Crypto Dominance 6/5/2019มาดูกราฟของ Crypto Dominance กันดีกว่า
ภาพรวมวันนี้ BTC แดกเรียบและกดดันเหรียญอื่นๆ ให้ร่วงกันเป็นแถบ
ยกเว้น BCH ที่เหมือนพยายามจะบินแข่งกับ BTC แต่ว่าก็ยังไม่ค่อยจะได้เรื่องอยู่ดี
ETH กับ XRP นี่กำลังแข่งกันหาก้นเหว ซึ่ง ผมมองว่า ETH ปีนี้ คนจะเอาไปทำอะไรวะ ICO ก็เน่า IEO ก็พัง dApp ก็แพ้ Tron กับ EOS เห็นแล้วก็ได้แต่เศร้า คนที่ยังคงถือ อย่างเชื่อมั่น ...
BNB เองวันนี้ก็เริ่มย่อหนักพอสมควร อาการก็ไม่ค่อยดี ถ้า IEO ตัวใหม่ยังไม่มีผมว่าก็คงร่วงตามเพื่อนๆ ไป
LTC และเหรียญอื่นๆ ก็ย่อกันไปตามระเบียบครับ
สรุปว่า... ถือแต่ BTC เถอะ จบข่าว
สกุลเงินดิจิตอล
Altcoins กว่า 99% จะต้องถูกธานอสดีดนิ้วหายไป ในปี 2019? เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัว ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน
ตอนนี้ บางคนยังมองว่า การขึ้นของ BTC ครั้งนี้ ผลสุดท้ายแล้ว จะทำให้เกิด altcoin party เหมือนปี 2017-2018
ในส่วนตัว ผมของมองต่าง
เนื่องจาก ในช่วงปี 2017 ตลอดทั้งปี ตลาดคริปโต โดนบิ้วมาโดยตลอด ทั้งการลง ICO ที่ทำให้คนหลายๆ คนที่เริ่มลง ICO ยุคแรกๆ กลายเป็นเศรษฐีใหม่กันถ้วนหน้า
จาก story การได้เงินมาง่ายๆ ก็ทำให้เกิดอาการปากต่อปาก ไปทั่วโลก ว่าคริปโตมันได้เงินง่ายจริงๆ นะ ทำให้คนแห่กันเอาเงินมาลง จนแทบจะล้นตลาด
ICO ตัวใหม่ ออกมา ไม่รู้อะไร ขอซื้อไว้ก่อน เพราะซื้อเสร็จ ก็เอาไปขาย กินกำไรนิ่มๆ สบายๆ หลาย x
เอาจริงๆ ในปี 2017 มีช่วงนึงที่ ICO เริ่มแผ่วไป นั่นก็คือ หลังช่วง BTC โดนทุบ เมื่อเดือนสิงหาคม จากข่าวจีน
ตอนนั้น BTC โดนทุบแรงมาก จาก 5700 ลงมาเหลือแค่ 3300 ในเวลาไม่กี่สัปดาห์
ตอนนั้น Altcoins ทั้งหลายที่เคยบินๆ อย่างมันส์ๆ เช่น OMG ที่คนสามารถทำกำไรกันได้ง่ายๆ วันละ 10-20%
อยู่ๆ ก็ร่วงลงไปแบบ แทบจะไม่มีก้น... โดย OMG ร่วงจาก 12$ ไปคาอยู่ที่แถวๆ 6$... ลดไปประมาณ -50%
แต่หลังจากนั้น พอ ทาง CME/CBOE จะเปิด future ก็เกิดกระแส Bitcoin FOMO กันขึ้น ว่าสถาบันจะเอาเงินมาลงแล้วเย้ๆ
ราคา BTC พุ่งแบบ skyrocket จากประมาณ 6,000 ในช่วงเดือน Oct 2017 ขึ้นไปถึง 20,000$ ในเวลาไม่ถึงสองเดือน
ช่วงนั้น ใครๆ ก็พูดกันถึงแต่ BTC ใครๆ ก็อยากเข้ามาซื้อ BTC คนที่ไม่เคยรู้จัก BTC ก็อยากเข้ามาซื้อกันแบบล้นหลาม
เกิดกระแส BTC Fever ไปทั่วโลก...
