฟื้นตัวขึ้นมาเล็กน้อยแต่ในระดับอันมีการปรับตัวย่อตัวลง -0.12% จากการที่มีการส่งสัญญาณในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา
ในเมื่อวานที่ผ่านมาประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาได้มีการส่งสัญญาณในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยสองครั้งในปีนี้รวมทั้งสะท้อนภาพเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกายังคงแข็งแกร่งส่งผลทำให้ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีการปรับตัวร่วงลงอย่างเห็นได้ชัด
แต่ในระดับชั่วโมงมีการฟื้นตัวขึ้นเพียง +0.02% แต่ในหลายวันที่ผ่านมาเริ่มมีการปรับตัวร่วงลงอย่างเห็นได้ชัดดังนั้นถ้ามีการขยับตัวสูงขึ้น ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 33,975 ขึ้นไปได้ควรเปิดสถานะขายในเชิงระยะสั้นระหว่าง 33,894 ไปยัง 33,975 เป็นโซนที่เปิดสถานะขายได้ในระยะสั้น แล้วถ้ามีการปรับตัวร่วงลงตำแหน่งที่ควรทำกำไรตำแหน่งแรกก็คือ 33,663 เป็นตำแหน่งที่หนึ่งและตำแหน่งที่สอง 33,478
แต่ถ้ามีการฟื้นตัวขึ้นตำแหน่งที่ควรตัดขาดทุนสองตำแหน่งสุดท้ายก็คือ 33,945 และ 34,068
ยังคงต้องเฝ้าจับตาดูการประกาศตัวเลขสำคัญสหรัฐอเมริกาไม่ว่าจะเป็นทั้งการประกาศอัตราเงินเฟ้อหรือทั้งการประกาศดัชนีจีดีพีของสหรัฐอเมริกาในวันนี้
US30 รอประกาศอัตราดอกเบี้ยของ FED 22/03/2023ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีการพักตัวหลังจากที่มีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายวันที่ผ่านมาซึ่งในตอนนี้มีการพักตัวในเชิงระยะสั้นโดยในรอบวันมีการย่อตัวเพียงแค่ 0.15% เท่านั้นซึ่งต้องติดตามว่าจะมีการขยับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือไม่จากการประกาศอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐในค่ำคืนนี้
โดยในส่วนของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของทางห้างกลางสหรัฐอาจจะส่งผลทำให้ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีความผันผวนแต่ตลาดยังคงขานรับว่าอาจจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงแค่ 0.25% ดังนั้นถ้ามีการขยับตัวขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์อาจจะไปถึงแนวต้านสำคัญที่ 33,096 เป็นแนวต้านที่หนึ่งและ 33,472 เป็นแนวต้านที่สองที่สำคัญอย่างมาก
จับตาปัจจัยของตลาดในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐในวันนี้
ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีสิทธิ์หลุดแนวรับสำคัญดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์หรือ US30USD มีการฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่มีการร่วงลงในเมื่อคืนที่ผ่านมา
โดยในรอบวันมีการฟื้นตัวขึ้น +0.13% ในการขยับตัวขึ้นของตลาดที่มีการหนุนจากดอลล่าร์ที่มีการปรับตัวอ่อนค่าลง
ซึ่งถ้าเกิดไม่สามารถทะลุแนวต้านที่สำคัญที่ 32,900 และ 33,017 ขึ้นไปได้อาจจะมีการปรับตัวร่วงลงโดยแนวรับสำคัญจะอยู่ที่ 32,710 และ 32,580
ต้องติดตามถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐในค่ำคืนนี้ในช่วงหลัง 22:00 น. ว่าจะมีถ้อยแถลงที่จะส่งผลกระทบต่อทิศทางของดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์อย่างไร
โดยปัจจัยหลักยังคงต้องติดตามค่าเงินดอลล่าร์ซึ่งจะมีการประกาศตัวเลขสำคัญอีกสองตัวเลขก็คือตัวเลขอัตราการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของ ADP รวมทั้งตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่ของสหรัฐอเมริกา
US30 ยังมีโอกาสปรับตัวร่วงลงระยะสั้นดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีการปรับตัวร่วงลงระยะสั้นหลังจากที่ตลาดของสหรัฐยังคงมีการปิด ในวันนี้
โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของดัชนีดาวโจนส์ที่ยังมีความกังวลถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐในระดับ 0.5% อีกครั้ง
แต่ตลาดยังคงรอปัจจัยที่สำคัญก็คือในการประกาศตัวเลขสหรัฐในวันพรุ่งนี้
ดังนั้นในช่วงนี้ในระดับวันมีการปรับตัวร่วงลง -0.29% และอาจจะมีการปรับตัวร่วงลงโดยถ้าไม่สามารถทะลุแนวต้านสำคัญที่ 33,820 ขึ้นไปได้อาจจะมีการขยับตัวร่วงลงทันที
โดยถ้ามีการปรับตัวร่วงลงแนวรับแรกก็คือ 33,610 เป็นแนวรับที่หนึ่งและแนวรับที่สองก็คือ 33,490
