กลยุทธ์การซื้อขายทองคำ วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 24ข้อมูลจากสหรัฐฯ เสริมสร้างความคาดหวังของตลาดว่า เฟดจะใช้แนวทางที่ระมัดระวังในการผ่อนคลายนโยบายในปีหน้า
ข้อมูลล่าสุดได้เสริมสร้างความคาดหวังของตลาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะใช้แนวทางที่ระมัดระวังในการผ่อนคลายนโยบายในปีหน้า
ข้อมูลก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวได้เร็วกว่าเมื่อคาดการณ์ไว้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2024 ขณะที่จำนวนคำขอรับสวัสดิการว่างงานก็ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับการคาดการณ์
เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและความเสี่ยงของเงินเฟ้อ รวมถึงภาษีและการลดการใช้จ่าย ยืนยันว่าเฟดไม่มีเหตุผลมากนักที่จะต้องดำเนินการอย่างรุนแรง ซึ่งโดยทั่วไปจะไม่ดีสำหรับทองคำซึ่งเป็นโลหะที่ไม่ให้ผลตอบแทน
นักลงทุนกำลังรอคอยการเปิดเผยข้อมูล PCE หลักในวันที่ 20 ธันวาคม ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดชื่นชอบ เพื่อหาเบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ ในการซื้อขายวันนี้ นักลงทุนจะให้ความสำคัญกับข้อมูลเงินเฟ้อ PCE ที่สำคัญ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดว่า ทองคำจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วไปยังระดับ 2.63x - 2.65x หรือจะถูกดันลงไปต่ำกว่าที่ระดับ 2.55x - 2.53x คำตอบจะได้รู้ในคืนนี้ โดยคาดว่าจะมีการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากข้อมูลก่อนหน้า
ในขณะนี้ แนะนำให้พิจารณาซื้อในช่วงเซสชั่นเอเชียและยุโรปก่อน โดยจะพิจารณาข้อมูล PCE หลังจากนั้น ดังนั้นคำแนะนำคือการซื้อ โดยมีเป้าหมายที่ 2.605 - 2.607, 2.610 - 2.612 และอาจจะถึง 2.615 - 2.617 หลังจากนั้นสามารถพิจารณาการขายเมื่อมีการปรับฐาน โดยตั้งเป้าหมายที่ 5-10 จุด
ในช่วงเซสชั่นยุโรป หากทองคำยังคงเทรดอยู่ที่ประมาณ 2.59x เมื่อเริ่มต้นเซสชั่นยุโรป กลยุทธ์การซื้อยังคงมีผลอยู่ อย่างไรก็ตาม หากทองคำลดลงและปิดแท่งเทียนที่ระดับ 2.58x ควรพิจารณาสถานการณ์ใหม่ ในกรณีนี้อาจพิจารณาการขายได้เร็วขึ้น โดยตั้งเป้าหมายที่ 5-10 จุด
แผนการเทรด:
โซนซื้อ: 2591 - 2589
SL: 2585
TP1: 2600
TP2: 2605
โซนขาย: 2621 - 2623
SL: 2627
TP1: 2610
TP2: 2600
ทองคำฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังจากที่จีนตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้หลังจากที่เฟดส่งสัญญาณว่าการลดอัตราดอกเบี้ยอาจน้อยลง
=> ยังมีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นได้อีก แต่ไม่แนะนำให้ซื้อในช่วงที่ราคาพุ่งขึ้น ควรรอการปรับฐานเล็กน้อยและพิจารณาการซื้อจะดีกว่า
รูปแบบชาร์ต
แผนการเทรดตลาดหุ้นไทย (20 ธ.ค. 2567 - 6 ม.ค. 2568) โพสต์ 09:09แผนการเทรดตลาดหุ้นไทย (20 ธ.ค. 2567 - 6 ม.ค. 2568) โพสต์เวลา 09:09
1. การวิเคราะห์โซนเวลา (สำคัญ)
20 ธ.ค. 2567 ช่วงเวลาที่ราคาอาจเกิดการกลับตัวในแนวโน้ม เนื่องจากตรงกับ Fibonacci Time (1.272)
6 ม.ค. 2568 ช่วงเวลาที่ราคามีโอกาสตัดสินทิศทาง (Fibonacci Time 1.618)
กลยุทธ์ จับตาดูการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลานี้ หากราคาทะลุแนวต้านหรือหลุดแนวรับสำคัญ ให้ปรับแผนทันที
---
2. การวิเคราะห์โซนราคา
แนวรับสำคัญ
1,369-1,385 (Fibonacci 88.6% - 78.6%) โดยมี 1374.33 เป็น low ของวันก่อนหน้า 19 ธ.ค.67
1,360 (จุดยอมแพ้): หากหลุด แนวโน้มขาลงจะชัดเจน
แนวต้านสำคัญ
ระยะสั้น 1,411 (Fibonacci 61.8%) ทดสอบความแข็งแกร่งของขาขึ้น
ระยะกลาง 1,447-1,450 โซน Supply ที่อาจเกิดแรงขาย
---
3. แผนการเทรด
1. โซนเข้าซื้อ (Long Entry)
- พิจารณาเปิดสถานะ Long ที่ระดับ 1,369-1,374 หากมีสัญญาณกลับตัว (เช่น Bullish Candlestick) TD BUY SETUP8/9
- Stop Loss ตั้งไว้ที่ ต่ำกว่า 1,360
2. โซนขาย (Short Entry) ทำเมื่อดัชนี ดีดตัวขึ้นมาแล้วหมดแรง
- พิจารณาเปิดสถานะ Short หากราคาดีดขึ้นมาถึง 1,411 หรือ 1,447-1,450แต่ไม่สามารถทะลุผ่าน
3. เป้าหมายทำกำไร (Take Profit) กรณีเข้าซื้อ ในกรอบ 1369-1374 แล้ว ดัชนีดีดตัวขึ้นมา
- เป้าหมายแรก 1,411 (ระดับ 61.8%)
- เป้าหมายถัดไป1,447 (Supply Zone)
---
4. การจัดการความเสี่ยง:**
- ใช้ Risk-to-Reward Ratio อย่างน้อย **1:2**
- หากราคาไม่เคลื่อนไหวตามแผน ให้รีบตัดขาดทุน
---
สรุปสั้น ๆ:
**เข้าซื้อ:** 1,369-1,374
**ตัดขาดทุน:** <1,360
หากเป็นไปตามแผน
**เป้าหมายกำไร:** 1,411 และ 1,447 หรือ ถือสถานะต่อเนื่องในแนวโน้มระยะยาวหากยัง Bullish ต่อเนื่อง
Gold Market Outlook [20 ธันวาคม 2567]🌟 Gold Market Outlook
📰 ทองคำร่วงเป็นวันที่สองหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ หนุนเฟดคงจุดยืนแข็งกร้าว
📝 สรุปภาวะตลาดทองคำ
