Fibonacci Extension ในการเทรด Forex และวิธีใช้งานในการเทรด Forex นักเทรดมักจะใช้เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มของราคา หนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับความนิยมมากคือ Fibonacci Extension ซึ่งช่วยในการคาดการณ์ระดับราคาที่เป็นไปได้ของแนวโน้ม โดยใช้ทฤษฎีเลข Fibonacci ที่มีความเกี่ยวข้องกับธรรมชาติและคณิตศาสตร์ การใช้งาน Fibonacci Extension ในการเทรด Forex สามารถช่วยให้นักเทรดคาดการณ์แนวต้านและแนวรับที่เป็นไปได้หลังจากที่ราคามีการเบรคจากแนวโน้มเดิม
Fibonacci Extension คืออะไร?
Fibonacci Extension คือเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้คาดการณ์ระดับราคาในอนาคต โดยอิงจากการเคลื่อนไหวของราคาก่อนหน้า และใช้ตัวเลขอัตราส่วน Fibonacci เช่น 127.2%, 161.8%, และ 261.8% ตัวเลขเหล่านี้ถูกใช้เพื่อคาดการณ์แนวรับและแนวต้านของการเคลื่อนไหวของราคา เมื่อราคามีการขยับไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
ตัวเลข Fibonacci เกิดจากลำดับ Fibonacci ซึ่งเป็นลำดับตัวเลขที่แต่ละตัวเลขจะเท่ากับผลบวกของสองตัวเลขก่อนหน้า (เช่น 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13 เป็นต้น) เมื่อเราหาอัตราส่วนระหว่างตัวเลขในลำดับ Fibonacci ก็จะได้ค่าเช่น 0.618, 1.618, และอื่น ๆ ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่มักใช้ในการคาดการณ์แนวโน้มของตลาด
วิธีใช้งาน Fibonacci Extension
ในการเทรด Forex
ในการใช้งาน Fibonacci Extension นักเทรดจะต้องทำตามขั้นตอนเหล่านี้:
เลือกแนวโน้มหลัก: เริ่มต้นด้วยการหาจุดที่เป็นแนวโน้มหลัก โดยมองหาการเคลื่อนไหวของราคาที่ชัดเจนว่ามีการปรับตัวขึ้นหรือลงจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น ในกรณีที่ราคามีการปรับตัวขึ้น ให้หา “Swing Low” (จุดต่ำสุด) และ “Swing High” (จุดสูงสุด) ของแนวโน้ม
วาด Fibonacci Extension: ใช้เครื่องมือ Fibonacci Extension จากแพลตฟอร์มการเทรด (เช่น MetaTrader หรือ TradingView) โดยลากจากจุด Swing Low ไปยังจุด Swing High หลังจากนั้น ให้ลากไปยังจุด Swing Low ที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ (จุดพักตัวของราคาหลังจากแนวโน้มเดิม)
สังเกตระดับ Fibonacci: ระบบจะคำนวณระดับ Fibonacci Extension เช่น 127.2%, 161.8%, และ 261.8% ซึ่งเป็นจุดที่ราคาอาจไปถึงเมื่อแนวโน้มมีการขยายตัวต่อไป ข้อมูลนี้สามารถใช้ในการคาดการณ์จุดออกหรือวางแผนกลยุทธ์การเทรด เช่น การตั้งจุด Take Profit
ตรวจสอบสัญญาณยืนยัน: แม้ว่า Fibonacci Extension จะช่วยในการคาดการณ์ระดับราคาในอนาคต แต่ก็ควรใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ เพื่อยืนยัน เช่น Moving Average หรือ MACD เพื่อช่วยในการตัดสินใจอย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
การประยุกต์ใช้ในกลยุทธ์การเทรด
การตั้งเป้าหมายกำไร: Fibonacci Extension ใช้เพื่อคาดการณ์ระดับราคาที่ราคาอาจไปถึงในอนาคต ทำให้นักเทรดสามารถตั้งเป้าหมายกำไรได้จากระดับต่าง ๆ เช่น 127.2% หรือ 161.8%
การใช้ร่วมกับการ Breakout: เมื่อราคาทะลุแนวต้านหรือแนวรับสำคัญ Fibonacci Extension สามารถใช้เพื่อคาดการณ์แนวต้านถัดไปของราคา นักเทรดสามารถใช้ระดับต่าง ๆ ของ Fibonacci Extension เพื่อหาจุดที่เหมาะสมในการเปิดและปิดคำสั่งซื้อขาย
การยืนยันทิศทางตลาด: หากราคามีการปรับตัวถึงระดับ Fibonacci Extension ที่สำคัญ เช่น 161.8% และยังคงมีการเคลื่อนไหวต่อไป อาจเป็นสัญญาณว่าตลาดมีแนวโน้มที่แข็งแรง ซึ่งสามารถใช้เพื่อยืนยันการเข้าสู่ตลาดหรือการถือสถานะต่อไป
ข้อควรระวังในการใช้ Fibonacci Extension
ไม่ควรใช้เดี่ยวๆ: Fibonacci Extension ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ เพื่อให้การคาดการณ์แม่นยำยิ่งขึ้น
