รูปแบบชาร์ต
Gold Market Outlook [6 มกราคม 2568]🌟 Gold Market Outlook
📰 ทองคำอ่อนตัวจากจุดสูงสุดรอบ 3 สัปดาห์ หลังดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง
💹 ภาวะตลาดทองคำ
ราคาทองคำปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ในวันศุกร์ เนื่องจากแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ตลาดจับตาการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการค้าภายใต้การนำของประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ
🔍 ปัจจัยกดดันราคา
• นโยบายการค้าใหม่ของสหรัฐฯ ที่สนับสนุนการเพิ่มภาษีนำเข้า ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าและกดดันตลาดโลหะมีค่า
• ดัชนีดอลลาร์มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นแรงที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน ส่งผลให้ทองคำมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อต่างประเทศ
📈 ปัจจัยหนุนระยะยาว
• แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะในสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ
• ความไม่แน่นอนทางภูมิรัตศาสตร์การเมืองที่ยังคงดำเนินต่อไป
🏦 มุมมองนโยบายการเงิน
• หลังจากปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2567 เฟดคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดเพียง 2 ครั้งในปี 2568 เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง
• อย่างไรก็ตาม ทองคำยังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ตามฤดูกาล โดยเฉพาะในเดือนมกราคมที่มักเห็นการปรับตัวขึ้นของราคาในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
📊 วิเคราะห์ทางเทคนิค
แม้ภาพรวมจะยังคงเป็นบวก แต่ควรระวังการย่อตัวลงสู่แนวรับ 2,630 ดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 2,625 ดอลลาร์ หากราคาไม่หลุดแนวรับดังกล่าว อาจเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ แต่ควรเน้นทำกำไรระยะสั้นเนื่องจากมีปัจจัยสำคัญจากตัวเลขการจ้างงานที่จะประกาศในสัปดาห์นี้
📊 กรอบแนวรับ-แนวต้าน
XAUUSD
สถานะ: Slightly Bullish
🔼 แนวต้าน 3: $2,659
🔼 แนวต้าน 2: $2,651
🔼 แนวต้าน 1: $2,645
——————————
🔽 แนวรับ 1: $2,630
🔽 แนวรับ 2: $2,625
🔽 แนวรับ 3: $2,620
✍️ วิเคราะห์โดย: Beam 🕵️♂️
แนวโน้มน้ำมัน WTI สำหรับ วันที่ 6/01/2568ราคาน้ำมันดิบ WTI ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง แสดงสัญญาณที่น่าสนใจของการเคลื่อนไหวในรูปแบบ ขึ้นเพื่อลงต่อ โดยมีโอกาสที่ราคาจะสร้างรูปแบบ Head and Shoulders ซึ่งสามารถใช้เป็นจังหวะสำหรับการเปิดสถานะ Short หากราคาลดลงมาทดสอบ Neckline ที่ระดับแนวรับสำคัญ 73.04 และเริ่มสร้างไหล่ขวา จะช่วยยืนยันโอกาสของการปรับตัวลงในอนาคต เมื่อราคาทะลุ Neckline ด้วยแรงขายที่ชัดเจน จะถือเป็นสัญญาณยืนยันการลงต่อในระยะยาว
รอให้ราคาสร้างรูปแบบ Head and Shoulders ที่ชัดเจน โดยเฉพาะบริเวณแนวต้าน 75.35 - 76.10
เมื่อราคาทะลุ Neckline ที่ระดับ 74.04 ลงมา ควรเปิดสถานะ Short พร้อมวางจุดตัดขาดทุน
Stop Loss เหนือแนวต้านที่ 76.10
เป้าทำกำไร
แนวรับที่ 73.04
แนวรับสำคัญที่ 70.91 ซึ่งเป็นระดับที่ราคามีโอกาสชะลอการลง
S50H25 ว่าทำไม การไป SHORT ต่ำกว่า 888 ถึงเสี่ยงที่จะถูกลากสูง S50H25 ว่าทำไม การไป SHORT ต่ำกว่า 888 ถึงเสี่ยงที่จะถูกลากสูง
ข้อสังเกตจากภาพ **downside ต่ำกว่า 888 อาจมีจำกัดที่ 886.50** ซึ่งไม่คุ้มค่าต่อ **Risk:Reward** การปรับแผนเทรดให้มีโอกาสทำกำไรได้ดียิ่งขึ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ นี่คือการวางแผนเทรดแบบแบ่งโซนราคา พร้อมตัวเลขสำคัญ:
---
### **แผนการเทรด S50H25 ด้วยโซนราคา**
#### **1. โซนแนวต้านสำคัญสำหรับการ Short**
- **จุดเข้า Short (Sell Zone):**
- รอการปรับตัวขึ้นมาที่บริเวณ **895 - 897 (S1 Quarter และแนวต้านใกล้เคียง)** เพื่อเปิดสถานะ Short เมื่อขึ้นหมดกำลังเท่านั้น
- วางจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) เหนือแนวต้านถัดไปที่ **900 หรือ R1 Daily**
- เป้าหมายทำกำไร (Target Profit) ที่ **888 (S1 Year)** หรือหากหลุดต่ำกว่า **886.50 (S3 Month)**
#### **2. โซนแนวรับสำหรับการ Long**
- **จุดเข้า Long (Buy Zone):**
- หากราคาปรับตัวลงทดสอบแนวรับที่ **888 หรือ 886.50 (S3 Month)** แล้วมีสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้น
- เปิดสถานะ Long ที่ **888 หรือ 886.50**
- ตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ใต้ระดับ **885 หรือ 883**
