Gold Market Outlook [Febuary 3, 2025]🌟 Gold Market Outlook
📈 "ทองคำแนวโน้มบวก หลัง Fed ส่งสัญญาณชะลอปรับลดดอกเบี้ย - แนะจับตา NFP สัปดาห์นี้"
ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) 🔍
ตลาดทองคำเริ่มต้นเดือนกุมภาพันธ์ด้วยทิศทางเชิงบวก โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ หลังจากการประชุม FOMC เมื่อสิ้นเดือนมกราคม ที่ส่งสัญญาณชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แม้จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25-4.50% แต่ท่าทีของ Fed ต่อภาวะเงินเฟ้อที่ยังสูงได้สร้างแรงกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์
เศรษฐกิจสหรัฐฯ แสดงสัญญาณชะลอตัวชัดเจน สะท้อนจาก GDP ไตรมาส 4 ที่ลดลงเหลือ 2.7% จาก 3.3% ขณะที่ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานพุ่งสูงถึง 224,000 ราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
ปัจจัยทางเทคนิค (Technical Analysis) 📊
การวิเคราะห์ระยะสั้น (Time Frame 15 นาที)
รูปแบบการเคลื่อนตัว: ราคากำลังเคลื่อนที่ในกรอบ Ascending Channel อย่างชัดเจน โดยมีการทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีการย่อตัวที่เป็นระเบียบ
ดัชนี RSI: อยู่ที่ระดับ 58 ซึ่งยังห่างจากเขต Overbought (70) ทำให้ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้
MACD: เส้น MACD ตัดขึ้นเหนือเส้น Signal Line แสดงถึงโมเมนตัมเชิงบวกในระยะสั้น และ Histogram กำลังขยายตัวเพิ่มขึ้น
Moving Averages: EMA 21 กำลังทำหน้าที่เป็นแนวรับไดนามิกที่แข็งแกร่ง
Volume Profile: ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นในช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้น แสดงถึงแรงซื้อที่มีนัยสำคัญ
การวิเคราะห์รายวัน (Time Frame H1)
แนวโน้มหลัก: ราคาปัจจุบันที่ $2,797.94 กำลังเคลื่อนตัวในแนวโน้มขาขึ้นระยะกลาง โดยมีการสร้าง Higher High และ Higher Low อย่างต่อเนื่อง
RSI (H1): ที่ระดับ 46.05 แสดงถึงโมเมนตัมที่อ่อนตัวชั่วคราว แต่ยังไม่เข้าสู่เขต Oversold ทำให้มีโอกาสฟื้นตัวได้
MACD (H1): ค่า MACD ที่ 3.96 ต่ำกว่า Signal Line ที่ 5.52 เล็กน้อย บ่งชี้ถึงแรงขายระยะสั้นที่เพิ่มขึ้น แต่ยังไม่แสดงสัญญาณการกลับตัวที่ชัดเจน
Bollinger Bands: ราคากำลังเคลื่อนตัวใกล้เส้นกลาง แสดงถึงช่วงของการสะสมแรงซื้อ
Fibonacci Retracement: ระดับ 38.2% ที่ $2,790 กำลังทำหน้าที่เป็นแนวรับสำคัญ
รูปแบบแท่งเทียนที่น่าสนใจ
กราฟ 15 นาที: เกิดรูปแบบ Bullish Engulfing ที่แนวรับ ยืนยันแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้น
กราฟรายชั่วโมง: มีการสร้าง Doji ที่แนวต้าน $2,800 แสดงถึงการชะลอตัวของแรงซื้อ
แนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ 🎯
แนวต้าน:
R3: $2,815 (แนวต้าน Fibonacci Extension 161.8%)
R2: $2,810 (High ของสัปดาห์ที่ผ่านมา)
R1: $2,800 (แนวต้านจิตวิทยาและ Round Number)
แนวรับ:
S1: $2,790 (MA20 H1 และ Fibonacci 38.2%)
S2: $2,780 (MA50 H1)