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี แต่ลบความแข็งแกร่งในช่วงต้นวันหลังจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตอกย้ำมุมมองตลาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะยังคงระมัดระวังในการผ่อนคลายนโยบายการเงินในปีหน้า
🔍 ปัจจัยสำคัญที่กดดันราคา
- GDP สหรัฐฯ ไตรมาส 3 ขยายตัวเกินคาด
- ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงมากกว่าที่คาดการณ์
- เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและความเสี่ยงเงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เฟดไม่รีบร้อนลดดอกเบี้ย
💫 มุมมองตลาด
ราคาทองคำร่วงลงกว่า 2% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนในช่วงต้นวัน หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดปรับลดคาดการณ์การผ่อนคลายนโยบายการเงินในอนาคต อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลงดังกล่าวกลับดึงดูดนักลงทุนให้เข้าซื้อ ส่งผลให้ราคาดีดตัวขึ้นถึง 1.5% ในช่วงต้นวัน
⚠️ ปัจจัยที่ต้องจับตา
- ความเสี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ
- การเปิดเผยตัวเลข Core PCE ในวันศุกร์
- สถานการณ์หนี้สาธารณะสหรัฐฯ
📊 วิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาทองคำมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด โดยยังคงมีแรงกดดันต่อเนื่อง หากราคาไม่สามารถหลุดแนวรับ 2,585 อาจเห็นการแกว่งตัวด้านข้าง แนะนำรอจังหวะขายเมื่อราคาทดสอบแนวต้านรายวัน โดยเน้นทำกำไรระยะสั้นเท่านั้น
📈 แนวรับ-แนวต้าน (06:45)
XAUUSD
สถานะ: 📉 Slightly Bearish
🔼 แนวต้าน 3: $2,620
🔼 แนวต้าน 2: $2,610
🔼 แนวต้าน 1: $2,602
——————————
🔽 แนวรับ 1: $2,589
🔽 แนวรับ 2: $2,585
🔽 แนวรับ 3: $2,580
✍️ วิเคราะห์โดย: Beam 🕵️♂️
XAUUSD แผนEW ส่วนตัวหลังจากที่ราคาทิ้งตัวอย่างรุนแรงจึงไบเบสว่าเป็นคลื่น3 แต่ยังไม่ถึงเป้าถึงมาการเด้ง มองว่าเป็น 4 และการนับคลื่นภายในไม่สามาถหา 5 คลื่นได้อาจจะอนุมานเป็นการขั้นแบบ 3 ขา (ยังไม่ได้เข้าไปนับ) แต่ขอมองคร่าวๆว่าเป็นการเด้งเพื่อลงต่อ ตอนนี้ รีเทสมาได้ในระดับ 38.2 % ถึงหาจังหวะในการเซลลงไป
SET หลุด 1400 ดาวโจนส์ -1000 กว่าจุด ตลาดหุ้นไทย ยังไงดี?SET หลุด 1400 ดาวโจนส์ -1000 กว่าจุด ตลาดหุ้นไทย ยังไงดี?
ในกราฟที่แสดง มีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) รวมถึงแนวโน้มราคา, โครงสร้างตลาด, และการใช้งาน Fibonacci Retracement และ Time Ratio ที่ช่วยคาดการณ์จุดกลับตัวในอนาคต ต่อไปนี้คือการวิเคราะห์กราฟโดยละเอียด:
---
### 1. **โครงสร้างตลาด (Market Structure)**:
- กราฟนี้แสดงโครงสร้างราคาที่มีการเคลื่อนไหวแบบ **Higher High (H), Lower Low (L)** และ **Retest จุดเดิม (R)** โดยสามารถแบ่งได้ดังนี้:
- ช่วงที่ตลาดปรับตัวขึ้น: กราฟสร้าง **Higher High (H)** โดยเป็นจุดสูงสุดใหม่
- ช่วงที่ตลาดปรับตัวลง: มีการทะลุแนวรับ (Break of Structure หรือ BOS) และเข้าสู่ช่วงแนวโน้มขาลง
- ช่วง **Retest**: ราคากลับมาทดสอบระดับแนวต้านที่เดิม (บริเวณสีแดง)
---
### 2. **Fibonacci Retracement**:
กราฟนี้แสดงระดับ Fibonacci Retracement ซึ่งช่วยระบุโซนแนวรับ/แนวต้านที่สำคัญ โดยระดับที่เด่นชัดคือ:
- **61.8% (1,411.21):** เป็นโซนที่ราคามักจะเด้งหรือกลับตัว (Good Probability)
- **78.6% (1,385.22):** เป็นโซนแนวรับที่แข็งแกร่ง (Very Good Probability)
- **88.6% (1,369.75):** เป็นโซนสุดท้ายที่มักจะใช้เป็นจุดตัดสินใจ ถ้าราคาทะลุโซนนี้ ตลาดอาจเข้าสู่แนวโน้มขาลงที่ชัดเจน
---
### 3. **Break of Structure (BOS)**:
- จุด BOS (Break of Structure) เป็นบริเวณที่ราคา **ทะลุแนวรับสำคัญ** และบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นขาลง
- การเกิด BOS ในกราฟนี้ยืนยันว่าแนวโน้มขาลงกำลังแข็งแรง
---
### 4. **Time Ratio และวันที่สำคัญ (Fibonacci Time Zone)**:
- วันที่ **20/12/2024** ถูกระบุไว้ในกราฟ ซึ่งอาจเป็นการคาดการณ์จุดกลับตัวสำคัญ โดยสัมพันธ์กับ Fibonacci Time Ratio (0.618, 1.0, 1.618)
- วันที่นี้ถูกใช้เพื่อคาดการณ์ว่าตลาดอาจเริ่มมีการกลับตัวในแนวโน้ม หรือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ
---
### 5. **โซนสภาพคล่อง (Liquidity Zone)**:
- บริเวณสีแดง: เป็นโซนแนวต้านที่ราคาทดสอบซ้ำ (Retest) และเป็นพื้นที่ที่นักลงทุนอาจมองหาการขาย (Sell Area)
- บริเวณสีเขียว: เป็นโซนแนวรับ (Demand Zone) ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ราคาจะเด้งกลับเมื่อมาถึง
---
### 6. **จุดสำคัญในกราฟ (Key Levels)**:
- **แนวต้าน (Resistance):**
- บริเวณที่ราคามีการ Retest และไม่สามารถทะลุขึ้นไปได้ เป็นแนวต้านสำคัญที่บ่งบอกถึงความแข็งแรงของแรงขาย
- **แนวรับ (Support):**
- ระดับ Fibonacci (61.8%, 78.6%, 88.6%) เป็นแนวรับสำคัญที่ราคามักจะมีปฏิกิริยาเมื่อมาถึง
