สงครามหมีกระทิงในแดน Fibonacci🐂🐻 สงครามหมีกระทิงในแดน Fibonacci
เปรียบแต่ละระดับ Fibonacci เป็น "ตำแหน่งยุทธศาสตร์" ที่สำคัญของสงครามแนวโน้ม
🔢 ระดับ Fib 📍ตำแหน่งในสงคราม 🧠 ความหมายเชิงเทรด
14.6% จุดลาดตระเวนเบื้องต้น รอยเท้าศัตรูเล็กๆ – อาจเป็นการพักตัวระยะสั้นก่อนเดินหน้าต่อ ไม่ใช่จุดเปลี่ยนที่สำคัญ
23.6% ป้อมหน้า (Outpost) เริ่มเห็นแรงต้าน หรือรับ – มักใช้วัด momentum ว่ายังแข็งแรงไหม ถ้ายังไปต่อได้ แสดงเทรนด์ยังอยู่
38.2% ค่ายทหารย่อย เป็น “ฐานป้องกัน” ที่เริ่มมีความสำคัญ กระทิง-หมีเริ่มเผชิญหน้าชัดเจน มักใช้เป็น wave 2 หรือ b pullback
50.0% สนามรบหลัก จุดวัดใจกลางสนาม – ยังไม่ใช่เมืองหลวง แต่เป็นจุดที่ "ไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบ" รอดูว่ากระทิงหรือหมีจะควบคุมได้
61.8% เมืองหลวง 💥 จุดยุทธศาสตร์สูงสุด – หากโดนทะลุ เทรนด์อาจ เปลี่ยนฝั่ง ได้เต็มตัว จึงเป็นแนว ตัดสินขาด
78.6% เมืองหลวงแตกแต่ยังไม่ยึด ปราการสุดท้ายก่อนแตกทัพ – โอกาสพลิกกลับมีน้อย แต่ถ้ากลับได้ = รีเวอร์แซลขั้นเทพ
88.6% เมืองหลวงลุกเป็นไฟ ⚔️ สถานการณ์สิ้นหวัง แต่ยังพอมีปาฏิหาริย์ – การถอยลึกเกินปกติ แต่หากกระทิงโต้กลับได้ อาจเป็น "V-shape reversal" แบบไม่คาดคิด
100% กองทัพถอยกลับเต็มตัว เทรนด์เดิม ตายสนิท – เท่ากับราคา ย้อนกลับ 100% จบแนวโน้มเดิม
127.2% ล้อมเมืองใหม่ เริ่มเข้าสู่แนว Extension – กองทัพเริ่มบุกไป “ยึดเมืองใหม่” ตั้งเป้าทะลุไฮ/โลเดิม
161.8% ยึดประเทศใหม่ เป็น เป้าโปรดของกระทิง/หมีที่ชนะศึก – คล้ายจุด Take Profit แรกของเทรนด์ใหม่
200% ขยายอาณาเขต เทรนด์เริ่มร้อนแรงเกินเหตุ – เข้าสู่ “ภาวะเร่ง” ที่ต้องระวังความร้อนแรงเกินจริง
261.8% จักรวรรดิใหม่ จุดสูงสุดของสงครามเทรนด์ – มักเกิดก่อนการพักฐานใหญ่หรือ Reversal – “ยิ่งสูง ยิ่งเสี่ยงหัก”
________________________________________
📌 สรุปภาพรวม
• 🔸 14.6–38.2% = โซน "พักเพื่อไปต่อ" (Pullback โซน)
• 🔸 50–61.8% = โซน "ตัดสินใจ" (Reversal Zone)
• 🔸 >100–261.8% = โซน “ขยายแนวรบ” (Extension Zone)
รูปแบบชาร์ต
วิเคราะห์เเนวโน้ม XAUUSD วันนี้ 27-05-2025🔍 วิเคราะห์แนวโน้ม: FOREX XAUUSD M15 :
ราคาทองตอนนี้อยู่บริเวณ 3344 ซึ่งกำลังทดสอบ Supply Zone ด้านบนที่เคยเป็นฐาน Break ลงมา ➡️ มีโอกาสกลับตัวลงตามลูกศรในแผน
📉 แผนเทรดฝั่ง Sell (หลัก):
📌 จุดเข้า (Entry): 3348–3352 (บริเวณ Supply Zone บน)
❌ SL: เหนือ 3356
✅ TP1: 3328
✅ TP2: 3324 (บริเวณ Demand Zone ล่าง)
🧠 เหตุผลที่เข้า Sell:
ราคาหลุดโซน FVG เดิม + กลับขึ้นมาทดสอบ (Break & Retest)
โซน Supply ทับซ้อน Order Block
มีการ Reject ราคาจากบริเวณแนวต้าน
⚠️ หมายเหตุ:
หากราคายืนเหนือ 3356 ได้ อาจพิจารณายกเลิกแผน Sell ชั่วคราว และรอดูโครงสร้างใหม่แทนครับ
ทองคำ อาจย่อก่อนขึ้น NEW HIGH-invert head and shoulder
-Fibo Retrecement
จากเมื่อวานวิเคราะห์ว่าราคาน่าจะขึ้นไปเลย แต่เปิดเช้าวันจันทร์มามีข่าวว่าทรัมป์เลื่อนการขึ้นภาษีกับยุโรป ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกเพิ่มขึ้น เช่น Future Dowjone & SP500 เพราะฉะนั้นทองคำต้องย่อก่อน 1เที่ยว
และราคาจะไปทำHigher high แล้วเกิด Bearlish Divergence
แนวโน้มเทรดทองคำระยะสั้น (วันจันทร์ 26 พ.ค.2568) แผนเทรดทองคำ (วันจันทร์ 26 พ.ค)
วางแผนให้ชัด เพื่อกำหนดความเสี่ยง ไม่รู้อนาคต แต่กราฟจะเฉลยเอง
✅ สิ่งที่คาดหวังและแนวโน้มที่อยากให้เกิด:
1. อยากให้ราคาย่อลงก่อน
• อย่าเพิ่งเบรคขึ้นทันที
• ให้ลงมาเล่นในกรอบ เพื่อรอจังหวะเข้า sell แบบมีเงื่อนไข
2. หากหลุดเส้นแนวโน้ม (Trend Line) สีน้ำเงิน
• ให้ราคาลงมาเคลื่อนไหวในกรอบด้านล่างก่อน
• มองหาโอกาส sell ในกรอบที่ราคาย่อลงมา
• รอให้แนวโน้มชัดก่อนตัดสินใจ
3. เป้าหมายการลงต่อ: โซน Fibonacci 61.8
• รอดูราคาลงลึกถึงโซนนั้น
• ตีเส้นกดเพื่อเป็นแนวต้านประคอง ไม่ควรให้ราคาทะลุขึ้น
• ถ้าไม่หลุด จะได้เห็นการย่อตัวที่มีโครงสร้างดีขึ้น