S3: $2,775 (แนวรับ Channel ระยะกลาง)
กลยุทธ์การเทรดแบบ Multiple Time Frame 💡
Scalping (15 นาที)
ระดับเข้าซื้อ: $2,792-2,795 (บริเวณ EMA 21)
Stop Loss: $2,788 (ใต้แนวรับ Channel)
Take Profit 1: $2,800 (แนวต้านจิตวิทยา)
Take Profit 2: $2,805 (แนวต้าน Channel บน)
อัตราส่วน Risk:Reward = 1:1.5
Day Trading (H1)
Long Position:
จุดเข้าซื้อ: รอย่อตัวที่แนวรับ $2,790
ยืนยันด้วย: Bullish Candlestick Pattern และ RSI เริ่มฟื้นตัว
Stop Loss: $2,785
Take Profit: $2,800 และ $2,810
Short Position:
จุดขาย: แนวต้าน $2,800
ยืนยันด้วย: Bearish Candlestick Pattern หรือ Divergence
Stop Loss: $2,805
Take Profit: $2,790
ปัจจัยที่ควรจับตา 👀
การประกาศตัวเลข NFP วันที่ 7 กุมภาพันธ์ (เป้าหมายต่ำกว่า 200,000 ตำแหน่ง)
ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
การเคลื่อนไหวของดัชนีดอลลาร์ (DXY)
วิเคราะห์โดย : Beam
รูปแบบชาร์ต
MTA : วิธีการใช้ Multiple Timeframe Analysis MTA: วิธีการใช้ Multiple Timeframe Analysis
👰กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับการเทรดวิเคราะห์กราฟและการแชร์เทคนิคคอลแจ่มๆที่ใช้ดีและบอกต่อ หลายคนอาจจะงง กับการเทรดหลายๆทามเฟรม และบางคนก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าการเทรดเพียงแค่ทามเฟรมเดียว หรือ เทรดหลายทามเฟรมมีดีอย่างไร มาครับวันนี้แอดพาไปทำความรู้จักการเทรดแบบ MTA กัน ตามมาอ่านกันได้เลย
การใช้ Multiple Timeframe Analysis (MTA) เป็นเทคนิคที่ช่วยให้เทรดเดอร์เห็นภาพรวมของตลาดได้ชัดเจนขึ้น โดยการวิเคราะห์กรอบเวลาใหญ่เพื่อหาแนวโน้มหลัก และกรอบเวลาเล็กเพื่อหาจุดเข้า-ออกที่แม่นยำ นี่คือขั้นตอนละเอียดในการใช้ MTA อย่างมีประสิทธิภาพ
1. เลือกกรอบเวลาที่เหมาะสม
การวิเคราะห์หลายกรอบเวลาควรใช้กรอบเวลาที่สัมพันธ์กัน เช่น:
กรอบเวลาใหญ่ (Higher Timeframe - HTF): ใช้เพื่อหาแนวโน้มหลัก เช่น Daily (D1), H4
กรอบเวลากลาง (Intermediate Timeframe): ใช้เพื่อยืนยันสัญญาณ เช่น H1
กรอบเวลาเล็ก (Lower Timeframe - LTF): ใช้เพื่อหาจุดเข้า-ออก เช่น M15, M5
2. วิเคราะห์กรอบเวลาใหญ่ (HTF) เพื่อหาแนวโน้มหลัก
ขั้นตอน:
เปิดกราฟกรอบเวลาใหญ่ (เช่น Daily)
ใช้เครื่องมือวิเคราะห์แนวโน้ม เช่น Moving Average (MA), Trendline, หรือ ADX
ระบุแนวโน้มหลัก:
ขาขึ้น (Uptrend): Higher Highs (HH) และ Higher Lows (HL)
ขาลง (Downtrend): Lower Highs (LH) และ Lower Lows (LL)
Sideway/Range: ราคาเคลื่อนที่ในกรอบแนวนอน
ระบุระดับ Support/Resistance ที่สำคัญ
ตัวอย่าง:
หากกราฟ Daily แสดงแนวโน้มขาขึ้น ให้มองหาโอกาสซื้อ (Buy) ในกรอบเวลาเล็ก
หากกราฟ Daily แสดงแนวโน้มขาลง ให้มองหาโอกาสขาย (Sell) ในกรอบเวลาเล็ก
3. วิเคราะห์กรอบเวลากลางเพื่อยืนยันสัญญาณ
ขั้นตอน:
เปิดกราฟกรอบเวลากลาง (เช่น H4)
ตรวจสอบว่าแนวโน้มในกรอบเวลากลางสอดคล้องกับกรอบเวลาใหญ่หรือไม่
ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เพิ่มเติม เช่น Fibonacci Retracement, RSI, หรือ MACD เพื่อหาจุดกลับตัวหรือสัญญาณยืนยัน
