Gold Market Outlook [24 ธันวาคม 2567]🌟 Gold Market Outlook
📍 ทองคำทรงตัวลงท่ามกลางดอลลาร์แข็งค่า-บอนด์ยีลด์พุ่ง ขณะตลาดเบาบางช่วงวันหยุด
💎 ภาพรวมตลาดทองคำ
ราคาทองคำปรับตัวลดลงเล็กน้อยในการซื้อขายที่เบาบางช่วงเทศกาลวันหยุด โดยได้รับแรงกดดันจากดัชนีดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น 0.4% แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปีที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ความน่าสนใจในการถือครองทองคำลดลง
📊 ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคา
▪️ การปรับลดคาดการณ์ดอกเบี้ย
ตลาดยังคงย่อยข้อมูลจากการประชุม FOMC ครั้งล่าสุด ที่ส่งสัญญาณว่าอาจมีการชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นปี 2568 ทั้งในเดือนมกราคมและมีนาคม ส่งผลให้ราคาทองคำร่วงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน
▪️ ผลงานทองคำปี 2567
ทองคำสร้างสถิติสูงสุดใหม่หลายครั้งในปีนี้ โดยปรับตัวขึ้น 27% นับเป็นผลตอบแทนรายปีที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2553 ขับเคลื่อนโดยการซื้อของธนาคารกลาง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลัก
▪️ ปัจจัยการเมืองสหรัฐฯ
การเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ในวันที่ 20 มกราคม และนโยบายเบื้องต้นที่อาจประกาศใช้ มีแนวโน้มเพิ่มความผันผวนในตลาดและอาจส่งผลบวกต่อราคาทองคำ
📈 วิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาทองคำเริ่มเคลื่อนไหวในกรอบแคบลงชัดเจน เนื่องจากเข้าสู่ช่วง Christmas Eve ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายเบาบางมาก แนะนำให้รอดูทิศทางตลาดก่อนเข้าลงทุนในช่วงนี้
📊 กรอบแนวรับ-แนวต้าน (07:40)
XAUUSD
สถานะ: 📉 Slightly Bearish
🔼 แนวต้าน 3: $2,638
🔼 แนวต้าน 2: $2,630
🔼 แนวต้าน 1: $2,619
——————————
🔽 แนวรับ 1: $2,613
🔽 แนวรับ 2: $2,605
🔽 แนวรับ 3: $2,600
✍️ วิเคราะห์โดย: Beam 🕵️♂️
รูปแบบชาร์ต
Weekly Update Trend XAUUSD(Gold) by C.AugustAbout Trend
แนวโน้มทองคำแบ่งเป็น 2 ภาพคร่าวๆดังนี้
-ภาพ Secondary trend : มุมมองขาลง(Down trend) จนกว่าราคาจะเบรค High ที่ 2726.3
-ภาพ Minor trend : มุมมองขาขึ้น(Up trend) มีจุดยกเลิกมุมมองเมื่อราคาหลุด Low ที่ 2587.2
กลยุทธ์ คือ รอเด้ง Sell ให้ดีควรรอให้ภาพ Minor trend กลับมาสอดคล้องกับ Secondary trend ก่อนก็จะปลอดภัยกว่าการ Sell ตอนนี้เลย
__________
About Momentum
-หากสังเกตุจาก Squeeze Momentum นั้นจะเห็นได้ว่าในภาพ 1h มีการ Slope Down อยู่สวน Minor trend แต่สนับสนุนการลงของภาพ Secondary trend
-จากรอบของ Williams %R ราคามีการทำ Oversold และมีการยก Low จากวงกลมที่ผมได้วงไว้ล่าสุด และราคาก็มีการทำ Overbought ที่ทำ High สูงขึ้นด้วย ทำให้มีมุมมองขึ้นอยู่จากรอบของ %R หากให้ดีกับฝั่ง Sell ก็ต้องเห็นการรีบาวขึ้นมาแล้วเกิด Over bought แต่ไม่ทำ High สูงกว่า 2633.4 เกิด Reversal Candle stick ก็สามารถ Bet Sell ได้
-หากสังเกตุ Bollinger Band ก็จะเห็นได้ว่าล่าสุดราคาพึ่งจะมีการเบรค Lower Band ลงมาทำให้ภาพของความผันผวน+การเบี่ยงเบนมาตรฐานนั้น ราคาเวลานี้เบี่ยง้บยมาทางลง สนุบสนุนมุมมอง Sell
__________
-สรุปกลยุทธ์ควบคู่กับ Momentum คือ ยังคงเน้นไปที่เด้ง Sell สามารถ Bet Sell ได้บางส่วนแต่หาก Conservative trading นั้นรอให้เห็นถึงรอบ %R ทำ High Over bought ต่ำลงก่อนก็จะปลอดภัยกว่ากับการเล่น Sell
__________
About Expected Price