การคาดการณ์ไม่แม่นยำเสมอไป: แม้ Fibonacci Extension จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวางแผนการเทรด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องเสมอไป ราคามักมีความผันผวนสูง โดยเฉพาะในตลาด Forex
ควรทดลองในบัญชีจำลองก่อน: สำหรับนักเทรดมือใหม่ ควรลองใช้ Fibonacci Extension ในบัญชีจำลองเพื่อทำความเข้าใจและทดสอบก่อนนำไปใช้ในการเทรดจริง
สรุป
Fibonacci Extension เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการคาดการณ์ระดับราคาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตของตลาด Forex โดยอิงจากทฤษฎีของเลข Fibonacci การใช้เครื่องมือนี้อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้นักเทรดสามารถวางแผนการเทรดได้อย่างชาญฉลาดขึ้น แต่การใช้งานควรทำร่วมกับเครื่องมือทางเทคนิคอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์
รูปแบบชาร์ต
linear regression แนวต้านที่บริเวณสูงสุด (LH) และยอดที่ 3 และ 5: กราฟอยู่ในช่วงที่ราคาเคยชนแนวต้านที่สูงสุด (LH) ในบริเวณนี้และเริ่มย่อตัวลงมา ซึ่งอาจเป็นสัญญาณที่ดีในการเปิดสถานะ Short โดยเฉพาะหากมีการทะลุกรอบลงต่อไป
RSI: ระดับ RSI ในหลายๆ timeframe ยังอยู่ในโซน Neutral (42-68%) ซึ่งบ่งบอกว่าตลาดยังไม่ได้อยู่ในภาวะ Overbought หรือ Oversold อย่างชัดเจน จึงยังไม่มีสัญญาณยืนยันแน่ชัดในการกลับตัว แต่ควรติดตาม RSI ใน timeframe รายวันที่เริ่มอยู่สูงที่ 68% ซึ่งอาจบ่งบอกถึงการเริ่มต้นของ Overbought ได้เช่นกัน
BOS (Break of Structure) และ CHOCH (Change of Character): มีจุด Break ของโครงสร้างในทิศทางลงที่ BOS บ่งชี้ว่าตลาดอาจมีแรงขายเข้ามาเพิ่มเติม ขณะที่ CHOCH ก็แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มในบริเวณบางจุด ดังนั้นหากราคาไม่สามารถทะลุแนวรับที่ใกล้ๆ ได้ก็มีโอกาสที่จะย่อตัวลงมากขึ้น
แนวโน้ม (Trend): หากเส้น Linear Regression ยังคงชี้ขึ้น จะบ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว แม้ว่าจะมีการย่อตัวระยะสั้น ซึ่งในกราฟปัจจุบันที่เห็น การเคลื่อนไหวของราคามีความผันผวนค่อนข้างมาก ดังนั้นหาก Linear Regression แสดงแนวโน้มขาลง คุณอาจพิจารณาเปิด Short เพิ่มเติมได้
จุดที่ราคายังอยู่เหนือหรือใต้เส้น:
ถ้าราคาเคลื่อนตัวอยู่ ต่ำกว่าเส้น Linear Regression เป็นสัญญาณว่าแนวโน้มอาจกำลังกลับตัวลง (Bearish) คุณอาจพิจารณาเปิดสถานะ Short ได้ตามแผน
ในทางตรงข้าม ถ้าราคาเคลื่อนตัวอยู่ เหนือเส้น Linear Regression ในช่วงนี้ อาจบ่งชี้ถึงการกลับตัวเป็นขาขึ้น (Bullish) ทำให้การเปิดสถานะ Short อาจมีความเสี่ยง
การยืนยันเพิ่มเติม: หากมีการ ทะลุเส้น Linear Regression ลงไป พร้อมกับสัญญาณอื่นๆ อย่าง Break of Structure (BOS) หรือ RSI ที่เริ่มแสดงความเป็น Overbought ก็จะยิ่งช่วยยืนยันว่าราคามีแนวโน้มที่จะย่อตัวลงต่อได้
การบ้านสัปดาห์หน้าตลาดขึ้นมาถึงจุดเฝ้าระวังจุดที่ 2 บริเวณที่ 966
- พิจารณารายละเอียดกลุ่มซื้อขาย ต่างชาติ ซื้อๆ ขายๆ เขาระวังเรื่องต้นทุน ถือสถานะ short บ้าง
กองทุนซื้ออย่างเดียว กระสุนยังไม่หมด หรือ อาจจะพักบ้าง ราคา 2 วันนี้มีแต้ทะยานขึ้น
- ถ้าคนเล่นฝั่ง L และต้นทุนต่ำกว่า 900 สามารถถือได้จนถึง จบปี
- ถ้า ต้นทุนสูงกว่า 940 ต้องออกแล้วและรอ ถ้าจะถือต้องป้องกันความเสี่ยงไว้
- ฝั่งคนเล่น S จังหวะนี่น่าสน สูงกว่า 966 เป็นต้นทุนที่ จะไม่ดีต่อเมื่อ ดัชนี S50 ยิงยาวไป 1000 จุด ซึ่งความน่าจะเป็นน้อยมากๆ เราควรคาดหวังที่ กำไร 15 - 30 จุด อย่างน้อยกว่า 10 จุดขึ้น ในการถือครองฝั่ง S
- แท่งเทียนระดับสัปดาห์เหมือนจะไปต่อได้ฝากไม่มีอะไร มา surprise ซึ่งส่วนตัวผมไม่เอาแล้ว อาจจะขึ้นไปต่ออีกหน่อยก็ได้ ยังไง ตอนนี้รอจังหวะ S เพื่อกิน pull back ง่ายกว่า
- ถามใจตนเอง เห็นตนเอง รู้ทันจิตตนเองว่า โลภ เกินไปมั้ย มีอะไรที่ประมาทมั้ย ในการเทรดที่ยังไม่ปิดสถานะ ณ ตอนนี้ ถ้าสามารถตอบได้ แล้ว ลุยต่อได้เลยทั้งฝั่ง S ฝั่ง L
แนวคิดสำหรับการเปิดสถานะ Short
