TPS หุ้นกลุ่ม data center ฟอร์มสะสมTPS หุ้นกลุ่ม data center ฟอร์มสะสม
สำหรับหุ้นตัวนี้เรียกได้ว่าสายVA ต้องเริ่มเอากลับมาเฝ้าแล้ว เพราะเราจะเห็นว่า VAโซนล่างเริ่มสะสมได้ที่ และกราฟเบรค ema200ขึ้นมาพักตัวสวยๆแล้ว
สำหรับมุมมองผมให้ความสนใจกับหุ้นตัวนี้ ตีมนี้ หลังจากนี้เรารอเห็นอาการสะสมเพิ่มอีกหน่อย รอข่าวอีกนิด น่าจะได้มันส์กันครับ
ผู้สนใจลองหาข้อมูลพื้นฐานเพิ่มเติมดูนะครับ
***หมายเหตุ เป็นเพียงการแชร์ความรู้เชิงกราฟแพทเทิร์นเท่านั้นไม่ได้เจตนาชี้นำในการลงทุนแต่อย่างใด
รูปแบบชาร์ต
TLI หุ้นฟอร์ม Re-AccumulationTLI หุ้นฟอร์ม Re-Accumulation
ใครหาหุ้นแข็งกว่าตลาดในช่วงนี้ ถ้าไม่มี TLI ต้องบอกว่าพลาด เพราะหลังจากที่ทำราคาหลุดไปถึง 6.60บาท แล้วสามารถดึงกลับมาที่ 8.40บาทได้ TLI ต้องอยู่ในลิสเฝ้าระวังทางเทคนิคคอลแล้ว
และเมื่อราคาเบรค 9.00 ตรงema200ได้เป็นจุดคอนเฟิมการเข้าซื้อของหุ้นตัวนี้อีกครั้ง ซึ่งใตอนนี้อาการเหมือนออกข้างสะสมของเพื่อไปต่อนะครับ
ผู้สนใจลองหาข้อมูลพื้นฐานเพิ่มเติมดูนะครับ
***หมายเหตุ เป็นเพียงการแชร์ความรู้เชิงกราฟแพทเทิร์นเท่านั้นไม่ได้เจตนาชี้นำในการลงทุนแต่อย่างใด
TBN หุ้นโซนล่าง VAสะสม ยกโลวสวย TBN หุ้นโซนล่าง VAสะสม ยกโลวสวย
หุ้นให้บริการเทคโนโลยีซอฟแวร์ เก็บล่างสะสมของเป็นเวลา 5-6เดือน กราฟฟอร์มยกโลว ยืนเหนือema89 ลุ้นกลับตัว เป้าไกล 14บาท
ผู้สนใจลองหาข้อมูลพื้นฐานเพิ่มเติมดูนะครับ
***หมายเหตุ เป็นเพียงการแชร์ความรู้เชิงกราฟแพทเทิร์นเท่านั้นไม่ได้เจตนาชี้นำในการลงทุนแต่อย่างใด
Gold Market Outlook (4 กุมภาพันธ์ 2025)🌟 Gold Market Outlook (4 กุมภาพันธ์ 2025)
📊 ทองคำทะลุ $2,830 จากความตึงเครียดทางการค้าและแรงซื้อสถาบัน
🔍 วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
ตลาดทองคำปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงเช้านี้ โดยได้รับแรงหนุนสำคัญจากสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศที่ตึงเครียดมากขึ้น หลังจากสหรัฐฯ ประกาศมาตรการภาษีนำเข้าใหม่ในอัตรา 25% สำหรับสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก และ 10% สำหรับสินค้าจากจีน ส่งผลให้เกิดการตอบโต้จากประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะจีนที่ประกาศจะดำเนินการร้องเรียนต่อ WTO
นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงสนับสนุนจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง ได้แก่:
- ภาวะขาดแคลนอุปทานในตลาดลอนดอน เนื่องจากการขนส่งทองคำจำนวนมากไปยังนิวยอร์ก
- การเพิ่มสัดส่วนการถือครองทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกเพื่อกระจายความเสี่ยงจากการถือครองดอลลาร์สหรัฐ
- แนวโน้มการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการค้า
⚡ ปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้
1. การประกาศดัชนี ISM Services PMI (6 ก.พ.)
- คาดการณ์ที่ระดับ 52.3
- มีความสำคัญต่อการคาดการณ์นโยบายการเงินของ Fed
2. ตัวเลข NFP และอัตราการว่างงาน (7 ก.พ.)