- **ระดับราคาเป้าหมาย (Target Levels):**
- ถ้าราคาทะลุระดับ 1,369.75 (88.6%) ตลาดอาจปรับตัวลงต่อ โดยเป้าหมายถัดไปอาจอยู่ในช่วง 1,344
---
### 7. **การวิเคราะห์การกลับตัว (Reversal Analysis):**
- หากราคาสามารถยืนเหนือระดับ **61.8% (1,411.21)** ได้ อาจมีโอกาสที่แนวโน้มจะกลับมาเป็นขาขึ้นในระยะสั้น
- ถ้าราคาลงไปที่ **78.6% (1,385.22)** หรือ **88.6% (1,369.75)** แต่มีแรงซื้อกลับมา อาจเกิดการเด้งกลับในแนวโน้มขาลง
---
### 8. **กลยุทธ์การเทรด (Trading Strategy)**:
- **สำหรับฝั่งขาย (Short):**
- มองหาการเปิดสถานะขายเมื่อราคาขึ้นไปทดสอบบริเวณแนวต้าน (บริเวณสีแดง) หรือระดับ 61.8%
- **สำหรับฝั่งซื้อ (Long):**
- มองหาการเปิดสถานะซื้อเมื่อราคาลงมาที่ระดับ 78.6% หรือ 88.6% และแสดงสัญญาณการกลับตัว
- **เป้าหมาย (Targets):**
- สำหรับฝั่งซื้อ: เน้นเป้าหมายระยะสั้นในกรอบ Fibonacci Retracement
- สำหรับฝั่งขาย: เป้าหมายที่ระดับ 1,344 หรือต่ำกว่า หากแนวรับถูกทะลุ
---
### สรุป:
กราฟนี้มีการใช้งาน Fibonacci Retracement, Time Ratio และการวิเคราะห์โครงสร้างตลาดอย่างชัดเจนเพื่อคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคต จุดสำคัญที่ต้องจับตามองคือ:
1. การเคลื่อนไหวของราคาในระดับ Fibonacci 61.8%, 78.6%, และ 88.6%
2. การ Retest ในโซนแนวต้าน
3. วันที่ 20/12/2024 ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญ
การวางกลยุทธ์ควรพิจารณาแนวรับ/แนวต้านที่สำคัญ และรอคอยการยืนยันจากพฤติกรรมราคาก่อนตัดสินใจเทรด
โอกาสลงจบและเข้าซื้อเกิดที่โซนราคาใด และ เมื่อไหร่
จากการวิเคราะห์ข้อมูลในกราฟ โอกาสเข้าสู่ **โซนซื้อ (Buy Zone)** ขึ้นอยู่กับจุดที่ราคาเคลื่อนที่ถึงแนวรับสำคัญ หรือแสดงสัญญาณกลับตัวในระดับ Fibonacci Retracement ที่สำคัญ รวมถึงโซนแนวรับเชิงโครงสร้างในตลาด (**Demand Zone**) ต่อไปนี้คือรายละเอียด:
---
### **1. ราคาเป้าหมายสำหรับโซนซื้อ**
#### ระดับ Fibonacci Retracement:
1. **78.6% (1,385.22):**
- เป็นโซนแรกที่มีโอกาสเห็นแรงซื้อกลับตัว เพราะระดับนี้มักเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งในตลาดขาลง
- หากราคาลงมาทดสอบที่บริเวณนี้พร้อมด้วยสัญญาณกลับตัว เช่น แท่งเทียนกลับทิศ (Bullish Candlestick) หรือวอลุ่มเพิ่มขึ้น อาจเปิดสถานะซื้อได้
- **กลยุทธ์:** รอคอนเฟิร์มด้วย Price Action หรือ Bullish Divergence จากเครื่องมือ Indicator เช่น RSI
2. **88.6% (1,369.75):**
- หากระดับ 78.6% ไม่สามารถรองรับแรงขายได้ ราคาจะเคลื่อนที่ลงมายังโซนนี้ ซึ่งเป็นโซนสุดท้ายที่มีแนวโน้มจะเกิดการกลับตัว
- **กลยุทธ์:** พิจารณาเปิดสถานะซื้อในโซนนี้พร้อมตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ใต้โซนเล็กน้อย เช่น 1,360
#### โซนแนวรับเชิงโครงสร้าง (Demand Zone):
- บริเวณ **1,380 - 1,370** (พื้นที่สีเขียว):
- โซนนี้เป็นแนวรับเชิงโครงสร้างที่มีความน่าสนใจ เนื่องจากเป็นจุดที่เคยเกิดแรงซื้อในอดีต
- สัญญาณการกลับตัวในบริเวณนี้จะเพิ่มความมั่นใจให้การเปิดสถานะซื้อ
---
### **2. เวลาเป้าหมาย**
#### Fibonacci Time Ratio:
- วันที่ระบุในกราฟคือ **20/12/2024**:
- วันที่นี้สัมพันธ์กับ Fibonacci Time Ratio ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีโอกาสเกิดจุดกลับตัวสำคัญ
- หากราคายังอยู่ในแนวโน้มขาลง ณ เวลานี้ หรือเคลื่อนที่ลงมายังระดับ Fibonacci Retracement ที่ระบุไว้ (78.6% หรือ 88.6%) อาจเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการเข้าสู่สถานะซื้อ
#### แนวโน้มโดยรวม:
- หากราคาปรับตัวลงต่อเนื่องในช่วงก่อนวันที่ 20/12/2024 และเริ่มแสดงสัญญาณกลับตัวในช่วงใกล้วันดังกล่าว อาจถือเป็นจุดเข้าซื้อที่เหมาะสมที่สุด
---
### **3. สัญญาณยืนยันสำหรับเปิดสถานะซื้อ**
- **รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns):**
- แท่งเทียนกลับตัว เช่น **Bullish Engulfing**, **Hammer**, หรือ **Morning Star** ในระดับแนวรับ
- **วอลุ่ม (Volume):**
- ดูวอลุ่มเพิ่มขึ้นในช่วงแนวรับ หากมีแรงซื้อที่ชัดเจน
- **Divergence กับ Indicators:**
- ใช้ RSI หรือ MACD เพื่อดู **Bullish Divergence** (ราคาไปต่ำกว่า แต่ Indicator ไม่ต่ำกว่า)
---
### **สรุปโอกาสเข้าสู่โซนซื้อ**
- **ระดับราคาเป้าหมาย:**
- โซนแรก: 1,385 (78.6% Fibonacci Retracement)
- โซนสุดท้าย: 1,370 (88.6% Fibonacci Retracement)
- **เวลาเป้าหมาย:**
- ประมาณวันที่ **20/12/2024** หรือก่อนหน้านี้ หากราคาเคลื่อนที่เข้าสู่โซนซื้อในแนวรับที่สำคัญ
- **สัญญาณยืนยัน:**
- ใช้ Price Action, Volume, หรือ Indicators เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเปิดสถานะซื้อ
---
การตัดสินใจเข้าซื้อควรพิจารณาร่วมกับการตั้ง **จุดตัดขาดทุน (Stop Loss)** และ **จุดทำกำไร (Take Profit)** เพื่อบริหารความเสี่ยงในการเทรดอย่างเหมาะสม.