Fibonacci Retracement Level:
ราคาตอนนี้อยู่ใกล้ระดับ 0.786 Fibonacci Retracement (68,507.5) ซึ่งเป็นแนวต้านที่สำคัญ ถ้าราคาทะลุขึ้นไปเหนือระดับนี้ไม่ได้ อาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวลงได้
หากราคาย่อต่ำกว่านี้ได้ คุณอาจตั้ง short โดยใช้ระดับ 68,507.5 เป็นจุด stop loss
Elliott Wave:
ดูเหมือนว่าจะมีรูปแบบคลื่น Elliott wave จบคลื่นที่ 5 ซึ่งหมายถึงการปรับฐานอาจใกล้เคียง อาจจะเป็นจุดกลับตัวที่คุณกำลังมองหาเพื่อเปิด short
Volume & Indicator:
Volume ดูไม่มากนักเมื่อราคาขึ้น อาจเป็นสัญญาณของแรงซื้อที่ลดลง
Indicator stochastic ในกราฟอยู่ในเขต overbought ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าแรงซื้อใกล้หมด และราคาจะปรับฐานลง
แนวรับที่ควรตั้ง:
แนวรับแรกจะอยู่ที่ 64,717.9 (Fibonacci 0.236)
แนวรับถัดไปจะอยู่ที่ 58,583.8 (Fibonacci 0.618)
แนวรับที่แข็งแรงกว่าอยู่ที่ 52,449.8 (Fibonacci 1)
สรุป:
หากราคายืนใต้ระดับ 68,507.5 ไม่ได้ อาจเปิด short ได้ โดยตั้งจุด stop loss ใกล้ๆ กับแนวต้านนี้
สำหรับแนวรับแรกที่ควรพิจารณาในการทำกำไรคือ 64,717.9 และหากราคาลงมากกว่า ควรดูแนวรับที่ 58,583.8
Gold Market Outlook【18 ตุลาคม 2567】Gold Market Outlook【18 ตุลาคม 2567】🌟💰🔍
ทองคำพุ่งทะลุสถิติใหม่! 🚀 ท่ามกลางความไม่แน่นอนการเลือกตั้งสหรัฐฯ และนโยบายการเงินผ่อนคลาย 💰
ราคาทองคำทะยานสู่จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี 📈 ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และสงครามในตะวันออกกลาง ส่งผลให้นักลงทุนแห่เข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย 🏦 ในขณะที่นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายยังคงหนุนราคาให้อยู่ในระดับสูง
ทองคำเพิ่มขึ้นกว่า 30% ในปีนี้ 📊 แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก หลังจากที่ลดลงไปแล้ว 0.5% เมื่อเดือนที่ผ่านมา รวมถึงความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงดำเนินอยู่
ผู้เข้าร่วมประชุมประจำปีของสมาคมตลาดแลกเปลี่ยนทองคำลอนดอน (LBMA) คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะพุ่งขึ้นไปถึง 2,941 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ในอีก 12 เดือนข้างหน้า 🔮
ในช่วงต้นของการซื้อขายในสหรัฐฯ ราคาได้ลดลงจากจุดสูงสุดเล็กน้อย หลังจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่ายอดค้าปลีกของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อยในเดือนกันยายน 🛍️ ในขณะที่รายงานของกระทรวงแรงงานระบุว่าอัตราการว่างงานลดลงอย่างไม่คาดคิดในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทองคำซึ่งไม่ให้ผลตอบแทนด้วยตัวเอง มักจะได้รับความนิยมเมื่อมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 💡 โดยธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก็ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เป็นครั้งที่สามในปีนี้
ในด้านเทคนิค ราคาทองคำวันนี้ทำสถิติใหม่ที่ระดับ 2,700 ดอลลาร์ 🎉 ทำให้กลยุทธ์การซื้อขายค่อนข้างง่าย คือรอให้ราคาย่อตัวลงมาที่แนวรับแล้วหาจังหวะซื้อกลับขึ้นไป โดยมีเป้าหมายเป็นโซนแนวต้านเดิม และมีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีก เนื่องจากปัจจุบันไม่มีปัจจัยกดดันราคาทองคำ และยังไม่มีสัญญาณการกลับตัวที่สำคัญ
📈📉 แนวรับ-แนวต้าน (09:00)
XAUUSD
สถานะ: Bullish 🐂
🔼 แนวต้าน 3: $2,715
🔼 แนวต้าน 2: $2,710
🔼 แนวต้าน 1: $2,705
——————————
🔽 แนวรับ 1: $2,695
🔽 แนวรับ 2: $2,690
🔽 แนวรับ 3: $2,682
✍️ เขียนโดย: Beam 📊💡
คาดการณ์ถูกว่าราคาต้องขึ้น...แต่ใน TF M15 ได้เข้ามาจังหวัดปิดแท่งแดงเพื่อจะกลับตัวเป็นขาขึ้น เห็นแท่งเขียวค่อยๆขยับๆ ก็กดBUY ไป ก็ TP ไป 2 ไม้ แต่ไม้ที่ 3 เราไปตั้งSL ใกล้จุดที่ราคาเหวี่ยงลงไปจุดเดิม จึงโดนSL ชะล่าใจ คิดว่าเค้าจะไปข้างหน้าโดยไม่ทิ้งไส้ เหตุการณ์นี้ทำให้ต้องกลับมาปรับจิจใจใหม่ด้วยการเทรดบัญชีเด่โม่ก่อน กฎของเราคือ ถ้าใน 1 วัน แพ้ 3 ไม้ ต้องหยุดเทรด แล้วกลับมาเทรดเด่โม่ เพื่อทดสอบระบบ ไม่งั้นเดี๋ยวใช้อารมณ์ กดเอากดเอา แบบนั้นคงไม่โอเคค่ะ