โดยมีแนวราคาคาดหวังกรณีที่ราคาเลือกที่จะลงต่อในสัปดาห์นี้ ที่ Range Volatile Week Low คือ 2566.5 กับ Range Month Low เลยที่ 2554.5 แต่หากราคาเลือกที่จะขึ้นในสัปดาห์นี้นั้นก็สามารถขึ้นไที่ Range Volatile Week High ได้ที่ 2675-2680 ได้เช่นกัน
กลยุทธ์การซื้อขายทองคำต้นสัปดาห์ที่ 2 23 ธันวาคมปีแห่งการทำลายสถิติของทองคำ
สามารถกล่าวได้ว่าในปี 2024 ทองคำเป็นช่องทางการลงทุนที่น่าสนใจที่สุด โดยมีการทำลายสถิติใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ ท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมืองและการคาดการณ์สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคม ราคาทองคำยังคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในปี 2025
ประการแรก คือ ความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นในบริบททางการเมืองโลก โดยมีสงครามเกิดขึ้นในยุโรปและตะวันออกกลาง ซึ่งทำให้การลงทุนในทองคำเพิ่มขึ้นเป็นที่หลบภัย
ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการขัดแย้งทางการค้าทั่วโลกยังเป็นตัวกระตุ้นให้ธนาคารกลางในประเทศตลาดเกิดใหม่และเอเชียเริ่มสะสมทองคำมากขึ้น ซึ่งได้ทำตามธนาคารกลางในประเทศพัฒนาแล้วที่มีการจัดสรรเงินสำรองมากขึ้นในทองคำ
การสะสมทองคำโดยธนาคารกลางทั่วโลกถือเป็นการป้องกันตัวจากแรงกดดันภายนอก เช่น สงครามการค้าที่อาจเกิดขึ้นจากการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งที่สองของโดนัลด์ ทรัมป์ และความตึงเครียดทางการเมืองในยูเครนและตะวันออกกลาง ประเทศในยุโรปตะวันออกกำลังพยายามเติมเต็มคลังทองคำของตน
ในปีนี้ ราคาทองคำทำลายสถิติมากมาย: 2,500 USD/oz, 2,600 USD/oz, 2,700 USD/oz และทำลายสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2,826.2 USD/oz ในวันที่ 30 ตุลาคม จนถึงวันที่ 20 ธันวาคม ราคาทองคำทั่วโลกมีการซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 2,602 USD/oz ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 26% เมื่อเทียบกับต้นปี
Goldman Sachs คาดการณ์ว่าราคาทองคำอาจแตะ 3,000 USD/oz ภายในปลายปี 2025 โดยธนาคารการลงทุนนี้ยังระบุว่าทองคำเป็นหนึ่งในสินค้าคงคลังที่ดีที่สุดในปี 2025 และนโยบายของประธานาธิบดีที่ได้รับเลือกใหม่ โดนัลด์ ทรัมป์ อาจทำให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นต่อไป
จากมุมมองทางเทคนิค ในระยะสั้นและระยะกลาง โครงสร้างการลดลงของราคาได้รับการยืนยันแล้ว และความหวังคือการลดราคานี้จะยังคงดำเนินต่อไปในสัปดาห์หน้า แต่ก็มีความคาดหวังว่าในช่วงต้นสัปดาห์ราคาจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพื่อหาตำแหน่งขายที่ดีกว่า
โปรดทราบว่าในสัปดาห์หน้าจะมีวันหยุดคริสต์มาสและปีใหม่ ดังนั้นตลาดอาจจะไม่เคลื่อนไหวมากเกินไป
ปัจจุบันราคาทองคำอยู่ในช่วงราคา 2,663 - 2,582 USD ถ้าผ่านช่วงนี้ได้ เราจะสามารถพูดถึงระดับแนวต้านและแนวรับถัดไป
สำหรับตอนนี้ ให้จับตาดูช่วงราคาที่ (2,632 - 2,636) และช่วงราคาที่ (2,600 - 2,604) เราจะรอให้ช่องว่างราคาปิดลงก่อนที่จะทำการซื้อขายที่ปลอดภัยในช่วงท้ายปี
แผนการเทรด
โซนขาย: 2,650 - 2,652
SL: 2,656
TP: ????
โซนซื้อ: 2,601 - 2,603
SL: 2,595
TP: ????
โปรดสังเกตช่วงราคาของเซสชั่นเอเชียและยุโรป เราจะอัปเดตช่วงราคาสำหรับเซสชั่นสหรัฐอเมริกาเพื่อช่วยให้เทรดเดอร์ทำการตัดสินใจ โปรดทราบว่าในช่วงปลายปี ตลาดอาจมีสภาพคล่องต่ำ ซึ่งอาจทำให้เกิดการปรับราคาที่ไม่คาดคิด ดังนั้นจึงควรระมัดระวังในการตั้ง Stop Loss สำหรับสัญญาณการเทรดแต่ละอัน ขอให้โชคดี!