ตัวอย่าง:
หากกราฟ Daily เป็นขาขึ้น และกราฟ H4 แสดง Pullback (การปรับตัวลงชั่วคราว) ให้มองหาโอกาสซื้อเมื่อราคากลับมาทะลุแนวต้านหรือยืนเหนือ MA
4. วิเคราะห์กรอบเวลาเล็ก (LTF) เพื่อหาจุดเข้า-ออก
ขั้นตอน:
เปิดกราฟกรอบเวลาเล็ก (เช่น M15)
หาจุดเข้าเทรดโดยใช้สัญญาณจาก Price Action หรือตัวบ่งชี้ เช่น:
Price Action: รูปแบบแท่งเทียน (Pin Bar, Engulfing, Inside Bar)
ตัวบ่งชี้: RSI, Stochastic Oscillator, หรือ MACD
ตั้ง Stop Loss และ Take Profit โดยอ้างอิงจากกรอบเวลาใหญ่และกลาง
ตัวอย่าง:
หากกราฟ Daily และ H4 แสดงแนวโน้มขาขึ้น และกราฟ M15 แสดงสัญญาณซื้อ (เช่น Bullish Engulfing) ให้เข้าซื้อและตั้ง Stop Loss ต่ำกว่า Support ล่าสุด
5. จัดการความเสี่ยงและวางแผนเทรด
Stop Loss: ตั้ง Stop Loss โดยอ้างอิงจากกรอบเวลาใหญ่หรือกลาง เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเคลื่อนไหวของราคา
Take Profit: ตั้ง Take Profit โดยอ้างอิงจากระดับ Resistance ในกรอบเวลาใหญ่หรือกลาง
Risk-Reward Ratio: ควรมีอัตราส่วน Risk-Reward อย่างน้อย 1:2 (เสี่ยง 1 เพื่อกำไร 2)
6. ตัวอย่างการใช้งานจริง
สมมติคุณวิเคราะห์กราฟ Daily และพบว่า EUR/USD อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
กรอบเวลาใหญ่ (Daily):
แนวโน้มขาขึ้น (Higher Highs และ Higher Lows)
Support หลักอยู่ที่ 1.1000
กรอบเวลากลาง (H4):
ราคากำลัง Pullback ลงมาใกล้ระดับ Support ที่ 1.1000
RSI ใกล้ Oversold (30)
กรอบเวลาเล็ก (M15):
ราคาเกิด Bullish Engulfing Pattern ใกล้ระดับ 1.1000
เข้าซื้อที่ 1.1005 และตั้ง Stop Loss ที่ 1.0980 (ต่ำกว่า Support)
ตั้ง Take Profit ที่ 1.1100 (ใกล้ระดับ Resistance ในกรอบ Daily)
7. ข้อควรระวัง
False Signal: สัญญาณในกรอบเวลาเล็กอาจไม่แม่นยำหากไม่สอดคล้องกับกรอบเวลาใหญ่
Overanalysis: อย่าวิเคราะห์กรอบเวลาเล็กมากเกินไปจนเสียโฟกัสจากแนวโน้มหลัก
ปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับสไตล์การเทรด: หากเป็นเทรดเดอร์ระยะสั้น อาจใช้กรอบเวลาเล็กเป็นหลัก แต่ต้องยืนยันแนวโน้มจากกรอบเวลาใหญ่
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กลยุทธิ์การเทรดแบบ MTA เรียบง่ายแต่ทรงพลัง แถมทำกำไรได้เรื่อยๆอีกนะ มันทำให้เราไม่ต้องไปพะว้าพะวง หรือเครียดมากจนเกินไปด้วย ที่สำคัญต้องหมั่นฝึกฝนและทดสอบกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาดในการเทรดเสมอ แล้วเราจะเก่งและกำไรเรื่อยๆครับ
สรุปการใช้งาน TD Sequential, TD Aggressive Sequential, และ Comboสรุปการใช้งาน TD Sequential, TD Aggressive Sequential, และ TD Combo
1. TD Sequential™
TD Sequential™ เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการระบุแนวโน้มที่ใกล้จะสิ้นสุดและคาดการณ์จุดกลับตัวของตลาด โดยอาศัยกระบวนการ Setup และ Countdown:
• Setup: เกิดขึ้นเมื่อราคามีการปิดต่ำกว่าหรือสูงกว่าราคาปิดเมื่อ 4 วันก่อนหน้า ติดต่อกัน 9 ครั้ง