- คาดการณ์การจ้างงานที่ 180,000 ตำแหน่ง
- อัตราการว่างงานคาดที่ 3.8%
3. การประชุม BOE (8 ก.พ.)
- คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.25%
- ติดตามท่าทีต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
📈 การวิเคราะห์ทางเทคนิค
กรอบ H1:
- ราคาเคลื่อนตัวเหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทุกเส้น สะท้อนแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
- RSI ที่ระดับ 82.3 แสดงภาวะ Overbought แต่ยังไม่มีสัญญาณการกลับตัว
- MACD Histogram เป็นบวกแต่เริ่มแผ่วลง บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของโมเมนตัม
กรอบ M15:
- แท่งเทียนล่าสุดแสดงการทดสอบแนวต้าน $2,813
- Stochastic อยู่ในเขต Overbought แต่ยังไม่เกิด Bearish Crossover
- ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นในช่วงราคาปรับตัวขึ้น สนับสนุนแนวโน้มขาขึ้น
💫 แนวรับ-แนวต้าน (07:25 น.)
แนวต้าน:
- แนวต้าน 3: $2,830 (จุดสูงสุดประวัติการณ์)
- แนวต้าน 2: $2,822 (แนวต้านระยะสั้น)
- แนวต้าน 1: $2,813 (แนวต้านปัจจุบัน)
แนวรับ:
- แนวรับ 1: $2,806 (แนวรับระยะสั้น)
- แนวรับ 2: $2,800 (แนวรับจิตวิทยา)
- แนวรับ 3: $2,791 (แนวรับ Fibonacci)
🎯 กลยุทธ์การเทรด
1. การเทรดระยะสั้น:
- เข้าซื้อที่แนวรับ $2,800
- Stop Loss: $2,791
- Take Profit: $2,813 และ $2,822
2. การเทรดระยะกลาง:
- รอจังหวะย่อตัวเข้าซื้อที่ $2,791
- Stop Loss: $2,785
- Take Profit: $2,830
วิเคราะห์โดย : Beam
BTC Swing Short FuturesBTC Swing Short Futures
BTC ราคาหลุดออกจากกรอบความผันผวนทางสถิติ
ทำให้มี Momentum ในการย่อลงเพื่อพักตัว
แต่ยังคงติดโซนแนวรับสำคัญ Demand Zone ของกรอบนี้
หากหลุดลงไป จะมีแนวรับสำคัญ FVG ที่บริเวณ $84000
เป็นเป้าในการ Take Profile ของการ Short ลงมาขานี้
จุด SL เมื่อราคาฟอร์มตัวยกโลว์และเบรคกลับเข้าไปใน Channel ได้
ในขณะที่แนว $84000 จะเป็นแนวรับสำหรับซื้อ BTC SPOT
TFEX S50 StrategyTFEX S50 Strategy
TFEX S50 ลงมาถึงเป้า 3 กันเลยทีเดียว ที่ 820
ซึ่งมองว่าจบขาลงแรก และคาดการเด้ง อยู่ในกรอบความผันผวน
Regression Trend
Short Strategy
รอราคาเด้งขึ้นมาที่แนวต้าน 850-860
ทำการดัก Short ณ บริเวณนี้ เมื่อราคามีการกลับตัวลงอีกครั้งในภาพ Minor Trend
โดยวาง SL ไว้ที่ High บริเวณ 860
และยังคงมองลงต่อจนกว่าจะเบรคไฮที่ 888 ได้
Long Strategy Short Term กรอบแคบ
เปิด Long เมื่อราคามีสัญญาณ Up Trend ในภาพ Minor
TP ตามแนวต้าน และวาง SL ไว้ที่ Low
แต่ไม่แนะนำเพราะเป็นการเทรดสวน Trend
BTCUSD : ระบบ ATR Trend Following ชน Stop Loss 3/2/2025อธิบาย : ระบบ ATR Trend Following ใช้หลักการง่ายๆ คือ เอา ATR x multiplier มาตีกรอบราคาที่จะแกว่งของ BTC ถ้าทะลุกรอบ ก็จะเกิดการ flip ของสัญญาณ เช่น จากซื้อเป็นขาย หรือจากขาย เป็นซื้อ เป็นต้น