แต่ถ้ามีการปรับตัวสูงขึ้นกรอบแนวต้านสำคัญแรกก็คือ 33,820 เป็นแนวต้านที่หนึ่งแนวต้านที่สองก็คือ 33,980 แนวต้านสุดท้ายก็คือ 34,140
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญก็คือทางด้านของการประกาศตัวเลขสำคัญของสหรัฐอเมริกา
มีความเป็นไปได้ของดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ที่มีการปรับตัวร่วงดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีการปรับตัวร่วงลงระยะสั้นหลังจากที่ดัชนีทั่วโลกมีการปรับตัวร่วงลง
โดยในรอบวันมีการปรับตัวร่วงลงในระดับ -0.08%
ถ้ามีโอกาสยอดตัวลงอย่างต่อเนื่องถ้าดัชนีทั่วโลกมีการปรับตัวร่วงลง
จากนั้นถ้ามีการปรับตัวร่วงลงทะลุ 33,640 ลงมาได้อาจจะไปถึง 33,520 ซึ่งเป็นแนวรับสุดท้ายในระดับชั่วโมงซึ่งถ้ามีการทะลุลงต่ำกว่าแนวรอบนี้อาจจะไปถึง 33,300
US30 อาจจะมีการย่อตัวลงบ้างแต่ยังคงอยู่ในโซนขาขึ้นระยะกลางดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ยังคงมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากที่มีความกังวลถึงการเกิดสภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้นักลงทุนเริ่มเห็นความสำคัญกับสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง
ในระดับวันยังคงมีการขยับตัวสูงขึ้น +0.02% และอาจจะมีการฟื้นตัวขึ้นบ้างเล็กน้อยหรือไม่ต้องติดตามทางด้านของการประกาศตัวเลขสำคัญของสหรัฐอเมริกา
ตำแหน่งที่สำคัญในตำแหน่งนี้ก็คือตำแหน่งดีมานด์โซนที่เป็นแนวรับสำคัญที่มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะไม่หลุดแนวรับนี้ก็คือ 33,116 เป็นตำแหน่งที่หนึ่งและตำแหน่งที่สองก็คือ 32,835
ซึ่งถ้าไม่สามารถหลุดแนวรับสองแนวรับนี้ลงมาได้ อาจจะไปถึงแนวต้านที่สำคัญแรกก็คือ 33,402 เป็นแนวต้านที่หนึ่งและแนวต้านที่สองก็คือ 33,751 ซึ่งเป็นเขตซัพพลายโซนที่มีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการพักตัวและแนวต้านสุดท้ายที่มีความเป็นไปได้ก็คือ 34,366
ติดตามการประกาศตัวเลขสำคัญของสหรัฐอเมริกาคือการประกาศดัชนีจีดีพีของสหรัฐอเมริกาในวันนี้ในช่วงเวลา 20:30 น. ซึ่งอาจจะส่งผลทำให้ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ผันผวนอีกครั้ง
US30 รอลุ้นจะสามารถดีดตัวขึ้นได้หรือไม่สังเกตเห็นว่าดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์อาจจะยังคงมีการขยับตัวสูงขึ้นในระยะสั้นหลังจากที่เริ่มมีมุมมองของการเกิดสภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ดังนั้นความเป็นไปได้ทีมจะมีการผ่อนคลายในการกำหนดนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาอาจจะมีขึ้นส่งผลทำให้ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีการฟื้นตัวขึ้น
ซึ่งแน่นอนว่าในเขตฝั่งของซัพพลายโซนอาจจะโดนทะลายขึ้นและอาจจะโดนขยับตัวสูงขึ้นของ ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ที่มีการขยับตัวสูงขึ้น
ควรติดตามและเข้าสู่สถานะขาซื้อในโซนที่สำคัญที่ให้ไว้ในกราฟซึ่งสามารถติดตามได้และควรที่จะติดตามและควรที่จะตัดขาดทุนในตำแหน่งที่สต็อปลอดด้วยเช่นเดียวกัน
US30 ยังคงมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นระยะสั้นดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีการขยับตัวสูงขึ้นระยะสั้นหลังจากที่ประธานแห่งการกลางสหรัฐอเมริกายังคงเริ่มมีมุมมองในทิศทางของการชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ
โดยระดับชั่วโมงมีการฟื้นตัวขึ้น +0.03% อาจจะมีการฟื้นตัวขึ้นซึ่งเมื่อวานที่ผ่านมามีการฟื้นตัวขึ้นเช่นเดียวกัน
ดังนั้นจับตาดูว่าจะมีการฟื้นตัวขึ้นหรือไม่โดยแนวต้านสำคัญจะอยู่ที่ 34,555 และแนวต้านที่สองก็คือ 34,786 และแนวต้านสุดท้ายก็คือ 35,493
ปัจจัยที่สำคัญก็คือทางด้านของการประกาศดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคลของสหรัฐอเมริกาในช่วงเวลา 20:00 น. ตามเวลาประเทศไทยซึ่งอาจจะส่งผลทำให้ทิศทางของดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีความผันผวนทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง
US30 มีโอกาสขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากที่มีรายงานการประชุมนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกายังคงมีการปรับตัวที่อาจจะมีการชะลอตัวในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอาจจะส่งผลทำให้ตลาดมีความผันผวนและดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีการขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับทิศทางของค่าเงินดอลล่าร์ที่ยังคงมีการปรับตัวอ่อนค่าลงซึ่งเป็นเครื่องที่ส่งผลสะท้อนให้เห็นถึงตลาดมีความกังวลถึงทิศทางของการชะลอตัวของสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐ
ซึ่งจากการรายงานการประชุมนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐส่งผลทำให้ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีการขยับตัวสูงขึ้นโดยในรอบวันมีการขยับตัวสูงขึ้นถึง +0.30% และอาจจะมีการขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แน่นอนว่าแนวรับสำคัญจะอยู่ที่ 34,228 และ 34,007 ซึ่งทำให้สามารถทะลุลงแนวรับดังกล่าวได้อาจจะไปถึง 34,463 หรือ 34,785 หรือ 34,939 เป็นแนวรับถัดไปอย่างที่ควรจะเป็น
โดยความเสี่ยงที่สำคัญยังคงเป็นการประกาศตัวเลขสำคัญในสัปดาห์แรกก็คือการประกาศอัตราการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐอเมริกา
ตัวเลขสำคัญจะหนุน US30 ได้หรือไม่ ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ยังคงมีการพักตัวและแกว่งตัวขาขึ้นระยะสั้นโดยในตอนเมื่อคืนที่ผ่านมามีการปรับตัวร่วงลงหลังจากที่มีข่าวสำคัญเกี่ยวเนื่องกับการโจมตีที่เข้ามาสู่พื้นที่ของโปแลนด์
โดยที่มีความผันผวนและแกว่งตัวระยะสั้นแต่ในตอนนี้ในระดับวันดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีการขยับตัว สูงขึ้น +0.33% และอาจจะมีการขยับตัวสูงขึ้นระยะสั้น
โดยในค่ำคืนนี้จะมีการประกาศตัวเลขสำคัญของสหรัฐอเมริกาคือการประกาศดัชนียอดขายปลีกและดัชนียอดขายปลีกพื้นฐานของสหรัฐอเมริกาประจำเดือนตุลาคม
ซึ่งถ้าเกิดประกาศออกมาในมุมมองเชิงลบอาจจะทำให้ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีการฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามต้องจับตาดูว่าดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีการปรับตัวร่วงลงทะลุ 33,086 ลงมาหรือไม่ถ้าไม่สามารถทะลุลงในตำแหน่งดังกล่าวสามารถที่จะเข้าทางด้านของสถานะ Long ระยะสั้น
ดังนั้นต้องติดตามการประกาศในวันนี้
ซึ่งแนวรับสำคัญยังคงอยู่ที่ 32,824 เป็นแนวรับที่หนึ่งแนวตั้งสองก็คือ 32,562 และแนวรับสุดท้ายก็คือ 32,238
ตลาดหุ้นอเมริกา/ยุโรป เริ่มเห็นสัญญาณซื้ออีกครั้ง ..การลงจบแล้ว?ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายๆ ตลาดหุ้นเริ่มเห็นสัญญาณ "ซื้อ" ใน TF Daily จากระบบง่ายๆ อย่าง MACD ตัดศูนย์ หรือ Action Zone ที่เราคุ้นเคย กันแล้ว
ประกอบกับช่วงเวลาที่ผ่านมา ตลาดลงกันหนักมากจริงๆ โดยเฉพาะหุ้นเทค ลงกันยับๆ จากยอด ถึง -70% ถึง -90%
ขนาดหุ้นตัวใหญ่ๆ อย่าง META หรือ AMZN ก็ยังไม่รอด โดน capitulation gap down กันลงมาแบบโหดสุดๆ
กลายเป็นว่า ข่าวร้ายออกมาขนาดนี้ แต่หุ้นกลับมาวิ่งจนระบบเขียวได้นี่... ก็เป็นมุมมองที่น่าสนใจอยู่ครับ
เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ช่วงปี 2020 ก็มีเหตุการณ์คล้ายๆ แบบนี้ คือ
หุ้นและคริปโต เริ่มมีสัญญาณซื้อ ช่วงราวๆ Oct 2020
แต่ตอนนั้น ทั้งกูรู และนักวิเคราะห์ ก็ออกมามองกันว่า เดี๋ยวจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจใหญ่ จากโควิท และหุ้นจะลงต่อยับๆ เหมือนตอน Great Depression ที่เมกาเคยเจอ
กลายเป็นว่า หลังจากนั้นไม่นาน หุ้นและคริปโตก็ขึ้นกันยับๆ แทน ทำให้หลายๆ คนรวยกันถ้วนหน้า
..แต่ ก็นั่นแหละ มีขึ้น ก็มีลง หลังจากขึ้นสุดแล้ว เขาก็ลงสุดเหมือนกัน ทำให้หลายๆ คนที่รวย(ทิพย์) ตอนปี 2021 ก็กลับมาสิ้นเนื้อประดาตัว ในปี 2022 นี้แทน
หลังจากลงมาได้ 1 ปีเต็ม คนก็ออกมาแช่งและมองลงกันอีกแล้ว ว่า จะเกิด Recession ยับๆ เศรษฐกิจจะถดถอย จะแย่ไปอีกนาน บลาๆๆ
แต่... ระบบดันมีสัญญาณซื้อซะนี่ 55
สุดท้ายก็ต้องรอดูกันไปครับ ว่าใครจะถูก หรือ ใครจะผิด
แต่ที่แน่ๆ ผมเชื่ออย่างนึงว่า ถ้าระบบมันเขียวขึ้นมา และข่าวร้ายแย่ๆ เต็มไปหมดแบบนี้.. จนเราไม่คิดอยากจะซื้อ
..ก็ให้เราสวนตัวเอง แล้วก็กดซื้อไปเหอะ ด้วยความเสี่ยงที่เราโอเคกับมัน
แล้วรอบนี้ก็ถือไปให้สุดเทรน จนกว่าจะถึงขาขึ้นใหญ่รอบหน้า อาจจะอีกสัก 2-3 ปี.. เซียนเต็มตลาดกันอีกครั้ง ก็ค่อยทยอยขาย