o Buy Setup: เกิดขึ้นเมื่อราคาปิดต่ำกว่าราคาปิดเมื่อ 4 วันก่อนหน้า 9 ครั้ง
o Sell Setup: เกิดขึ้นเมื่อราคาปิดสูงกว่าราคาปิดเมื่อ 4 วันก่อนหน้า 9 ครั้ง
• Countdown: หลังจาก Setup เสร็จสมบูรณ์ ระบบจะเริ่มนับ Countdown 13 ครั้ง ซึ่งพิจารณาจากราคาปิดปัจจุบันเปรียบเทียบกับราคาสูงสุด/ต่ำสุดเมื่อ 2 วันก่อนหน้า
o ถ้านับถึง 13 ถือเป็นสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้ม (เช่น ตลาดอาจลงถึงจุดต่ำสุด หรือขึ้นถึงจุดสูงสุด)
o หากราคาไม่ถึงจุดที่กำหนด ระบบอาจทำการ Recycling เพื่อเริ่มต้นนับใหม่。
TD Sequential™ ถูกออกแบบมาให้ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเข้าและออกตลาดก่อนที่แนวโน้มจะสิ้นสุด โดยเน้นไปที่โซนที่แนวโน้มมีโอกาสหมดแรงมากที่สุด
________________________________________
2. TD Aggressive Sequential™
TD Aggressive Sequential™ เป็นเวอร์ชันที่ปรับปรุงจาก TD Sequential เพื่อให้เหมาะสมกับตลาดที่มีความผันผวนสูงขึ้น โดยลดเงื่อนไขบางประการของ Countdown:
• ปกติ TD Sequential จะใช้ราคาปิดในการเปรียบเทียบ แต่ TD Aggressive Sequential ใช้ ราคาต่ำสุด (Low) และราคาสูงสุด (High) ในการเปรียบเทียบแทน
• ตัวอย่าง:
o Buy Countdown: เปรียบเทียบราคาต่ำสุดปัจจุบันกับราคาต่ำสุดเมื่อ 2 วันก่อน
o Sell Countdown: เปรียบเทียบราคาสูงสุดปัจจุบันกับราคาสูงสุดเมื่อ 2 วันก่อน
o หากราคาต่ำสุดของ Countdown 13 ต่ำกว่าราคาปิดของ Countdown 8 → Buy Signal
o หากราคาสูงสุดของ Countdown 13 สูงกว่าราคาปิดของ Countdown 8 → Sell Signal。
TD Aggressive Sequential ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถได้สัญญาณเร็วขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เนื่องจากใช้เงื่อนไขที่อ่อนไหวต่อความผันผวนของตลาด
________________________________________
3. TD Combo™
TD Combo™ เป็นเครื่องมือที่คล้ายกับ TD Sequential™ แต่ใช้หลักเกณฑ์ที่แตกต่างในการระบุสัญญาณกลับตัวของตลาด:
• TD Combo Setup คล้ายกับ TD Sequential โดยต้องมี 9 วันของราคาปิดที่ต่ำกว่าหรือสูงกว่าราคาปิดเมื่อ 4 วันก่อนหน้า
• TD Combo Countdown:
o เริ่มต้นนับ Countdown ตั้งแต่วันแรกของ Setup (แทนที่จะเริ่มหลังจาก Setup เสร็จสมบูรณ์แบบ TD Sequential)
o นับ Countdown โดยใช้เกณฑ์ ราคาปิดต้องต่ำลงเรื่อยๆ (Buy Signal) หรือสูงขึ้นเรื่อยๆ (Sell Signal)
o TD Combo Countdown สิ้นสุดเมื่อถึง 13 ครั้ง
o มีเงื่อนไข Termination Count ซึ่งอนุญาตให้ใช้ราคาเปิดแทนราคาปิดในการคำนวณ Countdown。
TD Combo™ มักใช้ควบคู่กับ TD Sequential™ เพื่อยืนยันสัญญาณว่าการกลับตัวของตลาดกำลังจะเกิดขึ้นจริง
________________________________________
สรุปความแตกต่างของแต่ละเครื่องมือ
Indicator หลักการทำงาน การใช้งานหลัก
TD Sequential ใช้ Setup 9 วัน และ Countdown 13 วัน โดยใช้ราคาปิด ระบุจุดกลับตัวของตลาด
TD Aggressive Sequential ใช้ราคาสูงสุด/ต่ำสุดแทนราคาปิด และปรับ Countdown ให้เร็วขึ้น ใช้ในตลาดที่มีความผันผวนสูง