มุมมองทองคำ 17/10/67มุมมองทองคำ 17/10/67
มุมมองเชิงบวกจากความกังวลเรื่อง ศก. ถดถอย กลับมาอีกครั้งหลังจากกระแสข่าวการปลดพนังงานของบริษัทใหญ่ๆหลายแห่ง ทำให้เกิดการคาดฯที่เฟดอาจจะต้องลดดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดฯ
ปล. อาจจะไม่ได้มาอัพเดทให้บ่อยๆ เนื่องจากงานส่วนตัวเยอะมาก แต่อัพเดทในกลุ่มตลอดนะครับ
สนใจเข้ากลุ่มได้ฟรี ทักมานะครับ
Gold Market Outlook【17 ตุลาคม 2567】Gold Market Outlook【17 ตุลาคม 2567】🌟💰🔍
🌟 ทองคำทะยานสู่จุดสูงสุดใหม่ หลังผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ถดถอย 📈💰
ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเข้าใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพุธที่ผ่านมา 🏆 โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 📉 และความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลักๆ ทั่วโลก 🌎 นอกจากนี้ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ดำเนินอยู่ยังเพิ่มแรงสนับสนุนให้กับทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย 🛡️
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่าหนึ่งสัปดาห์ 📊 ส่งผลให้ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนมีความน่าสนใจมากขึ้น เนื่องจากทองคำมักจะเฟื่องฟูในสภาวะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ 💹
นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 96% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนพฤศจิกายน 🎯 ตามข้อมูลจากเครื่องมือ CME FedWatch
ธนาคารกลางยุโรปมีแนวโน้มที่จะประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดีนี้ 🇪🇺 ในขณะที่การลดลงของอัตราเงินเฟ้อในสหราชอาณาจักรบ่งชี้ว่าธนาคารกลางอังกฤษอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า 🇬🇧
Ole Hansen หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ที่ Saxo Bank กล่าวว่า ปัจจัยหลักที่ส่งผลบวกต่อทองคำ ได้แก่ 🔑
- ความเสี่ยงด้านความไม่มั่นคงทางการคลัง 💼
- ความน่าดึงดูดในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย 🏦
- ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ 🌍
- การลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ 💱
- ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 🗳️
- การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ 📉
ผู้แทนในการประชุมประจำปีของสมาคมตลาดแลกเปลี่ยนทองคำลอนดอน (LBMA) คาดการณ์ว่า 🔮:
- ราคาทองคำจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2,941 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า 🥇
- ราคาเงินจะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 45 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ 🥈
ในแง่ของภาพทางเทคนิค 📊:
- ราคาทองคำวันนี้ทดสอบระดับสูงสุดตลอดกาลอีกครั้ง 🔝
- จำเป็นต้องติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด 👀
- หากราคาไม่สามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ แนะนำให้:
1. พิจารณาการซื้อขายในกรอบระยะสั้น 🔄
2. รอดูสถานการณ์ก่อนตัดสินใจ ⏳
- ควรจับตาดูการเปิดเผยตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ในเวลา 19:30 น. 🕰️ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความผันผวนชั่วคราวได้ 📊
ขอให้โชคดีและมีกำไรทุกท่านครับ 🍀💰
📈📉 แนวรับ-แนวต้าน (09:45)
XAUUSD
สถานะ: Slightly Bullish 🐂
🔼 แนวต้าน 3: $2,690
🔼 แนวต้าน 2: $2,685
🔼 แนวต้าน 1: $2,683
——————————
🔽 แนวรับ 1: $2,676
🔽 แนวรับ 2: $2,667
🔽 แนวรับ 3: $2,659