4. โซนสำคัญ: 3180 – 3200
• จุดนี้เป็นบริเวณทับซ้อนกับ Trend Line สีเขียว (แนวรับใหญ่)
• เส้นนี้ไม่เคยหลุดเลยตั้งแต่เป็นขาขึ้น
• ถ้ากราฟสร้าง Higher Low บริเวณนี้ได้ → ลุ้นเบรคเส้นสีส้ม (แนวต้านโครงสร้าง)
• ถ้าเบรคได้อย่างสวยงาม มีโอกาสกลับไปทดสอบ High เดิม
• แต่ถ้าหลุดลงจริง → โอกาสลงไปเจอแนวรับใหญ่ถัดไปที่ระดับ 3000
5. ระวัง Gap ที่อาจเปิดกระโดดลงแรง
• สัปดาห์หน้ามีความเป็นไปได้ที่จะเปิด gap กว้าง
• ควรเตรียมรับมือ ไม่รีบเข้าเทรดตอนตลาดเปิด
🔁 เงื่อนไขการกลับตัว
การกลับตัวที่มีคุณภาพ ควรพิจารณาร่วมกัน 4 ปัจจัย:
1. โซนสำคัญ
2. พฤติกรรมราคา (Price Action)
3. แท่งเทียนกลับตัว (Reversal Candle)
4. โครงสร้างชัดเจน
❗ไม่ได้แนะนำการลงทุน
เพียงแค่ “วางแผนล่วงหน้า” เพื่อกำหนดความเสี่ยงให้ชัดเจนรอให้กราฟเฉลย แล้วค่อยตัดสินใจเทรดตามแผน
📌 #เทรดทอง #เทรดเดอร์ #วางแผนเทรด #พ่อสอนเทรด
📈 #กราฟทอง #fibonacci #ทองคำ #วิเคราะห์ทองคำ
การย่อตัวเชิงกลยุทธ์ก่อนที่ทองคำจะพุ่งขึ้น!XAUUSD ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบขาขึ้นที่ชัดเจนบนกราฟ 4 ชั่วโมง โดยได้รับแรงสนับสนุนอย่างดีจากเส้น EMA 34 และ 89 หลังจากมีการปรับฐานเล็กน้อย ราคากำลังสะสมอยู่บริเวณ 3,348 และมีแนวโน้มกลับลงไปทดสอบแนวรับที่ 3,320–3,330 หากแนวรับนี้ยังคงอยู่ คาดว่าราคาจะเดินหน้าต่อไปยังเป้าหมายที่ 3,450 ซึ่งเป็นแนวต้านด้านบนของกรอบราคา
ในด้านข่าวสาร ตลาดกำลังรอตัวเลขดัชนี PCE และถ้อยแถลงจากเจ้าหน้าที่เฟดในสัปดาห์นี้ หากข้อมูลเงินเฟ้อชะลอตัวลงต่อ ความกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะลดลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
กลยุทธ์ที่แนะนำ: รอซื้อบริเวณ 3,320–3,330 เป้าหมายที่ 3,450 ตัดขาดทุนหากราคาหลุดต่ำกว่า 3,295
วิเคราะห์กราฟทองคำ XAUUSD M30 – โดย โค้ชเจ 26-05-2568 #XAUUSD🔍 วิเคราะห์กราฟทองคำ XAUUSD M30 – โดย โค้ชเจ (26 พ.ค. 2025)
📊 โครงสร้างหลัก : ทองยังเคลื่อนที่ในกรอบ “ขาขึ้น” (Ascending Channel) อย่างแข็งแรง โดยมีแนวรับสำคัญอยู่ที่โซน Demand สีม่วง และแนวต้านเป้าหมายคือ 3400
✅ แผนเทรดวันนี้: Buy on Dip ตาม Demand Zone
🟪 โซนเข้าเทรดสำคัญ:
✅ 3,324 – 3,340
⬆ แนวโน้ม: Buy ตามแนวโน้มหลัก
🟡 ราคามีแนวโน้มลงมาทดสอบเส้นแนวรับล่างของกรอบขาขึ้น + Demand
🎯 จุดเข้า (Entry), TP, SL
🟢 จุดเข้า (Entry): 3,326 – 3,330
🔵 Stop Loss (SL): 3,310 ใต้ Demand เล็กน้อย (เผื่อ volatility)
🎯 Take Profit (TP):
TP1: 3,364 (แนวต้านแรก)
TP2: 3,386 (FVG Supply บน)
TP3: 3,410 (High เดิม)
TPX: 3,440 (แนวบนกรอบใหญ่)
🧠 เหตุผลในการเข้า Buy
🔹 ราคาเคลื่อนในกรอบขาขึ้นและย่อตัวมาโซน Demand
🔹 มีโอกาสรีบาวด์จากบริเวณนี้ เพราะตรงกับแนวรับกรอบล่าง + Demand zone + High low structure
🔹 ยังไม่มีการเปลี่ยนโครงสร้างเป็นขาลง (BOS ไม่เกิด)
⚠ การบริหารความเสี่ยง (Risk Management)
💼 RR เฉลี่ย: ประมาณ 1:2 ถึง 1:3 ขึ้นไป
📉 SL: 3,310 ห่าง ~150-200 Pip
🧮 เสี่ยง 2% ต่อไม้ (เช่นทุน $1,000 เสี่ยงไม่เกิน $20 ต่อไม้)
🟢 หากราคาวิ่ง +50 Pip ให้เลื่อน SL เข้าจุดเข้า (Break Even)
💡 เสริมกลยุทธ์
🔄 หากราคาหลุด 3,310 ให้รอดู FVG/Demand ใหม่บริเวณ 3,280 – 3,300
📵 งดเทรดช่วงข่าวแรง / ความผันผวนสูง
🧭 สรุปภาพรวมวันนี้
แนวโน้มยังขาขึ้น แข็งแรง 📈
รอจังหวะเข้าตามแนวรับ Demand
เทรดแบบมีแผน มี SL เสมอ 💼 นะครับทุกคน
HSI Futures (TF: 1D) กับ Fibonacci 78.6-88.6จากกราฟ HSI Futures (TF: 1D) มีหลายประเด็นที่สำคัญเกี่ยวกับพฤติกรรมราคา ณ บริเวณ Fibonacci 78.6%-88.6% ที่สามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อการตัดสินใจเทรด DW ได้ดังนี้:
________________________________________
🔍 สถานการณ์ปัจจุบัน:
• แนวต้าน Fibonacci 78.6% = 23,672.89 → ราคาขึ้นมาชนและเกิดแรงขาย
• แนวต้าน Fibonacci 88.6% = 24,259.39 → ยังไม่ถูกทดสอบ