TD Combo เริ่ม Countdown ตั้งแต่วันแรกของ Setup และใช้เงื่อนไขที่เข้มงวดขึ้น ยืนยันสัญญาณของ TD Sequential
TD Sequential และ TD Combo มักถูกใช้ร่วมกันเพื่อให้สัญญาณกลับตัวที่แม่นยำมากขึ้น ในขณะที่ TD Aggressive Sequential ออกแบบมาเพื่อตลาดที่เคลื่อนไหวเร็วและต้องการสัญญาณที่เร็วกว่า
BTC 1H 31.01.20251. ถ้าผ่าน supply ได้และไม่มีสัญญาณลงต่อ มีโอกาสขึ้นต่อ BOS H ได้
เพราะ CH ในภาพ 1H นั้นเป็นการ take IDM ของ Day TF ซึ่งถ้าราคา take IDM แล้วก็มีโอกาส ขึ้นต่อได้
2. ผ่าน supply ไม่ได้ และเข้า POI buy 1H แล้วไม่มีสัญญาณ น่าจะลงต่อถึง POI buy ของ day TF
3. tap supply BOS L ลงมา แต่สามารถ BOS H ใหม่ได้ ก็ขึ้นต่อได้ โดยไม่ต้องลงมาถึง POI buy
วิเคราะห์กราฟเทคนิค AAVE 31/1/2025freeimage.host
AAVE ได้รับแรงหนุนจากการเป็นหนึ่งในเหรียญที่โปรเจกต์ DeFi ของลูกชายโดนัลด์ ทรัมป์ ลงทุนอยู่ ราคาตอนนี้ยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นจากการที่สามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันได้ที่ระดับ 306 ดอลลาร์ สามารถใช้ราคานี้เป้นจุดเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวได้
จุดตัดขาดทุนตั้งไว้ที่ระดับ 280 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดล่าสุดของรอบการปรับฐานที่ผ่านมา ตั้งจุดขายทำกำไรที่จุดสูงสุดเดิมสำหรับนักเทรดระยะสั้นที่ 378 ดอลลาร์ ขณะที่ RSI เริ่มที่จะไม่ทำจุดต่ำสุดกำลังอยู่ในช่วงการฟื้นตัวทำให้มีโมเมนตัมที่จะปรับตัวขึ้นต่อได้
ทองพุ่งทำจุดสูงสุดใหม่ท่ามกลางความกังวลนโยบายภาษีของทรัมป์🌟 Gold Market Outlook
📈 ทองพุ่งทำจุดสูงสุดใหม่ท่ามกลางความกังวลนโยบายภาษีของทรัมป์
บทวิเคราะห์ตลาดทองคำ
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพฤหัสบดี โดยได้แรงหนุนจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการขู่เก็บภาษีของสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานเงินเฟ้อสำคัญเพื่อคาดการณ์ทิศทางนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ
ปัจจัยพื้นฐาน
- ทำเนียบขาวเปิดเผยว่าประธานาธิบดีทรัมป์วางแผนเก็บภาษีนำเข้าในอัตราสูงกับเม็กซิโกและแคนาดาในวันเสาร์ และกำลังพิจารณามาตรการคล้ายคลึงกับจีน
- ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.2% ส่งผลให้ทองคำมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่าหนึ่งเดือน
ปัจจัยทางเทคนิค
แนวโน้มทางเทคนิคยังคงเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน โดยยังไม่พบสัญญาณการพักฐาน แนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังการปรับฐานระยะสั้นในช่วงเปิดตลาด และรอจังหวะเข้าซื้อบริเวณแนวรับ หลีกเลี่ยงการไล่ราคาเพื่อลดความเสี่ยง
⚖️ แนวรับ-แนวต้าน (09:45)
XAUUSD
สถานะ: Bullish
🔼 แนวต้าน 3: $2,810
🔼 แนวต้าน 2: $2,805
🔼 แนวต้าน 1: $2,800
——————————
🔽 แนวรับ 1: $2,790
🔽 แนวรับ 2: $2,783
🔽 แนวรับ 3: $2,775
✍️ วิเคราะห์โดย: Beam 🕵️♂️