✍️ เขียนโดย: Beam 📊💡
ทะลุถึงเป้า แล้ว ยังไงต่อ- เป้าส่วนตัวผมคือ 945 แต่ตลาดก็พุ่งทะลุไปดูทีท่าว่าอาจจะ จบแถว 966 ที่แนวต้านหลัก
- ถึงตอนนี้ผมจะรอ S แต่ตลาดจะให้ถือ S ตอนไหนยังไม่รู้แต่ว่า เพดานขึ้นมันแคบลงเรื่อยๆ
- ถ้าตลาดดีจริงคงเลี้ยงราคานี้จนถึง 966
- การรอคือ กลยุทธ์อย่าง
- การถือ S เป็นอะไรที่เสี่ยงมาก ต้องจับจังหวะให้ดี เพราะจะจบเร็วและแรง
Gold Market Outlook【16 ตุลาคม 2567】🌟 Gold Market Outlook【16 ตุลาคม 2567】💰🔍
ทองคำปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพิ่มเติม
📈 ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในวันอังคาร โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ลดลง ขณะที่นักลงทุนรอคอยข้อมูลเศรษฐกิจเพิ่มเติมที่อาจให้สัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อย่างระมัดระวัง
📉 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลงหลังจากตัวเลขกิจกรรมภาคการผลิตในรัฐนิวยอร์กออกมาอ่อนแอ ส่งผลให้ทองคำซึ่งไม่ให้ผลตอบแทนมีความน่าสนใจมากขึ้น ในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง 0.2% แต่ยังคงอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน
💹 ปัจจุบัน นักเทรดคาดการณ์ว่ามีโอกาสประมาณ 90% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดในเดือนพฤศจิกายน ตามข้อมูลจากเครื่องมือ CME FedWatch
👀 ตลาดจะให้ความสนใจกับข้อมูลยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม และตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ที่จะเผยแพร่ในช่วงท้ายสัปดาห์นี้
🏦 ทองคำ ซึ่งไม่ให้ผลตอบแทนในตัวเอง มักได้รับความนิยมในช่วงที่มีความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจ
🌍 Commerzbank ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หากรายงานข่าวเป็นความจริงและอิสราเอลละเว้นการโจมตีแหล่งน้ำมันและสถานที่นิวเคลียร์ของอิหร่านในการตอบโต้ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์จะลดลง และการสนับสนุนราคาทองคำจากปัจจัยนี้ก็จะลดลงเช่นกัน
📊 สำหรับมุมมองทางเทคนิคของราคาทองคำ วันนี้เกิดสัญญาณเชิงบวกที่ชัดเจน โดยมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านเดิมหรือสร้างจุดสูงสุดใหม่ อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาบริเวณ 2670 เป็นจุดพักฐาน หากราคาสามารถทะลุผ่านได้ แนะนำให้รอจังหวะย่อตัวเพื่อเข้าซื้อต่อเนื่อง แต่หากทดสอบแล้วไม่ผ่าน ให้ระมัดระวังการพักตัวของราคาในช่วงนี้ #ขอให้โชคดีและมีกำไรทุกท่านครับ
📈📉 แนวรับ-แนวต้าน
XAUUSD
สถานะ: Sideway
🔼 แนวต้าน 3: $2,675
🔼 แนวต้าน 2: $2,670
🔼 แนวต้าน 1: $2,665
——————————
🔽 แนวรับ 1: $2,657
🔽 แนวรับ 2: $2,653
🔽 แนวรับ 3: $2,642
✍️ เขียนโดย: Beam 📊💡
วิเคราะห์ทิศทางราคาของ Bitcoin (BTCUSDT)
1. รูปแบบราคา (Price Action):
มีการทำ Higher Lows (HL) และ Lower Highs (LH) ซึ่งบ่งบอกถึงการเคลื่อนไหวในกรอบ (consolidation) หรืออาจจะเป็น sideway ได้
จุดสูงสุด (Highs) ที่สูงขึ้นและจุดต่ำสุด (Lows) ที่ต่ำลงบางจุดบ่งชี้ว่าตลาดยังไม่ชัดเจนว่าจะเลือกฝั่งใด โดยการ Breakout ของเส้นแนวต้านหรือแนวรับสำคัญจะเป็นตัวชี้ขาด
2. RSI (Relative Strength Index):
RSI ในช่วง Timeframes ต่าง ๆ ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ใน neutral zone ยกเว้นกราฟ 4 ชั่วโมง ที่ RSI อยู่ในโซน Overbought (73.50%) ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีแรงซื้อมากเกินไปในช่วงเวลานี้ อาจมีการปรับฐาน (correction) ในระยะสั้นได้
RSI 1 วันและ 1 สัปดาห์ยังเป็น Neutral ซึ่งบ่งบอกว่าราคายังไม่ถึงระดับที่เป็นการซื้อหรือขายเกินไป
3. จุดสำคัญอื่น ๆ:
การเคลื่อนไหวผ่านเส้น BOS (Break of Structure) และ CHoCH (Change of Character) ในบางจุด บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางในบางช่วง ซึ่งอาจเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับนักเทรดในการจับทิศทางต่อไป