**การวางแผนการเทรด BTC/USD จาก TD Countdown #13**23/12/24 เราจะวางแผนการเทรดจากกราฟ BTC/USD โดยใช้ข้อมูล TD Sequential และตัวแปรในกราฟร่วมกัน เพื่อสร้างแผนการเทรดที่เหมาะสมที่สุด:
---
### **การวางแผนการเทรด BTC/USD จาก TD Countdown #13**
#### **1. การประเมินสถานการณ์เบื้องต้น**
- **TD Countdown #13**: เป็นสัญญาณเตือนว่าแนวโน้มปัจจุบันอาจกำลังเข้าสู่จุดอิ่มตัว (จบแนวโน้ม)
- **โมเมนตัมใน AO (Awesome Oscillator)**: แท่งสีแดงแสดงว่าตลาดอยู่ในขาลงและโมเมนตัมอ่อนแรงลง
- **แนวรับ-แนวต้านสำคัญ**:
- Pivot Points: (98,527)
- แนวต้าน: R1 (104,733), R2 (108,567), R3 (114,773)
- แนวรับ: S1 (92,321), S2 (88,487), S3 (82,281)
---
### **2. กลยุทธ์การเทรด (Trade Plan)**
#### **(A) สำหรับขาลง (Bearish Bias)**
##### **1. Follow Sell เมื่อราคา Break แนวรับสำคัญ**
- **Trigger Entry**: เมื่อราคาหลุด **92,321 (S1)** อย่างชัดเจน พร้อมวอลุ่มสูง
- **เป้าหมายกำไร (Take-Profit)**:
- ระยะสั้น: 88,487 (S2)
- ระยะยาว: 82,281 (S3)
- **ตั้ง Stop-Loss**: เหนือแนวต้าน Pivot ใกล้ที่สุด เช่น 94,500 (ราคาเปิดปัจจุบัน)
##### **2. Short Sell ในโซนต้าน**
- หากราคารีบาวด์ขึ้นไปในโซนต้าน **98,527 (Pivot)**:
- เปิดคำสั่ง Short Sell บริเวณโซนต้าน (R1) พร้อมตั้งเป้ากำไรที่ 92,321 (S1)
- Stop-Loss: 100,000 (เหนือ R1 เล็กน้อย)
---
#### **(B) สำหรับขาขึ้น (Bullish Bias)**
##### **1. Follow Buy เมื่อราคากลับขึ้นมาเหนือ Pivot**
- **Trigger Entry**: เมื่อราคายืนเหนือ **98,527 (Pivot)** อย่างมั่นคง พร้อมวอลุ่มสนับสนุน
- **เป้าหมายกำไร (Take-Profit)**:
- ระยะสั้น: 104,733 (R1)
- ระยะยาว: 108,567 (R2)-R3 (114,773)
- **ตั้ง Stop-Loss**: ต่ำกว่า 95,000 (ใต้ Pivot)
##### **2. Long Buy เมื่อราคาทดสอบแนวรับ S1-S2**
- หากราคาแตะ **92,321 (S1)** และเกิด Price Action การกลับตัว เช่น Pin Bar หรือ Bullish Engulfing:
- เข้าซื้อ (Long Buy) ในโซนแนวรับ
- ตั้งเป้าหมายกำไร:
- ระยะสั้น: 98,527 (Pivot)
- ระยะยาว: 104,733 (R1)
- ตั้ง Stop-Loss: 90,000 (ต่ำกว่า S1)
---
### **3. ตัวอย่างแผนการเข้า-ออก**
| สถานการณ์ | Trigger Entry | Take-Profit | Stop-Loss |
|--------------------|--------------------------|-----------------------|------------------|
| Short (Break S1) | < 92,321 (S1) | S2: 88,487 / S3: 82,281 | > 94,500 |
| Short (Rebound R1) | ~ 98,527 (R1) | S1: 92,321 | > 100,000 |
| Long (Break R1) | > 98,527 (R1) | R2: 104,733 / R3: 108,567 | < 95,000 |
| Long (Test S1) | ~ 92,321 (S1) | R1: 98,527 | < 90,000 |
---
### **4. การจัดการความเสี่ยง (Risk Management)**
- ใช้ **Risk/Reward Ratio** ขั้นต่ำ 1:2 หรือ 1:3
- ความเสี่ยงต่อการเทรด (Risk per Trade) ควรไม่เกิน 1-2% ของพอร์ตลงทุนทั้งหมด
- **Position Sizing**: ปรับขนาดการเทรดให้เหมาะสมตามระยะห่าง Stop-Loss และเงินทุน
---
### **5. ข้อควรระวัง**
- ระวังการเข้าเทรดในช่วงที่ไม่มีวอลุ่มหรือ Price Action ยืนยัน
- ตรวจสอบข่าวสารตลาดที่อาจมีผลต่อราคา เช่น การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ
---
แผนนี้เน้นทั้งการเทรดตามแนวโน้มและการจับจังหวะกลับตัวโดยใช้ TD Countdown #13 และ Pivot Points ร่วมกับอินดิเคเตอร์สนับสนุน เช่น AO และ FVG ครับ!