- เป้าหมายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป เช่น **895 หรือ 897**
---
### **การปรับ Risk:Reward**
- เน้นการรอจุดเข้าในโซนที่มีช่องว่างให้ทำกำไรมากขึ้น เช่น Short ใกล้แนวต้านใหญ่ และ Long ใกล้แนวรับสำคัญที่มี upside สูง
- หลีกเลี่ยง Short ใต้ 888 โดยตรง เนื่องจากมี downside จำกัด ทำให้ Risk:Reward ไม่เหมาะสม
### **Risk:Reward ตัวอย่าง**
1. หาก Short ที่ 895 (R1)
- Stop Loss ที่ 900 (+5 จุด)
- Take Profit ที่ 888 หรือ 886.50 (กำไร 7-8.5 จุด)
- **Risk:Reward ~1:1.5**
2. หาก Long ที่ 886.50
- Stop Loss ที่ 883 (-3.5 จุด)
- Take Profit ที่ 895 (+8.5 จุด)
- **Risk:Reward ~1:2.4**
---
ด้วยแผนนี้ คุณสามารถปรับจุดเข้าและ Stop Loss เพื่อให้คุ้มค่าต่อ Risk:Reward มากขึ้น และลดความเสี่ยงในการเทรดบริเวณแนวที่มีการเคลื่อนไหวจำกัด
คำอธิบายของ **Pivot Camarilla** แบบเข้าใจง่ายๆ:
### 1. **Pivot Camarilla คืออะไร**
- **Pivot Camarilla** เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์แนวรับและแนวต้าน โดยใช้สูตรคำนวณจากราคาสูงสุด (High), ราคาต่ำสุด (Low) และราคาปิด (Close) ของวันก่อนหน้า
- จุดเด่นของ Camarilla คือการเน้นการเคลื่อนไหวในระยะสั้นและแนวโน้มที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริง โดยแบ่งระดับแนวรับและแนวต้านออกเป็นหลายระดับ (S1 ถึง S4 และ R1 ถึง R4)
---
### 2. **ระดับของ Pivot Camarilla**
แบ่งเป็น 4 ระดับที่สำคัญ:
| ระดับ | หมายถึง | การใช้ในกลยุทธ์ |
|-------|---------|-----------------|
| **S1 และ R1** | แนวรับและแนวต้านใกล้เคียงที่สุด | ใช้เป็นโซนสำหรับการซื้อขายแบบระยะสั้น |
| **S2 และ R2** | แนวรับและแนวต้านที่แข็งแกร่งขึ้น | ใช้สำหรับยืนยันการเคลื่อนไหวของราคา |
| **S3 และ R3** | แนวรับและแนวต้านสำคัญมาก | ใช้สำหรับกลับตัวของตลาด |
| **S4 และ R4** | จุดสุดท้าย หากราคาไปถึงระดับนี้ | บ่งบอกถึงแนวโน้มที่แข็งแกร่ง อาจเกิดการเบรกเอาต์ (Breakout) |
---
### 3. **การใช้งาน Pivot Camarilla ในการเทรด**
1. **ซื้อ (Long) ใกล้ S3**
- เมื่อราคาแตะหรือใกล้ S3 แล้วกลับตัวขึ้น
- ตั้ง Stop Loss ใต้ S4
2. **ขาย (Short) ใกล้ R3**
- เมื่อราคาแตะหรือใกล้ R3 แล้วกลับตัวลง
- ตั้ง Stop Loss เหนือ R4
3. **Breakout Trade**
- ถ้าราคาทะลุ S4 หรือ R4 อย่างชัดเจน (พร้อมวอลุ่มหรือสัญญาณยืนยัน)
- เทรดตามแนวโน้ม โดยตั้งเป้าหมายทำกำไรที่ระดับถัดไป
---
### 4. **ทำไม Pivot Camarilla ถึงสำคัญ**
- มันให้ **แนวรับ-แนวต้านแบบไดนามิก** และเหมาะกับตลาดที่มีความผันผวนสูง
- ใช้ง่ายสำหรับการวางแผน Stop Loss และ Take Profit ในจุดที่มีโอกาสกลับตัวสูง
เเผนการวิเคราะห์ในระยะยาวโดยจุดที่มองว่าราคาทองคำจะมีการปรับตัวขึ้นมาเพื่อทำการปรับฐานก่อนที่ราคาจะมีการร่วงมาในระยะยาว ซึ่งโซนที่มองไว้ปัจจุบันมี2โซนหลักคือ2580เเละ2775 โดยโซนเเรกที่จะต้องมาทำการเช็คคือ2580หากราคาไม่สามารถทำราคาได้สูงมากกว่านี้ราคาอาจจะมีการปรับตัวลงมาประมาณ15000จุด โดยวิเคราะห์จากโคคงสร้างSMC ICT HARMONIC LQT BALANCEจะเห็นจุดเด่นเเละจุดด้อยของตลาดได้อย่างชัดเจน
xauusdจากข่าวและเทคนิคก็สนับสนุนให้เป็นไปตาม
Butterfly harmonic + minor swing
และสัญาณมาแล้ว แบ่งเป็น 2 ไม้เพื่อกันตกรถ
ไม้แรก 1:7 ไม้สอง 1:9
ถือยาวครับไม้นี้เพราะว่า Swap short +
แม้ว่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น
แต่การที่ผลตอบแทนพันธบัตรกระทรวงการคลังสหรัฐฯ
หยุดชะงักในการฟื้นตัวกลับดูเหมือนว่าจะช่วยให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังแห่ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยแบบดั้งเดิมเพื่อความปลอดภัย
เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจ
ของจีนที่กำลังคืบคลานเข้ามาและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์
โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง
Gold Market Outlook [3 มกราคม 2568🌟 Gold Market Outlook
📈 ทองคำพุ่งแตะจุดสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ นักลงทุนแห่เก็บสะสมสินทรัพย์ปลอดภัย จับตานโยบายทรัมป์กดดันตลาด
🔍 สถานการณ์ตลาดทองคำ
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ในวันพฤหัสบดี โดยได้แรงหนุนจากแรงซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่นักลงทุนจับตาทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และนโยบายการค้าของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
⚡ ปัจจัยสนับสนุน
• ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ โดยเฉพาะสถานการณ์การโจมตีทางอากาศในเคียฟ และการปะทะในฉนวนกาซา
• ทองคำมักได้รับความนิยมในภาวะดอกเบี้ยต่ำและทำหน้าที่เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง
📊 มุมมองตลาดปี 2567
• ราคาทองคำทำผลตอบแทนสูงถึง 27% ในปี 2567 ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2553 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการลดอัตราดอกเบี้ย การซื้อทองคำของธนาคารกลาง และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
🎯 คาดการณ์แนวโน้ม
• นักวิเคราะห์คาดว่าราคาทองคำมีโอกาสแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยอาจมีการพักตัวในช่วงต้นปีก่อนที่จะปรับตัวขึ้นอีกครั้ง
• การคลายตัวของ "Trump trade" ซึ่งเคยส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าและตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น อาจกลับมากดดันค่าเงินดอลลาร์และหนุนราคาทองคำ
📈 วิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาทองคำมีแนวโน้มระมัดระวังการทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 2,660 ดอลลาร์ หลังจากปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันก่อนหน้า อาจเห็นการเคลื่อนไหวในกรอบแคบเพื่อรอปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า แนะนำให้ชะลอการเข้าซื้อขายและพิจารณาโอกาสในสินทรัพย์อื่นที่มีจังหวะดีกว่า
📊 กรอบแนวรับ-แนวต้าน (08:30)
XAUUSD
สถานะ: Slightly Bullish
🔼 แนวต้าน 3: $2,672
🔼 แนวต้าน 2: $2,664
🔼 แนวต้าน 1: $2,660
——————————
🔽 แนวรับ 1: $2,650
🔽 แนวรับ 2: $2,638
🔽 แนวรับ 3: $2,630
✍️ วิเคราะห์โดย: Beam 🕵️♂️
XAUUSDสวัสดีปีใหม่ 2025 นะครับ จะไม่บอกว่าขอให้เป็นปีที่ดีแต่จะขอให้ทุกคนเชื่อว่ามันจะเป็นปีที่ดีเพราะเรากำหนดมันได้
มาเข้าเรื่องแผนกัน วันนี้ใช้ H4 นะครับจะได้เห็นภาพใหญ่ก่อน ผมยังคงมองว่ายังมีโอกาศลงต่ออยู่นะครับจากโครงสร้างราคามีการพักตัวจากการลงมาแรงมากๆในเดือนที่แล้วโดยจะอิงกรอบราคาที่ทำไว้ให้หากยัง SW ในกรอบก็เทรดแบบเก็บสั้นได้เลย แต่พยายามแบบเก็บแล้วถือออเดอร์ Sell กันหน้าไม้ไว้เผื่อรันราคากันด้วยนะครับโดยโซนที่แกะมามีอยู่ 2 โซนตามภาพ
Monitor Sell Zone 2635-2641 ตรงนี้จริงๆไม่อยากทำเป็นโซนไว้ด้วยซ้ำเพราะมันไม่สวยเอาซะเลยเป็นโซนตามเทคนิคทั่วไปเลยแต่หากถามว่าลงได้ไหม ตอบเลยเค้าเอาลงตรงไหนก็ได้ หากไม่ผ่านแล้วลงตรงนี้จริงๆให้รอ TF H1 เป็นตัวคอนเฟิร์มนะครับจะได้ไม่โดนหลอก
2650-2660 Sell Zone ตรงนี้จะไม่หลอกเราแน่นอนนะครับหากลงคือลงหากไม่ลงจะทะลุผ่านไปเลย แต่ผมมองว่าหากมอง Sell ตรงนี้มีหลายเทคนิคที่ผมใช้คอมเฟิร์มแถวๆนี้หลายตัว
ตอนนี้กราฟบอกมาแค่นี้หากภาพชัดเจนขึ้นเชื่อว่าเพื่อนๆก็จะเห็นเช่นกัน แค่รอให้ได้นะครับ
Gold Market Outlook [2 มกราคม 2568]🌟 Gold Market Outlook
📍 ราคาทองคำเปิดศักราชใหม่แข็งแกร่ง จับตาทิศทางเฟดและนโยบายทรัมป์
💫 สถานการณ์ตลาดทองคำโลก
ตลาดทองคำโลกเริ่มต้นการซื้อขายวันแรกของปี 2568 ด้วยทิศทางเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่สร้างผลตอบแทนอันโดดเด่นในปี 2567 โดยราคาทองคำสามารถทะลุผ่านระดับ 2,630 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้สำเร็จ ท่ามกลางการคาดการณ์ของนักลงทุนทั่วโลกที่มองว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินในปีนี้ ประกอบกับความไม่แน่นอนทางการเมืองสหรัฐฯ หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวโน้มจะกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง
📊 ทิศทางราคาและปริมาณการซื้อขาย
ราคาทองคำสปอตในตลาดลอนดอนล่าสุดทรงตัวที่ระดับ 2,630 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่สัญญาทองคำล่วงหน้าในตลาด COMEX ปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย 0.1% มาอยู่ที่ 2,639.60 ดอลลาร์ โดยปริมาณการซื้อขายยังคงเบาบางเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่กลับเข้าตลาดหลังช่วงวันหยุดยาว
🌐 ปัจจัยหนุนตลาดทองคำโลก
• ผลตอบแทนในปี 2567 ที่ผ่านมาสร้างสถิติสูงสุดในรอบ 14 ปี โดยปรับตัวขึ้นถึง 27% สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อสินทรัพย์ปลอดภัย
• ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเดินหน้าสะสมทองคำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจีนและรัสเซียที่ต้องการลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ
• สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ยืดเยื้อ รวมถึงความตึงเครียดระหว่างจีน-ไต้หวัน ส่งผลให้นักลงทุนแสวงหาสินทรัพย์ปลอดภัย
• แนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกในปี 2568 จะเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำในระยะยาว
🎯 การคาดการณ์ทิศทางดอกเบี้ยเฟด
• ตลาดการเงินให้น้ำหนักโอกาสการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมกราคมเพียง 11.2%
• โอกาสที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับปัจจุบันสูงถึง 88.8%
• เฟดยังคงระมัดระวังประเด็นเงินเฟ้อที่ยังสูงกว่าเป้าหมาย 2% โดยต้องการเห็นสัญญาณการชะลอตัวที่ชัดเจนก่อนตัดสินใจลดดอกเบี้ย
• คาดการณ์การปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกอาจเกิดขึ้นในไตรมาส 2 ของปี 2568
📈 ปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
• รายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันนี้
• ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-Farm Payrolls) ประจำเดือนธันวาคม
• รายงานการประชุม FOMC ครั้งล่าสุด ที่จะเผยแพร่สัปดาห์หน้า
• ทิศทางค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ
• นโยบายการค้าของทรัมป์ที่อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก
🔍 การวิเคราะห์ทางเทคนิค
แนวโน้มราคาทองคำในระยะสั้นยังคงเป็นบวก หลังจากสามารถทะลุแนวต้านสำคัญที่ 2,620 ดอลลาร์ขึ้นไปได้ในช่วงก่อนปิดตลาดปีใหม่ โดยในช่วงเช้าวันนี้ราคาได้ทดสอบจุดสูงสุดใหม่ที่ 2,636 ดอลลาร์ คาดว่าในระหว่างวันราคาจะแกว่งตัวในกรอบแนวต้านนี้ หรืออาจมีการพักฐานลงมาบ้างแต่จะเป็นการย่อตัวเพื่อสะสมแรงซื้อก่อนดีดกลับขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้รอดักซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาที่แนวรับ หากต้องการเทรดระยะสั้นสามารถทยอยขายทำกำไรบางส่วนเมื่อราคาทดสอบแนวต้าน แต่ควรระมัดระวังการขายที่มากเกินไปเนื่องจากแนวโน้มหลักยังเป็นขาขึ้น
📊 กรอบแนวรับ-แนวต้าน (10:05)
XAUUSD
สถานะ: Sideway
🔼 แนวต้าน 3: $2,650
🔼 แนวต้าน 2: $2,643 (High เดิม)
🔼 แนวต้าน 1: $2,636
——————————
🔽 แนวรับ 1: $2,627 (แนวรับระยะสั้น)
🔽 แนวรับ 2: $2,620 (แนวรับสำคัญ)
🔽 แนวรับ 3: $2,616
✍️ วิเคราะห์โดย: Beam 🕵️♂️
วิเคราะห์ SET ด้วย TD SEQUENTIAL + HMASET วิเคราะห์โดยใช้ **TD Sequential** และ **HMA** (Hull Moving Average) ดังนี้:
---
### **1. การวิเคราะห์แนวโน้ม (Trend Analysis)**
#### **Hull Moving Average (HMA):**
- จากภาพ HMA สีเขียวแสดงถึงแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลาง ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดมีแรงซื้อสนับสนุน
- เส้น HMA ยังมีมุมเอียงขึ้น ซึ่งยืนยันว่าราคาโดยรวมยังคงอยู่ในทิศทางบวก แม้ว่าจะมีการพักตัวเล็กน้อย
---
### **2. TD Sequential:**
#### **สัญญาณ Setup และ Countdown**
- **เลข 9 สีเขียว (ช่วงซ้าย)**: หมายถึงการเกิด Overextended (จุดที่แนวโน้มขาลงเริ่มหมดแรง) และอาจเกิดการกลับตัว (Reversal) ซึ่งจากภาพ ราคาเริ่มฟื้นตัวหลังจากเกิดเลข 9 ในช่วงก่อนหน้า
- **ตัวเลข 1, 2, 3, และ 4 (บริเวณขวา)**:
- TD Sequential กำลังเริ่มเข้าสู่ "Setup Phase" ใหม่ (นับตัวเลข 1-9)
- ช่วงนี้บ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นกำลังอยู่ในช่วงสะสมแรง แต่ยังไม่ครบ 9 แท่ง (ยังไม่มี Overbought ในรอบนี้)
---
### **3. การวิเคราะห์แนวรับ-แนวต้าน (Support & Resistance)**
จากภาพ มีการแสดง **Pivot Points** (Traditional Quarterly) ซึ่งช่วยระบุจุดแนวรับและแนวต้านสำคัญ:
- **R1 (1380.99):** ทำหน้าที่เป็นแนวต้านสำคัญ แต่ดูเหมือนราคาจะยังไม่สามารถผ่านไปได้
- **P (Pivot ที่ 1397.90):** เป็นแนวต้านหลัก และราคาปัจจุบันอยู่ต่ำกว่าระดับนี้ ซึ่งบ่งชี้ถึงแรงขายในระยะสั้น
- **S1 (1324.10):** แนวรับที่น่าจับตามอง หากราคาปรับตัวลงมาต่ำกว่าเส้น HMA
---
### **4. สัญญาณการเทรด**
#### **กรณีขาขึ้น (Bullish)**
- หากราคาสามารถกลับขึ้นไปเหนือเส้น Pivot (1397.90) และยังอยู่เหนือเส้น HMA สีเขียว แนวโน้มขาขึ้นอาจยืนยันตัวเอง
- รอ TD Sequential นับถึง 9 ใน "Setup Phase" เพื่อพิจารณาการขาย (Overbought)
#### **กรณีขาลง (Bearish)**
- หากราคาปิดต่ำกว่า HMA สีเขียว และต่ำกว่าแนวรับสำคัญที่ S1 (1324.10) ตลาดอาจเข้าสู่แนวโน้มขาลงในระยะกลาง
- TD Sequential นับย้อนกลับไปยัง 1-9 อาจเกิด "Oversold" หากถึงจุดเลข 9 สีแดง
---
### **5. กลยุทธ์การเทรด**
#### **Short-Term Strategy (ระยะสั้น)**
- ติดตามการทะลุผ่าน Pivot (1397.90): หากราคาเบรกขึ้นไป อาจเป็นสัญญาณซื้อ