หากราคาสามารถ breakout ผ่านจุด LH (Lower High) ล่าสุด อาจเป็นสัญญาณของขาขึ้น
หากราคาหลุดระดับ HL (Higher Low) ที่มีการทำจุดต่ำสุดลง (LL) ราคามีแนวโน้มจะลงต่อได้
4. แนวรับและแนวต้าน (Support & Resistance):
แนวต้านที่แข็งแรงอยู่ที่ประมาณ 66,000 USDT (ใกล้กับระดับ LH) หากราคาสามารถทะลุขึ้นไปได้ อาจส่งสัญญาณการขึ้นต่อ
แนวรับสำคัญอยู่ที่ 63,379.5 USDT หากราคาหลุดต่ำกว่าแนวรับนี้ อาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวเป็นขาลง
สรุป: ในระยะสั้น ราคามีโอกาสปรับตัวลงเนื่องจาก RSI บางช่วงเวลาแสดงว่าอยู่ในภาวะซื้อเกินไป (Overbought) แต่ในระยะยาวหากราคาสามารถทะลุแนวต้านหลักและทำ Higher Highs ต่อเนื่องได้ อาจส่งสัญญาณขาขึ้น
ดูเหมือนว่าราคากำลังอยู่ในลักษณะของ Rising Wedge เนื่องจากมีการทำ Higher Lows ต่อเนื่อง แต่การเคลื่อนไหวของราคามีการบีบตัวเข้าแคบลง หากราคาทะลุลงจากแนวรับของ Wedge อาจบ่งบอกถึงการกลับตัวเป็นขาลง
จุดที่น่าสนใจคือถ้าราคาหลุดออกจากแนวรับที่ระดับประมาณ 63,379 USDT (จากข้อมูลที่แสดง) อาจเป็นสัญญาณยืนยันของการปรับตัวลงตาม Rising Wedge Pattern นี้
สรุปเกี่ยวกับ Wedge Pattern: ในกราฟนี้ ดูเหมือนจะมีลักษณะของ Rising Wedge ซึ่งมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงหากราคาไม่สามารถทะลุแนวต้านได้และหลุดออกจากแนวรับ
BTCUSD : ระบบ ATR Trend Following มีสัญญาณ "ซื้อ" 15/10/2024อธิบาย : ระบบ ATR Trend Following ใช้หลักการง่ายๆ คือ เอา ATR x multiplier มาตีกรอบราคาที่จะแกว่งของ BTC ถ้าทะลุกรอบ ก็จะเกิดการ flip ของสัญญาณ เช่น จากซื้อเป็นขาย หรือจากขาย เป็นซื้อ เป็นต้น
ความเห็นของผม : ช่วง sideway ระบบนี้ก็จะโดนสับขาหลอกไปเรื่อยๆ จนหลายๆ คนก็ออกมาสบประมาทว่า ห่วยเหลือเกิน แต่ก็นั่นแหละ ผมก็แค่ทำบันทึกต่อไปเรื่อยๆ เพื่อเป็นไอเดียการเทรดว่า มันเวิร์คหรือไม่เวิร์ค ต่อไปครับ
BTC ATR = เขียว ( 15/10/2024 )
------------------
Entry : 66000+-
Exit : 61000 (-7.5%)
Position Size = 13% ของพอร์ต ( Risk1% )*
* ปัดเศษเพื่อความง่ายต่อการคำนวณ
---------------------------
สรุปผลกำไร สะสม ของทุกระบบ ในปี 2024 ได้ดังนี้
* รายการกำไรนี้ เป็นการคำนวณตรงๆ ยังไม่ได้ใส่ค่า fee และ slippage เข้าไปนะครับ ดังนั้น กำไรจริงๆ ของการทำตามระบบ ก็น่าจะต่ำกว่านี้พอสมควรครับ
(8Feb-17Mar) ATR = +6.61% ที่ความเสี่ยง 1% ( 6.61R )
(9Apr-14Apr) ATR = -1.06% ที่ความเสี่ยง 1% (-1.06R )
(10Feb-14Apr) BreakHigh = +4.94% ( 4.94R )
(2Feb-17Apr) ActionZone = +9.6% ( 9.6R )
(16May-15Jun) ATR = -0.023%
(19May-18Jun) ActionZone = -0.059%
(1Jan-25Jun) EMA120DCross = +5.95% ( 5.95R )
(16Jul-3Aug) ATR = -0.5%
(16Jul-3Aug) EMA120DCross = -0.5%
(20Jul-5Aug) ActionZone = -0.9%
(24Aug-27Aug) EMA120DCross = -0.7%
(26Aug-30Aug) ActionZone = -0.75%
(24Aug-2Sep) ATR = -1.04%
(14Sep-2Oct) ATR = +0.05%
(19Sep-2Oct) EMA120DCross = -0.155%
(25Sep-2Oct) BreakHigh = -0.538%
(19Sep-???) ActionZone = ?%
(15Oct-???) BreakHigh = ?%
(15Oct-???) ATR = ?%
(15Oct-???) EMA120D = ?%
Sum กำไรสะสมของปี 2024 = 21.56% + 0.05% - 0.155% - 0.538% = 20.917% ที่ความเสี่ยง 1% ต่อระบบต่อครั้ง
BTCUSD : ระบบ Break 52Days high มีสัญญาณ"ซื้อ" 15/10/2024อธิบาย : ระบบ Break 52Days High เป็นระบบที่จะดู High ย้อนหลังของแท่งเทียน เป็นเวลา 52 วัน และตีเส้นราคาลากมาเรื่อยๆ จนกว่าเมื่อไหร่ที่ราคาปิดแท่งเหนือกว่าเส้น 52 วันย้อนหลัง ระบบก็จะมีสัญญาณซื้อ ส่วนสัญญาณขายจะใช้ MA 52 วัน เพื่อตัดสินใจ โดยเมื่อไหร่ที่ราคาปิดแท่งต่ำกว่าเส้น MA52 ก็จะมีสัญญาณขาย นั่นเอง