ข่าวสารและนิตยสาร ข่าวสารและนิตยสาร
ยูบีเอสคาดการณ์ราคาทองคำที่จะถึง 22,900/ออนซ์ในตอนท้ายของปี 2025 ได้แรงหนุนจากความต้องการข ยูบีเอสโครงการซื้อธนาคารกลางของ 900 เมตริกตันหรือมากกว่าในปี 2025 เป็นส่วนหนึ่งของความพ
จากมุมมองทางเทคนิคที่ 100 และ 200 รายสัปดาห์ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่เรียบง่าย(เอสเอ็มเอ)ยังคงมีแน อย่างไรก็ตามแนวต้านที่ 22,665 กำลังจำกัดการเคลื่อนไหวคว่ำต่อไป
ในระยะสั้นราคาทองคำกำลังลดลงอย่างเห็นได้ชัดหลังจากการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรปล่าสุดซึ่งได้รับการตีความว่าเฟดระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการตัดในอนาคต ราคาอยู่ใกล้ 100 เอสเอ็มเอ,และผู้ค้าจะต้องดูสำหรับความท้าทายที่มีความหมายไปยังโซนสนับสนุนนี้.
(Trade ตาม Trend) NASDAQ 100 Swing BuyTrade ตามเทรนด์
NASDAQ 100 Swing Buy
ราคาเป็น Up Trend แข็งแรง
ใช้ EMA และแนวสำคัญ เป็นจุดรับย่อซื้อ
ราคาได้เทสกึ่งกลางของ Fair Value Gap ไปแล้ว 1 ครั้ง
ซึ่งอยู่บริเวณ EMA21 หากราคาย่อเข้าโซน 1 และ 2 จะเป็นจุดรับ BUY (22000-21900)
และถ้าหากหลุดไปจนถึง FVG ตรงนี้ควรจะรอการกลับตัวก่อน และไม่ควรหลุด Low ล่าสุด (21900)
หากหลุดลงไปจะเป็นจุด Stop Loss
ราคาเป็น All Time High ไม่มีแนวต้าน
ใช้ Fibonacci เป็นจุดล็อคกำไรที่
161.8 (22300)
SET ยังไม่แย่ ให้กรอบพักตัว 61.8%-78.6%-88.6% อยู่กับปัจจุบันกรอบพักตัว SET
- **61.80%** ที่ **1,411.21**
- **78.60%** ที่ **1,385.22**
- **88.60%** ที่ **1,369.75**
**Fibonacci Levels และที่มาของระดับ 61.8%, 78.6%, และ 88.6%**
Fibonacci retracement levels เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้ในการวิเคราะห์ตลาดการเงิน โดยมีพื้นฐานมาจากตัวเลข Fibonacci sequence ที่คิดค้นโดย Leonardo Fibonacci นักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลีในศตวรรษที่ 13 ตัวเลขในลำดับ Fibonacci มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น อัตราส่วนที่ปรากฏในธรรมชาติและการเงิน ซึ่งเป็นที่มาของอัตราส่วนหรือระดับที่ใช้ในเครื่องมือนี้
**1. ระดับ 61.8%**
อัตราส่วน **61.8%** (หรือ 0.618) เป็นที่รู้จักในชื่อ **"Golden Ratio"** หรือ "สัดส่วนทองคำ" (Phi, Φ) ซึ่งได้มาจากการหารตัวเลขในลำดับ Fibonacci ตัวใด ๆ ด้วยตัวเลขถัดไป เช่น:
- \( 34 \div 55 = 0.618 \)
หรือจากการหารตัวเลขใด ๆ ด้วยตัวเลขที่อยู่สองตำแหน่งถัดไป เช่น:
- \( 21 \div 34 = 0.618 \)
ระดับนี้ถือว่าสำคัญมากในตลาดการเงิน เพราะนักเทรดเชื่อว่าราคามักจะปรับตัว (retracement) กลับมาที่ระดับนี้ก่อนจะไปต่อในทิศทางเดิม
**2. ระดับ 78.6%**
ระดับ **78.6%** (หรือ 0.786) เกิดจากการคำนวณรากที่สองของ 0.618 (\( \sqrt{0.618} \))
ระดับนี้มักใช้ในสถานการณ์ที่ราคาปรับตัวมากกว่าระดับ 61.8% แต่ยังถือว่าเป็นจุดกลับตัว (reversal zone) ที่สำคัญในกรณีที่การปรับฐานนั้นรุนแรงหรือมีแนวโน้มรองที่แข็งแรงกว่า
**3. ระดับ 88.6%**
ระดับ **88.6%** (หรือ 0.886) มาจากการคำนวณรากที่สี่ของ 0.618 (\( \sqrt {0.618} \))
ระดับนี้ใช้ในกรณีที่ราคาปรับตัวลึกมากและใกล้จะถึง 100% retracement ซึ่งมักใช้ร่วมกับรูปแบบฮาร์โมนิก (Harmonic Patterns) เช่น Butterfly หรือ Bat Pattern ที่มีเป้าหมายการกลับตัวในระดับนี้
---
### **ความสำคัญของ Fibonacci Levels**
Fibonacci levels มีความสำคัญเพราะช่วยให้นักลงทุนและนักเทรดสามารถ:
- **คาดการณ์แนวรับ-แนวต้าน**: ราคามักชะลอหรือกลับตัวบริเวณระดับ Fibonacci
- **วางกลยุทธ์การเข้าและออก**: ใช้กำหนดจุดเข้าซื้อขาย (Entry) และจุดตัดขาดทุน (Stop Loss)
- **ผสมกับเครื่องมืออื่น**: เช่น Moving Averages หรือ RSI เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณ
การใช้ Fibonacci levels จึงเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมเพราะสะท้อนความสัมพันธ์ทางธรรมชาติที่ปรากฏซ้ำในหลายบริบท ตั้งแต่การเงินไปจนถึงธรรมชาติ.