- ใช้ HMA เป็นตัวกรอง: หากราคาปิดต่ำกว่า HMA สีเขียว ให้พิจารณาหลีกเลี่ยงการเข้าซื้อ
#### **Long-Term Strategy (ระยะยาว)**
- ดูการนับตัวเลขของ TD Sequential: หากนับถึงเลข 9 (Overbought/Oversold) ในช่วงแนวรับหรือแนวต้านสำคัญ ใช้เป็นจุดตัดสินใจเข้าหรือออกจากตลาด
- ใช้แนวรับ S1 (1324.10) เป็นจุด Stop Loss ในกรณีที่เกิดการ Breakout ลง
---
### **สรุป**
- **แนวโน้มปัจจุบัน:** ตลาดอยู่ในช่วงพักตัว (Consolidation) ภายใต้แนวโน้มขาขึ้นระยะกลาง (ตาม HMA สีเขียว)
- **สัญญาณ TD Sequential:** กำลังเข้าสู่รอบใหม่ (Setup Phase) ที่ยังไม่ครบ 9 แท่ง
- **กลยุทธ์:** ใช้ HMA และ Pivot Point เป็นแนวรับแนวต้าน และรอ TD Sequential ยืนยันสัญญาณที่ชัดเจนก่อนการตัดสินใจ
แนวคิดและทฤษฏี
การใช้งาน **TD Sequential** ร่วมกับ **HMA (Hull Moving Average)** ถือเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพราะทั้งสองเครื่องมือมีเป้าหมายแตกต่างกัน แต่สามารถเสริมกันเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจได้:
---
### 1. **TD Sequential: การใช้งานและจุดเด่น**
TD Sequential เป็นเครื่องมือที่พัฒนาโดย **Tom DeMark** ซึ่งใช้เพื่อระบุจุดกลับตัวของราคา (reversal points) โดยเฉพาะในตลาดที่มีแนวโน้ม (trending market) และตลาดที่กำลังเข้าสู่ภาวะพักตัว (consolidation phase)
- **โครงสร้างของ TD Sequential:**
- **Setup Phase (1-9):** ใช้ตัวเลข 9 แท่งเพื่อระบุแนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคา (uptrend/downtrend)
- **Countdown Phase (1-13):** ใช้ตัวเลข 13 แท่งเพื่อติดตามภาวะ "หมดแรง" ของแนวโน้ม
- **การใช้งานหลัก:**
- สัญญาณซื้อ: เมื่อ TD Sequential Setup จบลงที่ 9 (Overbought) หรือ Countdown จบที่ 13
- สัญญาณขาย: เมื่อ Setup หรือ Countdown ให้ค่า Overextended (Oversold)
---
### 2. **HMA (Hull Moving Average): การใช้งานและจุดเด่น**
HMA เป็น Moving Average ที่ออกแบบมาเพื่อลดความล่าช้า (lag) และยังมีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม ซึ่งเหมาะสำหรับการวิเคราะห์ทิศทางราคาในระยะสั้นถึงกลาง
- **จุดเด่นของ HMA:**
- **เปลี่ยนสี:** สามารถปรับเปลี่ยนสีเพื่อบอกสถานะ Bullish หรือ Bearish
- **แนวโน้ม:** ใช้เพื่อตรวจสอบแนวโน้มหลัก (major trend) หรือการกลับตัว (reversal)
---
### 3. **การใช้งาน TD Sequential ร่วมกับ HMA**
การผสมผสาน TD Sequential กับ HMA สามารถช่วยในการระบุ **จุดเข้าซื้อ (entry point)** และ **จุดขาย (exit point)** ได้อย่างมีประสิทธิภาพ:
#### ขั้นตอนการใช้งาน:
1. **วิเคราะห์แนวโน้มด้วย HMA:**
- หาก HMA มีทิศทางขาขึ้น (สีเขียวหรือสูงกว่าราคา) ให้มองหาโอกาสซื้อ
- หาก HMA มีทิศทางขาลง (สีแดงหรือต่ำกว่าราคา) ให้มองหาโอกาสขาย
2. **ใช้ TD Sequential ระบุจุดกลับตัว:**
- หาก HMA อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และ TD Sequential Setup ถึงเลข 9 หรือ Countdown ถึง 13 ให้เตรียมขาย (จุดกลับตัวหรือ Overbought)
- หาก HMA อยู่ในแนวโน้มขาลง และ TD Sequential Setup ถึงเลข 9 หรือ Countdown ถึง 13 ให้เตรียมซื้อ (จุดกลับตัวหรือ Oversold)
3. **ยืนยันด้วยการ Breakout ของ HMA:**
- หากราคาทะลุ HMA หลังจากที่ TD Sequential ส่งสัญญาณกลับตัว ถือเป็นจุดเข้าออกที่แข็งแกร่ง
---
### 4. **ตัวอย่างเชิงปฏิบัติ**
สมมติว่าคุณกำลังดูกราฟ Bitcoin บน Timeframe 4H:
- **HMA**: เป็นสีเขียว (ขาขึ้น)
- **TD Sequential**: Setup Phase จบที่ 9
- **กลยุทธ์:**
- ถ้าราคาอยู่ใกล้แนวต้านสำคัญและ TD Sequential ให้สัญญาณ Overbought → เตรียม Short หรือรอ Pullback
- ถ้าราคาไม่สามารถทะลุ HMA ได้ → ใช้ HMA เป็นแนวต้านในการตั้งจุดขาย
---
### 5. **ข้อดีและข้อจำกัด**
- **ข้อดี:**
- TD Sequential ช่วยระบุจุดกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น
- HMA ลดสัญญาณหลอก (false signals) ด้วยการให้แนวโน้มที่ชัดเจน
- **ข้อจำกัด:**
- TD Sequential อาจไม่แม่นยำในตลาดที่ผันผวน (volatile)
- HMA อาจเกิดความล่าช้าในช่วงที่ราคากลับตัวอย่างรวดเร็ว
---
**สรุป:**
การใช้ TD Sequential ร่วมกับ HMA ช่วยให้คุณสามารถมองเห็นจุดกลับตัวที่แม่นยำมากขึ้น โดย TD Sequential จะระบุจุดอิ่มตัวของแนวโน้ม ในขณะที่ HMA ช่วยให้คุณเข้าใจแนวโน้มในภาพรวม ทั้งนี้ควรใช้ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมเสมอ!