ความเห็นของรอบนี้ : ปกติแล้วเวลาเราเข้าเทรดตามระบบ เราจะต้องมีจุด Stop Loss ตั้งต้นเริ่มไว้เสมอ ไม่เช่นนั้นเราจะคำนวณ position size ไม่ได้ โดยในรอบนี้ ผมก็ใช้ Stop Loss แบบกว้างๆ คือ -10% ของราคาเข้า โดยราคาเข้าในรอบนี้อยู่ที่ 104k ก็เลยคำนวณออกมาแล้ว SL จะอยู่ที่ 94k นั่นเอง
โดยวันนี้ ราคาได้ไหลลงทิ้งตัวไปอย่างรุนแรง จนถึง 91.6k ก็ทำให้ SL ของระบบนี้ทำงานนั่นเองครับ
หลายๆ คนที่พยายามจะมาใช้ระบบตามผม โดยไม่เข้าใจ บางทีมัวรอให้ระบบแดง จนกว่าจะได้คัท ราคาก็ไหลไปไกลแล้ว ทำให้กว่าจะออกก็ได้ไปออกที่ก้นแทน ทำให้ loss ที่เจอมากเกินไปกว่าที่ตั้งไว้ตอนแรก ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องนั่นเองครับ
ปล. ตอนที่เขียน ราคาก็เริ่มทิ้งไส้ ทิ้งหาง ยาวๆ อีกแล้ว รอบนี้ BTC ทำท่านี้บ่อยมาก ทำให้หลายๆ คนที่ไปใช้ท่าดักซื้อตอนมันลงแรง และไม่มี Stop Loss ก็ได้กำไรกันง่ายๆ ก็ขอยินดีกับทุกคนที่มีกำไรด้วย แต่ ก็อยากเตือนไว้นิดนึงว่า ท่านี้ ถ้าเกิดว่ากราฟมันลงแรงจริง ไม่มีพัก ผลลัพธ์ก็คือ เละ นะครับ 555 ( เตือนไปก็ไม่มีใครเชื่อหรอก :P )
BTC ATR = เขียว ( 18/1/2025 )
------------------
Entry : 104000+-
SL : 95000 ( -8.6% )
Position Size = 10% ของพอร์ต ( Risk1% )
* ปัดให้เลขกลมๆ เพราะรอบที่แล้วโดนไป
BTC ATR = แดง ( 3/2/2025 )
------------------
Entry : 104000+-
Exit(SL) : 94000 ( -9.6% )
Position Size = 10% ของพอร์ต ( Risk1% )
Actual Loss = -1% ของพอร์ต
---------------------------
สรุปผลกำไร สะสม ของทุกระบบ ในปี 2025 ได้ดังนี้
* รายการกำไรนี้ เป็นการคำนวณตรงๆ ยังไม่ได้ใส่ค่า fee และ slippage เข้าไปนะครับ ดังนั้น กำไร/ขาดทุนจริงๆ ของการทำตามระบบ ก็น่าจะคลาดเคลื่อนจากข้อมูลด้านล่างพอสมควรครับ
(1Jan-???) EMA120D = ??%
(7Jan-10Jan) ATR = -1%
(7Jan-10Jan) ActionZone = -1%
(18Jan-3Feb) ATR = -1%
(22Jan-3Feb) BreakHigh = -1%
(17Jan-???) ActionZone = ??%
Sum กำไรสะสมของปี 2025 = -4% ที่ความเสี่ยง 1% ต่อระบบต่อครั้ง ( Max 4% กำไรหน่วย USD )
BTCUSD : ระบบ Break 52Days high ชน stop loss 3/2/2025อธิบาย : ระบบ Break 52Days High เป็นระบบที่จะดู High ย้อนหลังของแท่งเทียน เป็นเวลา 52 วัน และตีเส้นราคาลากมาเรื่อยๆ จนกว่าเมื่อไหร่ที่ราคาปิดแท่งเหนือกว่าเส้น 52 วันย้อนหลัง ระบบก็จะมีสัญญาณซื้อ ส่วนสัญญาณขายจะใช้ MA 52 วัน เพื่อตัดสินใจ โดยเมื่อไหร่ที่ราคาปิดแท่งต่ำกว่าเส้น MA52 ก็จะมีสัญญาณขาย นั่นเอง
ระบบนี้ดัดแปลงไอเดียมาจาก Break 52 Weeks High ที่ใช้กับตลาดหุ้น แต่ว่ามาใช้กับคริปโตแล้วมันช้าเกิน ก็เลยลองลดเหลือเป็น 52 วันแทน ก็ให้ผลที่ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะหลายๆ ครั้งระบบนี้ก็ช่วยให้เราไม่ต้องเสียเวลาเข้าๆ ออกๆ ตอนตลาด sideway down หรือขาลงจ๋าๆ เพราะเราจะนั่งเฉยๆ ตลอดทางนั่นเอง
ความเห็นของผม : ปกติแล้วเวลาเราเข้าเทรดตามระบบ เราจะต้องมีจุด Stop Loss ตั้งต้นเริ่มไว้เสมอ ไม่เช่นนั้นเราจะคำนวณ position size ไม่ได้ โดยในรอบนี้ ผมก็ใช้ Stop Loss แบบกว้างๆ คือ -10% ของราคาเข้า โดยราคาเข้าในรอบนี้อยู่ที่ 106k ก็เลยคำนวณออกมาแล้ว SL จะอยู่ที่ 96k นั่นเอง
โดยวันนี้ ราคาได้ไหลลงทิ้งตัวไปอย่างรุนแรง จนถึง 91.6k ก็ทำให้ SL ของระบบนี้ทำงานนั่นเองครับ
หลายๆ คนที่พยายามจะมาใช้ระบบตามผม โดยไม่เข้าใจ บางทีมัวรอให้ระบบแดง จนกว่าจะได้คัท ราคาก็ไหลไปไกลแล้ว ทำให้กว่าจะออกก็ได้ไปออกที่ก้นแทน ทำให้ loss ที่เจอมากเกินไปกว่าที่ตั้งไว้ตอนแรก ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องนั่นเองครับ
ปล. ตอนที่เขียน ราคาก็เริ่มทิ้งไส้ ทิ้งหาง ยาวๆ อีกแล้ว รอบนี้ BTC ทำท่านี้บ่อยมาก ทำให้หลายๆ คนที่ไปใช้ท่าดักซื้อตอนมันลงแรง และไม่มี Stop Loss ก็ได้กำไรกันง่ายๆ ก็ขอยินดีกับทุกคนที่มีกำไรด้วย แต่ ก็อยากเตือนไว้นิดนึงว่า ท่านี้ ถ้าเกิดว่ากราฟมันลงแรงจริง ไม่มีพัก ผลลัพธ์ก็คือ เละ นะครับ 555 ( เตือนไปก็ไม่มีใครเชื่อหรอก :P )
BTC BreakHigh = เขียว ( 22/1/2025 )
------------------
Entry : 106k+-
SL : 96k ( -9.4%)
Position Size = 10% ของพอร์ต ( Risk1% ) *
* ปัดให้เลขกลมๆ เพราะรอบที่แล้วโดนไป
BTC BreakHigh = แดง ( 3/2/2025 )
------------------
Entry : 106k+-
Exit(SLHit) : 96k ( -9.4%)
Position Size = 10% ของพอร์ต ( Risk1% ) *
Actual Loss = -1% ของพอร์ต
---------------------------
สรุปผลกำไร สะสม ของทุกระบบ ในปี 2025 ได้ดังนี้
* รายการกำไรนี้ เป็นการคำนวณตรงๆ ยังไม่ได้ใส่ค่า fee และ slippage เข้าไปนะครับ ดังนั้น กำไร/ขาดทุนจริงๆ ของการทำตามระบบ ก็น่าจะคลาดเคลื่อนจากข้อมูลด้านล่างพอสมควรครับ
(1Jan-???) EMA120D = ??%
(7Jan-10Jan) ATR = -1%
(7Jan-10Jan) ActionZone = -1%
(18Jan-3Feb) ATR = -1%
(22Jan-3Feb) BreakHigh = -1%
(17Jan-???) ActionZone = ??%
Sum กำไรสะสมของปี 2025 = -4% ที่ความเสี่ยง 1% ต่อระบบต่อครั้ง ( Max 4% กำไรหน่วย USD )
การซื้อระยะยาวอ่อนตัวลงหลังจากทำสถิติสูงสุด?หลังจากการลดลงจากสัปดาห์ก่อน ราคาทองคำทดสอบจุดต่ำสุดใกล้ 2,730 เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว ตลาดเริ่มให้ความสำคัญกับการประชุมของธนาคารกลางต่างๆ 1. ธนาคารแห่งประเทศแคนาดา ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1/4% ตามด้วยธนาคารกลางสหรัฐคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม จากนั้น ECB ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1/4 จุดเปอร์เซนต์ ส่งผลให้ราคาดีดตัวขึ้น การลดลงของอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกดึงดูดการซื้อทองคำ ส่งผลให้ราคาทองคำก้าวข้ามระดับสูงสุดที่ 2,790 โดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายภาษีของทรัมป์ เบี้ยประกันความเสี่ยงจึงพุ่งสูงขึ้นก่อนสุดสัปดาห์ ส่งผลให้ราคาทองคำแตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 2,817 ในช่วงการประชุมสหรัฐฯ วันศุกร์. แต่ราคากลับตกลงมาปิดที่ 2798 โดยทั้งสัปดาห์เพิ่มขึ้น 28 ดอลลาร์
เนื่องจากค่าพรีเมียมความเสี่ยงในช่วงสุดสัปดาห์ ราคาทองคำจึงแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,817 ในวันศุกร์ แต่การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐในวันจันทร์ทำให้เกิดแรงกดดันต่อราคาทองคำ ข้อมูล GDP ของสหรัฐฯ และอัตราเงินเฟ้อ PCE ในสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งสองอย่างนี้สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับนโยบายภาษีที่ทรัมป์นำมาใช้ในช่วงสุดสัปดาห์ได้เพิ่มการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อเพิ่มเติม อัตราดอกเบี้ยจะยังคงสูงใน S-T เช่นเดียวกับที่พาวเวลล์ประกาศหลังจากเฟด การประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และราคาทองคำจะเผชิญกับแรงกดดันด้านปัจจัยพื้นฐาน
ใน COMEX จำนวน open interest(OI) ลดลงหลังจากแตะ 59,000 สัญญาในวันที่ 24 มกราคม เมื่อราคาทองคำแตะระดับสูงสุดใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งปริมาณการซื้อขายและ OI ลดลง สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนระมัดระวังในการซื้อระยะยาวที่ ระดับปัจจุบัน จุดสนใจในสัปดาห์นี้จะเป็นข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ในวันศุกร์ ตราบใดที่ตัวเลขยังคงแข็งแกร่ง ราคาทองคำก็จะได้รับแรงกดดันอีกครั้ง
กราฟ 1 ชั่วโมง(ด้านบน) > แนวต้านเหนือ 2790 ยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากราคาทองคำไม่สามารถทรงตัวเหนือ 2790 ได้ตั้งแต่สุดสัปดาห์ อย่างไรก็ตามราคาทองคำยังคงอยู่ในช่องทาง S-T เพิ่มขึ้น (1) การเคลื่อนไหวของราคาจะเปลี่ยนเป็นไซด์เวย์เฉพาะในกรณีที่ราคาอยู่ต่ำกว่าเส้นแนวรับ (1) สังเกตว่าบริเวณแนวต้านบนตอนนี้อยู่ที่ 2790-2800(5)
กราฟรายวัน > แม้ว่าจะมีการขายชัดเจนก่อนตลาดปิดเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว แต่สัญญาณการกลับตัวยังไม่ปรากฏ ทองคำยังคงวิ่งอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นพร้อมกับเส้น ma (6) 10 วัน รอให้ทะลุจุดที่หมีจะเข้ามา
อีซีบีปฏิเสธบิทคอยน์-ใครจะซื้อแทน? อีซีบีปฏิเสธบิทคอยน์-ใครจะซื้อแทน?
สินทรัพย์ดิจิทัลความจงรักภักดีเมื่อเร็วๆนี้เผยแพร่รายงานการคาดการณ์ประเทศมากขึ้น-รัฐธนาคารถึงธนาคารกลางและกองทุนความมั่งคั่งอธิปไตยจะสร้างทุนสำรองบิทคอยน์เชิงกลยุทธ์ มีการเรียกประเทศต่างๆรวมทั้งรัสเซีย,บราซิล,และโปแลนด์ออกมาในรายงานแต่มีข้อแนะว่ารัฐบาลอาจเลือกซื้ออย่างสุขุมเพื่อหลีกเลี่ยงราคาที่มีอิทธิพล.
สัปดาห์ที่ผ่านมาประธานาธิบดีอีซีบีคริสตินลาการ์ดตัดออกเพิ่มบิทคอยน์ในยุโรปสำรองอ้างถึงความผันผวนของมัน ในสหรัฐอเมริกาการอภิปรายระดับรัฐมากกว่าหนึ่งโหลกำลังดึงดูดแรงดึงดูดโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่โดนัลด์ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งผู้บริหารที่รวบรวมทีมเพื่อสำรวจคลังสินค้าบิทคอยน์แห่งชาติ
เอลซัลวาดอร์ได้นำทาง,ถือเกือบ 6,000 บิทคอยน์,ตอนนี้มูลค่ากว่า 5550 ล้าน. ในม.ค. 20 สำนักงานบิทคอยน์ประกาศนอกเหนือจากอีก 11 บิทคอยน์เพื่อสำรองบิทคอยน์เชิงกลยุทธ์
Bitcoin ร่วงลงแตะ 100,000 ดอลลาร์ หลังทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้าBitcoin ร่วงลงแตะ 100,000 ดอลลาร์ หลังทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดา เม็กซิโก และจีน ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ได้กำหนดภาษีนำเข้าสินค้าเกือบทั้งหมดจากเม็กซิโกและแคนาดา 25 เปอร์เซ็นต์ และภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 10 เปอร์เซ็นต์ อัตราภาษีจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันอังคารเป็นต้นไป
จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่ง เขียนบน X เมื่อวานนี้ ว่า "ไม่มีใคร - ไม่ว่าจะอยู่ฝั่งใดของชายแดน - อยากเห็นสหรัฐฯ เก็บภาษีสินค้าของแคนาดา หากสหรัฐฯ เดินหน้าต่อไป แคนาดาก็พร้อมที่จะตอบโต้ทันทีและเด็ดขาด
Gold Market Outlook [Febuary 3, 2025]🌟 Gold Market Outlook
📈 "ทองคำแนวโน้มบวก หลัง Fed ส่งสัญญาณชะลอปรับลดดอกเบี้ย - แนะจับตา NFP สัปดาห์นี้"
ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) 🔍
ตลาดทองคำเริ่มต้นเดือนกุมภาพันธ์ด้วยทิศทางเชิงบวก โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ หลังจากการประชุม FOMC เมื่อสิ้นเดือนมกราคม ที่ส่งสัญญาณชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แม้จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25-4.50% แต่ท่าทีของ Fed ต่อภาวะเงินเฟ้อที่ยังสูงได้สร้างแรงกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์
เศรษฐกิจสหรัฐฯ แสดงสัญญาณชะลอตัวชัดเจน สะท้อนจาก GDP ไตรมาส 4 ที่ลดลงเหลือ 2.7% จาก 3.3% ขณะที่ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานพุ่งสูงถึง 224,000 ราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
ปัจจัยทางเทคนิค (Technical Analysis) 📊
การวิเคราะห์ระยะสั้น (Time Frame 15 นาที)
รูปแบบการเคลื่อนตัว: ราคากำลังเคลื่อนที่ในกรอบ Ascending Channel อย่างชัดเจน โดยมีการทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีการย่อตัวที่เป็นระเบียบ
ดัชนี RSI: อยู่ที่ระดับ 58 ซึ่งยังห่างจากเขต Overbought (70) ทำให้ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้
MACD: เส้น MACD ตัดขึ้นเหนือเส้น Signal Line แสดงถึงโมเมนตัมเชิงบวกในระยะสั้น และ Histogram กำลังขยายตัวเพิ่มขึ้น
Moving Averages: EMA 21 กำลังทำหน้าที่เป็นแนวรับไดนามิกที่แข็งแกร่ง
Volume Profile: ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นในช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้น แสดงถึงแรงซื้อที่มีนัยสำคัญ
การวิเคราะห์รายวัน (Time Frame H1)
แนวโน้มหลัก: ราคาปัจจุบันที่ $2,797.94 กำลังเคลื่อนตัวในแนวโน้มขาขึ้นระยะกลาง โดยมีการสร้าง Higher High และ Higher Low อย่างต่อเนื่อง
RSI (H1): ที่ระดับ 46.05 แสดงถึงโมเมนตัมที่อ่อนตัวชั่วคราว แต่ยังไม่เข้าสู่เขต Oversold ทำให้มีโอกาสฟื้นตัวได้
MACD (H1): ค่า MACD ที่ 3.96 ต่ำกว่า Signal Line ที่ 5.52 เล็กน้อย บ่งชี้ถึงแรงขายระยะสั้นที่เพิ่มขึ้น แต่ยังไม่แสดงสัญญาณการกลับตัวที่ชัดเจน
Bollinger Bands: ราคากำลังเคลื่อนตัวใกล้เส้นกลาง แสดงถึงช่วงของการสะสมแรงซื้อ
Fibonacci Retracement: ระดับ 38.2% ที่ $2,790 กำลังทำหน้าที่เป็นแนวรับสำคัญ
รูปแบบแท่งเทียนที่น่าสนใจ
กราฟ 15 นาที: เกิดรูปแบบ Bullish Engulfing ที่แนวรับ ยืนยันแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้น
กราฟรายชั่วโมง: มีการสร้าง Doji ที่แนวต้าน $2,800 แสดงถึงการชะลอตัวของแรงซื้อ
แนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ 🎯
แนวต้าน:
R3: $2,815 (แนวต้าน Fibonacci Extension 161.8%)
R2: $2,810 (High ของสัปดาห์ที่ผ่านมา)
R1: $2,800 (แนวต้านจิตวิทยาและ Round Number)
แนวรับ:
S1: $2,790 (MA20 H1 และ Fibonacci 38.2%)
S2: $2,780 (MA50 H1)
S3: $2,775 (แนวรับ Channel ระยะกลาง)
กลยุทธ์การเทรดแบบ Multiple Time Frame 💡
Scalping (15 นาที)
ระดับเข้าซื้อ: $2,792-2,795 (บริเวณ EMA 21)
Stop Loss: $2,788 (ใต้แนวรับ Channel)
Take Profit 1: $2,800 (แนวต้านจิตวิทยา)
Take Profit 2: $2,805 (แนวต้าน Channel บน)
อัตราส่วน Risk:Reward = 1:1.5
Day Trading (H1)
Long Position:
จุดเข้าซื้อ: รอย่อตัวที่แนวรับ $2,790
ยืนยันด้วย: Bullish Candlestick Pattern และ RSI เริ่มฟื้นตัว
Stop Loss: $2,785
Take Profit: $2,800 และ $2,810
Short Position:
จุดขาย: แนวต้าน $2,800
ยืนยันด้วย: Bearish Candlestick Pattern หรือ Divergence
Stop Loss: $2,805
Take Profit: $2,790
ปัจจัยที่ควรจับตา 👀
การประกาศตัวเลข NFP วันที่ 7 กุมภาพันธ์ (เป้าหมายต่ำกว่า 200,000 ตำแหน่ง)
ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
การเคลื่อนไหวของดัชนีดอลลาร์ (DXY)
วิเคราะห์โดย : Beam
MTA : วิธีการใช้ Multiple Timeframe Analysis MTA: วิธีการใช้ Multiple Timeframe Analysis
👰กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับการเทรดวิเคราะห์กราฟและการแชร์เทคนิคคอลแจ่มๆที่ใช้ดีและบอกต่อ หลายคนอาจจะงง กับการเทรดหลายๆทามเฟรม และบางคนก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าการเทรดเพียงแค่ทามเฟรมเดียว หรือ เทรดหลายทามเฟรมมีดีอย่างไร มาครับวันนี้แอดพาไปทำความรู้จักการเทรดแบบ MTA กัน ตามมาอ่านกันได้เลย
การใช้ Multiple Timeframe Analysis (MTA) เป็นเทคนิคที่ช่วยให้เทรดเดอร์เห็นภาพรวมของตลาดได้ชัดเจนขึ้น โดยการวิเคราะห์กรอบเวลาใหญ่เพื่อหาแนวโน้มหลัก และกรอบเวลาเล็กเพื่อหาจุดเข้า-ออกที่แม่นยำ นี่คือขั้นตอนละเอียดในการใช้ MTA อย่างมีประสิทธิภาพ
1. เลือกกรอบเวลาที่เหมาะสม
การวิเคราะห์หลายกรอบเวลาควรใช้กรอบเวลาที่สัมพันธ์กัน เช่น:
กรอบเวลาใหญ่ (Higher Timeframe - HTF): ใช้เพื่อหาแนวโน้มหลัก เช่น Daily (D1), H4
กรอบเวลากลาง (Intermediate Timeframe): ใช้เพื่อยืนยันสัญญาณ เช่น H1
กรอบเวลาเล็ก (Lower Timeframe - LTF): ใช้เพื่อหาจุดเข้า-ออก เช่น M15, M5
2. วิเคราะห์กรอบเวลาใหญ่ (HTF) เพื่อหาแนวโน้มหลัก
ขั้นตอน:
เปิดกราฟกรอบเวลาใหญ่ (เช่น Daily)
ใช้เครื่องมือวิเคราะห์แนวโน้ม เช่น Moving Average (MA), Trendline, หรือ ADX
ระบุแนวโน้มหลัก:
ขาขึ้น (Uptrend): Higher Highs (HH) และ Higher Lows (HL)
ขาลง (Downtrend): Lower Highs (LH) และ Lower Lows (LL)
Sideway/Range: ราคาเคลื่อนที่ในกรอบแนวนอน
ระบุระดับ Support/Resistance ที่สำคัญ
ตัวอย่าง:
หากกราฟ Daily แสดงแนวโน้มขาขึ้น ให้มองหาโอกาสซื้อ (Buy) ในกรอบเวลาเล็ก
หากกราฟ Daily แสดงแนวโน้มขาลง ให้มองหาโอกาสขาย (Sell) ในกรอบเวลาเล็ก
3. วิเคราะห์กรอบเวลากลางเพื่อยืนยันสัญญาณ
ขั้นตอน:
เปิดกราฟกรอบเวลากลาง (เช่น H4)
ตรวจสอบว่าแนวโน้มในกรอบเวลากลางสอดคล้องกับกรอบเวลาใหญ่หรือไม่
ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เพิ่มเติม เช่น Fibonacci Retracement, RSI, หรือ MACD เพื่อหาจุดกลับตัวหรือสัญญาณยืนยัน
ตัวอย่าง:
หากกราฟ Daily เป็นขาขึ้น และกราฟ H4 แสดง Pullback (การปรับตัวลงชั่วคราว) ให้มองหาโอกาสซื้อเมื่อราคากลับมาทะลุแนวต้านหรือยืนเหนือ MA
4. วิเคราะห์กรอบเวลาเล็ก (LTF) เพื่อหาจุดเข้า-ออก
ขั้นตอน:
เปิดกราฟกรอบเวลาเล็ก (เช่น M15)
หาจุดเข้าเทรดโดยใช้สัญญาณจาก Price Action หรือตัวบ่งชี้ เช่น:
Price Action: รูปแบบแท่งเทียน (Pin Bar, Engulfing, Inside Bar)
ตัวบ่งชี้: RSI, Stochastic Oscillator, หรือ MACD
ตั้ง Stop Loss และ Take Profit โดยอ้างอิงจากกรอบเวลาใหญ่และกลาง
ตัวอย่าง:
หากกราฟ Daily และ H4 แสดงแนวโน้มขาขึ้น และกราฟ M15 แสดงสัญญาณซื้อ (เช่น Bullish Engulfing) ให้เข้าซื้อและตั้ง Stop Loss ต่ำกว่า Support ล่าสุด
5. จัดการความเสี่ยงและวางแผนเทรด
Stop Loss: ตั้ง Stop Loss โดยอ้างอิงจากกรอบเวลาใหญ่หรือกลาง เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเคลื่อนไหวของราคา
Take Profit: ตั้ง Take Profit โดยอ้างอิงจากระดับ Resistance ในกรอบเวลาใหญ่หรือกลาง
Risk-Reward Ratio: ควรมีอัตราส่วน Risk-Reward อย่างน้อย 1:2 (เสี่ยง 1 เพื่อกำไร 2)
6. ตัวอย่างการใช้งานจริง
สมมติคุณวิเคราะห์กราฟ Daily และพบว่า EUR/USD อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
กรอบเวลาใหญ่ (Daily):
แนวโน้มขาขึ้น (Higher Highs และ Higher Lows)
Support หลักอยู่ที่ 1.1000
กรอบเวลากลาง (H4):
ราคากำลัง Pullback ลงมาใกล้ระดับ Support ที่ 1.1000
RSI ใกล้ Oversold (30)
กรอบเวลาเล็ก (M15):
ราคาเกิด Bullish Engulfing Pattern ใกล้ระดับ 1.1000
เข้าซื้อที่ 1.1005 และตั้ง Stop Loss ที่ 1.0980 (ต่ำกว่า Support)
ตั้ง Take Profit ที่ 1.1100 (ใกล้ระดับ Resistance ในกรอบ Daily)
7. ข้อควรระวัง
False Signal: สัญญาณในกรอบเวลาเล็กอาจไม่แม่นยำหากไม่สอดคล้องกับกรอบเวลาใหญ่
Overanalysis: อย่าวิเคราะห์กรอบเวลาเล็กมากเกินไปจนเสียโฟกัสจากแนวโน้มหลัก
ปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับสไตล์การเทรด: หากเป็นเทรดเดอร์ระยะสั้น อาจใช้กรอบเวลาเล็กเป็นหลัก แต่ต้องยืนยันแนวโน้มจากกรอบเวลาใหญ่
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กลยุทธิ์การเทรดแบบ MTA เรียบง่ายแต่ทรงพลัง แถมทำกำไรได้เรื่อยๆอีกนะ มันทำให้เราไม่ต้องไปพะว้าพะวง หรือเครียดมากจนเกินไปด้วย ที่สำคัญต้องหมั่นฝึกฝนและทดสอบกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาดในการเทรดเสมอ แล้วเราจะเก่งและกำไรเรื่อยๆครับ