ทองคำเชื้อเพลิงสงครามภาษี-นับถอยหลังถึง 22,800ทองคำเชื้อเพลิงสงครามภาษี-นับถอยหลังถึง 22,800
ทองได้ถึงราคาที่สูงเป็นประวัติการณ์ใหม่ที่เหนือกว่าจุดสูงสุดเดือนพฤศจิกายนโดยประมาณ 110
ความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐอเมริกา,โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับนโยบายการค้ รายงานแสดงให้เห็นว่าการบริหารคนที่กล้าหาญคือ"ไม่ใกล้ชิดที่ทุกคนในการตัดสินใจ"ภาษีศุลก ในขณะที่ปักกิ่งได้ส่งสัญญาณความยืดหยุ่นในอนาคตของติ๊กต๊อก,จุดเกาะที่สำคัญในการเจรจา
อย่างไรก็ตามตลาดคาดว่าอัตราภาษีใหม่ในสองพันธมิตรที่ใกล้เคียงที่สุดของสหรัฐฯ-เม็กซิโกและแคนาดา-อาจจะประกาศเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์
จากมุมมองทางเทคนิคกราฟรายวันแสดงให้เห็นว่าทองคำสามารถทำลายเหนือ 22,800 ในช่วงที่ ตัวชี้วัดทางเทคนิคยังคงก้าวไปในระดับบวกใกล้ดินแดนซื้อมากเกินไปแต่ยังคงมีห้องพักสำห
Bitcoin (BTC)เห็นยังไง วิเคราะห์ไปแบบนั้น
ไม่ยึดติดทฤษฏี มองถึงความได้เปรียบของรูปทรงกราฟที่เกิดขึ้น
นำไปสู่ผลลัพธ์ที่สร้างผลตอบแทน !!
แต่ถ้าอยากรู้เหตุผลอย่างอื่นเพิ่มเติม
เข้ามารับชมได้ที่เพจ Order Concept
หรือพิมพ์ค้นหาที่ FacebooK : @OrderConceptFX ได้เลย
ไลฟ์วิเคราะห์ทุกวันอังคาร และวันพฤหัสบดี
(เวลา 14:00 น.) เป็นต้นไป สามารถดูย้อนหลังได้ตลอด
ที่นี้เราจะไม่พูดถึงแค่เรื่องกราฟแบบมือใหม่
แต่เราจะพาไปเจาะลึกถึง Macroeconomics (เศรษฐศาสตร์มหภาค)
XAUUSD (GOLD)เห็นยังไง วิเคราะห์ไปแบบนั้น
ไม่ยึดติดทฤษฏี มองถึงความได้เปรียบของรูปทรงกราฟที่เกิดขึ้น
นำไปสู่ผลลัพธ์ที่สร้างผลตอบแทน !!
แต่ถ้าอยากรู้เหตุผลอย่างอื่นเพิ่มเติม
เข้ามารับชมได้ที่เพจ Order Concept
หรือพิมพ์ค้นหาที่ FacebooK : @OrderConceptFX ได้เลย
ไลฟ์วิเคราะห์ทุกวันอังคาร และวันพฤหัสบดี
(เวลา 14:00 น.) เป็นต้นไป สามารถดูย้อนหลังได้ตลอด
ที่นี้เราจะไม่พูดถึงแค่เรื่องกราฟแบบมือใหม่
แต่เราจะพาไปเจาะลึกถึง Macroeconomics (เศรษฐศาสตร์มหภาค)
ตลาดหุ้นไทยทดสอบ Fibonacci 14.6% แล้วดีดขึ้นทุกครั้ง รอดูต่อไป ตลาดหุ้นไทยทดสอบ Fibonacci 14.6% แล้วดีดขึ้นทุกครั้ง รอดูต่อไป
สัดส่วน Fibonacci Ratio 14.6% ไม่ได้เป็นหนึ่งในสัดส่วน Fibonacci ที่นิยมใช้ตามตำรา "ดั้งเดิม" (เช่น 23.6%, 38.2%, 50%, 61.8%, และ 78.6%) ที่มาจากลำดับตัวเลข Fibonacci โดยตรง
แต่สามารถอธิบายได้จากการคำนวณในลักษณะเดียวกันกับการหาสัดส่วน Fibonacci อื่น ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้าง "อัตราส่วนย้อนกลับ" (Retracement Ratios)
โดยการคำนวณดังนี้:
________________________________________
การคำนวณ Fibonacci Retracement 14.6%
สัดส่วนนี้เกิดจากการคำนวณเชิงคณิตศาสตร์โดยใช้สูตร (1 - Golden Ratio)^2 ซึ่งเชื่อมโยงกับอัตราส่วนทองคำ (Golden Ratio):
1. อัตราส่วนทองคำ (Golden Ratio)
ϕ ≈ 1.618
และค่า "กลับด้าน" ของมัน:
1/ϕ ≈ 0.6181
2. คำนวณระดับ 14.6%
สัดส่วน 14.6% มาจากการยกกำลังของ (1 - ϕ)^2
(1−0.618)2=0.146 หรือ 14.6%
________________________________________
ที่มาและเหตุผลทางคณิตศาสตร์
1. ลำดับฟีโบนัชชี (Fibonacci Sequence):
o ตัวเลขในลำดับนี้คือ: 0, 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13, 21, 34
o แต่ละตัวเลขในลำดับใกล้เคียงกับการคูณอัตราส่วนทองคำ เช่น 13/21 ≈ 0.618
2. ความสัมพันธ์ในฟีโบนัชชี:
o ระดับ Fibonacci เช่น 23.6%, 38.2% ฯลฯ เกิดจากการคำนวณโดยใช้ ϕ ในลักษณะต่าง ๆ
o ระดับ 14.6% เกิดจากการใช้ฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์เพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับการลดระดับลึกลงไปในระดับการย้อนกลับ (retracement) ที่ตื้นที่สุด
________________________________________
ความสำคัญในตลาดการเงิน
ในเชิงปฏิบัติ สัดส่วน 14.6% เป็น การย้อนกลับตื้น (shallow retracement) ซึ่งมีประโยชน์ในกรณีที่ตลาดอยู่ใน แนวโน้มที่แข็งแกร่งมาก และราคามักจะปรับตัวลงเล็กน้อยก่อนที่จะกลับไปในทิศทางเดิม
ตัวเลขนี้ไม่ใช่สัดส่วนที่ "มาตรฐาน" แบบ 23.6% หรือ 38.2% แต่ในตลาดที่ซับซ้อนขึ้น สัดส่วนนี้ได้รับความสนใจจากเทรดเดอร์บางกลุ่มที่ต้องการค้นหาจุดเข้า-ออกในช่วงการเคลื่อนไหวของราคาที่เล็กลง.
________________________________________
สรุป
Fibonacci Ratio 14.6% มาจากการคำนวณ (1 - Golden Ratio)^2 โดยเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์ในลำดับ Fibonacci และอัตราส่วนทองคำ มันถูกนำมาใช้ในบางกรณีที่ตลาดมีแนวโน้มแข็งแกร่ง และการย้อนกลับที่ตื้นเป็นจุดที่เหมาะสำหรับการตัดสินใจลงทุน
Gold Market Outlook [30 มกราคม 2568]🌟 Gold Market Outlook
📈 ทองคำอ่อนตัวหลัง FED คงดอกเบี้ย ดอลลาร์แข็งค่ากดดันราคาทองในระยะสั้น
💹 สรุปภาวะตลาด
ราคาทองคำปรับตัวลดลงในวันพุธ ท่ามกลางการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐและการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยยังไม่มีสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับจังหวะการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเติบโตต่อเนื่องและอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่เหนือเป้าหมาย
📊 ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคา
- ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.3% ส่งผลให้ทองคำมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น ซึ่งกดดันความต้องการซื้อในตลาดโลก
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวสูงขึ้น ลดความน่าสนใจในการลงทุนทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
- นักลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สคาดการณ์ว่า FED จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน หลังจากที่ประธาน FED ส่งสัญญาณว่าต้องการเห็นข้อมูลเศรษฐกิจเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจปรับนโยบาย
🏛️ นโยบาย FED และผลกระทบ
ประธาน FED เจอโรม พาวเวลล์ ยืนยันว่าการตัดสินใจเชิงนโยบายจะยังคงขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่จะเข้ามา โดยเฉพาะตัวเลขเงินเฟ้อและตลาดแรงงาน นอกจากนี้ยังระบุว่าเป็นเรื่องเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบจากนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อเศรษฐกิจ ซึ่งความไม่แน่นอนนี้อาจส่งผลให้ราคาทองคำผันผวนในระยะสั้น
📈 การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Time Frame H4)
ราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวในกรอบ Triangle Pattern ซึ่งเป็นรูปแบบที่บ่งชี้ถึงการพักตัวของราคาและการสะสมแรงซื้อขาย โดยในช่วงเช้านี้ราคาแกว่งตัวบริเวณแนวรับ 2,758 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้วยตำแหน่งราคาที่ยังอยู่ในโซนสูง (High Zone) แสดงถึงแรงซื้อที่ยังมีอยู่ แต่อาจเผชิญแรงขายทำกำไรในระยะสั้น แนะนำให้รอดูทิศทางตลาดในช่วงแรกก่อนพิจารณาเข้าซื้อขายในช่วงตลาดสหรัฐฯ เปิด เนื่องจากสภาพคล่องที่สูงขึ้นจะให้สัญญาณการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนกว่า
🎯 กลยุทธ์การลงทุน
1. ระยะสั้น: รอดูการทดสอบแนวรับสำคัญที่ $2,758 หากราคาสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้อย่างมั่นคง อาจพิจารณาสถานะซื้อโดยตั้งจุดตัดขาดทุนไว้ที่ $2,754
2. ระยะกลาง: ติดตามการเคลื่อนไหวในกรอบ Triangle หากราคาสามารถยืนเหนือ $2,770 ได้จะเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับการปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง
⚖️ แนวรับ-แนวต้าน (09:40)
XAUUSD
สถานะ: Triangle
🔼 แนวต้าน 3: $2,780
🔼 แนวต้าน 2: $2,770
🔼 แนวต้าน 1: $2,765
——————————
🔽 แนวรับ 1: $2,758
🔽 แนวรับ 2: $2,754
🔽 แนวรับ 3: $2,745
✍️ วิเคราะห์โดย: Beam 🕵️♂️
ทิศทางทองคำวันนี้ XAUUSD SELL เเผนหลัก BUY เทคนิคเทรดวันนี้จากกราฟย่อปรับฐานเเล้วยกตัวขึ้น ตามสัญญาณ
เเผนเทรดเเรก Sell รอ PA กลับตัว TF M5 M15 ก่อน
เทรนหลักขาขึ้นไม้ Sell ควรลดขนาด Lot ลง
เพราะเป็นการเทรดสั้นสวนเทรน รอ BUY ตามโซนเป็นหลัก
คำเตือน : มุมมองที่เเชร์ เกิดจากประสบการณ์การเทรดทั้งกำไรเเละขาดทุน ตลาด CFDs มีความเสี่ยงสูง โปรดใช้วิจารณญาณ
ทรัมป์จะแทนที่พาวเวลล์เป็นเก้าอี้เฟดหรือไม่? ทรัมป์จะแทนที่พาวเวลล์เป็นเก้าอี้เฟดหรือไม่?
ธนาคารกลางสหรัฐได้เก็บอัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลงในการประชุมครั้งแรกของปีแต่ตล
สัปดาห์ที่ผ่านมาคนที่กล้าหาญเรียกร้องเฟดลดอัตราดอกเบี้ยและพูดคุยเกี่ยวกับวิธีการที่เข ในขณะที่เขามีอำนาจโดยตรงไม่ผ่านการตัดสินใจอัตรา,เขามีอำนาจที่จะเสนอชื่อสมาชิกค
ด้วยระยะเวลาของเจโรมพาวเวลล์หมดอายุในเดือนพฤษภาคม 2026 ตลาดกำลังคาดเดาอยู่แล้วว่าเขาจะย้ายไปแทนที่เขา-อาจจะก่อนสิ้นสุดระยะเวลาของเขา ความหงุดหงิดไม่ควรประเมินต่ำเกินไป การเปลี่ยนแปลงความเป็นผู้นำของเฟดอาจมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดโดยมีเก้าอี้ทรัมป์ชิดแนวโน้มที่จะผลักดันอัตราที่ต่ำกว่าซึ่งอาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงในขณะที่การเสริมสร้างความเข้มแข็งของตราสารทุนของสหรัฐฯ