ท่านี้ โอกาสได้กำไร สูงมากครับ 555 ถ้าคุณทำได้นะ บอกเลยว่า ทำไม่ง่ายหรอก
ลุ้นกันไปครับ
ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ที่รอการประกาศสำคัญดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีการฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ตลาดขานรับกับทางด้านของธนาคารกลางอังกฤษที่เริ่มมีการอัดฉีดเม็ดเงินชั่วคราวแต่หลังจากนี้นั้นในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ทางร้านธนาคารกลางอังกฤษจะมีการหยุดการอัดฉีดเม็ดเงินชั่วคราวอาจทำให้ทิศทางของดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์เริ่มร่วงลงอีกครั้ง
แต่ต้องติดตามว่าในการประกาศทางด้านของอัตราเงินเฟ้อภาคการผลิตนั้นจะประกาศออกมาส่งผลอย่างไรจะทำให้ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์เป็นอย่างไร
โดยที่ติดตามกรอบแนวต้านที่สำคัญที่ 29,983 ซึ่งอาจจะมีมุมมองทิศทางการปรับตัวหรือไม่ต้องติดตามในวันนี้
ความเสี่ยงที่สำคัญเลยก็คือการประกาศอัตราเงินเฟ้อภาคการผลิตของสหรัฐบริการที่จุฬา 19:30 น. ต้องติดตามว่าจะสามารถสร้างความผันผวนให้กับดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ได้หรือไม่
ความเป็นไปได้ของดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ฟิวเจอร์มีการปรับตัวร่วงลงอีกระยะสั้นหลังจากที่ความกังวลของการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินออกมาเริ่มลดลงส่งผลกระทบทำให้ทางด้านของดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีการปรับตัวร่วงลงเนื่องจากการเกรงว่าอาจจะเกิดสภาวะเศรษฐกิจถดถอยเกิดขึ้น
แน่นอนสภาวะนี้อาจจะทำให้ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์และสินทรัพย์เสี่ยงมีการปรับตัวร่วงลงอย่างเห็นได้ชัดดังนั้นทั้งแนวโน้มระยะสั้นและระยะกลางอาจจะมีการปรับตัวร่วงลง
ต้องติดตามความเป็นไปได้ในครั้งนี้โดยกรอบแนวรับสุดท้ายอยู่ที่ 28,800 ถ้ามีการปรับตัวร่วงลงอาจจะทำให้มีการร่วงลงในแนวโน้มระยะกลาง
ความเสี่ยงที่สำคัญเลยก็คือการประกาศตัวเลขสำคัญของสหรัฐรวมทั้งทางด้านของถ้อยแถลงของธนาคารกลางสหรัฐหรือสมาชิกคณะกรรมการนโยบายทางการเงินของ ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา
ซึ่งอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนในระยะสั้นของดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์
ดาวโจนส์ร่วง 1,100 จุดดาวโจนส์ร่วง 1,100 จุด ถือเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 เนื่องจากการเทขายออกในปีนี้ที่ Wall Street ทวีความรุนแรงขึ้น
สิ่งที่จะเกิดขึ้น?
ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ประกาศการขาดทุนครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 ในวันพุธ หลังจากที่ผู้ค้าปลีกรายใหญ่อีกรายเตือนถึงแรงกดดันด้านต้นทุนที่สูงขึ้น ยืนยันถึงความกลัวที่เลวร้ายที่สุดของนักลงทุนในเรื่องเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น และจุดขายที่โหดร้ายในปี 2022 อีกครั้ง
ดาวโจนส์ร่วง 1,164.52 จุดหรือ 3.57% สู่ 31,490.07 ซึ่งเป็นการลดลงเฉลี่ยที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่มิถุนายน 2563 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของดาวโจนส์นับตั้งแต่มีนาคม 2564
S&P 500 ซื้อขายลดลง 4.04% ที่ 3,923.68 ซึ่งเป็นการลดลงที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2020 Nasdaq Composite ลดลง 4.73% มาที่ 11,418.15 ซึ่งเป็นการลดลงที่ใหญ่ที่สุดในดัชนีเทคโนโลยีหนักตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม การขายในวงกว้างและรุนแรงบนกำแพง ถนนที่มีสมาชิก S&P 500 เพียงแปดคนอยู่บนกรีน
ตลาดกลับสู่การขายอย่างหนักหลังจากรายงานสองไตรมาสแบบ back-to-back จาก Target และ Walmart ทำให้นักลงทุนกลัวว่าเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นจะทำให้ผลกำไรขององค์กรและความต้องการของผู้บริโภคลดลง นับเป็นการลดลงครั้งที่ 5 ของ Dow มากกว่า 800 จุดในปีนี้ ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นจากการเทขายหุ้นที่ทวีความรุนแรงขึ้นภายในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
การคาดหวังในครั้งนี้?