EURGBP Take Order nowเทรนหลักตอนนี้เป็น เทรน ขาขึ้น ใน TF D1-W1
กรณีเข้าออเดอร์ ณ จุดนี้ พิจารณาว่า เป็นการเข้าออเดอร์แบบ แพตเทิร์น Order block และ การทำ QML ใน TF m30
ใน TF m30 มีการทดสอบจุด Order block แล้วไม่ผ่าน มองว่าจุดนี้เป็นแนวต้านที่แข็งแรง และ ใน TF H1 เกิดการเทขาย ณ จุดสำคัญนี้
Zone entry : 0.82905
TP 1 : 0.82661
TP 2 : 0.82337
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมและกดติดตามด้วยนะครับ
🙏ขอให้ โชคดีเป็นของทุกคน🙏
กรุณาลงทุนแบบมีสติ GOOD LUCK
Gold Trend - MT ขาลงยังไม่เสร็จสมบูรณ์ใช่ไหม?ราคาทองคำมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากพลิกกลับจากระดับสูงสุดในสัปดาห์ก่อนที่ 2,726 จุด การลดลงเร่งตัวขึ้นหลังการประชุมอัตราดอกเบี้ยของเฟดเมื่อวันพุธ ไม่สามารถรองรับที่ 2,630(1) และกลับมาสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนใกล้ 2585 จากนั้นวันศุกร์ ข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ลดลงเล็กน้อย ทำให้ทองคำดีดตัวขึ้นมาเหนือ 2,600 จุด ปิดสัปดาห์ที่ 2,622 ดอลลาร์ (ลดลง 25 ดอลลาร์จากสัปดาห์ก่อน)
ดังที่ได้กล่าวไว้เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน คาดว่ากำไรจะพุ่งเหนือ 2,700 อย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่สิ้นปีก็ใกล้จะสิ้นปีแล้ว หลังจากการประชุมของ Fed ปัจจัยพื้นฐานของตลาดก็เริ่มเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ประธานเฟด พาวเวลล์ ระบุว่า จำนวนการลดอัตราดอกเบี้ยจะลดลงในปี 2568 จากที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ 4 เท่าเหลือ 2 เท่า อัตราเงินเฟ้อที่ค่อนข้างสูงในปีหน้าและสภาพแวดล้อมที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงจะช่วยสนับสนุนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะเดียวกันก็รักษาราคาทองคำภายใต้แรงกดดัน นโยบายภาษีของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่จะเป็นปัจจัยสำคัญในการเป็นผู้นำราคาทองคำในปีหน้า
กราฟ 1 ชั่วโมง (ด้านบน) > ราคาทองคำดีดตัวขึ้นหลังแตะระดับ 2583 ปลายสัปดาห์ที่แล้ว กลายเป็นจุดต่ำสุด S-T คาดจุดรีบาวด์ใกล้ 2650 สัปดาห์นี้ ตลาดน่าจะค่อนข้างเงียบ เอา 2580-2650 เป็นช่วงซื้อขายตอนนี้จนกว่าตลาดจะพัฒนาต่อไปในสัปดาห์นี้
กราฟรายวัน (ด้านบน) > ทองคำถูกปฏิเสธโดย 2700 สองครั้งในกราฟรายวัน ทำให้เกิดรูปแบบ double top (3) การขายชอร์ตน่าจะควบคุมตลาดได้ เนื่องจากผ่านแนวรับจาก double top neckline (3.1) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากการดีดตัวของ S-T ในปัจจุบัน แนวโน้มขาลงน่าจะกลับมาดำเนินต่อและคาดว่าราคาจะกลับไปอยู่ที่ประมาณ 2540-50 ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ระยะการทำงานของ MT จะเป็น 2535-2730(4)
P.To
BTCUSD : ระบบ ATR Trend Following มีสัญญาณ "ขาย" 23/12/2024อธิบาย : ระบบ ATR Trend Following ใช้หลักการง่ายๆ คือ เอา ATR x multiplier มาตีกรอบราคาที่จะแกว่งของ BTC ถ้าทะลุกรอบ ก็จะเกิดการ flip ของสัญญาณ เช่น จากซื้อเป็นขาย หรือจากขาย เป็นซื้อ เป็นต้น
ความเห็นของผม : รอบนี้ถ้าเรามอง%ของการขึ้น ก็ถือว่าเป็น % ที่เยอะมากอยู่ครับ โดย BTC ขึ้นไปสูงถึง +44% รวมถึงเป็นรอบการขึ้นที่ค่อนข้างนานอีกด้วย นั่นก็คือ กินเวลาไปราวๆ 2 เดือน และยังไม่พอ ยังทำ ATH ทะลุหน้าประวัติศาสตร์ 100k ที่หลายๆ คนมองว่า มันจะไปถึงได้ไงวะ ( รวมถึงตัวผมเองด้วยครับ 55 )