890 ที่ใฝ่ฝัน- กลับไปดูไร่อ้อยที่ปลูกไว้ ตั้งแต่ วันเสาร์ที่ผ่านมา เมื่อวานเปิดดู อ้าว เซอร์ไพรซ์ตลาดเรื่องกลุ่ม cp
- เอาเถอะเราไม่ใช่แนวพื้นฐาน เราวางแผนมาแล้ว
- 890 คือเลขที่ผมบอกมานานตั้งแต่ 2 เดือนที่แล้ว ยิ่งเข้าใกล้ก็จะซื้อเก็บ แล้วไป stop loss ที่ 860
- ไสตล์ผมคือเล่นรอบ จะไม่เข้าออกบ่อยเพราะ เราเสียค่าคอมบ่อยไม่คุ้ม
- สัปดาห์ที่แล้วคิดว่าจะขึ้นไปไฮเดิม แต่มีเซอร์ไพรซ์ ผมแก้ยังไง ผมจะทำ calandar spread ไว้
- วันนี้ก็ลงต่อแต่ผมปลด Short ไปแล้วถือ L จะไปปิดจนกว่าจะหลุด 860
- ผมอาจจะผิดได้แต่ราคานี้ ค่อนข้างได้เปรียบ 890 - 885
XAUUSD กับ Bullish Price Flip และเป้าหมายการดีดกลับXAUUSD กับ Bullish Price Flip และเป้าหมายการดีดกลับ
ภาพนี้แสดง **กราฟราคาทองคำ (XAU/USD)** บน **กรอบเวลา 4 ชั่วโมง (4h)** โดยใช้เครื่องมือหลายตัว เช่น **Machao Flip**, **Zig Zag**, **Pivot Points** และ **Demand Zone** ในการวิเคราะห์โครงสร้างการเคลื่อนไหวของราคา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราจะเน้นไปที่ **สัญญาณ Bullish Price Flip** ในแท่งราคาล่าสุด ซึ่งอาจมีผลต่อการเคลื่อนไหวในอนาคตของตลาดครับ
---
## 1. **Bullish Price Flip คืออะไร?**
- **Bullish Price Flip** เป็นสัญญาณกลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น โดยทั่วไปเกิดขึ้นเมื่อราคา **หยุดทำจุดต่ำสุดใหม่** (Lower Lows) และเริ่มกลับมาทำจุดสูงสุดใหม่ (Higher Highs) ในกรอบเวลาที่วิเคราะห์
- ในกราฟนี้ **Bullish Price Flip** ปรากฏขึ้นที่แท่งเทียนล่าสุด ซึ่งหมายความว่า **โมเมนตัมขาลงเริ่มอ่อนแรง และมีสัญญาณว่าผู้ซื้อ (Buyers) เริ่มเข้ามาควบคุมตลาด**
---
## 2. **รายละเอียดในภาพกราฟ**
### **1. แนวโน้มหลักก่อนหน้า**
- ก่อนหน้านี้ราคามีการปรับตัวลงอย่างชัดเจนจากจุดสูงสุดประมาณ **2,720** (R4) ลงมาจนถึงระดับ **S1 (2,611.88)** ซึ่งเป็นโซนแนวรับที่แข็งแกร่ง
- ระหว่างทางลง มี **Pivot Points (R1, R2)** และโซนความต้านทาน (Resistance Zone) หลายระดับที่ราคาทะลุลงมาอย่างต่อเนื่อง
- ราคาทำรูปแบบ **Lower Highs** และ **Lower Lows** ตลอดแนวขาลง
### **2. จุด Demand Zone**
- โซน **Demand Zone** ถูกระบุอยู่ใกล้บริเวณ **S1 (2,611.88)** ซึ่งหมายถึงพื้นที่ที่มีแรงซื้อจำนวนมากในอดีต
- การที่ราคาแตะแถวๆ Demand Zone แสดงว่าผู้ซื้อกลับเข้ามาในตลาด และเรากำลังเห็นแรงดีดตัวกลับขึ้น
### **3. สัญญาณ Bullish Price Flip**
- แท่งเทียนล่าสุดมีลักษณะ **Bullish (เขียว)** ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากราคาทำจุดต่ำสุด (Low) ใหม่ที่ใกล้กับโซน **S1**
- ตัวเลข **1** ของ Machao Flip ปรากฏขึ้นบนแท่งเทียนล่าสุด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ **Bullish Flip Count** (การนับสัญญาณกลับตัวขาขึ้น)
- สัญญาณนี้บ่งบอกว่าราคาอาจเริ่มเปลี่ยนทิศทางจาก **ขาลง** เป็น **ขาขึ้น** ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง
---
## 3. **ผลกระทบและแนวโน้มถัดไป**
### **1. การดีดกลับจาก Demand Zone**
- โซน **S1 (2,611.88)** และ Demand Zone ใกล้เคียงเป็นโซนที่มีนัยสำคัญ หากราคาไม่สามารถทะลุลงไปต่ำกว่านี้ได้ จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสัญญาณกลับตัว **Bullish Price Flip**
- การเกิดสัญญาณ Bullish Flip ยิ่งยืนยันว่า **แรงขายเริ่มอ่อนแรง** และแรงซื้อเริ่มกลับเข้ามา
### **2. เป้าหมายของการดีดกลับ**
- ราคามีแนวโน้มจะวิ่งขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่:
- **Pivot Point (P) ระดับ 2,634.55**
- **R1 (2,656.00)** ซึ่งเป็นจุดที่ใกล้ที่สุด
- หากโมเมนตัมขาขึ้นแข็งแกร่งพอ ราคาสามารถไต่ขึ้นไปที่แนวต้าน R2 และโซนความต้านทานสีแดงด้านบนได้
### **3. ความเสี่ยงในการกลับตัว**
- หากราคากลับมาทำจุดต่ำสุดใหม่ (Break Demand Zone ลงไปต่ำกว่า S1) สัญญาณ Bullish Flip จะถูกยกเลิก และแนวโน้มขาลงจะกลับมาคุมตลาดอีกครั้ง
---
## 4. **สรุปแนวโน้มจากสัญญาณ Bullish Price Flip**
- แท่งราคาล่าสุดแสดงสัญญาณ **Bullish Price Flip** ซึ่งบ่งบอกว่าราคาอาจกำลังกลับทิศจากขาลงเป็นขาขึ้น
- หากราคาสามารถยืนเหนือ Demand Zone และทะลุ **Pivot Point (P)** ได้ จะเป็นการยืนยันแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง
- เป้าหมายแรกอยู่ที่ **R1 (2,656.00)** และหากแรงซื้อแข็งแกร่ง มีโอกาสวิ่งไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ **R2**