“ผู้บริโภคถูกท้าทาย” Megan Horneman หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนของ Verdence Capital Advisors กล่าว “เราเริ่มเห็นว่าช่วงสิ้นปีผู้บริโภคหันมาใช้บัตรเครดิตเพื่อจ่ายค่าอาหารที่สูงขึ้น ราคาพลังงานที่สูงขึ้น และนั่นก็เลวร้ายลงมากจริงๆ ... สิ่งนี้จะสร้างความเสียหายให้กับร้านค้าปลีกและ Walmart ก็เป็นหนึ่งในนั้น”
การวิเคราะห์ของราคา
ปัจจัยนี้อาจจะทำให้ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีการปรับตัวผันผวนและร่วงลงด้วยเช่นเดียวกันจึงควรติดตามกรอบแนวรับแนวต้านที่สำคัญ
ถ้ามีการปรับตัวร่วงลงแนวรับแรกก็คือ 30947.04 แนวรับที่สองก็คือ 30239.53 แนวรับสุดท้ายก็คือ 29875.67
แต่ถ้ามีการขยับตัวสูงขึ้นกรอบแนวต้านสำคัญแรกก็คือ 31836.49 แนวต้านที่สองก็คือ 32705.72 แนวต้านสุดท้ายก็คือ 33059.48
วิกฤตการณ์ยูเครนกับผลกระทบตลาดหุ้นวิกฤตการณ์ยูเครนกับผลกระทบของตลาดหุ้น
สิ่งที่จะเกิดขึ้น?
เป็นการเริ่มต้นสัปดาห์ที่ผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลก และก่อนหน้านั้นตลาดสหรัฐจะเริ่มซื้อขายหลังจากช่วงสุดสัปดาห์ที่ขยายออกไป
หุ้นในยุโรปร่วงลงมากถึง 2% ในวันอังคารก่อนที่จะชดใช้ค่าเสียหายส่วนใหญ่ เนื่องจากนักลงทุนเข้าใจถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในยูเครน ซึ่งเกือบจะทำให้ดัชนีสำคัญใกล้จะปรับตัวลง หลังจากการเปลี่ยนแปลงที่คล้ายกันในฟิวเจอร์สของหุ้นสหรัฐ ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 0.6% ในการซื้อขายช่วงต้น โดยนักลงทุนอยู่นอกกรอบหลังจากโหลดขึ้นในสวรรค์ เช่น ทองคำและคลังของสหรัฐฯ
เนื่องจากความผันผวนที่รุนแรงในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี S&P 500 ยังคงมีความเสี่ยงที่จะแตะระดับต่ำสุดในเดือนกรกฎาคม 2564 และนักยุทธศาสตร์ได้เตือนถึงการเทขายที่รุนแรงขึ้นหากมีความขัดแย้งที่เต็มเปี่ยม
การคาดหวังในครั้งนี้?
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่ใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นจากหุ้นรัสเซีย ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการคว่ำบาตรจากประเทศตะวันตกในประเทศนี้ หลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน รับรองสาธารณรัฐแบ่งแยกดินแดนสองแห่งในยูเครนตะวันออก และสั่งให้ส่งทหารไปที่นั่น ดัชนีหุ้นหลักของรัสเซียร่วงลงมากถึง 19% ในสัปดาห์ที่จุดหนึ่ง
การวิเคราะห์ของราคา
ปัจจัยนี้จะส่งผลกระทบให้กับดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์โดยตรงโดยต้องติดตามว่าถ้ามีความผันผวนอย่างหนักอาจจะจำเป็นจะต้องติดตามกรอบแนวรับแนวต้านที่สำคัญ
ถ้ามีการปรับตัวร่วงลงแนวรับแรกก็คือ 33,300 แนวรับที่สองก็คือ 33,064 แนวรับสุดท้ายก็คือ 32,916
แต่ถ้ามีการขยับตัวสูงขึ้นกรอบแนวต้านสำคัญแรกก็คือ 33,613 แนวต้านที่สองก็คือ 33,781 แนวต้านสุดท้ายก็คือ 34,029
Stock Rally ได้รับ การขับเคลื่อนเมื่อ Nasdaq พุ่งขึ้นStock Rally ได้รับ การขับเคลื่อน เมื่อ Nasdaq 100 Jumps 2%
สิ่งที่จะเกิดขึ้น?