แต่หลังจากแตะ 20,000 ปุ๊บ ... ราคา BTC ก็โดนทุบทิ้งดิ่งลงมาเหลือแค่ 10k ในเวลาเพียง 5 วัน
ทิ้งให้เม่า ที่เพิ่งเข้าตลาดมาใหม่ๆ งงเป็นไก่ตาแตก ว่าเกิดอะไรขึ้นวะ ทำไม BTC ที่คนบอกว่า จะไปล้านเหรียญ
กรูก็ all-in ไปเต็มที่ แต่ตอนนี้เงินกรูเหลือแค่ 50% เอง ทำไงดีวะเนี่ย...
แต่เนื่องจากวลีที่ว่า "ไม่ขายไม่ขาดทุน" หลายๆ คนก็เลย นั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไร โดยหารู้ไม่ว่า... การขึ้นนั้น ... จบไปแล้ว
ลุงโหลกก็ออกมาเตือน ในตอนนั้นว่า มันจบแล้วนะ หลังจากนี้ ก็จะวิ่งลงไปเรื่อยๆ จนถึง ไม่ 2000 ก็ 4000 แต่ก็หามีคนฟังไม่..
ระหว่างที่ทุกคนกำลัง มึนๆ งงๆ อยู่นั่นเอง พอเริ่มปีใหม่ 2018
ก็เกิด "Altcoin Party!!!" เกิดขึ้น
..เอาจริงๆ ก่อนจะมี alt party พวก xrp, trx, omg ก็เริ่มดีดตาม BTC กันมาก่อนนั้นแล้วด้วยนะ เพราะเงินมันเยอะ มันเลยล้นๆ ออกไปเข้าตัวอื่น
แต่พอเริ่มปีใหม่ ผมจำได้ว่า .. อือหือ alt บ้าๆ บอๆ อย่าง TNT, SNT และอื่นๆ อีกมากมาย ดีดกันแบบ 300-1000% กันเลย
จนผมงง ว่า เฮ้ย ทำไมมันดีดแรงจังวะ
ตอนนั้นทุกคนก็ฝันกันอย่างเต็มที่ วิ่งกันในทุ่งลาเวนเดอร์ ว่าหลังจากนี้ ฉันจะรวยสัดๆ จนไม่ต้องทำอะไรแล้ว เย่ๆ
พอร์ตโตกันไปคนละหลายเปอร์ คนที่เล่นเก่งๆ จับจังหวะดีๆ ก็ได้กันไปหลายในช่วงนั้น
แต่.. ปาตี้ ก็มีวันเลิกรา
สุดท้าย เม่า ที่เพิ่งแห่กันเข้ามาช่วง BTC 20k และก็ตกใจ ไปรีบเข้า Alt ตอนทำ ATH กะรวยแบบฟลุ๊คๆ ...ก็โดนทิ้งไว้ที่ยอดดอยกันแทบทั้งโลก
XRP 3$, ETH 1100$ และอื่นๆ อีกมากมาย ที่สารพัดจะเป็นความทรงจำที่เจ็บปวด ..
หลายๆ คนที่ไม่รู้จะพึ่งใคร หันไปพึ่งคนในกรุ๊ปชื่อดัง เขาก็บอกว่า Hodl Hodl ไม่ขายไม่ขาดทุน เดี๋ยวมันก็กลับมา ... ก็เชื่อเขา เอ๊า Hodl ไว้เรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็กลับมา
...-20% ผ่านไป -40% ผ่านไป -60% ผ่านไป จนถึง -90%
ลงไปล้าน เหลือแสนเดียว ทำไงดี จะแก้ดอยยังไง... ? ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ เพราะคนอื่นๆ... ก็ดอยกันอยู่เหมือนกัน...