นักเทรดควรติดตามการปิดของแท่งเทียนถัดไปอย่างใกล้ชิดเพื่อยืนยันสัญญาณกลับตัวครับ
Gold Market Outlook [18 ธันวาคม 2567]🌟 Gold Market Outlook
📊 ทองคำชะลอตัวนักลงทุนคาดการณ์ Fed ชะลอการปรับลดดอกเบี้ยในปี 2025
💹 บทวิเคราะห์ตลาดทองคำ
ราคาทองคำปรับตัวลดลงในวันอังคาร ท่ามกลางแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุม Fed ครั้งสุดท้ายของปีนี้อย่างใกล้ชิด
📈 ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองคำ
• ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.1% ส่งผลให้ทองคำมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี แตะระดับสูงสุดในรอบ 4 สัปดาห์
• ตลาดคาดการณ์ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันพุธนี้ด้วยความเชื่อมั่น 95%
🔍 มุมมองนักวิเคราะห์
ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาคือท่าทีของ Fed ว่าจะมีแนวโน้มเข้มงวดหรือผ่อนคลายมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะภายใต้นโยบายของทรัมป์ ทำให้คาดว่า Fed อาจระมัดระวังมากขึ้นในการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย
📊 การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาทองคำวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยมีแนวโน้มอ่อนตัวลงเล็กน้อย หลังจากที่นักลงทุนรอผลการประชุม FOMC ในคืนนี้ โดยราคาได้ทดสอบแนวรับสำคัญที่ 2,635 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้รอจังหวะที่ชัดเจนก่อนเข้าลงทุน
📈 แนวรับ-แนวต้าน (05:15)
XAUUSD
สถานะ: 📉 Slightly Bearish
🔼 แนวต้าน 3: $2,665
🔼 แนวต้าน 2: $2,650
🔼 แนวต้าน 1: $2,645
——————————
🔽 แนวรับ 1: $2,635
🔽 แนวรับ 2: $2,630
🔽 แนวรับ 3: $2,625
✍️ วิเคราะห์โดย: Beam 🕵️♂️
SET ปิดหลุด 1400 จุด วิกฤต หรือ โอกาส ซานต้าจะมาไหมปีนี้SET ปิดหลุด 1400 จุด วิกฤต หรือ โอกาส ซานต้าจะมาไหมปีนี้
ภาพนี้แสดงกราฟราคาดัชนี **SET (ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย)** แบบรายวัน โดยมีการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ละเอียด ซึ่งสามารถแบ่งเป็นส่วนต่าง ๆ ได้ดังนี้:
วิเคราะห์โซนราคา
### 1. **รูปแบบกราฟ Head and Shoulders (H&S)**
รูปแบบนี้เป็น **สัญญาณการกลับตัวจากแนวโน้มขาขึ้นเป็นขาลง** ซึ่งประกอบไปด้วย:
- **L**: **Left Shoulder** (ไหล่ซ้าย) - เป็นจุดสูงแรกที่เกิดขึ้น
- **H**: **Head** (หัว) - จุดสูงสุดที่เกิดขึ้นสูงกว่าไหล่ซ้าย
- **R**: **Right Shoulder** (ไหล่ขวา) - จุดสูงที่เกิดขึ้น แต่ต่ำกว่าหัว และใกล้เคียงกับไหล่ซ้าย
- เส้น **Neckline** (เส้นน้ำเงินเฉียง) - เส้นที่ลากเชื่อมระหว่างจุดต่ำสุดระหว่างไหล่ซ้าย, หัว และไหล่ขวา เมื่อราคาหลุดเส้นนี้ลงมา จะถือว่าเป็นสัญญาณขายที่ชัดเจน
**สรุป**: การเกิดรูปแบบ H&S นี้แสดงว่ามีโอกาสสูงที่ราคาดัชนี SET จะปรับตัวลดลงต่อไป
---
### 2. **การ Retest (ทดสอบแนวต้าน)**
คำว่า **RETEST** สีแดงหมายถึง ราคาได้กลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่เคยเป็น **เส้น Neckline** เดิม แต่ไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ ทำให้ราคาปรับตัวลงต่อ
---
### 3. **Fibonacci Retracement**
เส้น Fibonacci Retracement ถูกใช้เพื่อวัดระดับการปรับฐานของราคาหลังจากขาขึ้นใหญ่ โดยแบ่งเป็นระดับสำคัญ:
- **38.20%** ที่ **1,447.72** (แนวต้านแรก)
- **50.00%** ที่ **1,429.47** (แนวต้านถัดไป)
- **61.80%** ที่ **1,411.21**
- **78.60%** ที่ **1,385.22**
- **88.60%** ที่ **1,369.75**
ระดับเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นแนวรับหรือแนวต้าน หากราคาปรับตัวลงต่ำกว่าแต่ละระดับ จะมีโอกาสปรับลงไปที่ระดับถัดไป
---
### 4. **แนวโน้มและเป้าหมายในอนาคต**
- **วันที่ 20/12/2024** (ตัวอักษรสีแดง) น่าจะเป็นการคาดการณ์ช่วงเวลาที่ราคาจะเคลื่อนไหวไปถึงเป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่ง เช่น จุดแนวรับหรือแนวต้านสำคัญ
- จากกราฟ การเคลื่อนไหวราคามีลักษณะเป็นขาลง (Downtrend) โดยมีการยืนยันจาก
- **การหลุดเส้น Neckline**
- ราคาล่าสุดอยู่ต่ำกว่า **1,395.57** จุด
---
### 5. **ข้อมูลเพิ่มเติมจากกราฟ**
- **ระดับราคาปิดล่าสุด**:
- ปัจจุบันปิดที่ **1,395.57** จุด (ตัวเลขสีแดง)
- ระดับนี้ต่ำกว่าระดับ Fibonacci 61.80% แต่ยังสูงกว่าแนวรับ Fibonacci ที่ 78.60%
- **เป้าหมายระยะสั้น**:
- หากราคาหลุดต่ำกว่า 1,385.22 (78.60%) จะมีแนวโน้มลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ **1,369.75 (88.60%)**
---
### 6. **การตีความทางเทคนิค**
- รูปแบบ **Head and Shoulders** บ่งบอกถึงแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน
- การ Retest เส้น Neckline แล้วย่อตัวลงต่อ เป็นการยืนยันว่าขาลงยังคงอยู่
- Fibonacci แสดงแนวรับและแนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
- วันที่ **20/12/2024** เป็นช่วงเวลาคาดการณ์สำหรับทิศทางราคาที่ชัดเจนขึ้น
---
### **สรุปภาพรวม**
กราฟนี้บ่งชี้ถึงโอกาสที่ดัชนี SET จะปรับตัวลดลงตามรูปแบบ **Head and Shoulders** โดยมีแนวรับสำคัญตาม Fibonacci ที่ระดับ 1,385.22 และ 1,369.75 เป็นเป้าหมายลำดับถัดไป หากราคาหลุดลงต่ำกว่าแนวรับเหล่านี้ นักลงทุนควรระมัดระวังการลงต่อเนื่อง.
วิเคราะห์โซนเวลา
ในภาพนี้ มีการใช้ **Fibonacci Time-Based Lines** (เส้นแนวตั้งสีขาว) ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ช่วยคาดการณ์ **ช่วงเวลา** ที่ราคามีโอกาสเกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญ เช่น การกลับตัวหรือการเร่งตัวของราคา โดยไม่สนใจทิศทางขึ้นหรือลง เน้นเฉพาะ **จังหวะเวลา** เท่านั้น
---
### วิธีการอ่าน Fibonacci Time-Based Lines
1. **หลักการวางเส้น**
- เส้นแนวตั้งจะถูกวางตามลำดับตัวเลข Fibonacci เช่น **0.618**, **1**, **1.272**, **1.618**, **2**, **2.618** และอื่น ๆ
- จุดเริ่มต้นของ Fibonacci Time-Based Lines มักจะวางไว้ที่ **จุดเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวราคา** (เช่น จุดต่ำสุดหรือสูงสุดหลักในอดีต)
2. **ความหมายของแต่ละเส้น**
- **เส้นแนวตั้ง** แสดงช่วงเวลาที่มีโอกาสเกิดเหตุการณ์สำคัญ เช่น การกลับตัวของราคา, การเร่งตัวขึ้นหรือลง, หรือการเปลี่ยนทิศทางแนวโน้ม
- ตัวเลขเช่น **1.0** และ **1.618** แสดงถึงระยะเวลาที่สัมพันธ์กับจุดเริ่มต้น โดยคิดตามสัดส่วน Fibonacci
3. **การใช้งานในกราฟนี้**
- เส้น **0.618**, **1.0**, **1.272**, **1.618**, **2.0**, และ **2.618** ถูกวางไว้เป็นช่วงเวลาแนวตั้ง
- แต่ละเส้นถูกคาดหมายว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของราคา เช่น:
- **0.618**: อาจเป็นจุดที่ราคาชะลอตัวหรือเปลี่ยนทิศทาง
- **1.0**: ช่วงที่ราคามีแนวโน้มเกิดการเคลื่อนไหวสำคัญ
- **1.618**: อาจบ่งบอกถึงจุดเร่งตัวครั้งใหม่หรือตลาดเปลี่ยนทิศทาง
---
### ตัวอย่างในกราฟ
- ในภาพนี้ Fibonacci Time-Based Lines ถูกลากจากจุดเริ่มต้น (ช่วงที่ราคาพุ่งขึ้น)
- เส้นต่าง ๆ เช่น **1.0**, **1.272**, และ **1.618** บ่งบอกถึงช่วงเวลาที่ราคามีโอกาสเกิดความเคลื่อนไหว เช่น
- การปรับฐานใหญ่ (ขาลง)
- การกลับตัว (อาจกลับขึ้น หรือย่อลงไปต่อ)
**ตัวอย่างวันที่ 20/12/2024**
- เส้นนี้ถูกกำหนดให้เป็นช่วงเวลา **1.272** หรือ **1.618** ซึ่งเป็นช่วงที่นักวิเคราะห์คาดว่า ราคามีโอกาสเกิดการเคลื่อนไหวสำคัญ
- เป็นการบ่งชี้ว่าในช่วงนี้ราคาจะมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการย่อตัวลงไปหาแนวรับใหม่หรือกลับตัวขึ้น
---
### วิธีการใช้งานควบคู่
1. **จับตาดูการเคลื่อนไหวของราคาใกล้เส้นแนวตั้ง**
- ถ้าราคาเกิดสัญญาณเทคนิคอื่น ๆ ใกล้เส้น เช่น การหลุดแนวรับ หรือเกิดรูปแบบแท่งเทียนกลับตัว ก็อาจยืนยันการเปลี่ยนทิศทางของราคา
2. **ผสมกับเครื่องมืออื่น ๆ**
- เช่น Fibonacci Retracement, เส้นแนวโน้ม (Trendline), หรือสัญญาณจากอินดิเคเตอร์ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำ
---
### **สรุปการอ่าน Fibonacci Time-Based Lines**
- เส้นแนวตั้งสีขาวแสดง **จังหวะเวลา** ที่ราคามีโอกาสเกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญ
- แต่ละเส้นสัมพันธ์กับเลขสัดส่วน Fibonacci เช่น 1.0, 1.618
- ในกราฟนี้ วันที่ **20/12/2024** คือจุดเวลาที่น่าจับตามอง เพราะมีโอกาสเกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญของราคา
- ใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ราคาและแนวโน้มอื่น ๆ เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวได้แม่นยำยิ่งขึ้น
Gold Market Outlook [17 ธันวาคม 2567]🌟 Gold Market Outlook
📊 ทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบ นักลงทุนจับตาประชุมเฟดส่งท้ายปี
📍 ภาพรวมตลาด
ราคาทองคำปรับตัวลดลงเล็กน้อยวานนี้ (16 ธ.ค.) ท่ามกลางการรอคอยผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ครั้งสุดท้ายของปี 2567 ที่จะมีขึ้นในวันพุธนี้ โดยนักลงทุนให้น้ำหนักถึง 95.4% ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับปัจจุบัน พร้อมจับตาการแถลงของประธานเฟดและรายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย (Dot Plot) เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินในปี 2568
📍 ปัจจัยสนับสนุน
นักวิเคราะห์ระบุว่า ราคาทองคำยังคงได้รับแรงหนุนจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงดำเนินอยู่ ประกอบกับการที่ธนาคารกลางจีนเพิ่มสัดส่วนการถือครองทองคำในทุนสำรอง นอกจากนี้ ทิศทางนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนยังเป็นอีกปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำ
📍 นโยบายจีน
ที่ประชุม Central Economic Work Conference ของจีนส่งสัญญาณเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐและมุ่งเน้นการกระตุ้นการบริโภคในประเทศมากขึ้นในปี 2568 สะท้อนความพยายามในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและรับมือกับความท้าทายจากภายนอก
📍 การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาทองคำมีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบ โดยมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ $2,665 หากไม่สามารถผ่านได้ ราคาอาจปรับฐานลงทดสอบแนวรับที่ $2,647 อย่างไรก็ตาม หากสามารถยืนเหนือแนวต้านดังกล่าวได้ เป้าหมายถัดไปจะอยู่ที่ $2,680 โดยกลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้เน้นการเทรดระยะสั้นและระมัดระวังความผันผวนในช่วงการประชุมเฟด
📈 แนวรับ-แนวต้าน
XAUUSD
สถานะ: 📉 Slightly Bearish
🔼 แนวต้าน 3: $2,674
🔼 แนวต้าน 2: $2,665*
🔼 แนวต้าน 1: $2,661
——————————
🔽 แนวรับ 1: $2,655
🔽 แนวรับ 2: $2,647
🔽 แนวรับ 3: $2,640
✍️ วิเคราะห์โดย: Beam 🕵️♂️
ทำไม SET ถึงมีแนวโน้มลงหา 1411.21 หรือ ต่ำกว่าภาพนี้เป็นกราฟราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งมีการวิเคราะห์โดยใช้เครื่องมือทางเทคนิคหลายอย่าง ดังนี้:
---
### **1. การวิเคราะห์แบบ Head and Shoulders (H&S)**
- ในภาพมีการทำเครื่องหมาย:
- **L**: หมายถึง **Left Shoulder** (ไหล่ซ้าย)
- **H**: หมายถึง **Head** (ศีรษะ)
- **R**: หมายถึง **Right Shoulder** (ไหล่ขวา)
**รูปแบบนี้บ่งบอกถึงแนวโน้มการกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง** (Bearish Reversal) ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าราคาอาจมีการปรับตัวลงหลังจากผ่านไหล่ขวาไปแล้ว
---
### **2. เส้นแนวโน้ม (Trendline)**
- มีการลาก **เส้นสีฟ้า** เป็นเส้นแนวโน้มขาขึ้นเดิม
- ราคาได้ทะลุผ่านเส้นแนวโน้มลงมา (Breakdown) และกลับมาทดสอบเส้นแนวโน้มอีกครั้ง ซึ่งตรงจุดนี้เรียกว่า **RETEST**
การ **RETEST** คือการที่ราคากลับมาทดสอบแนวต้านใหม่หลังจากหลุดแนวรับเดิม
---
### **3. Fibonacci Retracement**
- มีการใช้ **Fibonacci Retracement** เพื่อระบุระดับที่ราคาน่าจะเกิดการพักตัวหรือกลับตัว โดยระดับที่สำคัญในกราฟ ได้แก่:
- **38.2%** ที่ประมาณ **1,447.72**
- **50.0%** ที่ประมาณ **1,429.47**
- **61.8%** ที่ประมาณ **1,411.21**
- **78.6%** ที่ประมาณ **1,385.22**
ระดับเหล่านี้เป็นจุดที่ราคามักจะชะลอตัวหรือเกิดแรงซื้อขายกลับเข้ามา
---
### **4. Fibonacci Time-Based Lines (เส้นแนวตั้งสีขาว)**
- เส้นแนวตั้งเหล่านี้ถูกวางตาม **ลำดับฟีโบนัชชี** บนแกนเวลา เช่น:
- จุดที่ **0**: จุดเริ่มต้น
- จุดที่ **0.618, 1.0, 1.272, 1.618** และอื่นๆ
**วันที่ 20/12/2024** ถูกทำเครื่องหมายบนกราฟ ซึ่งอาจเป็นจุดเวลาที่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม (เช่น การปรับฐานหรือการเร่งตัวของราคา) ตามหลักการวิเคราะห์ฟีโบนัชชี
---
### **สรุปการตีความ**
1. **รูปแบบ Head & Shoulders** บ่งชี้ถึงการกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง
2. การ **RETEST** เส้นแนวโน้มที่ถูกทะลุลงมาอาจทำให้ราคาปรับลงต่อ
3. ระดับ Fibonacci Retracement เป็นแนวรับที่ควรจับตา:
- **50% ที่ 1,429.47**
- **61.8% ที่ 1,411.21**
4. วันที่ 20/12/2024 ตาม Fibonacci Time-Based Lines อาจเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ราคาจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
---
หวังว่าจะช่วยให้เข้าใจการวิเคราะห์ภาพนี้ได้มากขึ้นนะครับ 😊 ถ้ามีคำถามเพิ่มเติมยินดีช่วยเหลือครับ!