ระบบนี้ดัดแปลงไอเดียมาจาก Break 52 Weeks High ที่ใช้กับตลาดหุ้น แต่ว่ามาใช้กับคริปโตแล้วมันช้าเกิน ก็เลยลองลดเหลือเป็น 52 วันแทน ก็ให้ผลที่ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะหลายๆ ครั้งระบบนี้ก็ช่วยให้เราไม่ต้องเสียเวลาเข้าๆ ออกๆ ตอนตลาด sideway down หรือขาลงจ๋าๆ เพราะเราจะนั่งเฉยๆ ตลอดทางนั่นเอง ( เหมือนกับ 5 เดือนที่ผ่านมา )
ความเห็นของผม : ช่วงนี้ก็ยังคงมาแนวยึกยักเหมือนเดิม ก็ได้แต่หวังว่ารอบนี้จะไปจริงนะ 555
BTC BreakHigh = เขียว ( 15/10/2024 )
------------------
Entry : 66000+-
Exit : 61000 (-7.5%)
Position Size = 13% ของพอร์ต ( Risk1% )*
* ปัดเศษเพื่อความง่ายต่อการคำนวณ
---------------------------
สรุปผลกำไร สะสม ของทุกระบบ ในปี 2024 ได้ดังนี้
* รายการกำไรนี้ เป็นการคำนวณตรงๆ ยังไม่ได้ใส่ค่า fee และ slippage เข้าไปนะครับ ดังนั้น กำไรจริงๆ ของการทำตามระบบ ก็น่าจะต่ำกว่านี้พอสมควรครับ
(8Feb-17Mar) ATR = +6.61% ที่ความเสี่ยง 1% ( 6.61R )
(9Apr-14Apr) ATR = -1.06% ที่ความเสี่ยง 1% (-1.06R )
(10Feb-14Apr) BreakHigh = +4.94% ( 4.94R )
(2Feb-17Apr) ActionZone = +9.6% ( 9.6R )
(16May-15Jun) ATR = -0.023%
(19May-18Jun) ActionZone = -0.059%
(1Jan-25Jun) EMA120DCross = +5.95% ( 5.95R )
(16Jul-3Aug) ATR = -0.5%
(16Jul-3Aug) EMA120DCross = -0.5%
(20Jul-5Aug) ActionZone = -0.9%
(24Aug-27Aug) EMA120DCross = -0.7%
(26Aug-30Aug) ActionZone = -0.75%
(24Aug-2Sep) ATR = -1.04%
(14Sep-2Oct) ATR = +0.05%
(19Sep-2Oct) EMA120DCross = -0.155%
(25Sep-2Oct) BreakHigh = -0.538%
(19Sep-???) ActionZone = ?%
(15Oct-???) BreakHigh = ?%
(15Oct-???) ATR = ?%
(15Oct-???) EMA120D = ?%
Sum กำไรสะสมของปี 2024 = 21.56% + 0.05% - 0.155% - 0.538% = 20.917% ที่ความเสี่ยง 1% ต่อระบบต่อครั้ง
GDH_System.วิเคราะห์ XAUUSD 15/10/67วิเคราะห์ XAUUSD 15/10/67
ราคาเมื่อวานทองวิ่งในกรอบราคา 2640-2670 โดยภาพรวมราคาวิ่งเหนือโซนฐาน 2630-2635 ได้ และยังไม่ย่อลึกไปกว่านี้ มองว่าหากวันนี้ราคายังสามารถวิ่งหรือยืนเหนือ 2635 ไปได้ แนวโน้มของขาขึ้นก็ไม่ได้น่ากังวล และแม้ว่าภาพรวมทางเทคนิคจะมองว่าราคาวิ่งเเบบ Sideway ก็ตาม
วันนี้กราฟใน TFday และ TFH4 ทิศทางหรือแนวโน้มของกราฟยังเป็นขาขึ้นได้ต่อ แม้ว่าราคาจะวิ่งออกแบบ Sideway อยู่บ้าง เนื่องจากช่วงนี้ยังมีปัจจัยข่าวที่จะเข้ามาสนับสนุนความผันผวน หาากมองตามเทคนิคคอล ราคามีการ Rebound ขึ้นแนวต้าน แต่ยังไม่สามรารถยืนได้ ถูกเทขายออกก่อนตามเทคนนิค โดยมีแนวฐานรับที่ 2630-2635 หากราคายังสามารถยืนเหนือบริเวณได้ก็เป็นสัญญาณที่ดีในการขึ้นต่อตามเทรนด์ โดยราคาจะต้องไม่หลุดต่ำไปกว่า 2630 ลงไป เพราะไม่งั้นช่องว่างของแนวรับจะอยู่ค่อนข้างลลึก และอาจทำให้ราคาเสียทรงขาขึ้นได้เล็กน้อย ช่วงนี้พิจารณาไปตามทางเทคนิคคอลก่อน
แนวรับรายวัน
2645-2640/2636-2632/2627-2622/2616-2610/2605
แนวต้านรายวัน
2653-2657/2661-2667/2670/2673-2674/2685/2697
ทำไม SET ขึ้นมาพักตัวที่ Fibonacci 127.2% บริเวณ 1482-1483 จุดราคามักขึ้นมาหยุดที่ Fibonacci 127.2% เพราะระดับนี้เป็นหนึ่งในจุดที่มีความสำคัญในเชิงจิตวิทยาตลาดและพฤติกรรมของนักลงทุน โดยมีปัจจัยสำคัญหลายประการที่ทำให้ราคาเกิดการชะลอหรือกลับตัวที่ระดับนี้:
1. พฤติกรรมของนักลงทุนจำนวนมาก:
นักลงทุนและนักเทรดจำนวนมากใช้เครื่องมือ Fibonacci เพื่อคาดการณ์จุดกลับตัวหรือแนวรับแนวต้าน เมื่อหลายคนคาดหวังว่าราคาจะหยุดที่ Fibonacci 127.2% พวกเขาอาจตั้งคำสั่งซื้อขายล่วงหน้าที่ระดับนี้ เช่น การทำกำไร (take profit) หรือการเปิดคำสั่งขาย (short position) ทำให้เกิดแรงกดดันต่อราคา
2. ระดับที่แสดงถึงการขยายตัวของราคา:
Fibonacci 127.2% เป็นระดับส่วนขยาย (extension level) ซึ่งหมายถึงราคาขึ้นมาสูงกว่าเดิมเกินจุดเริ่มต้นของการปรับตัว (หลังจากที่ราคาขึ้นถึง 100%) การเคลื่อนไหวนี้มักเป็นการเคลื่อนไหวต่อเนื่อง แต่ระดับ 127.2% มักถูกมองว่าเป็นจุดที่ตลาดอาจหยุดหรือพักการเคลื่อนไหวได้