แต่ก็นั่นแหละ มันก็ไม่มีอะไรขึ้นไปได้ตลอด มีขึ้นก็มีลง เป็นเรื่องปกติ และในวันนี้ BTC Daily Trend ก็เปลี่ยนมาเป็นขาลงเรียบร้อยแล้ว จริงๆ เปลี่ยนมาเป็นขาลงตั้งแต่มันหลุด EMA18D แล้วไม่กลับขึ้นไปเลย ตั้งแต่วันที่ 19/12/2024 แล้วครับ แต่ก็ยื้อๆ ขอบล่างของ ATR มาหลายวัน จนเพิ่งจะมาหลุดวันนี้นี่แหละ
หลังจากนี้ มันก็จะมีทางเลือกแค่ 2 ทางเท่านั้น ก็คือ ไม่ขึ้น ก็ลงต่อ ถ้ามันจะกลับขึ้นไปใหม่ได้ มันก็ต้องไปปิดแท่งเหนือขอบบนของ ATR ที่ 105k ถ้าเราทำตามระบบ เราก็แค่เข้าใหม่เท่านั้นเองครับ แต่ ถ้ามันลงต่อ เราก็สบายๆ ตัวละ เพราะก็ได้ทยอยขายออกไปแล้วไม้นึง ตามระบบ ก็สามารถ lock กำไรไว้ได้เรียบร้อยแล้วนั่นเอง 55 ก็รอดูกันไปนะครับ ว่าจะไปทางไหนต่อ ขึ้นก็ได้ ลงก็ดี ไม่มีปัญหา :D
BTC ATR = เขียว ( 15/10/2024 )
------------------
Entry : 66000+-
Exit : 61000 (-7.5%)
Position Size = 13% ของพอร์ต ( Risk1% )*
* ปัดเศษเพื่อความง่ายต่อการคำนวณ
BTC ATR = แดง ( 23/12/2024 )
------------------
Entry : 66000+-
TP : 95186 ( +44.22% )
Position Size = 13% ของพอร์ต ( Risk1% )
Actual Profit = 13%*44% = 5.75% (5.7R)
---------------------------
สรุปผลกำไร สะสม ของทุกระบบ ในปี 2024 ได้ดังนี้
* รายการกำไรนี้ เป็นการคำนวณตรงๆ ยังไม่ได้ใส่ค่า fee และ slippage เข้าไปนะครับ ดังนั้น กำไรจริงๆ ของการทำตามระบบ ก็น่าจะต่ำกว่านี้พอสมควรครับ
(8Feb-17Mar) ATR = +6.61% ที่ความเสี่ยง 1% ( 6.61R )
(9Apr-14Apr) ATR = -1.06% ที่ความเสี่ยง 1% (-1.06R )
(10Feb-14Apr) BreakHigh = +4.94% ( 4.94R )
(2Feb-17Apr) ActionZone = +9.6% ( 9.6R )
(16May-15Jun) ATR = -0.023%
(19May-18Jun) ActionZone = -0.059%
(1Jan-25Jun) EMA120DCross = +5.95% ( 5.95R )
(16Jul-3Aug) ATR = -0.5%
(16Jul-3Aug) EMA120DCross = -0.5%
(20Jul-5Aug) ActionZone = -0.9%
(24Aug-27Aug) EMA120DCross = -0.7%
(26Aug-30Aug) ActionZone = -0.75%
(24Aug-2Sep) ATR = -1.04%
(14Sep-2Oct) ATR = +0.05%
(19Sep-2Oct) EMA120DCross = -0.155%
(25Sep-2Oct) BreakHigh = -0.538%
(15Oct-23Dec) ATR = 5.74%
(19Sep-???) ActionZone = ?%
(15Oct-???) BreakHigh = ?%
(15Oct-???) EMA120D = ?%
Sum กำไรสะสมของปี 2024 = 20.91+5.75 = 26.66% ที่ความเสี่ยง 1% ต่อระบบต่อครั้ง
* โดยกำไรด้านบน ยังไม่ใช่กำไรสุทธิ เพราะยังเหลืออีก 3 ระบบที่ยังไม่ได้ realized profit นะครับ ซึ่งตอนนี้อีก 3 ระบบที่เหลือมีกำไรรวมราวๆ +16.76% ถ้ารวมกับยอดที่ realized ไปแล้วอีก 26.66% ในปีนี้ก็มีกำไรเบื้องต้นอยู่ที่ 43.42% ครับ สำหรับความเสี่ยง 4% ก็ตีคร่าวๆ ก็เกือบ 11R เลยนะ ถือว่าเป็นปีที่ดีมากๆ ปีนึงครับ
Gold Market Outlook [23 ธันวาคม 2567]🌟 Gold Market Outlook
📰 ทองพุ่งปิดตลาด $37 รับอานิสงส์ดอลลาร์อ่อน-บอนด์ยีลด์ร่วง หลังเงินเฟ้อสหรัฐต่ำกว่าคาด
💰 สรุปภาวะตลาดทองคำ
ราคาทองคำปิดตลาดในแดนบวกอย่างแข็งแกร่งในการซื้อขายวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนสำคัญจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐที่ร่วงลง 0.6% จากระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี พร้อมกับการปรับตัวลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ส่งผลให้ต้นทุนการถือครองทองคำลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