• แท่งเทียนล่าสุด เป็นแท่งแดงขนาดปานกลางหลังจากไม่ผ่านแนว 78.6% ซึ่งเป็นสัญญาณของแรงขายรอบใหม่
________________________________________
📌 วิเคราะห์พฤติกรรมราคาในบริเวณ 78.6-88.6%
พื้นที่ 78.6%-88.6% เป็น:
✅ “Deep Retracement Zone”
❗ บ่งบอกว่าเป็น “จุดวัดใจ” ระหว่างการกลับตัว (Reversal) และการเบรกเพื่อไปต่อ (Breakout)
กรณีที่ 1: กลับตัวลง (Rejection จาก 78.6%)
• การไม่ผ่าน 78.6% พร้อมแท่งแดง → สัญญาณกลับตัวอ่อนๆ (Bearish reaction)
• หากราคาหลุดแนวรับใกล้ 23,200 และเบรกเส้นแนวโน้มขาขึ้น = คอนเฟิร์มโอกาสการย่อลึก
• เป้าหมายถัดไป:
o 22,687.57 = Fib 61.8%
o 21,995.50 = Fib 50%
• หากย่อลงแรง = การฟื้นตัวรอบนี้อาจเป็นแค่ “Dead Cat Bounce”
กรณีที่ 2: ทะลุ 78.6% และ Break 88.6%
• ต้องมีแท่งเขียวเต็มแท่งทะลุพร้อม Volume
• ถ้าผ่าน 88.6% ไปได้ = มีลุ้นกลับไปทดสอบ High เดิม 24,928 จุด
• เทรนด์จะกลับเป็น “ขาขึ้นจริงจัง” (Trend Reversal)
________________________________________
🧠 กลยุทธ์การเทรด HSI DW จากกราฟนี้
✅ สายอนุรักษ์นิยม (รอความชัดเจน)
• รอให้ราคา ยืนเหนือ 23,700 แล้วค่อย Follow Buy ด้วย HSI Call DW เป้า 24,200 - 24,900
• หรือ ถ้าหลุด 23,200 / เส้นแนวโน้มขาขึ้น → ซื้อ HSI Put DW เป้า 22,000 - 21,300
⚡ สายเก็งกำไรเร็ว (Aggressive Trader)
• เปิด (Put DW) ตรงแนว 78.6% พร้อมจุดตัดขาดทุนหากยืนเหนือ 23,800
• วางเป้ากำไรที่ Fib 61.8% และ 50%
________________________________________
🔔 จุดสังเกตเสริม
• มี Fair Value Gap (FVG) หลายจุดด้านล่าง → เป็นแนวรับดึงดูดราคาถ้าเกิดการกลับตัว
________________________________________
✅ สรุปความน่าจะเป็น (Probability Based Outlook):
สถานการณ์ ความน่าจะเป็น กลยุทธ์
กลับตัวจาก 78.6% → ลงต่อ ⭐⭐⭐⭐ (สูง) Put DW / Short
ยืนเหนือ 78.6% → ไปทดสอบ 88.6% ⭐⭐ (กลาง) Wait & See หรือเล่นสั้น
Break 88.6% → เทรนด์กลับตัวจริง ⭐ (ต่ำ) Buy Call DW หลังเบรกคอนเฟิร์ม
XAUUSD WILL BE ATH AGAIN.-จากการดูกราฟ DXY ประกอบ คาดการณ์ว่าเงินดอลลาร์ในระยะสั้นจะอ่อนตัวลง ส่งผลให้เงินไหลเข้าในทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
-กราฟ US30 หรือดัชนี Dowjoneของสหรัฐ ก็มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากนักลงทุนหันเอาเงินไปลงทุนใน ตลาดอื่นเช่น China or Japan หรือแม้แต่กระทั่งเอาเงินไปซื้อพันธบัตรUS เพราะกลัวศก.ถดถอย จากภาวะฟองสบู่ของ AI และการเมืองภายในประเทศ ภายใต้ผู้นำคนใหม่Trump
-Technical ดูMACD TF DAY โมเมนตัมมีแรงส่งขึ้น โดยคาดการณ์ว่าราคาจะทำAll time High และเกิดสัญญาณBullish Divergent ทำให้เกิดการพักฐานครั้งใหญ่ แล้วทั้งปีนี้ราคาทองคำไม่น่าจะขึ้นไปมากกว่านี้แล้ว เพราะปัจจุบันผลตอบแทนรายปีของทองคำอยู่ที่ 66% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 6SD (โดยปกติทองคำจะให้Return 8-10%) นักลงทุนควรเชื่อในเรื่องของCycle ของสินทรัพย์ต่างๆ
-Time คาดว่าราคาทองคำน่าจะเบรคHigh วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน 2568 เพราะเป็นวันที่ประกาศตัวเลขการจ้างวานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ น่าจะออกมาแย่กว่าที่คาด ส่งผลทำให้ทองคำพุ่งฉิว🚀🚀🚀🚀
รอรับยุนะจากการวิเคราะห์กราฟ Bitcoin/Tether (BTC/USDT) ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง (4h) ผมสังเกตเห็นประเด็นสำคัญหลายอย่างดังนี้ครับ:
ภาพรวมตลาดปัจจุบัน:
* แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) ก่อนหน้า: ก่อนหน้านี้ราคา Bitcoin มีแนวโน้มเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน โดยทำจุดสูงสุดใหม่ที่ประมาณ 111,646.8 USDT
* การพักฐาน/ปรับฐาน (Correction/Pullback): หลังจากทำจุดสูงสุด ราคาได้เริ่มปรับฐานลงมา ซึ่งเป็นเรื่องปกติหลังจากราคาพุ่งขึ้นแรง
* ระดับ Fibonacci Retracement: มีการใช้เครื่องมือ Fibonacci Retracement ในการวิเคราะห์ โดยมีระดับสำคัญดังนี้:
* 50% Fibonacci (106,698.0 USDT): ราคากำลังทดสอบหรืออยู่ใกล้ระดับ 50% Fibonacci Retracement ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญทางเทคนิค
* 38.2% Fibonacci (107,865.9 USDT): ราคามีการเด้งกลับขึ้นไปทดสอบระดับนี้ แต่ไม่สามารถยืนเหนือได้
* 61.8% Fibonacci (105,530.1 USDT): เป็นแนวรับ Fibonacci ที่สำคัญอีกระดับหนึ่ง ซึ่งถ้าหลุด 50% อาจลงมาทดสอบระดับนี้
* 78.6% Fibonacci (103,867.3 USDT): เป็นแนวรับที่ลึกขึ้น หากราคาปรับฐานรุนแรง
* Volume Profile: มีการแสดง Volume Profile ด้านซ้ายของกราฟ ซึ่งบ่งชี้ถึงปริมาณการซื้อขายในแต่ละระดับราคา จะเห็นว่ามีโซนที่มี Volume หนาแน่น (แถบสีฟ้าเข้ม) ซึ่งมักจะเป็นแนวรับหรือแนวต้านที่แข็งแกร่ง
จุดสังเกตและแนวโน้มที่น่าสนใจ:
* การทดสอบแนวรับ 50% Fibonacci: ราคาปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 107,122.0 USDT ซึ่งอยู่ใกล้กับระดับ 50% Fibonacci (106,698.0 USDT) การรักษาระดับเหนือ 50% Fibonacci เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาสถานะขาขึ้นในระยะสั้น
* รูปแบบการพักฐาน (Correction Pattern): เส้นประสีขาวที่ลากมาดูเหมือนจะเป็นรูปแบบธงขาขึ้น (Bull Flag) หรือรูปแบบสามเหลี่ยมขาขึ้น (Ascending Triangle) ซึ่งบ่งชี้ว่าหลังจากการรวมฐาน ราคาอาจจะไปต่อในทิศทางขาขึ้น อย่างไรก็ตาม การปรับฐานล่าสุด (เส้นสีแดง a, b, c) ดูเหมือนจะเป็นรูปแบบแก้ไขคลื่น (Correction Wave)
* คลื่น a และ b: ราคาได้ปรับตัวลงในคลื่น a และมีการเด้งขึ้นในคลื่น b (ที่ไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้)
* คลื่น c: ราคากำลังอยู่ในช่วงคลื่น c ซึ่งเป็นคลื่นลงที่มักจะเป็นคลื่นสุดท้ายของการปรับฐาน รูปสี่เหลี่ยมสีแดง (บริเวณ 'c') น่าจะเป็นโซนเป้าหมายหรือโซนที่คาดว่าจะเกิดการกลับตัวหรือหาแนวรับที่แข็งแกร่ง
* Volume ที่ลดลงในการพักฐาน: หากสังเกตปริมาณการซื้อขายในช่วงที่ราคาปรับฐานลงมา (หลังคลื่น b) หาก Volume ลดลงอย่างต่อเนื่อง จะบ่งชี้ว่าแรงขายกำลังลดลง และอาจจะมีการกลับตัวขึ้นได้ในอนาคต แต่หาก Volume ยังคงสูง แสดงว่าแรงขายยังคงแข็งแกร่ง
* แนวรับและแนวต้านที่สำคัญ:
* แนวรับ:
* ปัจจุบัน: 106,698.0 USDT (50% Fibonacci)
* ถัดไป: 105,530.1 USDT (61.8% Fibonacci)
* โซน Volume Profile หนาแน่นด้านล่าง (ประมาณ 103,000 - 104,000 USDT)
* 103,867.3 USDT (78.6% Fibonacci)
* แนวต้าน:
* ปัจจุบัน: 107,865.9 USDT (38.2% Fibonacci)
* ถัดไป: จุดสูงสุดก่อนหน้า 111,646.8 USDT
ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม:
* ข่าวสารและปัจจัยพื้นฐาน: การวิเคราะห์ทางเทคนิคควรควบคู่ไปกับการพิจารณาข่าวสารและปัจจัยพื้นฐานที่อาจส่งผลกระทบต่อราคา Bitcoin เช่น นโยบายการเงินของธนาคารกลาง, การยอมรับ Bitcoin ขององค์กรต่างๆ, กฎระเบียบ
* กรอบเวลาอื่น: การดูกราฟในกรอบเวลาที่ใหญ่ขึ้น (เช่น รายวัน หรือ รายสัปดาห์) อาจช่วยให้เห็นภาพรวมของแนวโน้มระยะยาวได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สรุป:
กราฟแสดงให้เห็นว่า Bitcoin กำลังอยู่ในช่วงการปรับฐานหลังจากทำจุดสูงสุดใหม่ โดยกำลังทดสอบแนวรับ Fibonacci ที่สำคัญ การเฝ้าระวังระดับ 50% Fibonacci Retracement (ประมาณ 106,698 USDT) และการสังเกตการก่อตัวของคลื่น c จะเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจลงทุนในระยะสั้น หากรักษาระดับแนวรับไว้ได้และมีสัญญาณการกลับตัวขึ้น ราคาอาจจะกลับไปทดสอบแนวต้านเดิม แต่หากหลุดแนวรับที่สำคัญ อาจมีการปรับฐานที่ลึกขึ้น
คำแนะนำเบื้องต้น (ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน):
* สำหรับผู้ที่ถือ: พิจารณาแนวรับสำคัญ หากราคาหลุดแนวรับสำคัญ อาจพิจารณาการบริหารความเสี่ยง
* สำหรับผู้ที่สนใจเข้าซื้อ: รอสัญญาณการกลับตัวที่ชัดเจน หรือราคาเข้าใกล้แนวรับที่แข็งแกร่ง และมีปริมาณการซื้อขายที่สนับสนุนการกลับตัวขึ้น
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์ของคุณนะครับ!