หลายๆ คน ยอมขายทิ้ง ขาดทุน -90% ช่างแม่ง แล้วออกไปจากตลาด พร้อมสาปส่งว่า ชาตินี้กูจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวอีก
หลายๆ คน ก็ยังยอมดอยอยู่ เพราะก็ไม่รู้จะทำอะไรกับมันจริงๆ จะคัททิ้งก็เสียดาย
หลายๆ คน ก็พยายามไปหาเงินมาถัว มาถม กะว่า จะหลุดดอยแน่ๆ ... แต่ เติมยังไงไม่เคยเต็ม เติมใจเธอไม่เคยพอ.. ไม่พอหลุดดอยซะที แทนที่จะหลุด ยิ่งขาดทุนหนักเข้าไปอีก
ตลาดมีแต่ความสิ้นหวัง รันทด หดหู่ ...
แต่ก็เหมือนเสียงจากสวรรค์ มาโปรด ตลาดฟื้นขึ้นมาได้ ตั้งแต่ปลายปี 2018
หลายๆ ตัวเด้งมาแรงมาก เช่น LTC ที่ตอนนี้ ยังได้กำไรถึง 150% ถ้าเข้ามาตั้งแต่ตอนต้นปี
แต่บางตัว ถ้าไปเข้าต้นปี ...ตอนนี้ดันขาดทุน... เช่น XRP ( ต้นปี 0.36 ตอนนี้ 0.3 )
........
จบไงดีวะ 555
.......
สุดท้าย ร่ายมาซะยาว จบไม่ลง
ผมมองว่า ปริบทตลาด ในตอนนี้ มันต่างจากช่วงปี 2017-2018 มากๆ
ICO หลายๆ ตัว ถูกพิสูจน์ให้โลกเห็นแล้วว่า ทำออกมาเป็นอะไรก็ไม่รู้
ICO หลายๆ ตัว ที่คนฝันว่า ก็ถือเหรียญไว้ เดี๋ยวมันก็ขึ้นไปมหาศาลเหมือนหุ้นเอง แต่กลับพบกับการลดลงไปถึง 95%
ICO หลายๆ ตัว ที่เด้งมาเมื่อต้นปี และตอนนี้ ได้พาเม่ากลุ่มใหม่ ที่เป็นคนละกลุ่มกับที่เคยดอยเมื่อปี 2018 ไปดอยกันอีกรอบ .. และวัฏจักรจะวนเวียนต่อไป... เพราะเม่า จะคัทไม่เป็น และไม่กล้าคัท ... เพราะเชื่อว่า "เดี๋ยวมันก็ขึ้น"
...จะเห็นได้ว่า ปริบท ตลาด มันยังไม่ใช่ FOMO ทั้งหมด
การขึ้นรอบนี้ มีแค่ พระเอกอย่าง BTC คนเดียวเท่านั้น และจะมีแค่คนเดียวต่อไปด้วย
LTC อาจจะมีดีดอีกรอบ เพราะใกล้ halving .. แต่การ halving ก็ไม่ได้เป็นการการันตีว่า ในระยะยาว ราคาจะขึ้น.. และนี่เหลืออีกแค่ไม่กี่เดือน ก็จะถึงแล้ว... ผมคิดว่าไม่น่าลากไปต่อได้ไกลแล้ว
ส่วน Altcoin อื่นๆ ICO อื่นๆ ... ก็จะค่อยๆ ไร้ค่าลงไป ในปีนี้ เรื่อยๆ เรื่อยๆ
เพราะทุกคนรู้กันหมดแล้วว่า ICO มันของปลอม เอาจริงๆ มันก็ทำอะไรไม่ได้อย่างที่พูดไว้หรอก
ใครดอยอยู่ ก็เตรียมตัว ที่เงินที่เหลือ จะหายไปอีกเรื่อยๆ ...