📊 ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคา
• เงินเฟ้อสหรัฐชะลอตัว
ดัชนี PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้นเพียง 2.4% ในเดือนพฤศจิกายน ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 2.5% สะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันด้านราคาที่เริ่มผ่อนคลายลง
• แนวโน้มนโยบายการเงิน
แม้ราคาทองจะปรับตัวลดลง 0.9% ในรอบสัปดาห์ เนื่องจากเฟดส่งสัญญาณผ่าน dot plot ว่าจะปรับลดดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปี 2568 แต่ตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงอาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดพิจารณาผ่อนคลายนโยบายการเงินเร็วขึ้น
📈 มุมมองทางเทคนิค
ราคาทองคำมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบจำกัดในช่วงต้นสัปดาห์หน้า เนื่องจากเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวและปัจจัยขับเคลื่อนตลาดที่จำกัด แนะนำให้เทรดเดอร์เน้นการเก็งกำไรระยะสั้นตามแนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ
📊 กรอบแนวรับ-แนวต้าน
XAUUSD
สถานะ: 📉 Slightly Bearish
🔼 แนวต้าน 3: $2,643
🔼 แนวต้าน 2: $2,636
🔼 แนวต้าน 1: $2,630
——————————
🔽 แนวรับ 1: $2,613
🔽 แนวรับ 2: $2,607
🔽 แนวรับ 3: $2,590
✍️ วิเคราะห์โดย: Beam 🕵️♂️
23-27 ธันวามคม 2567 ไม่ใช่ช่วงเวลาแพนิค มองหาโอกาสในตลาดหุ้นไทย23-27 ธันวามคม 2567 ไม่ใช่ช่วงเวลาแพนิค ควรมองหาโอกาสในตลาดหุ้นไทย
### การวิเคราะห์กราฟทางเทคนิคแบบมืออาชีพ (Elliott Wave และ Fibonacci Analysis)
จากภาพที่แสดง คือ SET50 แสดงการนับคลื่น **Elliott Wave** ซึ่งอยู่ในโครงสร้างของ Impulse Wave (5 คลื่น) โดยระบุว่า:
- **W1**: คลื่นขาขึ้นแรกที่เริ่มต้นแนวโน้มใหญ่
- **W2**: การพักตัว (Correction) แรก
- **W3**: คลื่นที่ยาวที่สุดและแข็งแรงที่สุด
- **W4**: กำลังอยู่ระหว่างการปรับฐาน
---
### การประเมินตำแหน่งของ W4
**คลื่นที่ 4 (W4)** มักมีลักษณะดังนี้:
1. **โครงสร้าง Correction**:
- รูปแบบ W4 มักเป็น **Flat, Zigzag หรือ Triangle** ขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของตลาด
- การพักตัวจะไม่ลงต่ำกว่าโซน **Wave 1** (หากเป็น Impulse Wave ตามทฤษฎี Elliott)
2. **Fibonacci Retracement**:
- ระดับราคาสำคัญที่มักใช้ในการคาดการณ์จุดจบของ W4 คือ:
- **38.2% Fibonacci Retracement**: (901.16) - เป็นเป้าหมายตื้น
- **50% Fibonacci Retracement**: (881.20) - เป็นเป้าหมายกลาง
- **61.8% Fibonacci Retracement**: (861.24) - เป็นเป้าหมายลึก
- โครงสร้าง W4 มีโอกาสลงมาทดสอบ **50%-61.8% Retracement** ก่อนกลับตัวเป็น W5
3. **Fibonacci Time Zone**:
- ช่วงเวลาในภาพแสดงให้เห็นว่า W4 อาจจบใกล้จุด **Fibonacci Time Zone 0.5-0.618** ซึ่งสอดคล้องกับวันที่:
- ช่วงปลาย **ธันวาคม 2024** ถึงต้น **มกราคม 2025**
4. **Awesome Oscillator (AO)**:
- AO แสดงลักษณะการชะลอตัวของแรงขาย (Histogram ลดความยาวลงในแดนลบ)
- บ่งชี้ว่าคลื่น W4 กำลังเข้าสู่จุดใกล้เคียงกับการจบ Correction
---
### การคาดการณ์กรอบราคาและเวลา
จากการวิเคราะห์:
1. **กรอบราคา**:
- เป้าหมายการจบ W4 อยู่ในโซน **861-883**:
- **ระดับ 50% (881.20)**: เป็นแนวที่น่าสังเกตมากที่สุด เพราะใกล้กับระดับ Pivot สำคัญ