BTCUSD : ระบบ MACD ตัด 0 (ActionZone) มีสัญญาณ "ขาย" 30/12/2024อธิบาย : ระบบ Action Zone หรือ MACD ตัดศูนย์ คือระบบที่ใช้หลักการดูเส้น MACD ว่า เส้นนี้จะตัดกับเส้นศูนย์เมื่อไหร่ โดย ถ้าตัดขึ้นก็จะเป็นสัญญาณซื้อ ถ้าตัดลงก็จะเป็นสัญญาณขาย ถือเป็นระบบ Trend Following ที่ใช้ได้ดีกับตลาดที่มีเทรนจ๋าๆ เช่น BTC
แต่ระบบนี้ก็จะมีจุดอ่อนอยู่หลายจุดเช่นกัน คือ ในช่วงตลาด sideway ออกข้างเราอาจจะเจอ false sig ทำให้ต้องคืนกำไร คืนทุน กันบ่อยๆ ได้ หรือบางทีถ้าตลาดมีการทุบแรงๆ ก็อาจจะทำให้เจอการคืนกำไรหมดเช่นกัน เพราะระบบจะต้องรอ confirm ของเส้น MACD ก่อน ถึงจะยอมขาย ตอนขึ้น บางทีทำให้มันถือได้นาน ถือได้ทน รันเทรนได้นาน แต่ถ้าลงแรงก็จบกัน 555
ความเห็นของผม :
ตอนระบบนี้เขียวเมื่อวันที่ 19/9/2024 ที่ผ่านมา ผมก็เขียนความเห็นไว้ว่า ยังไงถึงแม้ก่อนหน้าเราจะโดนหลอกมาบ่อยจนท้อ แต่ เราก็ไม่ควรท้อ เพราะว่า ถ้าเกิดว่าเราท้อแล้วไม่ได้เข้า ถ้ามันไปจริงเราก็จะต้องมาเซ็งทีหลังกันอีก
สรุปว่า รอบนี้มันก็ไปจริง ใครที่ท้อ ไม่ได้เข้าตั้งแต่เขียวแรกในวันนั้น ก็อาจจะต้องไปเข้าช้า หรือไปไล่ราคาทีหลัง ทำให้แทนที่จะได้เข้าตั้งแต่ต้นรอบ ก็ตกรถกันไปซะงั้น 555 ใครที่ตกรถรอบนี้ก็ขอให้ได้บทเรียนเพื่อไปปรับปรุงตัวเองกันไปนะครับ
และแน่นอน เมื่อมีสัญญาณซื้อ ก็ต้องมีสัญญาณขาย และ... ใครไม่เชื่อสัญญาณขาย ถ้าหากว่า มันลงต่อหนัก หรือไปซื้อที่ยอดแล้วไม่มีแผนขาย ท่านก็อาจจะคืนกำไรหมด หรือขาดทุนหนักก็ได้เช่นกันครับ
รอบนี้ผมเริ่มเห็นหลายๆ คนมีความเห็นว่า เดี๋ยว BTC ก็น่าจะมี rally ต้นปีเหมือนทุกๆ ปีที่ผ่านมา แล้วจะไปจบรอบอีกทีตอนเดือนมีนา-เมษา แต่ส่วนตัวก็มองว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้สำหรับตลาดนี้ มันอาจจะไม่เป็นไปตามอดีตก็ได้นะครับ วิธีรับมือก็คือ สำหรับพอร์ตระบบก็ไม่ควรไปวัดดวง ทำตามระบบไปก่อนดีกว่า จะวัดดวงก็ไปรอวัดกับพอร์ตระยะยาวแทนครับ
ส่วนตัวก็อยากให้มันขึ้นไปต่อนะ แต่ว่า ในเมื่อระบบแดงเรียบแล้วแบบนี้ ผมก็ขอออกมามือว่างถือเงินสดรอดูทิศทางลมก่อนดีกว่าครับ
BTC Action Zone = เขียว ( 19/9/2024 )
------------------
Entry : 61760+-
SL : 56400 (-8.6%)
Position Size = 10% ของพอร์ต ( Risk1% )*
* ปัดเศษเพื่อความง่ายต่อการคำนวณ
BTC Action Zone = แดง ( 30/12/2024 )
------------------
Entry : 61760+-
TP : 93738 (+51.77)
Position Size = 10% ของพอร์ต ( Risk1% )*
Actual Profit = 10% * 51.77% = 5.18%
เพื่อความง่ายต่อการคำนวณ ผมจะ cut off กำไร 2024 ของระบบสุดท้ายที่ยังเขียวอยู่ไปด้วยเลย ตามด้านล่างนะครับ
BTC CloseAboveEMA120D = เขียว ( 19/9/2024 ) - TP Cut off 2024 ( 30/12/2024 )
------------------
Entry : 61760+-
TP : 93738 (+51.77)
Position Size = 10% ของพอร์ต ( Risk1% )*
Actual Profit = 10% * 51.77% = 5.18%
---------------------------
สรุปผลกำไร สะสม ของทุกระบบ ในปี 2024 ได้ดังนี้
* รายการกำไรนี้ เป็นการคำนวณตรงๆ ยังไม่ได้ใส่ค่า fee และ slippage เข้าไปนะครับ ดังนั้น กำไรจริงๆ ของการทำตามระบบ ก็น่าจะต่ำกว่านี้พอสมควรครับ
(8Feb-17Mar) ATR = +6.61% ที่ความเสี่ยง 1% ( 6.61R )
(9Apr-14Apr) ATR = -1.06% ที่ความเสี่ยง 1% (-1.06R )
(10Feb-14Apr) BreakHigh = +4.94% ( 4.94R )
(2Feb-17Apr) ActionZone = +9.6% ( 9.6R )
(16May-15Jun) ATR = -0.023%
(19May-18Jun) ActionZone = -0.059%
(1Jan-25Jun) EMA120DCross = +5.95% ( 5.95R )
(16Jul-3Aug) ATR = -0.5%
(16Jul-3Aug) EMA120DCross = -0.5%
(20Jul-5Aug) ActionZone = -0.9%
(24Aug-27Aug) EMA120DCross = -0.7%
(26Aug-30Aug) ActionZone = -0.75%
(24Aug-2Sep) ATR = -1.04%
(14Sep-2Oct) ATR = +0.05%
(19Sep-2Oct) EMA120DCross = -0.155%
(25Sep-2Oct) BreakHigh = -0.538%
(15Oct-23Dec) ATR = 5.74%
(15Oct-28Dec) BreakHigh = 5.57%
(19Sep-30Dec) ActionZone = 5.18%
(15Oct-30Dec) EMA120D *cut off 2024 * = 5.18%
เทรดทั้งหมด 20 ครั้ง
เทรดที่มีกำไร = 9 ครั้ง
เทรดที่ขาดทุน = 11 ครั้ง
เปอร์เซ็นของกำไร (win rate) = 45%
Sum กำไรสะสมของปี 2024 = 32.23% + 5.18% + 5.18% = 42.59% ที่ความเสี่ยง 1% ต่อระบบต่อครั้ง ( Max 4% กำไรหน่วย USD )
ดังนั้น กำไรตามระบบเป๊ะๆ ของปีนี้ ถ้าวัดกันตามความเสี่ยง ก็จะได้ประมาณ 10R นั่นเองครับ และก็น่าจะเป็นกำไรที่สูงที่สุดตั้งแต่ช่วงขาขึ้นปี 2021 มาเลยครับ
ส่วนกำไรที่ได้จริง ในส่วนตัวที่ผมได้ ก็จะน้อยกว่านี้พอสมควร โดยได้ประมาณ 30% เพราะว่า ได้มีการทยอยแบ่งไม้ขายไปบ้าง ยังไม่นับค่า fee อีก รวมถึงอาจจะมีไป ซื้อ-ขายด้วยอารมณ์ระหว่างทางบ้าง บางไม้ หรือแม้แต่ค่าเงินบาทที่แข็งจัดจนทำให้ กำไรจริงที่ realised เป็น THB น้อยกว่ากำไร benchmark ตัวนี้นั่นเองครับ