กว่า Bitcoin จะไปทำ ATH แถวๆ 300,000$ ( ถ้ามันทำได้จริง ) altcoin ก็คงเละเป็นโจ๊ก เหลือ 1 satoshi หมดทุกตัวแล้วล่ะมั้ง 5555
XRP......รอจังหวะจะขึ้นบินตอนนี้มองเห็นความเห็นไปได้ สองแบบ เพราะเรากำลังอยู่ในช่วงของการทำการพักตัวใหย๋ ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นไปเป็นเทรดขาขึ้นครั้งใหม่
แบบแรก ราคาอาจจะเบรคขึ้นขากจุดนี้ ถ้าเกิดแบบนี้ตามเส้นสีเขียว เราจะขึ้นไปเบรค high แรกทางซ้ายมือ แล้วน่าจะกลับลงมาใหม่ ก่อนจะกลับขึ้ยอีกครั้ง ถ้าเป็นแบบนี้ นี่คือสิ่งที่เราต้องการสำหรับการขึ้นไปเบรค 100USD อีกครั้ง
อีกแบบหนึ่ง เราอาจจะได้เห็นราคาบินขึ้นไปจากตรงนี้เลยก็ได้ แต่ความเป็นไปได้มัน ดุจากโครงสร้างราคาแล้วมันจะไม่สวยเท่าไหร่
จริงๆ ถ้าราคาตามเส้นสีเหลือง ลงมาทำ low อีกครั้งตามที่วาดรูปไว้ มันก็สามารถที่จะกลับขึ้นไปเลยได้เหมือนกัน
ใจเย็นๆ รอให้ราคาเบรคเส้นสีฟ้า หรือลงมาทำ low แล้วกลับตัวขึ้น
ถ้าเบรคเส้นฟ้าด้านบน พรุ่งนี้ น่าเล่นสั้นไปก่อน แล้วลุ้นเปื่อบินไปเลย
การเทรดระยะยาว กับการเฝ้าติดหน้าจอไม่ได้ช่วยอะไรการเฝ้าดูราคาตลอดทั้งวันไม่ได้ช่วยให้เราทำงานได้ดี ในตลาดที่มีความผันผวนสูงแบบนี่ แต่มันอาจส่งผลที่มีความเสี่ยงสูงในการเทรดที่ไม่เป็นไปตามแผนการป้องกันความเสี่ยง ซึ่งนำมาสู่การขาดทุนอย่างต่อเนื่อง บางครั้งในขนาดที่เรากำลังมองดูเหรียญที่เรากำลังสนใจอยู่นั้น ราคากำลังวิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องและมันทำให้เราต้องการซื้อ ให้ไปดูกราฟรายสัปดาห์ก่อนว่าสิ่งๆนั้นกำลังอยู่ในช่วงการปรับฐาน หรือว่ามันเลยจุดที่จะเข้าซื้อไปแล้ว ถ้ามันวิ่งขึ้นมากเกินไปแล้วก็อย่าไปยุ่งกับมันดีกว่า สิ่งที่สำคัญกว่าการซื้อของได้ในราคาถูก คือการขายมันได้ก่อนที่ราคามันจะตกลงไป เราไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อในราคาที่ถูกที่สุด แต่เราจะต้องขายแล้วได้กำไร ดังนั้นผมจะบอกว่าสิ่งที่สำคัญกว่าการทำ Double Bottom ของกราฟ คือการทำ Double Top และ Divergence "ซื้อให้ช้าแต่ขายให้เร็ว"
BTC การขายแบบง่ายๆ แต่ยั่งยืนMACD-H แสดงถึง Bullish Divergence ราคามีโอกาสกลับตัว ในช่องสีนํ้าเงินคือโอกาสในการซื้อเมื่อราคายังวิ่งอยู่ใกล้เส้นแนวรับและยังไม่ทะลุลงไป เป้าหมายในการทำกำไร แบ่งเป็นสามช่วง
1. เมื่อราคาวิ่งเข้ากรอบสี เขียวให้ขาย 50%
2. กรอบสี ม่วงราคาวิ่งชน เส้นแนวต้านของช่องแนวโน้มขาลง และราคามีการพยายามที่จะ Break out ไปมากกว่า 1 ครั้งให้ขาย อีก 50% ของของที่เหลือ เช่น มี 100 BTC 2.67% ขายไปแล้วที่ข้อ 1 50% เหลือ 50 BTC 2.67% ให้ขายอีก 25 BTC 2.67%
3. กรณีที่ 1 ราคาไม่สามารถทะลุเส้นแนวต้านสีแดงไปได้ พิจารณาขายทั้งหมดในกรอบสี เขียว $8,000-8,300
กรณีที่ 2 ราคา Break out ไปได้ ราคาจะวิ่งชนเส้น MA200 ช่วงราคาประมาณ $10,000 ให้ปล่อยของ 50% จากที่ถือเมื่อราคาวิ่งแตะเส้น และขายทั้งหมดเมื่อแตะครั้งที่สอง
*กรณีที่ราคาทะลุเส้นแนวรับลงมาให้ขายทิ้งทั้งหมด ไม่รอการดีดกลับ ไม่ว่าจะเป็นการทะลุแบบหลอกหรือไม่
ETH ถึงเวลา Pullback?ETH ยืนเหนือ MA50 (สีนํ้าเงิน) มาซักพักแล้ว ธรรมชาติของราคาคือมันจะต้องวิ่งเข้าหาเส้นค่าเฉลี่ยของมันอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง และราคากำลังเข้าใกล้แนวต้านที่แข็งแกร่ง ในช่วงราคาประมาณ $735 ในครั้งที่แล้ว ETH ไม่สามรถทะลุผ่านไปได้จนทำ Double Top คิดว่าอีกไม่นาน ETH มีโอกาสไปทดสอบแนวรับที่เส้น MA50 อีกครั้ง ในช่วงขาขึ้นการที่ราคาวิ่งเข้าหาเส้นค่าเฉลี่ยที่อยู่ด้านล่างไม่ใช้เรื่องน่ากังวลมากนัก ถือเป็นโอกาสกลับไปทดสอบความแข็งแกร่งของกระทิง ว่าขาขึ้นนี่เป็นของจริงหรือไม่ และถ้าเป็นของจริง แท่งเทียนจะทิ้งหางไว้แน่นอน
*ทั้งนี้ให้จับตาดู volume ของ ETH และ ราคาของ BTC ประกอบการตัดสินใจ
ฺBTC ใกล้สิ้นสุดตลาดหมีแล้วหรือยัง *ในวันที่ 7 กุมภา และ 7 เมษา ในภาวะตลาดหมี MACD-Histogram ทำจุดตํ่าที่ตื้นกว่าเดิมมาก แสดงถึง Bullish Divergence (ภาวะกระทิง) นี่เป็นสัญญาณซื้อเมื่อ MACD-H ทำจุดตํ่าครั้งที่สองที่เป็นลบน้อยกว่า (ลูกศรสีเหลือง)
- เมื่อวานนี้ การตัดกันของเส้น EMA 26, 13 กำลังสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนเทรนในระยะสั้น ราคามีโอกาสไปถึง $11,000
- จากการเก็บของในโซนสีเหลืองครั้งที่แล้วในช่วงราคา 6,800-6,000 ผมได้ขายไปแล้ว 50% และอีก 50% เมื่อราคาวิืงชนเส้น MA200 ผมยังคงบอกคำเดิมว่าถ้าราคายังไม่พ้น $12,000 ก็บอกไม่ได้ว่าตลาดได้เปลี่ยนเทรนอย่างสมบูรณ์แล้ว
* หลังจากนี้ให้ระวังการทำ Double Top ของราคาใน Time frame 4 H
Por : Technical Analysisปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคา ETHTHB ดีดตัวทะลุผ่านแนวต้านของเส้นแนวโน้มขาลงระยะกลาง และปรับตัวลงไปทำราคาต่ำที่ 11,500 บาท เกิดรูปแบบสัญญาณกลับตัวรูป Double Bottom ร่วมกับการเกิดสัญญาณ Bullish divergence ของ RSI และเป็นสัญญาณยืนยันการจบคลื่นปรับ (Corrective wave) คลื่น II ระยะสั้นราคามีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้าน 38.2% Fibonacci retracement (เกิดจากการคำนวณระหว่างคลื่น D กับคลื่น E) อยู่ที่ 19,137 บาท โดยมีแนวต้านถัดไป 50.0 และ 61.8% Fibonacci retracement อยู่ที่ 21,496 บาท และ 23,861 บาท ตามลำดับ
ในกรณีที่ราคาจบคลื่น i) ที่ 19,299 บาท ราคาจะหดลงเป็นคลื่น ii) มีแนวรับ 38.2%, 50.0% และ 61.8% Fibonacci retracement (เกิดจากการคำนวณระหว่าง 11,500 บาท กับ 19,299 บาท) อยู่ที่ 16,319 บาท, 15,399 บาท และ 14,479 บาท ตามลำดับ
ทิศทางราคา ETHTHB ระยะสั้น (1 – 3 สัปดาห์) มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 21,200 – 21,500 บาท และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 17,500 – 16,320 บาท
สรุป
ระยะสั้นปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไร เนื่องจากราคา ETHTHB ระยะสั้นมีทิศทางปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 17,500 – 16,320 บาท รอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาจากกราฟราย 4 ชั่วโมงปรับลดลงเข้าหาแนวรับ Fibonacci retracement และเกิดสัญญาณ Bullish divergence ของ RSI (บนกราฟราย 4 ชั่วโมง)
BTC ยังต้องการปริมาณการซื้อที่มากกว่านี้ BTCUSD -5.24% กำลังลงมาทดสอบแนวรับที่ $7,600 ถ้าเกิดการทะลุออกมา ให้รอดูราคาในโซนสีเขียวซึ่งโซนนี่มีแนวรับที่ $6,800 ในโซนสีเหลือง คือ ช่วง $6,800-$6,000 เป็นโซนที่น่าเก็บของมากที่สุด แต่ให้ระวังถ้าราคาวิ่งเข้าหา $6,000 แล้วไม้ได้มีการดีดกลับทันทีที่ 5-10% อาจลงไปได้อีกที่ โซนสีแดง $6,000-$5,200 ถ้าถึงโซนสีแดงแล้วค่อยมาดูกันใหม่ (ถ้าเป็นมือใหม่ให้จำไว้ว่าการซื้อในช่วงนี้เพื่อหวังกำไรในระยะสั้นเท่านั้น)
ประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาของ BTC -5.24% พยายามขึ้นไปเหนือ $9,000 ถึงสองครั้งแต่ไม่สำเร็จและ ไม่สามารถทะลุผ่าน EMA50 ได้ (เส้นสีแดง) เหตุผลอาจมากจาก volume ในการซื้อยังน้อยเมื่อไม่มีคนมารองรับของที่ขายก็จึงทำให้ราคาตกเป็นธรรมดา volume ที่น้อยหลักๆมีสาเหตุจาก คนส่วนมากยังไม่มีความเชื่อว่าราคา BTC -5.24% จะกลับมาได้ในเร็วๆนี้ การลงที่มากกว่า 50% จำเป็นที่จะต้องมีแรงซื้อที่มาก และข่าวที่ดี เมื่อราคาขึ้นไปไม่ได้มีเพียงคนที่ ได้กำไรแล้วขายเท่านั้น ยังมีคนติดดอยที่รอปล่อยของ ตามทางไปอีกเรื่อยๆ
BTC สถานีถัดไป $7,000 จาก 3-4 วันที่แล้ว BTC ทะลุแนวรับแถว $8,500 ลงมาได้ ทำให้เปลี่ยนมาเป็นเทรนขาลงอย่างสมบูรณ์ เส้นรอยปะสีแดงคือแนวต้านและแนวรับที่ราคา $12,000 และ $6,000 ดอลล่า แต่ขนาดนี้ราคากำลังวิ่งเข้าสู่แนวรับสำคัญคือ $6,000 ราคาอาจไปหยุดพักแถว $7,000 และลงต่อ หรือถ้าเกิดการ Break out ที่เส้นสีนํ้าเงินอาจเป็น side way หลังจากนี้แนะนำให้ดูเส้น EMA50 สีแดงกับ EMA30 สีส้ม ให้ราคายื่นเหนือทั้งสองเส้นนี้ก่อน BTC ได้สร้างรูปแบบ Falling Wedge รอการกลับตัวอีกไม่นาน การยืนยันการเปลี่ยนเทรนต้องรอราคา $12,000 (ถ้า $6,000 ดอลล่ามาถึงมันคือราคาวัดใจของจริง ว่าคุณจะเข้าหรือออกลองได้ผมแนะนำ 10%)