- **ระดับ 61.8% (861.24)**: หากตลาดมีแรงขายต่อเนื่องในระยะสั้น
2. **ช่วงเวลา**:
- คลื่น W4 มีโอกาสจบในช่วง **20 ธันวาคม 2024 - 6 มกราคม 2025**
- ช่วงนี้สอดคล้องกับ Fibonacci Time Zone (0.5-0.618) และลักษณะการชะลอตัวของ Momentum
---
### สัญญาณยืนยันการจบ W4
ควรติดตามปัจจัยต่อไปนี้เพื่อยืนยันว่าคลื่น W4 จบ:
1. **รูปแบบราคา (Price Action)**:
- สัญญาณกลับตัว เช่น Pin Bar, Engulfing บริเวณ 861-883
2. **Breakout ของแนวต้านย่อย**:
- เมื่อราคาเริ่มยืนเหนือแนวต้านที่ **901.16**
3. **Awesome Oscillator**:
- Histogram ใน AO เปลี่ยนจากลบเป็นบวก
---
### สรุป
1. W4 คาดว่าจะจบในกรอบราคา **861-883**
2. ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับจุดกลับตัวคือ **ปลายธันวาคม 2024 ถึงต้นมกราคม 2025**
3. การกลับตัวสู่ W5 จะยืนยันได้เมื่อราคายืนเหนือ 901.16 และ AO เริ่มเปลี่ยน Momentum
แนะนำติดตามใกล้ชิดที่ระดับ Fibonacci 50%-61.8% เพื่อหาจังหวะเข้าเทรดในคลื่น W5!
................
### **แผนการเทรดสำหรับการจบ W4 และเตรียมตัวเข้าสู่ W5**
#### **1. ประเมินแนวรับสำคัญ (จุดที่ W4 อาจจบ)**
จากการวิเคราะห์:
- **แนวรับหลัก**:
- **881.20 (50% Fibonacci)**: มีโอกาสสูงที่ราคาจะดีดตัวกลับ
- **861.24 (61.8% Fibonacci)**: แนวรับถัดไป หากแรงขายยังคงกดดัน
- **โซนการจบ Correction ของ W4**: ระหว่าง **861-883**
---
#### **2. การตั้งแผนเทรด**
##### **A. แผนสำหรับการซื้อ (Buy Plan)**
1. **เข้าซื้อ (Buy)**:
- รอให้ราคายืนยันกลับตัวในโซน **861-883**
- มองหาสัญญาณกลับตัว เช่น:
- แท่งเทียนกลับตัว (Pin Bar, Bullish Engulfing)
- Breakout ของแนวต้านระยะสั้น (บริเวณ 890)
2. **จุด Cut Loss**:
- ตั้ง Stop Loss ใต้แนว **860** (ต่ำกว่า 61.8% Fibonacci)
3. **เป้าหมายกำไร (Take Profit)**:
- เป้าหมายแรก: **925** (23.6% Fibonacci Retracement ของ W3)
- เป้าหมายถัดไป: **965-975** (จุดสูงสุดของ W3)
##### **B. แผนสำหรับรอการยืนยัน**
- หากราคาไม่ดีดตัวทันทีที่ 50%-61.8%:
- รอราคายืนเหนือ **901** (38.2% Fibonacci) เพื่อคอนเฟิร์มการกลับตัว
- เข้าซื้อเมื่อเห็น Volume เพิ่มขึ้น และมีสัญญาณ Breakout ชัดเจน
---
#### **3. การจับตาเวลา**
- ติดตามใกล้ชิดในช่วง **20 ธันวาคม 2024 - 6 มกราคม 2025**:
- ช่วงนี้คาดว่าเป็นจุดสิ้นสุดของ W4 ตาม Fibonacci Time Zone
- ใช้กรอบเวลารายวัน (Daily) ในการยืนยันสัญญาณกลับตัว
---
#### **4. สัญญาณสนับสนุน (Confirmations)**
- **Awesome Oscillator (AO)**:
- หาก Histogram เปลี่ยนจากแดง (ลบ) เป็นเขียว (บวก) เป็นสัญญาณสำคัญ
- **Volume**:
- ดูการเพิ่มขึ้นของ Volume เมื่อราคาดีดตัว
- **Breakout**:
- การทะลุแนวต้านที่ **890-901** จะเพิ่มความมั่นใจในการเข้าซื้อ
---
### **สรุปแผนการเทรด (Key Points)**
1. รอเข้าซื้อในโซน **861-883** พร้อมสัญญาณกลับตัว
2. ตั้ง Stop Loss ใต้ **860**
3. เป้าหมายกำไรระยะสั้น **925** และระยะยาว **965-975**
4. เน้นดูสัญญาณกลับตัวทั้ง Price Action, AO, และ Volume
5. ช่วงเวลาเหมาะสม: **ปลาย ธ.ค. 2024 ถึงต้น ม.ค. 2025**
**แนะนำให้ติดตามกราฟอย่างใกล้ชิด และอย่าลืมจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม!**
Day Trading Strategy กลยุทธ์การเทรดรายวันมีอะไรบ้างนะ?Day Trading Strategy
กลยุทธ์การเทรดรายวันมีอะไรบ้างนะ?