ทำลายกรอบสามเหลี่ยมเล็กๆผมจะวิเคราะห์กราฟที่ให้มาให้ครับ
ภาพรวม:
กราฟนี้แสดงราคา Bitcoin เทียบกับ Tether (BTC/USDT) บนกรอบเวลา 15 นาที ดูเหมือนจะเป็นกราฟการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลทั่วไปที่มีเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (ดูจากเส้นสีเขียวและสีขาว) และระดับ Fibonacci Retracement (เส้นประสีเหลือง) นอกจากนี้ยังมีตัวบ่งชี้ด้านล่างที่แสดงค่า 40.90 และ 56.92 ซึ่งอาจจะเป็น RSI หรือ Stochastics
การวิเคราะห์แนวโน้มและระดับราคา:
* แนวโน้มปัจจุบัน: จากแท่งเทียนล่าสุด กราฟแสดงให้เห็นว่าราคา Bitcoin กำลังเคลื่อนไหวในทิศทางขาลงหลังจากขึ้นไปถึงระดับสูงสุดประมาณ 111,000 USDT และตอนนี้กำลังพยายามรักษาระดับเหนือ 108,000 USDT
* แนวรับและแนวต้าน:
* แนวต้าน: ระดับสูงสุดก่อนหน้าประมาณ 111,000 - 112,000 USDT เป็นแนวต้านที่ชัดเจน
* แนวรับ:
* ปัจจุบันราคาอยู่ที่ประมาณ 108,975 USDT ซึ่งเป็นระดับที่สำคัญ
* ระดับ Fibonacci Retracement ที่ 38.20% อยู่ที่ 107,964.7 USDT ซึ่งเป็นแนวรับถัดไปที่สำคัญ
* ระดับ 50.00% อยู่ที่ 106,865.0 USDT
* ระดับ 61.80% อยู่ที่ 105,765.4 USDT
* ระดับ 78.60% อยู่ที่ 104,199.7 USDT
* เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่: เส้นสีเขียวและสีขาวกำลังเคลื่อนที่ลง ซึ่งยืนยันแนวโน้มขาลงในระยะสั้น การที่ราคาทะลุลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เหล่านี้เป็นสัญญาณของการอ่อนตัว
การวิเคราะห์ตัวบ่งชี้ด้านล่าง (สมมติว่าเป็น RSI/Stochastics):
* มีเส้นสองเส้น (สีม่วงและสีเหลือง) เคลื่อนไหวในกรอบ 0-100 เส้นสีเหลืองอยู่ที่ประมาณ 40.90 และเส้นสีม่วงอยู่ที่ประมาณ 56.92
* หากเป็น RSI: ค่าที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงแรงขายที่เพิ่มขึ้น และค่าที่ต่ำกว่า 30 บ่งชี้ว่ามีการขายมากเกินไป
* หากเป็น Stochastics: การที่เส้นค่าเฉลี่ย (อาจจะเป็นเส้นม่วง) อยู่เหนือเส้นสัญญาณ (อาจจะเป็นเส้นเหลือง) และทั้งคู่อยู่ในโซนกลางๆ (ประมาณ 40-60) อาจบ่งชี้ถึงความผันผวนและไม่มีทิศทางที่ชัดเจนมากนักในระยะสั้น แต่ถ้าเส้นเหลืองกำลังจะตัดเส้นม่วงลง อาจเป็นสัญญาณการลดลงของโมเมนตัมขาขึ้น
ข้อสังเกตเพิ่มเติม:
* ปริมาณการซื้อขาย: กราฟนี้ไม่มีการแสดงปริมาณการซื้อขาย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
* กรอบเวลา: กราฟนี้เป็นกรอบเวลา 15 นาที ซึ่งเหมาะสำหรับการเทรดระยะสั้น (day trading) หรือการติดตามการเคลื่อนไหวของราคาแบบเรียลไทม์ แต่สำหรับการวิเคราะห์แนวโน้มระยะยาว ควรดูกราฟในกรอบเวลาที่ใหญ่ขึ้น (เช่น 1 ชั่วโมง, 4 ชั่วโมง, รายวัน)
สรุป (อ้างอิงจากข้อมูลที่จำกัด):
จากภาพรวม กราฟ BTC/USDT ในกรอบ 15 นาที กำลังแสดงแนวโน้มขาลงในระยะสั้น โดยราคาได้ลงมาทดสอบแนวรับ Fibonacci Retracement ต่างๆ หากราคาไม่สามารถรักษาระดับเหนือ 108,000 USDT ได้ อาจจะมีการเคลื่อนที่ลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 107,964.7 USDT และ 106,865.0 USDT ตามลำดับ นักลงทุนควรติดตามระดับราคาและตัวบ่งชี้ต่างๆ อย่างใกล้ชิดเพื่อประกอบการตัดสินใจ
คำเตือน: การวิเคราะห์นี้เป็นเพียงการตีความจากกราฟที่ให้มาและไม่ได้เป็นคำแนะนำในการลงทุน การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ
อย่าพลาดจังหวะการฟื้นตัวครั้งนี้ของ BTCUSD!หลังจากที่ทะลุออกจากโซนสะสมและปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรง BTCUSD ได้แตะระดับแนวต้านบริเวณ 112,500–113,000 และปรับฐานลงมา ขณะนี้ราคากำลังมีปฏิกิริยาในเขตแนวรับร่วม ซึ่งรวมถึงเส้น EMA34 และโซนอุปสงค์บริเวณ 107,500–108,000 แท่งเทียน H4 แสดงสัญญาณการรองรับที่ดี พร้อมด้วยสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค
หากไม่มีข่าวเชิงลบที่สำคัญ BTCUSD มีโอกาสกลับตัวขึ้นและทดสอบแนวต้านบริเวณ 113,000 อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม หากราคาทะลุต่ำกว่า 107,500 แนวโน้มขาลงอาจขยายต่อไปถึงระดับ 105,000
กลยุทธ์แนะนำ: รอซื้อบริเวณแนวรับ หากมีสัญญาณยืนยัน (เช่น Pinbar, Engulfing เป็นต้น) โดยตั้งเป้าหมายที่ 112,500–113,000 และตั้งจุดตัดขาดทุนใต้ 107,000
ขอให้นักลงทุนทุกท่านเทรดอย่างรอบคอบ และขอให้โชคดีในการลงทุน!
สถานการณ์ถัดไปสำหรับ JPY/USD คืออะไร?USD/JPY ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลงภายในกรอบขาลงอย่างชัดเจนในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง โดยเส้น EMA34 ตัดลงใต้ EMA89 และทำหน้าที่เป็นแนวต้านแบบเคลื่อนที่ ยืนยันแนวโน้มที่ยังคงเอนเอียงไปทางฝั่งขาย หลังจากราคาขึ้นไปแตะขอบบนของกรอบขาลง ก็กลับตัวลงและขณะนี้กำลังทดสอบขอบล่างบริเวณ 142.00 หากไม่มีสัญญาณกลับตัวที่ชัดเจน มีความเป็นไปได้สูงที่ราคาจะทะลุแนวรับนี้และเคลื่อนไหวลงต่อไปยังเป้าหมายถัดไปที่บริเวณ 141.00
ในเชิงปัจจัยพื้นฐาน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐถูกกดดันหลังจากรายงานการประชุม FOMC มีท่าทีผ่อนคลาย ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐก็อ่อนตัวลง ส่วนเงินเยนได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังที่ว่า BOJ อาจปรับเปลี่ยนนโยบายเร็วขึ้นหากอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น
กลยุทธ์ที่แนะนำ: รอจังหวะขายเมื่อราคาดีดกลับขึ้นบริเวณเส้น EMA34 หรือขอบบนของกรอบ (143.5–144.0) เป้าหมายที่ 141.0 ตัดขาดทุนหากราคาทะลุ 144.6
ระมัดระวังในการเทรดทุกครั้ง ขอให้โชคดีครับ!