นักลงทุนมองว่าหลังจากที่ราคาเคลื่อนที่ผ่าน 100% มาแล้ว ระดับ 127.2% เป็น "จุดทดสอบ" ที่ราคาอาจจะหยุดชั่วคราว
3. แรงจูงใจในการทำกำไร:
เมื่อราคามาถึงจุดขยายนี้ นักลงทุนที่ทำกำไรจากการเคลื่อนไหวเดิมอาจเลือกที่จะทำการขายเพื่อปิดกำไร ซึ่งทำให้ราคาชะลอหรือกลับตัวเพราะแรงขายที่เพิ่มขึ้น
4. แนวรับ-แนวต้านในมุมมองทางเทคนิค:
ระดับ Fibonacci รวมถึง 127.2% ถือว่าเป็นแนวต้านที่สำคัญ ถ้าราคาขึ้นมาชนระดับนี้ ราคาจะต้องเผชิญกับแรงกดดันจากนักเทรดที่มองว่าเป็นโอกาสในการขายหรือการกลับทิศทาง ซึ่งส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงทิศทางหรือการชะลอตัวของราคา
5. ธรรมชาติของการปรับฐานราคา (Correction):
ในบางกรณี เมื่อราคาขยับผ่านแนวต้านหรือแนวรับเดิม นักลงทุนจะมองหาระดับ Fibonacci ต่อไปเพื่อวิเคราะห์ทิศทางการเคลื่อนไหว โดยระดับ 127.2% มักจะเป็นจุดที่ตลาดอาจมีการหยุดชั่วคราวก่อนที่จะเกิดการเคลื่อนไหวต่อ
สรุปก็คือ Fibonacci 127.2% เป็นระดับที่นักลงทุนจำนวนมากใช้เป็นแนวต้านที่สำคัญ จึงมักเห็นว่าราคาเกิดการชะลอหรือกลับตัวที่ระดับนี้บ่อยครั้ง เพราะเป็นจุดที่มีการทำกำไรและแรงจิตวิทยา
Gold Market Outlook【15 ตุลาคม 2567】🌟 Gold Market Outlook【15 ตุลาคม 2567】💰🔍
📉 ทองคำอ่อนตัว ท่ามกลางการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ
ราคาทองคำปรับตัวลดลงเล็กน้อยในวันจันทร์ 📊 แม้จีนจะประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง แต่ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้อย่างเต็มที่ 🇨🇳 ในขณะเดียวกัน การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนส่งผลให้แรงซื้อทองคำชะลอตัวลง 💵
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม ขณะที่นักลงทุนวิเคราะห์ผลกระทบจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนที่ประกาศในช่วงสุดสัปดาห์ 📊 ในขณะที่เงินยูโรยังคงอ่อนค่าลงต่อเนื่องก่อนการประชุมธนาคารกลางยุโรปในสัปดาห์นี้ 🇪🇺
การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ความต้องการทองคำในจีนชะลอตัวลง 📉 นอกจากนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ยังส่งผลให้ทองคำมีราคาสูงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น 💰
ข้อมูลเศรษฐกิจจีนมีผลกระทบสองด้าน 🔄 หากข้อมูลแสดงถึงการชะลอตัว อาจส่งผลลบต่อความต้องการทองคำ แต่ในทางกลับกัน การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนในวงกว้างอาจสร้างความไม่แน่นอนให้กับตลาด ซึ่งอาจเพิ่มความน่าสนใจของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย 🏦
นักลงทุนจะติดตามความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อย่างใกล้ชิดในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงวิเคราะห์ข้อมูลยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ 🇺🇸
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ามีโอกาสประมาณ 84% ที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเดือนพฤศจิกายน 📊 การลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยลดต้นทุนการถือครองทองคำ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยบวกต่อราคา 📈
การวิเคราะห์ทางเทคนิคของราคาทองคำวันนี้ แสดงถึงการเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด สะท้อนการรอปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลต่อทิศทางราคา 🔄 จึงแนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังในการเข้าซื้อขาย โดยเฉพาะในช่วงเปิดตลาด อาจเป็นการดีที่จะรอดูสถานการณ์ก่อนตัดสินใจ ⏳
แนวรับ-แนวต้าน XAUUSD
สถานะ: Sideway
🔼 แนวต้าน 3: $2,665
🔼 แนวต้าน 2: $2,657
🔼 แนวต้าน 1: $2,653
——————————
🔽 แนวรับ 1: $2,649
🔽 แนวรับ 2: $2,641
🔽 แนวรับ 3: $2,634
✍️ เขียนโดย: Beam 📊💡