BTCUSD : ระบบ Break 52Days high มีสัญญาณ"ขาย" 28/12/2024อธิบาย : ระบบ Break 52Days High เป็นระบบที่จะดู High ย้อนหลังของแท่งเทียน เป็นเวลา 52 วัน และตีเส้นราคาลากมาเรื่อยๆ จนกว่าเมื่อไหร่ที่ราคาปิดแท่งเหนือกว่าเส้น 52 วันย้อนหลัง ระบบก็จะมีสัญญาณซื้อ ส่วนสัญญาณขายจะใช้ MA 52 วัน เพื่อตัดสินใจ โดยเมื่อไหร่ที่ราคาปิดแท่งต่ำกว่าเส้น MA52 ก็จะมีสัญญาณขาย นั่นเอง
ระบบนี้ดัดแปลงไอเดียมาจาก Break 52 Weeks High ที่ใช้กับตลาดหุ้น แต่ว่ามาใช้กับคริปโตแล้วมันช้าเกิน ก็เลยลองลดเหลือเป็น 52 วันแทน ก็ให้ผลที่ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะหลายๆ ครั้งระบบนี้ก็ช่วยให้เราไม่ต้องเสียเวลาเข้าๆ ออกๆ ตอนตลาด sideway down หรือขาลงจ๋าๆ เพราะเราจะนั่งเฉยๆ ตลอดทางนั่นเอง ( เหมือนกับ 5 เดือนที่ผ่านมา )
ความเห็นของผม : หลังจาก ยึกๆ ยักๆ กันมาเป็นเดือน ในที่สุดก็เริ่มเสียทรงและทำให้ระบบแดงกันไปอีกระบบจนได้ครับ ถ้ามองว่าเป็นการปิดจ๊อบของปี 2024 ผมว่าก็น่าสนใจดีเหมือนกัน ขายออกมาก่อน reset ทุกระบบ ปีหน้าว่ากันใหม่ อย่างน้อยๆ ปีนี้ก็มีกำไรกันถ้วนหน้าแล้ว
BTC BreakHigh = เขียว ( 15/10/2024 )
------------------
Entry : 66000+-
Exit : 61000 (-7.5%)
Position Size = 13% ของพอร์ต ( Risk1% )*
* ปัดเศษเพื่อความง่ายต่อการคำนวณ
BTC BreakHigh = แดง ( 28/12/2024 )
------------------
Entry : 66000+-
TP : 94300 ( +42.87%)
Position Size = 13% ของพอร์ต ( Risk1% )*
Actual Profit = 13%*42.87% = 5.57% (5.5R)
---------------------------
สรุปผลกำไร สะสม ของทุกระบบ ในปี 2024 ได้ดังนี้
* รายการกำไรนี้ เป็นการคำนวณตรงๆ ยังไม่ได้ใส่ค่า fee และ slippage เข้าไปนะครับ ดังนั้น กำไรจริงๆ ของการทำตามระบบ ก็น่าจะต่ำกว่านี้พอสมควรครับ
(8Feb-17Mar) ATR = +6.61% ที่ความเสี่ยง 1% ( 6.61R )
(9Apr-14Apr) ATR = -1.06% ที่ความเสี่ยง 1% (-1.06R )
(10Feb-14Apr) BreakHigh = +4.94% ( 4.94R )
(2Feb-17Apr) ActionZone = +9.6% ( 9.6R )
(16May-15Jun) ATR = -0.023%
(19May-18Jun) ActionZone = -0.059%
(1Jan-25Jun) EMA120DCross = +5.95% ( 5.95R )
(16Jul-3Aug) ATR = -0.5%
(16Jul-3Aug) EMA120DCross = -0.5%
(20Jul-5Aug) ActionZone = -0.9%
(24Aug-27Aug) EMA120DCross = -0.7%
(26Aug-30Aug) ActionZone = -0.75%
(24Aug-2Sep) ATR = -1.04%
(14Sep-2Oct) ATR = +0.05%
(19Sep-2Oct) EMA120DCross = -0.155%
(25Sep-2Oct) BreakHigh = -0.538%
(15Oct-23Dec) ATR = 5.74%
(15Oct-28Dec) BreakHigh = 5.57%
(19Sep-???) ActionZone = ?%
(15Oct-???) EMA120D = ?%
Sum กำไรสะสมของปี 2024 = 26.66% + 5.57% = 32.23% ที่ความเสี่ยง 1% ต่อระบบต่อครั้ง
* โดยกำไรด้านบน ยังไม่ใช่กำไรสุทธิ เพราะยังเหลืออีก 2 ระบบที่ยังไม่ได้ realized profit นะครับ ซึ่งตอนนี้อีก 2 ระบบที่เหลือมีกำไรรวมราวๆ +10.9% ถ้ารวมกับยอดที่ realized ไปแล้วอีก 32.23% ในปีนี้ก็มีกำไรเบื้องต้นอยู่ที่ 43.13% ครับ สำหรับความเสี่ยง 4% ก็ตีคร่าวๆ ก็เกือบ 11R เลยนะ ถือว่าเป็นปีที่ดีมากๆ ปีนึงครับ
วางแผนการบ้านปีหน้า และ รอบเทรดเดือนหน้า ( 2 - 10 มค 68 )ผ่านมา 1 ปี กับการเทรด ถ้ารวมกับปีที่ผมเริ่มเทรด ก็ทั้งหมด 11 ปี
ตอนเริ่มเทรด ผมมุ่งที่ตลาด future และบอกตนเองว่าจะ Master ใน index ให้ได้และเท่านั้น ไม่มีสนใจหุ้นปกติเลย
และเมาหมัดอยู่หลายๆๆๆๆๆ ปี กว่าจะ ขาแข็ง ชกไม่มั่ว ไปเปิดดู dairy ที่ตนเองทำเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ก็ปวดใจมากพร้อมสบถว่า ทำไปได้
11 ปี เจออะไรบ้างที่ทำให้จำ อันดับแรก slippage 50 - 60 จุดนับจากเปลี่ยนตัวคูน futures จากจุดละ 1000 เป็นจุดละ 200 , ระเบิดราชประสงค์ , รัฐประหาร ยุคปู , ร9 สวรรคต , สงครามการค้าจีน สหรัฐ , โรคระบาด แต่ก็สามารถรอดมาได้โดยไม่โดน force sell หลักๆมาจาก มองว่าการลงทุนของเราทำการค้าอยู่ เราเปิดร้านที่ชื่อ S50 ซื้อมาขายไป มองแบบธุรกิจ ไม่มองแบบการพนัน มองแค่ราคาชึ้นลงเท่านั้น
มันจึงนำมาซึ่งการ วางแผนความเสี่ยงและการเงิน อย่างรัดกุม
โอเค เรามาเข้าเรื่อง กราฟที่เห็นเป็นกราฟรายเดือน ถ้าดูเผินๆ เหมือนกำลังจะฟอร์มตัวขี้น
การใช้ กราฟ รายเดือน เรามองระยะเห็นผลคืออย่างน้อย 3 เดือนขึ้นไป
แต่ก็จะเห็นแนวต้านใหญ่ๆอยู่ ถ้าใครเชื่อผมใน กระทู้ที่ผ่านมา คุณควรจะกำไร อย่างน้้อย 15 จุด ถ้าออกวันนี้
สว่นตัวปีหน้าผมมอง ไม่น่าจะไปได้ดีเกิน 3 เดือน หลังจากนั้น น่าจะเกิดการสวิงขนาดใหญ่และนาน ค่อยๆ ไปเลือกทาง ขึ้นหรือลงช่วง พค. หรือ มิย.