ความก้าวหน้าของหุ้นสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการที่การเทขายของกระทรวงการคลังผ่อนคลายลง ทำให้เกิดการผ่อนคลายตลาดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น
S&P 500 ขยายการชุมนุมในวงกว้างของวันอังคารโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีฟื้นตัวประมาณครึ่งหนึ่งของการขาดทุนในปีนี้ Megacaps นำ Nasdaq 100 ให้สูงขึ้นด้วยการซื้อแบบจุ่มใน Meta Platforms Inc. ซึ่งเป็นผู้ปกครองของ Facebook หลังจากสไลด์สี่วันเช็ดมูลค่าตลาดประมาณหนึ่งในสาม ทั้ง S&P 500 และ Nasdaq 100 โพสต์การเพิ่มขึ้นรายวันที่ใหญ่ที่สุดในเดือนนี้ หลังจากระฆังหยุด Uber Technologies Inc. และ Walt Disney Co. ก็ได้กำไรจากผลประกอบการที่สูงกว่าประมาณการของนักวิเคราะห์
อัตราผลตอบแทนของกระทรวงการคลังสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงจากระดับล่าสุดในปี 2019 และแตะระดับต่ำสุดที่ 1.91% หลังจากความต้องการที่แข็งแกร่งในการประมูลธนบัตรที่ครบกำหนดที่คล้ายกัน อัตราทั่วยุโรปก็ลดลงเช่นกันหลังจากที่นายธนาคารกลางของฝรั่งเศสกล่าวว่าตลาดต่างๆ อาจจะนำหน้าตัวเองในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสำหรับปีนี้ เกจดอลลาร์ร่วงลง
การคาดหวังในครั้งนี้?
นักลงทุนกำลังชั่งน้ำหนักรายได้ที่ยังคงแข็งแกร่งกับความกังวลเกี่ยวกับการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยุคโรคระบาดอย่างรวดเร็ว ประมาณ 76% ของบริษัท S&P 500 317 แห่งที่รายงานผลประกอบการดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยผลกำไรมาเกือบ 6% เหนือระดับที่คาดการณ์ไว้ แต่ข้อมูลในสัปดาห์นี้คาดว่าจะแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงร้อนจัดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจก่อให้เกิดการเสี่ยงต่อการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะขยายตัวในเดือนมีนาคม
“การปรับปรุงข้อมูลทางเศรษฐกิจจะช่วยสนับสนุนสินทรัพย์เสี่ยง เว้นแต่เฟดจำเป็นต้องรีเซ็ตแนวโน้มสำหรับเงื่อนไขทางการเงินที่ต่ำลง” Dennis DeBusschere ผู้ก่อตั้ง 22V Research เขียนไว้ในหมายเหตุ จนกว่าจะมีความชัดเจน เงื่อนไขทางการเงินจำเป็นต้องกระชับมากขึ้น เขากล่าวว่าเขาชอบวัฏจักรที่สัมพันธ์กับการป้องกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปัญหาทางเศรษฐกิจของ omicron จางหายไปและความต้องการ บริษัท ที่เติบโต
การเดิมพันในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เพิ่มขึ้นตั้งแต่การประชุมของเฟดในเดือนมกราคม โดยขยับไปอยู่ที่ประมาณ 5 ปีในปีนี้ เมื่อเทียบกับสามครั้งที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนธันวาคม นายลอเร็ตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดแบงก์ออฟคลีฟแลนด์กล่าวเมื่อวันพุธว่าเธอคาดการณ์ว่าจะเป็นการเหมาะสมสำหรับผู้กำหนดนโยบายที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่เร็วขึ้น โดยย้ำความคิดเห็นเมื่อเดือนมกราคมว่าเธอสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมีนาคม Raphael Bostic ประธานเฟดแอตแลนตากล่าวก่อนหน้านี้ว่า "ทุกทางเลือกอยู่บนโต๊ะ"
การวิเคราะห์ของราคา
ปัจจัยนี้อาจจะส่งผลทำให้ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีการฟื้นตัวขึ้นจึงควรติดตามว่าจะมีการฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือไม่จึงควรติดตามกรอบแนวรับแนวต้านที่สำคัญ
ถ้ามีการขยับตัวสูงขึ้นกรอบแนวต้านสำคัญแรกก็คือ 35,983.86 แนวต้านที่สองก็คือ 36,212.53 แนวต้านสุดท้ายก็คือ 36,491.62
แต่ถ้ามีการปรับตัวร่วงลงแนวรับแรกก็คือ 35,548.93 แนวรับที่สองก็คือ 33,322.74 แนวรับสุดท้ายก็คือ 35,054.75
ดาวโจนส์พุ่งเกือบ 200 จุด แต่ Nasdaq ร่วงดาวโจนส์พุ่งเกือบ 200 จุด แต่ Nasdaq ร่วงลงอีกครั้งเนื่องจากอัตราที่สูงขึ้นแบ่งตลาด
สิ่งที่จะเกิดขึ้น?