👽👽 กลับมาพบเจออกันอีกแล้ว กับเทคนิคการทำกำไร ทริคดีๆทริคเด็ดๆ ที่แอดเอามาฝากกันเช่นเคย บทความนี้เอาใจสายเทรดที่ชอบเก็บกำไรทุกวันครับ มาครับมา ใครชื่นชอบหรือเสพติดการเทรดแบบรายวันต้องอ่านแล้วน๊า
การเทรดรายวัน (Day Trading) คือการซื้อและขายสินค้าหรือสินทรัพย์ทางการเงินให้จบภายในวันเดียวกัน โดยมีจุดมุ่งหมายในการทำกำไรจากความผันผวนของราคาในตลาด โดยการเปิดและปิดจบในวันเดียว ไม่มีแช่ หรือข้ามวันนั่นเอง
กลยุทธ์ Day Trading มีอะไรบ้าง
1. การเทรดแบบ Scalping
กลยุทธ์นี้ใช้กรอบเวลาตั้งแต่ 1นาทีขึ้นไป จนถึง 30 นาที ทำกำไรได้น้อย แต่บ่อยครั้ง
2. กลยุทธ์ Range trading
กลยุทธ์นี้ส่วนใหญ่จะใช้ระดับแนวรับและแนวต้านเป็นหลัก เพื่อกำหนดจุดในการเข้า หรือเรียกว่า Swing Trading โดยจะเข้าทำกำไรและถือนานเป็นชั่วโมงหรือเป็นวัน แต่ไม่ข้ามวัน
3. กลยุทธ์ News-based trading
กลยุทธ์นี้จะทำการซื้อขายจากความผันผวน เหตุการณ์ข่าวและพาดหัวข่าว เพราะกราฟค่อนข้างวิ่งเร็วและแรง ส่วนใหญ่นิยมเทรดหลังจากข่าวออกตั้งแต่วินาทีแรก จนถึง15 นาที แรก และ เทรดอีกครั้ง หลังข่าวออกไปแล้วอีก 15 นาที เรียกว่าเก็บรอบกำไรได้หลายทางแล้วแต่ความถนัดและความชำนาญ
4. กลยุทธ์ Reversal
กลยุทธ์นี้จะทำการซื้อขายจากการกลับตัวของเทรนในระยะสั้นและระยะยาวได้หมด ขึ้นอยู่กับแพทเทรินก่อนหน้าที่เป็นตัวบอกเทรนด์
เทคนิคการเทรดรายวัน
1. การวิเคราะห์เทคนิค (Technical Analysis) พวกกราฟแท่งเทียนเป็นต้น
2. การวิเคราะห์ข่าวสารและเหตุการณ์ (Fundamental Analysis) อ่านข่าวให้เยอะเข้าไว้
3. การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ (Indicators) สำคัญมากเลือกให้ตรงกับใจเราคือใช้แล้วชอบใช้แล้วดีนั่นเอง
4. การกำหนดเป้าหมายและวางแผนการเทรด เราจะได้เทรดตามแผนเป้าหมายได้ง่ายขึ้น
5. การควบคุมการเสี่ยง ตัวนี้สำคัญ รู้แพ้ รู้ชนะ ยังไงเราก็กำไรฮะ
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ได้ทริคดีๆในการทำกำไรเพิ่มกันแล้วใช่มั้ยครับ อย่าลืมเอาไปลองใช้กันดูนะฮะ ไม่แน่ว่าอาจจะกลายเป็นเทคนิคการทำกำไรที่ดีของเราเลยก็ว่าได้ แอดหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เราอ่านกราฟได้ดี อ่านกราฟได้เก่งมากขึ้นนะครับ จำไว้เสมอว่ากราฟมีขึ้นแล้วก็มีลง ไม่ต้องไปเครียดกะมันหมั่น ฝึกฝนและเพิ่มเติมความรู้อย่างสม่ำเสมอ รับรอง เทรดยังไงก็รอดครับ และที่สำคัญอย่าลืม MM กันด้วยนะครับ วางแผนดีมีชัยไปกว่าครึ่งแน่นอนครับ แอดเอาใจช่วยสู้ๆ