GBP/USD ใกล้ทะลุแนวต้าน – โอกาสทำกำไรกำลังมา!สวัสดีครับทุกคน วันนี้เราจะมาพูดคุยเกี่ยวกับคู่เงิน GBP/USD ในสัปดาห์ที่แล้วกันนะครับ!
คู่เงิน GBP/USD ยังคงรักษาแนวโน้มขาขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง ภายในกรอบขาขึ้นที่ชัดเจน โดยมีเส้น EMA34 และ EMA89 เป็นแนวรับที่สำคัญ หลังจากทดสอบแนวรับล่างของกรอบได้สำเร็จและดีดตัวขึ้น ราคากำลังเข้าใกล้แนวต้านบริเวณ 1.3560–1.3650 ด้านเทคนิค รูปแบบกรอบขาขึ้นประกอบกับ EMA ที่ตัดกันเป็นสัญญาณยืนยันว่าแนวโน้มยังคงอยู่ในฝั่งขาขึ้น
ในเชิงปัจจัยพื้นฐาน ค่าเงินปอนด์ยังคงได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐเผชิญแรงกดดันหลังจากรายงานการประชุม FOMC ที่ไม่ได้มีท่าที "สายเหยี่ยว" มากนัก
กลยุทธ์ที่แนะนำ: รอซื้อเมื่อราคาปรับลงใกล้เส้นแนวโน้มหรือบริเวณ EMA34 แถว 1.3450–1.3470 เป้าหมายถัดไปที่แนวต้านบนของกรอบบริเวณ 1.3650 ตั้งจุดตัดขาดทุนใต้ 1.3400
นักลงทุนควรระมัดระวังในการเทรดทุกครั้ง ขอให้ทุกคนโชคดีครับ!
EUR/USD ทะลุจุดต่ำสุด – คลื่นขาขึ้นกำลังเริ่มต้นจริงหรือไม่?สังเกตกราฟ 1 ชั่วโมง – คู่เงิน EUR/USD ยังคงฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งหลังจากสร้างจุดต่ำบริเวณ 1.1300 และดีดตัวขึ้นตามเส้นแนวโน้มขาขึ้น EMA34 กำลังทำหน้าที่เป็นแนวรับได้ดี ยืนยันว่าแนวโน้มระยะสั้นได้เปลี่ยนเป็นขาขึ้น หากราคายังคงทรงตัวเหนือเส้นเทรนด์ไลน์และแนวรับ EMA34 ได้ เป้าหมายถัดไปอยู่ที่แนวต้านบริเวณ 1.1389
ในด้านปัจจัยพื้นฐาน ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงหลังจากรายงานการประชุม FOMC ที่ไม่ได้ออกมาในเชิง "สายเหยี่ยว" มากนัก ขณะที่ตัวเลข PMI ของยูโรโซนปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ช่วยสนับสนุนการแข็งค่าของ EUR/USD
กลยุทธ์ที่แนะนำ: รอจังหวะซื้อบริเวณ EMA34 หรือเส้นเทรนด์ไลน์ เป้าหมาย 1.1389 ตัดขาดทุนหากหลุด 1.1328
ขอให้เทรดเดอร์ทุกท่านโชคดีครับ!
คลื่นขาขึ้นรอบใหม่ของทองคำกำลังก่อตัวอยู่หรือไม่?XAU/USD (1H) – ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบขาขึ้นระยะสั้น โดยมีแนวรับสำคัญบริเวณ $3,345–3,350 ที่ควรรักษาไว้ หากราคาสามารถยืนเหนือบริเวณนี้ได้ มีโอกาสดีที่จะดีดกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านแถว $3,395–3,405 อีกครั้ง หลังจากที่ราคาได้ปรับฐานเล็กน้อยภายหลังแตะขอบบนของกรอบ และกำลังทดสอบขอบล่างของแนวโน้มขาขึ้นในขณะนี้ EMA34 ทำหน้าที่เป็นแนวรับเคลื่อนที่ได้ดี หากราคาหลุด EMA34 และกรอบล่างของแนวโน้ม อาจกลับลงไปทดสอบ EMA89 บริเวณ $3,304 ได้อีกครั้ง
ในเชิงปัจจัยพื้นฐาน รายงานการประชุม FOMC ล่าสุดไม่ได้ส่งสัญญาณเชิง Hawkish มากนัก ประกอบกับ Dollar Index ที่เริ่มอ่อนค่า และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ยังคงเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำในระยะสั้น
กลยุทธ์แนะนำ: รอซื้อเมื่อราคาย่อลงบริเวณ $3,345–3,350 วางจุดตัดขาดทุนที่ต่ำกว่า $3,330 และตั้งเป้าทำกำไรแถว $3,400+
ตลาดย่อเล็กน้อย
จากภาพที่คุณให้มา เป็นกราฟราคาของ Bitcoin (BTC) เทียบกับ Tether (USDT) ซึ่งเป็นคู่เทรดที่นิยมในตลาดคริปโต และดูเหมือนจะเป็นกราฟจากแพลตฟอร์ม Webull โดยมีข้อมูลและตัวชี้วัดที่น่าสนใจดังนี้:
ราคาและแนวโน้มปัจจุบัน:
* ราคาปัจจุบัน: ราคา Bitcoin อยู่ที่ประมาณ $108,939.8
* แนวโน้ม:
* กราฟแสดงแท่งเทียนที่บ่งชี้ถึงการเคลื่อนไหวของราคา โดยช่วงก่อนหน้านี้มีแท่งเทียนสีเขียวขนาดใหญ่ที่แสดงถึงการขึ้นของราคา แต่ตอนนี้มีแท่งเทียนสีแดงที่บ่งชี้ถึงการปรับฐานหรือลดลงเล็กน้อย
* มีเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (EMA/SMA) แสดงอยู่ (EMA5/SMA4) ซึ่งปกติใช้เพื่อดูแนวโน้มและหาจุดสนับสนุน/แนวต้าน เส้นสีขาวดูเหมือนเป็น EMA สั้น และเส้นสีเขียวเป็น EMA ยาว
* Fibonacci Retracement: มีเส้น Fibonacci Retracement แสดงระดับต่างๆ ซึ่งบ่งบอกถึงระดับแนวรับแนวต้านที่อาจเกิดขึ้นหลังจากราคาปรับฐาน:
* 38.20% ที่ประมาณ $108,073.6
* 50.00% ที่ประมาณ $106,958.6
* 61.80% ที่ประมาณ $105,843.7
* 78.60% ที่ประมาณ $104,256.2
* 100.00% ที่ประมาณ $102,234.2