ดัชนี Nasdaq Composite ร่วงลงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นดูเหมือนจะสร้างแรงกดดันให้กับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่บินสูง แต่หุ้นของธนาคารและชื่ออุตสาหกรรมปรับตัวสูงขึ้นในตลาดที่แตกแยกในวันอังคาร
ดัชนีเทคโนโลยีหนักลดลง 0.50% สู่ 15,775.14 ในขณะที่ S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.17% ปิดที่ 4,690.70 ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 194.55 จุดสู่ 35,813.80 จากความแข็งแกร่งของหุ้นธนาคารและหุ้นกลุ่มพลังงาน
การลดลงของหุ้นเทคโนโลยีและการเติบโตอื่น ๆ เกิดขึ้นเนื่องจากอัตราผลตอบแทนของกระทรวงการคลังพุ่งขึ้นหลังจากการตัดสินใจของประธานาธิบดีโจไบเดนในการเลือกประธานเฟดเจอโรมพาวเวลล์เป็นวาระที่สองในวันจันทร์ อัตราที่สูงขึ้นมักถูกมองว่าเป็นผลลบต่อบริษัทที่มีการเติบโตสูง เนื่องจากรายได้ในอนาคตของบริษัทดูน่าดึงดูดน้อยกว่าเมื่อผลตอบแทนระยะสั้นเพิ่มขึ้น
“เราเห็นแรงกดดันเล็กน้อยในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เนื่องจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวพุ่งขึ้นเป็นวันที่สองแล้ว นั่นคือการชั่งน้ำหนักในการประเมินมูลค่า รายได้จากการซูมไม่ได้ช่วยในวันนี้ โดยเน้นถึงการเปลี่ยนแปลงบางส่วนในตลาดที่มีการเติบโตสูงมากซึ่ง ... การเติบโตช้าลงที่ส่วนต่าง” แองเจโล คูร์คาฟาส นักยุทธศาสตร์การลงทุนของเอ็ดเวิร์ด โจนส์ กล่าว
การคาดหวังในครั้งนี้?
“ในขณะที่ตลาดคาดหวังการตอบสนองที่เฉียบแหลมมากขึ้นต่ออัตราเงินเฟ้อในปัจจุบัน เวลาจะบอกได้ว่ามันเพียงพอหรือไม่ เนื่องจากพาวเวลล์ได้รับการจัดตั้งขึ้นอย่างดีในค่ายพักพิงตามนโยบาย FOMC” เขากล่าวเสริม
ในข่าวผลประกอบการอื่นๆ หุ้นของ Best Buy ร่วงลง 12.3% หลังจากที่บริษัทกล่าวว่ายอดขายที่เปรียบเทียบกันได้และอัตรากำไรขั้นต้นอาจลดลงในไตรมาสที่สี่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
“ด้วยเฟดที่นำโดย Powell เราคาดว่าความเร็วของ QE จะลดลงตามข้อมูล ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเร็วขึ้นหากอัตราเงินเฟ้อยังคงดำเนินต่อไปตามระดับของการพิมพ์เดือนตุลาคม โดยจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้าตามการลดลง (มิถุนายนตามอัตราปัจจุบัน) . ตลาดเชื่อว่าการดำเนินการนี้จะทำให้เฟดสามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้” John Luke Tyner ผู้จัดการพอร์ตของ Aptus Capital Advisors กล่าวในหมายเหตุถึงลูกค้า
การวิเคราะห์ของราคา
ปัจจัยนี้อาจจะทำให้ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีความผันผวนในระยะสั้นจึงควรติดตามกรอบแนวรับแนวต้านที่สำคัญ
ถ้ามีการขยับตัวสูงขึ้นกรอบแนวต้านสำคัญแรกก็คือ 35899.53 แนวต้านที่สองก็คือ 36017.39 แนวต้านสุดท้ายก็คือ 36118.41
แต่ถ้ามีการปรับตัวร่วงลงแนวรับแรกก็คือ 35728.76 แนวรับที่สองก็คือ 35590.46 แนวรับสุดท้ายก็คือ 35521.91
ตลาดหุ้นที่ทำการเคลื่อนไหวสูงสุดหุ้นที่ทำการเคลื่อนไหวสูงสุดในตอนกลางวัน: Robinhood, Clorox, American Airlines และอื่นๆ
สิ่งที่จะเกิดขึ้น?
Robinhood — ส่วนแบ่งของแอพซื้อขายหุ้นสาธารณะใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 16% ในการซื้อขายช่วงเที่ยงของวันอังคาร Robinhood พุ่งขึ้นเหนือราคา IPO ที่ 38 ดอลลาร์ต่อหุ้น เพื่อซื้อขายที่สูงกว่า 44 ดอลลาร์ต่อหุ้น Cathie Wood ของ ARK Invest ซื้อหุ้นของ HOOD ตั้งแต่ IPO บริษัท Menlo Park ในแคลิฟอร์เนียเป็น “หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด” ใน Fidelity ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะเป็นตัวแทนที่ดีสำหรับผลประโยชน์ของนักลงทุนแต่ละรายในวันที่กำหนด
Take-Two Interactive Software — ราคาหุ้นของบริษัทวิดีโอเกมร่วงลงประมาณ 9% หลังจากที่บริษัทออกแนวโน้มที่อ่อนแอและประกาศความล่าช้าในการเปิดตัวเกมใหม่บางเกม ถึงกระนั้นรายรับและรายรับรายไตรมาสของ Take-Two Interactive ก็อยู่ในเกณฑ์ที่สูงกว่าประมาณการตาม Refinitiv อเมริกัน แอร์ไลน์ส – หุ้นของบริษัทสายการบินร่วงลงมากกว่า 2% จากกรณีผู้ป่วยโควิดที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาดที่อาจได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากมาตรการล็อกดาวน์ใหม่ บริษัทยังต้องเผชิญกับการหยุดชะงักจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยและข้อจำกัดด้านพนักงาน United Airlines และ Delta Air Lines ซื้อขายที่ลดลงในวันอังคาร