- แนวทางผมถึงเดือนวันที่ 10 เดือนหน้าคือ ถือไปก่อนแล้วพิจารณาออกแถว 940 ถ้าถึง หวังอีกทีก็ 970 จากนั้นจะรอก่อน แต่ไม่คิดว่าจะขึ้นแรงขนาดนั้น
- สังเกตอย่างนึงว่า โรงงานใหญ่ๆทยอยปิดสะสมมา 2-3 ปี เยอะมาก (ที่ทยอยเปิดก็มีแต่น้อยกว่า)
- ผมสนใจข้อมูลรากหญ้า จากการเดินถนน จากข่าวทั่วไป ที่ไม่ได้ออกทางสำนักการคลัง การธนาคารของประเทศ สักเท่าไร นอกจากยอดหนี้บ้านค้างชำระ ถ้าขึ้น peak อันนี้ไม่ค่อยดีแล้ว แต่ว่าเท่าที่รู้ยังไม่มีรายงานประจำปีเท่าไร
- เอาเป็นว่า เปิดมา ผมยังมองดี ถ้าไม่มีอะไร เซอร์ไพรซ์ตลาด
ETHUSDT วิเคราะห์รูปเเบบ Elliott Wave Theory 27/12/2024ETHUSDT
Elliott Wave Theory ETH ดูเหมือนจะอยู่ใน คลื่นกระตุ้น (Impulsive Wave) เเต่ปัจบันเป็นตำแหน่งของ Correction Wave รูปเเบบ wave 4 คือการพักตัว บนกรอบเวลา Daily
ซึ่งปัจุบันราคาอยู่เเถวๆ 3,300–3,000 เป็นโซนราคาของการพักตัว
ณ ปัจุบันเกิดการพักตัวของ Wave 4 จนราคาเกิดการย่อมาเเถวๆ 3,300–3,000 ซึ่งถ้าราคา btc ไม่ดื้อจนเสียทรง คงจะเป็นการพักตัวสะสมกำลังที่ดี เพื่อเกิดการขึ้นต่อ ไปยัง Wave 5 ที่ประมาณ 4800 หรือมากกว่านั้น
คลื่นปัจจุบันที่กำลังดำเนินอยู่
ปัจจุบันเราอยู่ใน Wave 4 ของโครงสร้าง Elliott Wave
หาก ETH สามารถทะลุ 3500 ขึ้นไปได้ อาจเป็นสัญญาณยืนยันว่า Wave 4 จะเกิดพุ่งขึ้น
การซ้อนทับรูปแบบคลื่น Elliott Wave ในอดีต พบว่าคลื่นปัจจุบันมีความสอดคล้อง และเป้าหมายของ Wave 5 ที่คาดการณ์ไว้อาจขยายไปถึงประมาณ 4800
(Supply Zone): 4,000–4,100
ปัจบัน ETH ไม่สามารถทะลุระดับนี้ได้
ไม่ได้เเนะนำให้ซื้อขายตามเเต่อย่างใดทุกกรณีนะครับ
27/12/24 วิเคราะห์ S50H25 ตามหลักการของ "Tom Joseph" Type I Buy27/12/24 วิเคราะห์ S50H25 ตามหลักการของ "Tom Joseph" ผู้สร้างโปรแกรม Advanced GET ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยนักลงทุนวิเคราะห์แนวโน้มและคลื่น Elliott Wave อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือคำอธิบายและการวิเคราะห์ภาพ S50H25: ในที่นี่เราจะใช้้ TradingView วิเคราะห์แทน Advanced GET
---
## **การวิเคราะห์ภาพ S50H25**
### **1. ความเข้าใจพื้นฐาน (Elliott Wave และ Fibonacci Integration)**
- โครงสร้างในกราฟนี้ถูกวิเคราะห์โดยใช้ **Elliott Wave** เพื่อระบุคลื่นย่อย (subwaves) และคลื่นใหญ่ (primary waves)
- คลื่นปัจจุบันอยู่ใน **Wave 4 Correction** ที่จบลงในรูปแบบ Zigzag (ABC) และราคามีการเด้งกลับจาก **จุดต่ำสุดของ Wave C**
- การใช้ Fibonacci Retracement และ Extension ช่วยกำหนดแนวต้านและเป้าหมายการฟื้นตัว
---
### **2. จุดสำคัญในภาพ**
- **Wave C Completion:**
จุดต่ำสุดของ Wave C อยู่ที่ระดับ **874 (วันที่ 20/12/24)** ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่นักลงทุนควรเริ่มมองหาการกลับตัว
- **Type One Buy Setup:**
รูปแบบนี้แนะนำว่าโอกาสการเข้าซื้อเกิดขึ้นในโซนนี้ เนื่องจากราคากำลังฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด และมีความน่าจะเป็น (Win Rate) สูงถึง **80%** ตามข้อมูลในภาพ
- **Profit Taking Index (PTI):**
ค่า **PTI = 72** แสดงว่ามีโอกาสสูงที่ราคาจะเคลื่อนไปยัง **เป้าหมาย Wave 5** ตามโครงสร้างคลื่น Elliott Wave
---
### **3. การวิเคราะห์เป้าหมาย (Target Zones)**
- **Wave 5 Target:**
การใช้ Fibonacci Extension ช่วยกำหนดเป้าหมายของ Wave 5:
- เป้าหมายแรก: **0.618 (926 7/8)**
- เป้าหมายต่อไป: **1.000 (959 1/2)**
- เป้าหมายขยาย: **1.272 (982 3/4)** หรือ **1.618 (1012 3/8)** หากโมเมนตัมยังแข็งแกร่ง
- **แนวรับและแนวต้านที่สำคัญ:**
ระดับ Fibonacci Retracement:
- แนวรับแรก: **886 1/2 (0.146 Fibonacci)**
- แนวต้าน: **894 (0.236), 906 (0.382), 916 (0.500)**
---
### **4. การตัดสินใจซื้อ (Type One Buy)**
- **จุดเข้า (Entry):**
เมื่อราคายืนยันการกลับตัวจาก Wave C (ประมาณ 890–902)
- **จุดตัดขาดทุน (Stop Loss):**
ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของ Wave C ที่ **874**
- **กลยุทธ์ Take Profit:**
ใช้ระดับเป้าหมายตาม Fibonacci Extension (เป้าหมาย Wave 5)
---
### **5. การจัดการความเสี่ยง**
- **Risk-to-Reward Ratio:**
วางแผนให้ความเสี่ยงต่อผลตอบแทนอยู่ที่ **1:2 หรือ 1:3**
- **Trailing Stop:**
ขยับ Stop Loss ตามการเคลื่อนที่ของราคาเมื่อถึงเป้าหมายกำไรระดับแรก
---
### **สรุปมุมมอง Tom Joseph**
- **กราฟ S50H25 แสดงโอกาสเข้าซื้อที่เหมาะสม (Type I Buy)** จากจุดต่ำสุดของ Wave C (874)
- การฟื้นตัวไปสู่ Wave 5 มีโอกาสสูง ด้วยค่า PTI = 72 และ Fibonacci Level ที่บ่งบอกการสนับสนุน
- ใช้เทคนิค Elliott Wave ร่วมกับ Fibonacci และการจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เพื่อวางแผนการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพ
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมืออื่นใน Advanced GET เช่น **XTL**, **Divergence**, หรือ **Oscillator**, แจ้งมาได้ครับ!