* ราคาปัจจุบันอยู่เหนือระดับ 38.20% แสดงว่ายังอยู่ในช่วงการปรับฐานที่ไม่ลึกมากนัก ณ จุดนี้
ตัวชี้วัดเสริม:
* RSI (Relative Strength Index) 14 close:
* ค่า RSI ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 50.26 ซึ่งอยู่ในโซนกลาง ไม่ได้อยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought, เหนือ 70) หรือขายมากเกินไป (Oversold, ต่ำกว่า 30)
* เส้น RSI สีเหลืองดูเหมือนกำลังเคลื่อนที่ลงมาจากระดับที่สูงกว่า 65.19 บ่งชี้ว่าโมเมนตัมการซื้อลดลง
ปริมาณการซื้อขาย (Volume):
* กราฟแท่งด้านล่างแสดงปริมาณการซื้อขาย แท่งปริมาณสีแดงที่สูงขึ้นในช่วงที่ราคากำลังลดลง อาจบ่งชี้ถึงแรงขายที่เพิ่มขึ้น
การวิเคราะห์เพิ่มเติม (จากข้อมูลที่มีอยู่ในภาพ):
จากภาพ ณ เวลา 05:25 น. วันที่ 24 พฤษภาคม 2025:
* แนวโน้มระยะสั้น: Bitcoin กำลังอยู่ในช่วงปรับฐานหลังจากที่ขึ้นไปสูง การที่ราคายืนเหนือระดับ Fibonacci 38.2% และ RSI ยังไม่เข้าสู่โซน Oversold อาจบ่งชี้ว่าการปรับฐานอาจไม่รุนแรงมากนัก หรืออาจเป็นแค่การพักตัว
* แนวรับที่สำคัญ: ระดับ Fibonacci Retracement เป็นแนวรับที่น่าจับตา โดยเฉพาะระดับ 50% ($106,958.6) และ 61.8% ($105,843.7) หากราคาลงไปถึงระดับเหล่านี้และมีการเด้งกลับ อาจเป็นสัญญาณของการฟื้นตัว
* แนวต้าน: แนวต้านแรกคือจุดสูงสุดก่อนหน้า (ประมาณ $111,683.1) หากราคาสามารถทะลุผ่านได้ อาจจะไปทดสอบจุดสูงสุดใหม่
สรุปโดยรวม:
ตลาด Bitcoin กำลังอยู่ในช่วงที่น่าจับตา โดยมีการปรับฐานหลังจากที่ราคาขึ้นไปสูง ตัวชี้วัด RSI แสดงให้เห็นถึงโมเมนตัมที่เป็นกลางมากขึ้น การจับตาดูระดับ Fibonacci retracement และปริมาณการซื้อขายจะเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจว่าจะเข้าซื้อหรือขายในอนาคตอันใกล้
ข้อควรระวัง: การวิเคราะห์นี้อ้างอิงจากข้อมูลในภาพ ณ เวลาที่กำหนดเท่านั้น ตลาดคริปโตมีความผันผวนสูงและปัจจัยภายนอก (ข่าวสาร, เศรษฐกิจมหภาค) อาจส่งผลกระทบต่อราคาได้อย่างรวดเร็ว ควรทำการศึกษาข้อมูลและพิจารณาความเสี่ยงอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ
SMC
H4 ยังเป็นขาลง
H1 มีการทำ Double ChoCH เป็นขาขึ้นแข็งแรง
ราคาได้ลงไปกวาด LQ DBT และกลับตัวที่ Demand
ณ ปัจจุบัน ราคาเดินทางขึ้นมาติดที่ Supply Filp H1 ที่สามารถทำลาย demand ก่อนหน้าได้
M15 เกิดการ ChoCH ขึ้นมาได้ และสร้าง Demand ไว้ 2 Zone (ไกล้กันZoneบนมีโอกาสเป็น IDM ให้โซนล่าง)
แผนเทรดวันนี่
แผน Buy เราจะรอให้ H1 ปิดเนื้อเทียนเหนือ Supply ได้ก่อน แล้วหาจังหวะ Buy ตามเทรนขึ้นไป
แผน Sell ให้ราคาทำลาย Deamnd ทั่ง2 Zone ออกไป แล้วเกิดการ ChoCH ก่อน
"ทุกวิกฤตจบที่ 1183 จุด: จุดที่ Fibonacci กลายเป็นเส้นชีวิตตลาด""ทุกวิกฤตจบที่ 1183 จุด: จุดที่ Fibonacci กลายเป็นเส้นชีวิตตลาด"
ภาพนี้คือกราฟ SET Index รายไตรมาส (SET@Quarterly) ที่แสดงการย้อนกลับของราคาหลักทรัพย์ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 1975 จนถึงปัจจุบัน โดยใช้ Fibonacci Retracement จากจุดสูงสุด (ประมาณ 1789.16) มายังจุดต่ำสุด (204.59) ซึ่ง ระดับ 61.8% (ที่ 1183.85 จุด) ปรากฏว่าเป็นแนวรับสำคัญซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหลายวิกฤติ
🧠 ความสำคัญของแนว Fibonacci 61.8%
• Fibonacci 61.8% คือสัดส่วน "Golden Ratio" ที่มักเกิดขึ้นในธรรมชาติ และตลาดการเงินก็มักสะท้อนพฤติกรรมแบบนี้เช่นกัน
• ในแง่จิตวิทยา นักลงทุนจำนวนมากจับตาแนวนี้ และเมื่อราคาย่อลงถึง 61.8% มักมีแรงซื้อเข้ามาพยุงไว้
________________________________________
🕰️ วิเคราะห์เหตุการณ์ตามช่วงเวลาสำคัญ
📍1. จุดเริ่มต้น: 204.59 จุด (30 มิ.ย. 1998)
• หลังวิกฤตต้มยำกุ้ง 1997
• SET พังจากเกือบ 1800 จุดลงมาเหลือต่ำกว่า 300 จุด
• จุดต่ำสุดเกิดในช่วง IMF เข้าแทรกแซง
• จากจุดนี้ SET เริ่มฟื้นระยะยาว
________________________________________
📍2. ปี 2008: วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ (Subprime Crisis)
• จากกราฟ ราคาย่อลึกในช่วงปี 2008 แต่ยัง “ไม่หลุด” แนว 61.8% (บริเวณ 1183.85)
• เกิดแรงดีดกลับขึ้น ทำ new high
________________________________________
📍3. ปี 2020: วิกฤต COVID-19
• SET ยุบอย่างรวดเร็วช่วง Q1/2020
• ต่ำสุดใกล้ระดับ 960 จุด แต่ดีดกลับขึ้นแรง → ถือเป็น Rebound แบบ V-Shape
• อีกครั้งที่ราคาลงลึก แต่ไม่หลุด 61.8%
________________________________________
📍4. ปัจจุบัน (Q2/2025): กลับมาทดสอบ 1183.85 อีกครั้ง
• ภาพแสดงว่าราคากำลัง “ชะลอตัว” ใกล้แนวแนวต้าน 61.8%
• ถือว่าเป็นจุดวัดใจระหว่าง “พักตัวเพื่อฟื้น” หรือ “หลุดแล้วจบรอบใหญ่”
________________________________________
🔁 สรุปเชิงกลยุทธ์
เหตุการณ์ จุดต่ำสุด การฟื้นตัว สถานะของ 61.8%
วิกฤต 1997 ~204.59 เริ่มต้นรอบใหม่ เป็นฐาน
วิกฤต 2008 ~380-500 เด้งกลับแรง ไม่หลุด 61.8%
วิกฤตโควิด ~960 เด้ง V-Shape ไม่หลุด 61.8%
ปัจจุบัน ~1170 รอวัดใจ กำลังทดสอบ 61.8%
________________________________________
📌 สรุปสุดท้าย
ภาพนี้แสดงความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ของ SET กับ Fibonacci 61.8% ได้อย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะ:
• 61.8% (ที่ 1183.85) ทำหน้าที่เหมือน "แนวรับ-ต้าน ในอดีต" ที่ตลาดเคารพเสมอ
• เป็นระดับที่ รอดจากทุกวิกฤตใหญ่: ต้มยำกุ้ง / แฮมเบอร์เกอร์ / โควิด
• ขณะนี้กำลังทดสอบอีกครั้ง → เป็นจุดวัดใจของรอบใหญ่ในปี 2025
SniperX – XAUUSD วิเคราะห์ 3 ทาง | 23 พ.ค. 2025🔫 แผน SniperX 3 ทิศ | XAUUSD – 23 พ.ค. 2025
TF: H1 (วิเคราะห์โครงสร้างใหญ่)
---
🟩 **แผนที่ 1: Buy Rebound – หากลงมาที่ Demand Zone**
• รอที่ 3238–3248
• รอ Confirm ด้วย CHoCH + RSI Oversold
• TP: 3302 / 3345 | SL: < 3235
---
🔻 **แผนที่ 2: Sell – หากหลุด 3279 แล้ว BOS ลง**
• รอย้อนกลับขึ้น Supply 3302–3315 (หรือ QM)
• รอแท่งกลับตัวบน M5
• TP: 3248 | SL: > 3315
---
🔼 **แผนที่ 3: Buy – หากทะลุ 3315 ขึ้น พร้อม BOS ขึ้น**
• รอย่อกลับ QM Zone บนแนว 3302–3308
• เข้าเมื่อ CHoCH M5 + MACD confirm
• TP: 3345 | SL: < QM Zone
---
📩 ระบบ: SniperX
📌 Telegram: @sniperx_ai
#SniperX #XAUUSD #SmartMoney #CHoCH #BOS #QM #TradingPlan
EMA34 ตัดขึ้น EMA89 อีกครั้ง – สัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม!XAUUSD ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมงยังคงรักษาแนวโน้มขาขึ้นภายในกรอบราคาที่ชัดเจน โดยมีแนวรับแข็งแกร่งบริเวณ 3,275–3,280 ซึ่งเป็นจุดบรรจบของเส้น EMA34 และ EMA89 การดีดตัวของราคาจากบริเวณนี้แสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่ยังคงครองตลาด โดยเฉพาะหลังจากที่ EMA34 ตัดขึ้นเหนือ EMA89 ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการกลับตัวขึ้นในระยะสั้น หากสามารถยืนเหนือแนวรับนี้ได้ ราคาทองคำมีแนวโน้มเคลื่อนไหวต่อไปยังเป้าหมายแนวต้านที่บริเวณ 3,436 ซึ่งเป็นขอบบนของกรอบแนวโน้มขาขึ้นและเป็นระดับยอดเดิมเดิมก่อนหน้านี้
ในเชิงปัจจัยพื้นฐาน ตลาดกำลังรอดูข้อมูลดัชนี PMI ของสหรัฐฯ ในคืนนี้ – หากตัวเลขออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ จะยิ่งเพิ่มโอกาสที่ Fed จะคงอัตราดอกเบี้ย และเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
กลยุทธ์ที่แนะนำคือ รอเข้าซื้อบริเวณ 3,290–3,305 โดยมีเป้าหมายที่ 3,435 และตั้งจุดตัดขาดทุนใต้ระดับ 3,260 ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่น่าสนใจในระยะสั้น
ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุน!
USDJPY – แรงกดดันขาลงยังคงอยู่ใต้เส้นแนวโน้มระยะยาวในกรอบวัน USDJPY ยังคงรักษาทิศทางขาลงอย่างชัดเจน โดยเส้นแนวต้านจากต้นปี 2025 จนถึงปัจจุบันยังไม่ถูกทะลุ แต่ละครั้งที่ราคาทดสอบแนวนี้จะถูกปฏิเสธแรง และครั้งนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
คู่เงินกำลังทดสอบแนวรับบริเวณ 140.30 ซึ่งเป็นโซนสำคัญที่มีการรวมตัวของจุดต่ำเก่าและอุปสงค์จากอดีต ปัจจุบันราคากำลังเคลื่อนไหวในรูปแบบการปรับฐานแบบไซด์เวย์ ระหว่าง 140.30–146.80 หากราคายังคงถูกปฏิเสธจากแนวต้าน 146.80 ความเสี่ยงที่แนวรับ 140.30 จะถูกเจาะทะลุก็มีสูง ซึ่งจะเปิดทางให้ราคาลงลึกได้มากยิ่งขึ้น
ในบริบทที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ แปรผัน และปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ยังคงกดดันเงินดอลลาร์ แรงขายใน USDJPY จึงยังเป็นแนวโน้มหลักที่ชัดเจน






