อาลีบาบา — ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของจีนเห็นว่าหุ้นของบริษัทร่วงลงประมาณ 2% หลังจากรายงานรายได้พลาด อาลีบาบามีรายได้ 31.8 พันล้านดอลลาร์ในช่วงสามเดือนจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนโดยขาดการประมาณการประมาณ 32.4 พันล้านดอลลาร์ตามมติของ FactSet
Simon Property Group — ส่วนแบ่งของเจ้าของห้างสรรพสินค้าในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่า 2% หลังจากรายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่งของบริษัท Simon Property ประกาศรายรับ 1.16 พันล้านดอลลาร์เทียบกับ 1.14 พันล้านดอลลาร์ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ตาม Refinitiv บริษัทกล่าวว่ายอดขายที่ห้างสรรพสินค้าและศูนย์เอาท์เล็ตกลับมาสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาดในไตรมาสล่าสุด
Royal Caribbean – หุ้นของ Royal Caribbean ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันและร่วงลงมากกว่า 2% ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของกรณี Covid เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บริษัทกล่าวว่ามีผู้โดยสารหกคนบนเรือสำราญลำหนึ่งของบริษัทที่ตรวจพบเชื้อโควิด Norwegian Cruise และ Carnival Corporation ลดลง 2.6% และ 1.5% ตามลำดับ
การวิเคราะห์ของราคา
ในส่วนของดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ยังคงมีการฟื้นตัวขึ้นระยะสั้นเนื่องจากว่าในการเปิดตลาดสหรัฐอเมริกายังคงมีการขยับตัวขึ้นดังนั้นดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์และดัชนีฟิวเจอร์มีการขยับตัวสูงขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงผลประกอบการรวมทั้งความมั่นใจของนักลงทุนเริ่มมีการขยับตัวสูงขึ้นถึงแม้ว่ามีการปรับตัวย่อตัวลงระยะสั้นดังนั้นจึงควรติดตามกรอบแนวรับแนวต้านที่สำคัญของดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์
ถ้ามีการขยับตัวสูงขึ้นกรอบแนวต้านสำคัญแรกก็คือ 35056.97 แนวต้านที่สองก็คือ 35123.14 แนวต้านสุดท้ายก็คือ 35157.63
แต่ถ้ามีการปรับตัวร่วงลงแนวรับแรกก็คือ 34948.57 แนวรับที่สองก็คือ 34875.36 แนวรับสุดท้ายก็คือ 34823.27
ความสัมพันธ์ระหว่างตลาดหุ้นฟิวเจอร์กับ US10Yความสัมพันธ์ระหว่างตลาดหุ้นฟิวเจอร์กับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี
ดูเหมือนว่าในช่วงโควิด-19 อาจจะเป็นช่วงอีกหนึ่งช่วงที่ในส่วนของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปีมีการปรับตัวร่วงลงอย่างต่อเนื่องหลังจากที่นักลงทุนเริ่มเข้าไปถือพันธบัตรมากขึ้น
ส่งผลทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปีมีการปรับตัวร่วงลงอย่างต่อเนื่องอย่างเห็นได้ชัดโดยที่ มีการปรับตัวร่วงลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2020
โดยในตอนนั้นอยู่ที่ +0.93% สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาซึ่งไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นฟิวเจอร์
ซึ่งในตอนนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปีมีการปรับตัวร่วงลงอยู่ในระดับ +0.56% ยังคงอยู่ในแดนบวก แต่ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงในตอนนี้ดูเหมือนมีการติดลบอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นหมายความว่านักลงทุนยังคงเข้าไปถือสินทรัพย์พันธบัตรรัฐบาลอย่างต่อเนื่องโดยที่มีความกังวลจากไวรัสโควิด-19 และการอัดฉีดเป็นเงินของธนาคารกลางสหรัฐ
ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐอเมริกามีการอัดฉีดเม็ดเงินอย่างต่อเนื่องก็ส่งผลทำให้ตลาดหุ้นดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีการขยับตัวสูงขึ้นแต่ในตอนนี้เริ่มมีการปรับตัวร่วงลงอีกครั้งหลังจากปัจจัยความกังวลจากการประกาศดัชนีจีดีพีของสหรัฐอเมริกาที่จะมีการประกาศขึ้นในค่ำคืนนี้ 19:30 น.
ซึ่งดัชนีจีดีพีมีการคาดการณ์ออกมาว่าอาจจะประกาศออกมา -30% และอาจจะมากกว่านั้นส่งผลทำให้ตลาดหุ้นดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีการย่อตัวลงอย่างต่อเนื่องในหลายชั่วโมงที่ผ่านมา
กดดันทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกามีการปรับตัวร่วงลงอีกครั้ง
และต้องติดตามว่าตลาดทุนจะไหลไปในทิศทางไหนไม่ว่าจะเป็นทั้งทิศทางทองคำหรือสกุลเงินดอลล่าร์
ติดตามได้ในคำคืนนี้
อาจจะเป็นไปได้ที่อาจจะมีการปรับตัวร่วงลงอย่างต่อเนื่องของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา