รูปแบบชาร์ต
การวิเคราะห์ XAUUSD: TD Sell Setup 9 และ Fibonacci Retracement 📊 การวิเคราะห์ XAUUSD: TD Sell Setup 9 และ Fibonacci Retracement 🔬
🔹 สัญญาณ TD Sell Setup 9:
สัญญาณนี้บ่งบอกถึงการอ่อนแรงของแนวโน้มขาขึ้น และอาจเกิดการกลับตัวลง โดยเฉพาะเมื่อราคาเข้าใกล้แนวต้านสำคัญ
🔹 TDST-Level 2790.17:
แนวต้านสำคัญที่ราคากำลังทดสอบ หากไม่สามารถทะลุได้ มีโอกาสปรับตัวลงแรง ✔️
🔹 กรอบ Fibonacci 78.6%-88.6%:
บริเวณนี้มักเป็นจุดกลับตัวที่นักเทรดจับตามอง เนื่องจากเป็นระดับที่ราคามักเผชิญแรงขาย
🔎 การคาดการณ์:
หากราคายืนต่ำกว่า 2790.17 และเริ่มปรับตัวลง เป้าหมายอยู่ที่:
🔹 Fibonacci 61.8% (2,693)
🔹 Fibonacci 50.0% (2,663)
🔹 Fibonacci 38.2% (2,633)
หากราคาทะลุ 2790.17 ได้ แนวโน้มขาขึ้นอาจดำเนินต่อ เป้าหมายอยู่เหนือระดับ 2800
🔧 กลยุทธ์การเทรด:
เปิดคำสั่งขาย (Sell) ใกล้แนวต้าน 2790.17 พร้อมรอสัญญาณกลับตัว
ตั้ง Stop Loss เหนือ 2800 เพื่อป้องกันความเสี่ยง
ใช้ระดับ Fibonacci เป็นเป้าหมายการทำกำไร
🌐 สรุปสั้นๆ:
การรวมสัญญาณ TD Setup และ Fibonacci Retracement ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์และวางกลยุทธ์ อย่าลืมจัดการความเสี่ยงให้เหมาะสม 🚀
Gold Market Outlook [27 มกราคม 2568]🌟 Gold Market Outlook
📈 ทองคำทะยานใกล้จุดสูงสุดประวัติการณ์ ขานรับดอลลาร์อ่อนค่าและแรงกดดันจากทรัมป์
**📊 ภาพรวมตลาดทองคำ**
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นกว่า 1% ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ใกล้แตะระดับสูงสุดในประวัติการณ์ที่ทำไว้เมื่อเดือนตุลาคม โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐและการปรับลดลงของผลตอบแทนพันธบัตร หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์เรียกร้องให้มีการลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม World Economic Forum ที่ดาวอส
**💵 ปัจจัยด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ**
ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลง 0.6% มาอยู่ที่ 107.43 และมีแนวโน้มจะบันทึกการปรับตัวลงรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ระดับ 1.83% สาเหตุหลักมาจากความกังวลเรื่องภาษีนำเข้าที่ลดลง หลังทรัมป์ส่งสัญญาณเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาการค้ากับจีน
**📈 ความเคลื่อนไหวของ US Treasury Yields**
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวลง 2 basis points มาอยู่ที่ 4.619% ขณะที่พันธบัตรอายุ 2 ปี ลดลงเกือบ 2 basis points มาที่ 4.266% อย่างไรก็ตาม CEO ของ BlackRock เตือนว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีอาจพุ่งแตะ 5.5% หากเงินเฟ้อกลับมาเร่งตัว
**🗓️ ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามสัปดาห์นี้**
1. การประชุม FOMC (30 ม.ค. 02:00 น.)
- คาดการณ์การคงอัตราดอกเบี้ยที่ 4.50%
- ตลาดคาดว่าเฟดจะยังไม่ปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
- จับตาท่าทีเกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม
2. ECB Policy Meeting (30 ม.ค. 20:15 น.)
- คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.90%
3. ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ
- US GDP Q4 (31 ม.ค.)
- Core PCE Price Index (1 ก.พ.)
- Employment Cost Index (1 ก.พ.)
**💡 มุมมองทางเทคนิค**
แม้ราคาทองคำจะปรับตัวลงหลุดแนวรับแรก แต่การอ่อนค่าของดอลลาร์และการลดลงของผลตอบแทนพันธบัตรอาจหนุนให้ราคามีโอกาสทดสอบจุดสูงสุดทางประวัติศาสตร์ที่ 2,789 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระมัดระวังการปรับฐานระยะสั้นเนื่องจากราคาอยู่ในระดับสูง
**⚖️ แนวรับ-แนวต้าน XAUUSD**
สถานะ: Slightly bullish 🚀
🔼 แนวต้าน 3: $2,790
🔼 แนวต้าน 2: $2,785
🔼 แนวต้าน 1: $2,774
——————————
🔽 แนวรับ 1: $2,770
🔽 แนวรับ 2: $2,762
🔽 แนวรับ 3: $2,750
✍️ วิเคราะห์โดย: Beam 🕵️♂️
วิเคราะห์กราฟ S50H25 (SET50 Futures มีนาคม 2025)จากภาพคำอธิบายเกี่ยวกับ TD Aggressive Countdown #13 และวิธีนำไปใช้งานจริงในบริบทของการวิเคราะห์กราฟ S50H25 (SET50 Futures มีนาคม 2025):
________________________________________
TD Sequential และ TD Aggressive Countdown
TD Sequential เป็นระบบที่พัฒนาโดย Thomas DeMark ใช้เพื่อตรวจจับจุดอ่อนของแนวโน้ม (Trend Exhaustion) และหาจุดกลับตัวที่มีโอกาสสูง โดยมีสององค์ประกอบหลัก:
1. TD Setup: การนับ 1 ถึง 9 ของแท่งเทียนที่เป็นไปตามเงื่อนไข
2. TD Countdown: การนับต่อเนื่อง 1 ถึง 13 (เช่น TD Aggressive Countdown) เพื่อยืนยันว่าจุดสิ้นสุดของแนวโน้มกำลังจะมาถึง
________________________________________
ความหมายของ TD Aggressive Countdown #13
• TD Countdown จะเริ่มหลังจาก TD Setup สมบูรณ์ (ถึงแท่งที่ 9) และนับไปจนถึง #13
• สัญญาณ #13 บ่งชี้ว่า:
o แนวโน้มขาลง (ในกรณีนี้) อาจใกล้สิ้นสุด
o โอกาสของการกลับตัว (Reversal) สูงขึ้นในระยะสั้นถึงระยะกลาง
• ใช้เป็นสัญญาณเตือนให้เตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงของตลาด
________________________________________
วิธีใช้งาน TD Aggressive Countdown #13
1. การอ่านกราฟและการระบุสัญญาณ
• ดูสัญญาณ TD Countdown #13 ในกราฟ:
o ต้องครบ 13 แท่งเทียน (ตามเงื่อนไขการนับ TD Sequential)
o แท่งที่ 13 ควรเกิดในบริเวณที่ราคามีแนวรับ (Support) หรือมีปริมาณการซื้อขายที่สูงผิดปกติ (Volume Spike)
• ตัวอย่างในภาพ:
o สัญญาณ TD Countdown #13 เกิดในช่วงขาลง (Downtrend) และใกล้ระดับแนวรับ (ประมาณ 871-875 จุด)
2. การยืนยันสัญญาณ
สัญญาณ TD Countdown #13 เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องใช้เครื่องมืออื่นช่วยยืนยัน เช่น:
• รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns):
o ดูว่าหลังจากแท่งที่ #13 มีรูปแบบที่แสดงการกลับตัวหรือไม่ เช่น Hammer, Doji, หรือ Bullish Engulfing
• เส้นแนวรับ-แนวต้าน (Support & Resistance):
o ราคาต้องไม่หลุดแนวรับสำคัญ เช่น บริเวณ 870-875 จุด
• Indicator เพิ่มเติม:
o ใช้ RSI หรือ Stochastic เพื่อตรวจสอบว่าราคาอยู่ในภาวะ Oversold หรือไม่
o MACD อาจใช้ดู Divergence ระหว่างราคาและโมเมนตัม
3. กลยุทธ์การเทรด
• กรณีขาลงอ่อนแรงและคาดว่าจะกลับตัวขึ้น:
o รอการยืนยันการกลับตัว (Confirm Reversal) เช่น การ Breakout แนวต้านหรือแท่งเทียนบวกแข็งแรง
o วางคำสั่งซื้อ (Long Position) เมื่อราคายืนเหนือแนวต้าน เช่น 880-885 จุด
o ตั้ง Stop Loss ต่ำกว่าแนวรับ เช่น 865-870 จุด เพื่อจัดการความเสี่ยง
• กรณียังไม่มีการยืนยันการกลับตัว:
o รอการเคลื่อนไหวของราคาเพิ่มเติม อย่ารีบเข้าซื้อจนกว่าจะมีสัญญาณชัดเจน
• กรณีแนวโน้มขาลงยังแข็งแรง:
o หากราคาหลุดแนวรับสำคัญ ให้พิจารณาเปิดคำสั่งขาย (Short Position) โดยวางเป้าหมายที่แนวรับถัดไป เช่น 850 จุด
________________________________________
ตัวอย่างแผนการเทรด (Trade Plan)
แผนสำหรับ Long Position (คาดว่าจะกลับตัวขึ้น):
1. จุดเข้า (Entry Point):
o ซื้อเมื่อราคายืนเหนือแนวต้าน เช่น 880-885 จุด
o ดูการยืนยันจากแท่งเทียนหรือ Indicator
2. จุดหยุดขาดทุน (Stop Loss):
o วาง Stop Loss ไว้ที่ 865-870 จุด
o ควรต่ำกว่าระดับแนวรับสำคัญ
3. จุดทำกำไร (Take Profit):
o เป้าหมายแรก: 895-900 จุด
o เป้าหมายถัดไป: 910-920 จุด (หากมีแรงซื้อเพิ่ม)
แผนสำหรับ Short Position (แนวโน้มขาลงต่อ):
1. จุดเข้า (Entry Point):
o หากราคาหลุด 870 จุด ให้เปิดคำสั่งขาย
o ยืนยันด้วยปริมาณขาย (Volume) ที่เพิ่มขึ้น
2. จุดหยุดขาดทุน (Stop Loss):
o วาง Stop Loss ไว้ที่ 875-880 จุด
o ป้องกันหากราคากลับขึ้นแรง
3. จุดทำกำไร (Take Profit):
o เป้าหมายแรก: 850-860 จุด
o เป้าหมายถัดไป: 830-840 จุด (หากขาลงยังแข็งแรง)
________________________________________
ข้อควรระวัง
• TD Countdown เป็นเครื่องมือที่เน้นความน่าจะเป็น ไม่ได้การันตีผลลัพธ์
• ต้องใช้ควบคู่กับการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ
• ระวังภาวะตลาดที่มีข่าวสำคัญหรือปัจจัยพื้นฐานที่อาจเปลี่ยนแนวโน้ม
________________________________________
สรุป
สัญญาณ TD Aggressive Countdown #13 ในกราฟ S50H25 ชี้ว่าขาลงอาจใกล้สิ้นสุด ให้เตรียมพร้อมสำหรับการกลับตัวหรือความผันผวนที่สูงขึ้น การยืนยันจากแนวรับ/แนวต้านและ Indicator เพิ่มเติมเป็นสิ่งสำคัญก่อนตัดสินใจเทรดครับ
วิเคราะห์การเปิดสถานะ S50H25 (ราคาปิดล่าสุด: 881.80)### **วิเคราะห์การเปิดสถานะ S50H25 (ราคาปิดล่าสุด: 881.80)**
แผนการเทรดพร้อมจุดเข้า-ออก เน้นการใช้งานได้จริง เหมาะสำหรับทั้ง **Short** และ **Long** ตามสถานการณ์ พร้อม Risk/Reward (R/R) ที่คำนวณไว้เรียบร้อย ✅
---
#### **📉 แผนเปิดสถานะ Short (ขาย)**
✅ **หลักการ:**
ราคาปัจจุบันอยู่ใกล้โซนแนวต้านสำคัญ (Quarterly R2 = 883.1 และ Monthly S3 = 886.5) ซึ่งเหมาะสำหรับการพิจารณาเปิด Short หากมีสัญญาณกลับตัวลง
🔵 **จุดเข้า (Entry):**
- รอราคาทดสอบโซน **883.1 - 886.5**
- หากมีสัญญาณกลับตัว เช่น Bearish Engulfing หรือ Shooting Star ในกรอบเวลา M15/M30
🟢 **จุดทำกำไร (Take Profit):**
- เป้าหมายแรก: **877.3 (R3 Daily)**
- เป้าหมายถัดไป: **872.1 (S1 Daily)**
🔴 **จุดตัดขาดทุน (Stop Loss):**
- วางไว้ที่ **889.0** (สูงกว่า Monthly S3 เพื่อป้องกันความเสี่ยง)
📊 **ตัวอย่างการคำนวณ Risk/Reward (R/R):**
- Entry: **883.0**
- TP1: **877.3** (ระยะห่าง 5.7 จุด, R/R = 1.63)
- TP2: **872.1** (ระยะห่าง 10.9 จุด, R/R = 3.11)
- SL: **889.0**
✅ **โอกาสชนะ:** ~65%
---
#### **📈 แผนเปิดสถานะ Long (ซื้อ)**
✅ **หลักการ:**
เหมาะสำหรับการเปิดสถานะ Long เมื่อราคาทะลุแนวต้านสำคัญ (Quarterly R2 = 883.1) หรือกลับมายืนเหนือแนวรับ Daily Pivot (872.1) พร้อมสัญญาณขาขึ้น
🔵 **จุดเข้า (Entry):**
- เปิด Long เมื่อราคาทะลุ **883.1** พร้อม Volume สนับสนุน
- หรือ รอราคาย่อและยืนเหนือ **872.1**
🟢 **จุดทำกำไร (Take Profit):**
- เป้าหมายแรก: **886.5 (Monthly S3)**
- เป้าหมายถัดไป: **890.0 (Quarterly R3)**
🔴 **จุดตัดขาดทุน (Stop Loss):**
- สำหรับกรณีทะลุ 883.1: ตั้ง SL ที่ **880.0**
- สำหรับกรณีที่ยืน Pivot Point: ตั้ง SL ต่ำกว่า **870.0**
📊 **ตัวอย่างการคำนวณ Risk/Reward (R/R):**
- Entry: **884.0**
- TP1: **886.5** (ระยะห่าง 2.5 จุด, R/R = 0.63)
- TP2: **890.0** (ระยะห่าง 6.0 จุด, R/R = 1.5)
- SL: **880.0**
✅ **โอกาสชนะ:** ~45%
---
### **🔍 เปรียบเทียบสถานะ Short และ Long**
| **สถานะ** | **จุดเข้า (Entry)** | **เป้าหมาย (TP)** | **จุดตัดขาดทุน (SL)** | **R/R** | **โอกาสชนะ (%)** |
|-------------|----------------------------|--------------------------|-------------------------|------------------|-------------------|
| **Short** | 883.1 - 886.5 | 877.3 -> 872.1 | 889.0 | 1.63 -> 3.11 | ~65% |
| **Long** | >883.1 หรือยืนเหนือ 872.1 | 886.5 -> 890.0 | 880.0 หรือ <870.0 | 0.63 -> 1.5 | ~45% |
---
### **💡 คำแนะนำและปัจจัยเสริม**
#### **สำหรับ Short:**
- RSI: โซน Overbought (>70) พร้อม Divergence
- MACD: เส้น Signal ตัด MACD ลง
- Volume: ลดลงใกล้แนวต้าน
#### **สำหรับ Long:**
- RSI: แนวโน้มขาขึ้น (>50)
- Breakout: ราคาทะลุ 883.1 พร้อม Volume สนับสนุน
---
### **📌 สรุปและคำแนะนำ**
- **Short มีโอกาสชนะสูง (~65%)** เหมาะสำหรับการเปิดสถานะใกล้แนวต้าน 883.1 - 886.5
- **Long เหมาะสมเมื่อราคาทะลุ 883.1 ได้** พร้อมยืนยันแนวโน้มขาขึ้น
🔥 **คำเตือน:** การลงทุนมีความเสี่ยง ควรจัดการความเสี่ยงไม่เกิน 1-2% ของพอร์ต และติดตามข่าวสารตลาดเสมอ!
#SET50 #TFEX #วิเคราะห์ตลาด #S50H25 #ShortOrLong #PivotTrading
24/01/25 ประเมินความเป็นไปได้ของ Bullish Shark ในกราฟ S50H2524/01/25 ประเมินความเป็นไปได้ของ Bullish Shark ในกราฟ S50H25
________________________________________
วิเคราะห์รูปแบบ Bullish Shark บนกราฟ
1. โครงสร้างและเกณฑ์ Fibonacci ของ Bullish Shark:
• XA (871.7 -> 885.3): การเคลื่อนไหวจากจุด X ไป A สร้างแนวต้านสำคัญที่ระดับ 885.3
• AB (885.3 -> 879): การปรับตัวลงในช่วง AB ตรงตามเกณฑ์ 0.382-0.618 ของ XA
• BC (879 -> 888.6): การปรับขึ้นในช่วง BC ตรงตามเกณฑ์ 1.13-1.618 ของ AB
• CD (888.6 -> 873.4): การปรับตัวลงมาที่จุด D อยู่ในโซน 0.886 ของ XA ซึ่งเป็นโครงสร้างที่สมบูรณ์ของรูปแบบ Shark
2. ตำแหน่งสำคัญ:
• จุด D (873.4): จุดกลับตัวที่มีโอกาสฟื้นตัว หากราคายืนยันรูปแบบ
• Pivot Day (878): เป็นแนวต้านระยะสั้นที่ต้องทะลุเพื่อยืนยันการกลับตัว
• R1 Day (880.5 - 882.9): เป้าหมายแรกของการฟื้นตัว
• จุด Stop Loss (868.7): หากราคาหลุดจุดนี้ รูปแบบ Bullish Shark จะไม่สมบูรณ์และเปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาลงแทน
3. Volume Analysis:
• ช่วงใกล้จุด D มีสัญญาณ Volume divergence เพิ่มขึ้นเล็กน้อย สนับสนุนความเป็นไปได้ในการกลับตัว
________________________________________
การประเมินความเป็นไปได้ (Probability)
• โอกาสที่รูปแบบ Bullish Shark จะสมบูรณ์: 75%
o สัญญาณ Fibonacci และโครงสร้างกราฟยืนยันการกลับตัวได้ดี
o แต่ยังต้องรอดูการทะลุ Pivot Day (878)
________________________________________
แผนการฟื้นตัวใน 3 กรณี
1. Best Case (กรณีดีที่สุด):
• เป้าหมาย: จุด C (888.6)
• ระยะฟื้นตัว: 15+ จุด (จาก 873.4 ไปถึง 888.6)
• เงื่อนไข:
o ราคาต้องทะลุ Pivot Day (878) และ R1 Day (882.9) พร้อม Volume สนับสนุน
o หากทะลุจุด C (888.6) อาจต่อเนื่องไปยังแนวต้านสำคัญถัดไป
2. Most Likely Case (กรณีที่น่าจะเกิดขึ้นมากที่สุด):
• เป้าหมาย: Pivot Day (878) หรือ R1 Day (880.5 - 882.9)
• ระยะฟื้นตัว: 5-10 จุด (จาก 873.4 ไปถึง 880.5-882.9)
• เงื่อนไข:
o ราคาต้องยืนเหนือจุด D (873.4)
o Volume ต้องเพิ่มขึ้นในระหว่างการฟื้นตัว
3. Worst Case (กรณีเลวร้ายที่สุด):
• เป้าหมาย: หลุดจุด Stop Loss (868.7)
• ระยะการลง: อาจลงต่อไปยังโซนแนวรับสำคัญที่ต่ำกว่า (865 หรือต่ำกว่า)
• เงื่อนไข:
o ราคาหลุดจุด D (873.4) และ X (871.7) พร้อม Volume ขายที่เพิ่มขึ้น
________________________________________
กลยุทธ์การเทรด
1. การเข้า (Entry):
• เข้าซื้อในโซนใกล้จุด D (873.4) หากมีสัญญาณการกลับตัวชัดเจน เช่น:
o แท่งเทียนกลับตัว (Bullish Engulfing, Hammer)
o การเพิ่มขึ้นของ Volume
2. จุดทำกำไร (Take Profit):
• TP1: Pivot Day (878)
• TP2: R1 Day (880.5 - 882.9)
• TP3: จุด C (888.6)
3. จุดตัดขาดทุน (Stop Loss):
• ต่ำกว่าจุด Stop Loss (868.7) หรืออย่างน้อยต่ำกว่า X (871.7) เพื่อควบคุมความเสี่ยง
________________________________________
สรุป
รูปแบบ Bullish Shark นี้มีความน่าสนใจสูง โดยเฉพาะถ้าราคายืนยันกลับตัวที่จุด D (873.4) โอกาสในการฟื้นตัวไปที่ R1 Day (880.5 - 882.9) หรือสูงกว่ายังมีความเป็นไปได้สูง อย่างไรก็ตาม หากราคาหลุดจุด 868.7 คุณควรตัดขาดทุนเพื่อลดความเสี่ยง
SET หลักการ TD Aggressive Count:การใช้หลักการของ TD Aggressive Count ตามแนวคิดของ Thomas DeMark เพื่อตรวจสอบกราฟ SET ในภาพนี้สามารถทำได้ดังนี้:
1. หลักการ TD Aggressive Count:
• TD Aggressive Count เป็นระบบที่อาศัยการนับรอบ (Count) ของแท่งเทียนทั้งในขาขึ้นและขาลง โดยมุ่งเน้นที่จุดกลับตัวสำคัญ (Reversal Points) หรือสัญญาณที่จะยืนยันแนวโน้ม
• การนับจะเกิดจาก:
o Setup Phase (1-9): นับเมื่อราคาเคลื่อนไหวต่อเนื่องไปในทิศทางเดียว โดยเปรียบเทียบราคาปิดของแท่งที่กำลังนับกับแท่งก่อนหน้า (เช่น ปิดสูงกว่าหรือต่ำกว่าตามกฎ)
o Countdown Phase (1-13): เกิดขึ้นหลังจาก Setup Phase เมื่อราคายืนยันแนวโน้มด้วยการสร้าง "แท่งยืนยัน" ซึ่งราคาปิดต่ำกว่า/สูงกว่า 2 แท่งก่อนหน้า
________________________________________
2. วิเคราะห์ภาพ:
Setup Phase (1-9):
• บนกราฟสามารถสังเกตได้ว่ามีตัวเลขตั้งแต่ 1 ถึง 9 แสดงถึงการสิ้นสุด Setup Phase (ตามเงื่อนไขที่ราคาปิดสัมพันธ์กับ 4 แท่งก่อนหน้า)
• ตัวอย่าง:
o ช่วงเดือน 06/2024 มีการนับ 1-9 ในขาลงที่ชัดเจน ก่อนราคาจะหยุดปรับตัวลงและเกิดการปรับฐาน
Countdown Phase (1-13):
• ช่วงที่ตัวเลขนับถึง 13 แสดงถึงการยืนยัน จุดกลับตัวสำคัญ ที่ควรระวัง
• ตัวอย่าง:
o ในเดือน 09/2024 ราคาสร้าง Countdown (13) ในขาขึ้น (ช่วงแนวต้าน 1,506.82) ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนถึงโอกาสกลับตัวในอนาคต
o เช่นเดียวกัน ในเดือน 01/2025 ราคาสร้าง Countdown (13) ในขาลง ที่ใกล้กับแนวรับ 1,334.17
________________________________________
3. สรุปประเด็นสำคัญจากภาพนี้:
• ราคามีการสลับระหว่าง Setup และ Countdown ซึ่งแสดงถึงพฤติกรรมของตลาดในกรอบแนวโน้มระยะกลาง
• การเกิด Countdown (13) ทั้งในขาขึ้นและขาลง ช่วยยืนยันว่าแนวต้านและแนวรับเหล่านี้มีความสำคัญ
• แนวรับปัจจุบัน (1,334.17) อาจเป็นจุดสำคัญในการติดตามการกลับตัวหรือการฟื้นตัวในอนาคต
Gold Market Outlook [24 มกราคม 2568]🌟 Gold Market Outlook
ทองคำทรงตัวตามความผันผวนของดอลลาร์ พร้อมจับตานโยบายของทรัมป์
📈 ประเด็นสำคัญ:
ตลาดทองคำมีการปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือน โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ และนักลงทุนยังคงติดตามนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์อย่างใกล้ชิด
📊 บทวิเคราะห์ตลาด:
ในการซื้อขายวันนี้ ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.1% ส่งผลให้ราคาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์มีต้นทุนที่สูงขึ้นสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ปรับตัวสูงขึ้นยังเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำเพิ่มเติม เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
ประเด็นสำคัญที่ตลาดจับตามองคือนโยบายการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยมีการระบุว่าอาจมีการประกาศมาตรการภาษีนำเข้าจากแคนาดา เม็กซิโก จีน และสหภาพยุโรปในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ แม้ว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าแผนภาษีที่สำคัญจะถูกเปิดเผยในวันที่ 1 เมษายน ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายในอนาคตส่งผลให้นักลงทุนหันมาถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำเพื่อป้องกันความผันผวน
🎯 แนวโน้มและคำแนะนำ:
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค ราคาทองคำยังคงแสดงการพักตัวบริเวณแนวต้านสำคัญที่ $2,755-2,760 หากไม่สามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ในระหว่างวัน แนะนำให้ระมัดระวังการปรับฐานที่อาจต่อเนื่องไปจนถึงสัปดาห์หน้า สำหรับกลยุทธ์การซื้อขายวันนี้ ควรรอดูทิศทางตลาดในช่วงเปิดทำการของสหรัฐฯ ก่อนเข้าทำธุรกรรม
แนวรับ-แนวต้าน (07:05)
XAUUSD
สถานะ: Slightly bullish 🚀
🔼 แนวต้าน 3: $2,765
🔼 แนวต้าน 2: $2,760
🔼 แนวต้าน 1: $2,755
——————————
🔽 แนวรับ 1: $2,752
🔽 แนวรับ 2: $2,747
🔽 แนวรับ 3: $2,736
✍️ วิเคราะห์โดย: Beam 🕵️♂️
Gold Market Outlook [23 มกราคม 2568]🌟 Gold Market Outlook
"ความไม่แน่นอนจากนโยบายทรัมป์ผลักดันทองคำแตะระดับสูงสุดใกล้จุดสูงสุดตลอดกาล"
📈 ประเด็นสำคัญ:
ราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน โดยมีปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งนักลงทุนกังวลว่าอาจนำไปสู่สงครามการค้าและเพิ่มความผันผวนในตลาด
📊 การวิเคราะห์:
ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ในช่วงต้นการซื้อขาย ส่งผลให้ราคาทองคำซึ่งกำหนดราคาในสกุลเงินดอลลาร์มีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น Ryan McIntyre ผู้จัดการพอร์ตการลงทุนอาวุโสที่ Sprott Asset Management ระบุว่าความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเสนอภาษีนำเข้าและปัจจัยอื่นๆ ทำให้ทองคำซึ่งมักทำผลงานได้ดีในช่วงที่มีความไม่แน่นอนในตลาดกลายเป็นที่หลบภัยที่นักลงทุนให้ความสนใจ
ทรัมป์ได้กล่าวว่ารัฐบาลของเขากำลังพิจารณาการเก็บภาษีนำเข้า 10% สำหรับสินค้าจากจีนในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่เขาเคยระบุว่าเม็กซิโกและแคนาดาอาจเผชิญกับภาษีประมาณ 25% อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยังไม่ได้ให้รายละเอียดมากนักเกี่ยวกับข้อเสนอภาษีนำเข้า ทำให้นักลงทุนตั้งคำถามถึงความรุนแรงของมาตรการและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
🎯 สรุปและคำแนะนำ:
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำให้ระมัดระวังการพักฐานที่บริเวณ 2755 โดยควรจับตาปัจจัยสำคัญ 2 ประการ คือ ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานและการแถลงของประธานาธิบดีทรัมป์ เนื่องจากราคาปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง วันนี้อาจเห็นการพักฐาน แนะนำให้รอดูสถานการณ์ (Wait & See) เพื่อหาจังหวะเข้าลงทุนที่เหมาะสมในภายหลัง
📈 แนวรับ-แนวต้าน (07:05)
XAUUSD
สถานะ: Slightly bullish 🚀
🔼 แนวต้าน 3: $2,765
🔼 แนวต้าน 2: $2,760
🔼 แนวต้าน 1: $2,755
——————————
🔽 แนวรับ 1: $2,750
🔽 แนวรับ 2: $2,747
🔽 แนวรับ 3: $2,741
✍️ วิเคราะห์โดย: Beam 🕵️♂️
ตลาดต่ำกว่าราคาสหรัฐ-แคนาดาความเสี่ยงทางการค้า? ตลาดต่ำกว่าราคาสหรัฐ-แคนาดาความเสี่ยงทางการค้า?
ธนาคารดอยซ์แบงก์คิดว่าตลาดอาจจะประเมินความเสี่ยงของสงครามการค้าระหว่างสหรั
ขึ้นไป"อย่างน้อย"1.53 ที่มีศักยภาพในการทดสอบ 2002 ทุกเวลาสูงของ 1.61 ดอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเป็น 1.50%อย่างมีนัยสำคัญต่ำกว่า 2.75%ราคาในปัจจุบันโดยตลาด
ความสัมพันธ์ของผู้บริหารของทรัมป์กับแคนาดาอาจกำหนดพื้นฐานสำหรับนโยบายการค้าที่กว้างขึ้นซึ่งแสดงให้เห็นว่าผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสกุลเงินของคู่ค้าอื่นๆในปัจจุบันอาจถูกประเมินโดยตลาดเกินไป ดอลลาร์สหรัฐมาถึงใจในเรื่องนี้
รับการซื้อขายในช่วงแน่นของ 1.4260–1.4465 มานานกว่าเดือน ทั้งคู่ยังคงมีแนวโน้มรั้นได้รับการสนับสนุนโดยการเพิ่มขึ้น 50 วันค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ชี้แจง(อีเอ็มเอ)ซึ่
22/01/25 บ่ายนี้ ตัดสินกันที่ 887.00 จากภาพใช้หลักการ TDST22/01/25 บ่ายนี้ ตัดสินกันที่ 887.00 จากภาพใช้หลักการ TD Setup Trend (TDST) และการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เกี่ยวข้อง ขอสรุปการวิเคราะห์ดังนี้:
### วิเคราะห์กรณีที่ S50H25 เบรกระดับ TDST-LEVEL (887.00):
1. **"True Low" ที่ยืนยันการเบรก**:
หากแท่งเทียนถัดไปสามารถเบรกระดับ 887.00 ขึ้นไปได้อย่างมั่นคง และทำ "True Low" (จุดต่ำสุดที่อยู่เหนือ TDST-LEVEL) จะเป็นสัญญาณยืนยันว่าตลาดมีแนวโน้มขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
- **การทำ True Low** แสดงถึงแรงซื้อที่ยังคงอยู่ในตลาด และแนวโน้มมีโอกาสขึ้นต่อไป
2. **เป้าหมายราคา**:
- หากเบรกขึ้นมาอย่างมั่นคง เป้าหมายถัดไปจะอยู่ที่ **889.5 (61.8% Fibonacci)** และ **895.5 (78.6% Fibonacci)** ซึ่งเป็นแนวต้านถัดไปตามกราฟ
- เป้าหมายเหล่านี้มักถูกคำนวณจาก Fibonacci Retracement หรือโครงสร้างแนวต้านในกราฟ
3. **ปัจจัยที่ยืนยันความแข็งแกร่ง**:
- แท่งเทียน 15.00 ที่ปิดเหนือ 887.00 พร้อมปริมาณการซื้อขาย (Volume) ที่เพิ่มขึ้น หรือมีลักษณะ Breakout ที่ชัดเจน จะเพิ่มโอกาสที่ราคาจะไปถึงเป้าหมายที่ระบุไว้
- สัญญาณเช่นนี้มักดึงดูดแรงซื้อเพิ่มเติมจากนักลงทุนที่รอการยืนยัน
### กรณีที่เบรกไม่สำเร็จ (Fail Test):
หากราคาล้มเหลวในการปิดเหนือ 887.00:
- ตลาดอาจกลับตัวหรือแกว่งในกรอบแคบ โดยแนวรับถัดไปจะอยู่ที่บริเวณ **885.4 (50% Fibonacci)** และ **881.2 (38.2% Fibonacci)**
### ข้อสรุป:
- หาก S50H25 เบรกและยืนยัน "True Low" ที่ระดับ 887.00 ได้ แนวโน้มขาขึ้นจะยังดำเนินต่อไป โดยมีเป้าหมายถัดไปที่ **889.5-895.5** ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญ
- ควรติดตามปริมาณการซื้อขาย (Volume) และลักษณะแท่งเทียนเพื่อยืนยันการ Breakout
หวังว่าการวิเคราะห์นี้จะช่วยให้เข้าใจภาพรวมและวางแผนได้ดียิ่งขึ้นครับ!
22/01/25 S50H25 กับการคำนวณเป้าหมายจุด D ของ Harmonic Patterns22/01/25 S50H25 กับการวิเคราะห์และคำนวณเป้าหมายจุด D ของ Harmonic Patterns พร้อมเปรียบเทียบความเป็นไปได้
________________________________________
ข้อมูลพื้นฐาน
• X = 903.1, A = 867.7, B = 887, C = 871.7
• XA = 35.4, AB = 19.3, BC = 15.3
________________________________________
1. Bearish Gartley
เงื่อนไขรูปแบบ:
• AB = 61.8% ของ XA (ค่าที่ได้จริง ≈ 54.5% → ใกล้เคียง)
• BC = 78.6% ของ AB (ค่าที่ได้จริง ≈ 79.3% → สอดคล้อง)
• CD = 78.6% ของ XA
คำนวณ:
1. ระยะ CD: CD=0.786×XA=0.786×35.4=27.8CD = 0.786 \times XA = 0.786 \times 35.4 = 27.8
2. จุดเป้าหมาย D: D=C+CD=871.7+27.8=899.5D = C + CD = 871.7 + 27.8 = 899.5
ความน่าจะเป็น:
• รูปแบบ Gartley มี Fibonacci ที่สอดคล้องที่สุด
• น้ำหนักความเป็นไปได้: 70%
________________________________________
2. Bearish Bat
เงื่อนไขรูปแบบ:
• AB = 50%-61.8% ของ XA (ค่าที่ได้จริง ≈ 54.5% → สอดคล้อง)
• BC = 38.2%-88.6% ของ AB (ค่าที่ได้จริง ≈ 79.3% → สอดคล้อง)
• CD = 88.6% ของ XA
คำนวณ:
1. ระยะ CD: CD=0.886×XA=0.886×35.4=31.4CD = 0.886 \times XA = 0.886 \times 35.4 = 31.4
2. จุดเป้าหมาย D: D=C+CD=871.7+31.4=903.1D = C + CD = 871.7 + 31.4 = 903.1
ความน่าจะเป็น:
• Bearish Bat มี Fibonacci ที่สอดคล้อง แต่เป้าหมาย D ตรงกับจุด X อาจไม่เกิดขึ้นจริง
• น้ำหนักความเป็นไปได้: 20%
________________________________________
3. Bearish Crab
เงื่อนไขรูปแบบ:
• AB = 38.2%-61.8% ของ XA (ค่าที่ได้จริง ≈ 54.5% → สอดคล้อง)
• BC = 38.2%-88.6% ของ AB (ค่าที่ได้จริง ≈ 79.3% → สอดคล้อง)
• CD = 161.8% ของ XA
คำนวณ:
1. ระยะ CD: CD=1.618×XA=1.618×35.4=57.3CD = 1.618 \times XA = 1.618 \times 35.4 = 57.3
2. จุดเป้าหมาย D: D=C+CD=871.7+57.3=929.0D = C + CD = 871.7 + 57.3 = 929.0
ความน่าจะเป็น:
• แม้ Fibonacci จะสอดคล้อง แต่เป้าหมาย D สูงเกินแนวต้านและสถานการณ์กราฟ
• น้ำหนักความเป็นไปได้: 10%
________________________________________
สรุปเปรียบเทียบ
รูปแบบ เป้าหมาย D ความน่าจะเป็น (%) หมายเหตุ
Bearish Gartley 899.5 70% สอดคล้องที่สุด
Bearish Bat 903.1 20% ใกล้จุด X เกินไป
Bearish Crab 929.0 10% เป้าหมายสูงเกินสถานการณ์ปัจจุบัน
________________________________________
ข้อเสนอแนะ
• ให้ความสำคัญกับ Bearish Gartley (เป้าหมาย D = 899.5) เนื่องจากมี Fibonacci และระดับราคาที่สอดคล้องที่สุดกับกราฟ
• ควรยืนยันด้วยการวิเคราะห์ TD SEQUENTIAL และ WAVE OSC เพื่อยืนยันตำแหน่ง “D”
BTCUSD : ระบบ Break 52Days high มีสัญญาณ"ซื้อ" 22/1/2025อธิบาย : ระบบ Break 52Days High เป็นระบบที่จะดู High ย้อนหลังของแท่งเทียน เป็นเวลา 52 วัน และตีเส้นราคาลากมาเรื่อยๆ จนกว่าเมื่อไหร่ที่ราคาปิดแท่งเหนือกว่าเส้น 52 วันย้อนหลัง ระบบก็จะมีสัญญาณซื้อ ส่วนสัญญาณขายจะใช้ MA 52 วัน เพื่อตัดสินใจ โดยเมื่อไหร่ที่ราคาปิดแท่งต่ำกว่าเส้น MA52 ก็จะมีสัญญาณขาย นั่นเอง
ระบบนี้ดัดแปลงไอเดียมาจาก Break 52 Weeks High ที่ใช้กับตลาดหุ้น แต่ว่ามาใช้กับคริปโตแล้วมันช้าเกิน ก็เลยลองลดเหลือเป็น 52 วันแทน ก็ให้ผลที่ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะหลายๆ ครั้งระบบนี้ก็ช่วยให้เราไม่ต้องเสียเวลาเข้าๆ ออกๆ ตอนตลาด sideway down หรือขาลงจ๋าๆ เพราะเราจะนั่งเฉยๆ ตลอดทางนั่นเอง
ความเห็นของผม : ช่วงนี้ BTC ผันผวนใช้ได้ แถมตั้งแต่ระบบอื่นๆ เขียวมา ราคาก็ยังไม่ไปไหนซะที วันนี้ก็แหมมมมม มาปิดแท่งแบบว่า "คาเส้น" กันเลย ทำให้ระบบนี้เขียวขึ้นมาจนได้ 555 ทำให้ตอนนี้ ระบบของ BTC ก็ confirm เขียวหมดทุกระบบ หมดทุก TF ( Daily/ Weekly ) เป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ ก็มาลุ้นกันว่า เขียวรอบนี้แล้ว จะไปจริงหรือเปล่า หรือย่อมาสับขาหลอกต่อเหมือนเดิม...
BTC BreakHigh = เขียว ( 22/1/2025 )
------------------
Entry : 106k+-
SL : 96k ( -9.4%)
Position Size = 10% ของพอร์ต ( Risk1% ) *
* ปัดให้เลขกลมๆ เพราะรอบที่แล้วโดนไป
---------------------------
สรุปผลกำไร สะสม ของทุกระบบ ในปี 2025 ได้ดังนี้
* รายการกำไรนี้ เป็นการคำนวณตรงๆ ยังไม่ได้ใส่ค่า fee และ slippage เข้าไปนะครับ ดังนั้น กำไรจริงๆ ของการทำตามระบบ ก็น่าจะต่ำกว่านี้พอสมควรครับ
(1Jan-???) EMA120D = ??%
(7Jan-10Jan) ATR = -1%
(7Jan-10Jan) ActionZone = -1%
(17Jan-???) ActionZone = ??%
(18Jan-???) ATR = ??%
(22Jan-???) BreakHigh = ??%
Sum กำไรสะสมของปี 2025 = -2% ที่ความเสี่ยง 1% ต่อระบบต่อครั้ง ( Max 4% กำไรหน่วย USD )
Gold Market Outlook [22 มกราคม 2568]🌟 Gold Market Outlook
"ทองคำพุ่งทำจุดสูงสุดในรอบ 2 เดือน จากความเสี่ยงนโยบายทรัมป์และดอลลาร์อ่อนค่า"
📈 ประเด็นสำคัญ:
- ราคาทองคำพุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 2 เดือน
- ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.9% ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์
- ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์
- การประชุม FOMC และข้อมูล PCE ในสัปดาห์หน้าเป็นปัจจัยสำคัญ
📊 บทวิเคราะห์:
ตลาดทองคำวันนี้ได้รับแรงหนุนสำคัญจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ยังไม่มีความชัดเจน โดยเฉพาะประเด็นการเรียกเก็บภาษีสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกที่อาจเริ่มขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ สะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนในตลาดการเงินโลก ทำให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์และหันมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
ในแง่ของปัจจัยทางเทคนิค ราคาทองคำมีแนวโน้มเป็นบวก แต่ควรระวังแนวต้านสำคัญที่บริเวณ $2,750 ซึ่งอาจเกิดการพักฐานระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่ยังคงหนุนราคาทองคำ มีความเป็นไปได้สูงที่ราคาจะยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้นต่อไป
🎯 กลยุทธ์การลงทุน:
แนะนำใช้กลยุทธ์ "ดักซื้อเมื่อราคาย่อตัว" (Buy on Dip) โดยพิจารณาเข้าซื้อเมื่อราคาปรับตัวลงมาใกล้แนวรับรายวันที่ $2,738 และ $2,722 โดยตั้งเป้าทำกำไรที่แนวต้านถัดไปที่ $2,750-2,760
📈 แนวรับ-แนวต้าน (09:35)
XAUUSD
สถานะ: Slightly bullish 🚀
🔼 แนวต้าน 3: $2,760
🔼 แนวต้าน 2: $2,755
🔼 แนวต้าน 1: $2,750
——————————
🔽 แนวรับ 1: $2,738
🔽 แนวรับ 2: $2,722
🔽 แนวรับ 3: $2,705
✍️ วิเคราะห์โดย: Beam 🕵️♂️
ราคาทองคำปรับตัวสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ หลังการประกาศนโยบายของทรัมราคาทองคำยังคงเป็นแนวโน้วขาขึ้นใน TF H4 เช้านี้ (08:30 น.) ราคาได้ปรับตัวขึ้นต่อติดแนวต้านบริเวณ 2748.899 หากราคาไม่สามารถผ่านได้อาจมีการลงมาพักฐานระยะสั้น 2727.965 - 2717.154 ซึ่งเป็น Demand Zone ย่อยใน TF H4 หรือ 2740 โดยประมาณ
แนวต้าน 2748.899, 2761.852, 2773.202,2790.227
แนวรับ 2740, 2717.154, 2727.965
เเผนวันนี้ Sell 2747 - 2750 เเผน Buy 2725 - 2720 SL 2715 TP 275เเผนวันนี้ Sell 2747 - 2750
TP 2730 - 2725 - 2720
เเผน Sell ตามเเรง Overbought M15 - M30 H1
เเผน Buy 2725 - 2720 SL 2715 TP 2750-2760 ในช่วงกราฟปรับฐาน ช่วงบ่าย - เย็นครับ
*** ภาพรวมเทรนหลักขาขึ้น Order Sell ควรลดขนาด Position ลง ส่วนไม้ Buy ตามเทรนออก Lot ปกติครับ
ข้อควรรู้ : คลิปนี้ เป็นการแชร์ความรู้กี่ยวกับการเทรด ไม่ใช่คำแนะนำทางการเงินหรือการการลงทุน (การลงทุนในตลาด CFDS มีความเสี่ยงสูง โปรดใช้วิจารณญาณ)
Gold Market Outlook [21 มกราคม 2568]🌟 Gold Market Outlook
ทองคำทำ New high ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางนโยบายของทรัมป์
📈 สรุปประเด็นสำคัญ:
ตลาดทองคำวันนี้เผชิญกับความผันผวนอย่างมีนัยสำคัญ โดยราคาปรับตัวขึ้น 0.7% ท่ามกลางการติดตามทิศทางนโยบายการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์หลังพิธีสาบานตน โดยตลาดมีการตอบรับในเชิงบวกต่อการที่ทรัมป์ยังไม่ได้ประกาศมาตรการกีดกันทางการค้าในทันที อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงระมัดระวังการลงทุนเนื่องจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าในระยะยาว และการคาดการณ์เงินเฟ้อที่อาจส่งผลต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ
📊 วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน:
ตลาดการเงินทั่วโลกได้ผ่อนคลายความกังวลลงหลังจากที่มีรายงานว่าการดำเนินนโยบายด้านภาษีจะเป็นไปอย่าง "รอบคอบ" ส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ทางเลือก นักลงทุนกำลังจับตามองรายละเอียดของนโยบายภาษีนำเข้าที่ทรัมป์เสนอ โดยเฉพาะการเก็บภาษี 10% สำหรับสินค้านำเข้าทั่วไป 60% สำหรับสินค้าจากจีน และ 25% สำหรับสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งมาตรการเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดแรงกดดันเงินเฟ้อในระยะยาว
นอกจากนี้ ตลาดยังให้ความสำคัญกับการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ เนื่องจากนโยบายของทรัมป์อาจส่งผลให้เกิดแรงกดดันเงินเฟ้อ ซึ่งอาจทำให้ Fed ต้องรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไป ส่งผลกระทบต่อความน่าสนใจของทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
ในส่วนของข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ตลาดจะติดตามตัวเลขการจ้างงานของสหราชอาณาจักร และดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ZEW ของเยอรมนี ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางค่าเงินดอลลาร์และราคาทองคำในระยะสั้น
🎯 มุมมองทางเทคนิคและกลยุทธ์การลงทุน:
ในระยะสั้น ราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มเป็นบวก โดยได้ทะลุแนวต้านสำคัญที่ $2,720 และมีโอกาสสร้างจุดสูงสุดใหม่ แนะนำให้นักลงทุนรอจังหวะราคาย่อตัวลงมาที่แนวรับก่อนเข้าซื้อตามแนวโน้มขาขึ้น โดยใช้กลยุทธ์ Buy on Dip เมื่อราคาย่อตัวลงมาทดสอบแนวรับ
📈 แนวรับ-แนวต้าน (09:35)
XAUUSD
สถานะ: Slightly bullish 🚀
🔼 แนวต้าน 3: $2,735
🔼 แนวต้าน 2: $2,730
🔼 แนวต้าน 1: $2,725
——————————
🔽 แนวรับ 1: $2,716
🔽 แนวรับ 2: $2,709
🔽 แนวรับ 3: $2,701
✍️ วิเคราะห์โดย: Beam 🕵️♂️
การวิเคราะห์ HSI FUTURES โดยใช้ TD Sequential, Pivot Zoneการวิเคราะห์ HSI FUTURES โดยใช้ TD Sequential, Pivot Points, Demand/Supply Zone:
1. TD Sequential (ตัวเลข 1-9 และสัญญาณ Break of Structure - BOS):
• การกลับตัวที่ TD 9:
o ในช่วงต้นของกราฟ มี TD 9 ที่บริเวณโซน Supply (สูงสุดของกราฟ) ซึ่งราคาปรับตัวลงหลังจากนั้น พร้อมสร้าง Break of Structure (BOS) ในทิศทางลง (แนวโน้มขาลง)
• แนวโน้มล่าสุด:
o ปัจจุบัน TD Sequential อยู่ในช่วงขาขึ้นใหม่ (การนับตัวเลข 1-5 ในรอบปัจจุบัน) ซึ่งราคาพยายามทะลุ Pivot Point (P) ที่ระดับ 20,300 ไปด้านบน
o หากราคาสามารถรักษาระดับนี้ไว้ได้ มีโอกาสสูงที่จะนับเลขจนถึง TD 9 และทดสอบแนวต้านที่สำคัญ (R1 หรือ Supply Zone)
2. Pivot Points (S1, S2, S3 / R1, R2, R3):
• ระดับสำคัญของ Pivot Points:
o Pivot Point (P): ที่ 20,300 เป็นแนวต้านที่ราคาพยายามทะลุอยู่ หากราคาปิดเหนือระดับนี้ มีโอกาสปรับขึ้นต่อไปที่ R1 (20,933) และ R2 (22,257)
o S1 (19,215): เป็นแนวรับสำคัญในระยะใกล้ โดยมี Demand Zone สนับสนุน หากราคาย่อลงมาที่บริเวณนี้ อาจมีแรงซื้อเข้ามา
o S2 (17,712): เป็นแนวรับถัดไป ซึ่งอยู่ใกล้ Demand Zone หลัก
3. Demand/Supply Zone:
• Demand Zone:
o มี Demand Zone แข็งแกร่งที่บริเวณ 17,166 - 18,500 ซึ่งเป็นฐานรับสำคัญ หากราคาปรับตัวลงแรง
o ในระยะใกล้ มี Demand Zone รองรับในบริเวณ 19,215 ใกล้ระดับ S1
• Supply Zone:
o Supply Zone หลักอยู่ที่บริเวณ 23,000 - 23,400 ซึ่งราคาถูกปฏิเสธหลายครั้งในอดีต
o Supply Zone ย่อยที่บริเวณ 21,172 ยังเป็นแนวต้านที่ราคาอาจเผชิญแรงขายในระยะกลาง
4. แนวโน้มโดยรวม:
• ระยะสั้น: แนวโน้มขาขึ้นเริ่มชัดเจน หากราคาสามารถทะลุและยืนเหนือ Pivot Point (20,300) ได้อย่างมั่นคง โดยมีเป้าหมายที่ R1 (20,933)
• ระยะกลาง: หากราคาสามารถผ่าน Supply Zone ย่อยที่ 21,172 ได้ จะยืนยันแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลาง
• ระยะยาว: แนวต้านสำคัญอยู่ที่ Supply Zone (23,000 - 23,400) ซึ่งจะเป็นเป้าหมายสำหรับแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
________________________________________
คำแนะนำการเทรด:
1. Long Position:
o หากราคาสามารถปิดเหนือ Pivot Point (20,300) ได้:
เป้าหมาย: R1 (20,933) และ R2 (22,257)
Stop Loss: ตั้งไว้ใต้ Pivot Point ที่ 19,900
2. Short Position:
o หากราคาลงมาต่ำกว่า Pivot Point และหลุดแนว S1 (19,215):
เป้าหมาย: S2 (17,712) หรือ Demand Zone (17,166 - 18,500)
Stop Loss: ตั้งไว้เหนือ S1 (19,500)
3. Demand Zone เป็นจุดเฝ้าระวัง:
o หากราคาย่อลงมาที่ Demand Zone ใกล้ 19,215 ควรพิจารณาเปิด Long Position พร้อม Stop Loss ใกล้แนว 19,000
________________________________________
Gold Trend 20/1 - ทะลุหรือตกลง ?ราคาทองคำถูกผลักดันให้ทำระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนด้วยตัวเลขเศรษฐกิจ PPI และ CPI หลักของสหรัฐฯ ที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ถูกปฏิเสธในปี 2720 และราคาได้เริ่มแข็งตัวก่อนที่ตลาดจะปิดในวันศุกร์ อิสราเอลและปาเลสไตน์เริ่มแลกเปลี่ยนตัวประกันหลังจากบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งช่วยลดความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำในขณะที่ตลาดเปิดทำการในวันจันทร์ วันนี้เป็นวันหยุดของสหรัฐอเมริกา แต่ตลาดจะมุ่งเน้นไปที่นโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่หลังเข้ารับตำแหน่ง โดยเชื่อว่าข่าวต่างๆ จะช่วยขับเคลื่อนตลาดการลงทุนในสัปดาห์หน้า ราคาทองคำจะพยายามทำจุดสูงสุดใหม่หรือไม่นั้นยังคงต้องรอดูต่อไป โดยมีแนวต้านหลักอยู่ที่ 2720
กราฟ 1 ชม.(ด้านบน) > แนวโน้มราคาทองคำโดยรวมเป็นไปตามที่เราคาดไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ล้อมรอบด้วยช่วง 2665-2720 แม้ว่าราคาจะถูกปฏิเสธในปี 2,720(1) อีกครั้ง แต่แนวโน้ม S-T ยังคงวิ่งอยู่ในช่องทางขาขึ้น (2) และยังคงอยู่ในภาวะกระทิงในขณะนี้ จับตาดูว่าราคาทองคำสามารถทะลุออกจากช่องขาขึ้น (2) ในสัปดาห์นี้ได้หรือไม่ เมื่อมันตกลงไปต่ำกว่าช่องขาขึ้น มันจะเป็นสัญญาณแรกของการกลับตัวของแนวโน้มที่เป็นไปได้!
กราฟรายวัน(ด้านบน) > ราคาทองคำทดสอบแนวต้าน 2720 เป็นครั้งที่สามเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ครั้งนี้ ไม่เหมือนกับความพยายามสองครั้งก่อนหน้านี้ที่ราคาร่วงลงอย่างรวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากขึ้นไปถึงจุดสูงสุด ดูเหมือนว่าตลาดได้ปรับราคาแล้ว เหนือ 2,700 ในสัปดาห์นี้ แนวโน้มราคาทองคำจะได้รับอิทธิพลจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่และนโยบายของเขา ดังนั้นโปรดติดตามการประกาศต่างๆ หากราคาทองคำทะลุแนวต้าน 2720 ได้ ก็จะทำให้เกิดการซื้อระยะยาวรอบใหม่ โดยมีเป้าหมายถัดไปที่ 2790 แนวรับด้านล่างอยู่ที่เส้นแนวรับขาขึ้น (4) และเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 วัน (5) .
P.To