กลยุทธ์การซื้อขายทองคำในวันสุดท้ายของปี 2024ราคาทองคำกดดันแม้ความเสี่ยงทางการเมืองเพิ่มขึ้น
ตลาดทองคำกำลังเผชิญกับปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ: แม้ความต้องการสินทรัพย์ที่ปลอดภัยจะเพิ่มขึ้นอย่างมากจากความตึงเครียดทางการเมืองและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ แต่ราคาทองคำยังไม่สามารถทะยานขึ้นได้ สาเหตุหลักคือการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐและท่าทีที่ระมัดระวังของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในการลดอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม ทองคำยังคงรักษาความน่าสนใจในระยะยาว เนื่องจากบทบาทของมันในฐานะเครื่องมือเก็บมูลค่าที่มีประเพณี และแนวโน้มที่ธนาคารกลางทั่วโลกมีการเพิ่มการซื้อทองคำเพื่อกระจายความเสี่ยงในเงินสำรองระหว่างประเทศ การเคลื่อนไหวของตลาดจะขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลใหม่ในสหรัฐฯ และสถานการณ์ทางการเมืองทั่วโลก
ตอนนี้ราคาทองคำกำลังเผชิญกับการขายออกเนื่องจากนักลงทุนยังคงอยู่ในช่วงวันหยุดยาว วันนี้เป็นวันสุดท้ายของปี และคาดว่าในตลาดจะมีการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงในกราฟใหญ่เช่น D1 และ W ดังนั้นจึงแนะนำให้ระมัดระวังในวันนี้ อาจต้องรอให้ปีใหม่เริ่มต้นและรอรายงาน Nonfarm Payrolls ในสัปดาห์หน้า หลังจากนั้นราคาน่าจะมีความเสถียรมากขึ้นสำหรับการเทรด
ตอนนี้แนวโน้มในวันนี้คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวในช่วงใกล้เคียงกับเมื่อวาน ประมาณ 30 จุดหรือมากกว่า ดังนั้นช่วงราคาจะค่อนข้างกว้าง ขอให้ระมัดระวังและให้ความสำคัญกับโซนราคาที่ ADMIN ได้ระบุไว้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดสำหรับบัญชีของคุณ
ปัจจุบันแนวโน้มยังคงแสดงให้เห็นถึงการลดลงอย่างรุนแรง และเมื่อวานนี้เราก็ได้อดทนรอการเข้าซื้อในจุดที่ปลอดภัยที่สุดที่ระดับ 00-02 หลังจากที่ราคาลดลงอย่างมาก ตอนนี้ราคากำลังมีการฟื้นตัวและสร้างแท่งเทียนเงาบนกราฟ H4 โดยราคากำลังเข้าใกล้ระดับต้านทานเล็ก ๆ ที่ 2610 - 2612 เราจะรอดูปฏิกิริยาของราคาและพิจารณาการขายแบบสแคลปในจุดนี้ หากแรงซื้อแข็งแกร่ง รอจุดราคาที่แม่นยำตามแผนที่ ADMIN ได้ระบุในกราฟ
**กลยุทธ์การเทรด**
- โซนขาย:** 2621 - 2623
SL:** 2626
TP:** 2615 - 2609 - 2605
- โซนซื้อ:** 2586 - 2584
SL:** 2580
TP:** 2592 - 2596 - 2600
ตามที่ ADMIN กล่าวไว้นี่คือโซน BUY/SELL ที่วิเคราะห์จากช่วงราคาของวันนี้ แต่เนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของปี เราอาจไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่รุนแรงจากตลาด และอาจเข้าถึงโซนราคาที่ไกลออกไป ดังนั้นควรติดตามกราฟที่ ADMIN ได้วิเคราะห์ไว้ให้สำหรับการตัดสินใจที่ดีที่สุดในช่วงเวลานี้
รูปแบบชาร์ต
วิเคราะห์ SET ด้วย TD SEQUENTIAL + HMASET วิเคราะห์โดยใช้ **TD Sequential** และ **HMA** (Hull Moving Average) ดังนี้:
---
### **1. การวิเคราะห์แนวโน้ม (Trend Analysis)**
#### **Hull Moving Average (HMA):**
- จากภาพ HMA สีเขียวแสดงถึงแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลาง ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดมีแรงซื้อสนับสนุน
- เส้น HMA ยังมีมุมเอียงขึ้น ซึ่งยืนยันว่าราคาโดยรวมยังคงอยู่ในทิศทางบวก แม้ว่าจะมีการพักตัวเล็กน้อย
---
### **2. TD Sequential:**
#### **สัญญาณ Setup และ Countdown**
- **เลข 9 สีเขียว (ช่วงซ้าย)**: หมายถึงการเกิด Overextended (จุดที่แนวโน้มขาลงเริ่มหมดแรง) และอาจเกิดการกลับตัว (Reversal) ซึ่งจากภาพ ราคาเริ่มฟื้นตัวหลังจากเกิดเลข 9 ในช่วงก่อนหน้า
- **ตัวเลข 1, 2, 3, และ 4 (บริเวณขวา)**:
- TD Sequential กำลังเริ่มเข้าสู่ "Setup Phase" ใหม่ (นับตัวเลข 1-9)
- ช่วงนี้บ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นกำลังอยู่ในช่วงสะสมแรง แต่ยังไม่ครบ 9 แท่ง (ยังไม่มี Overbought ในรอบนี้)
---
### **3. การวิเคราะห์แนวรับ-แนวต้าน (Support & Resistance)**
จากภาพ มีการแสดง **Pivot Points** (Traditional Quarterly) ซึ่งช่วยระบุจุดแนวรับและแนวต้านสำคัญ:
- **R1 (1380.99):** ทำหน้าที่เป็นแนวต้านสำคัญ แต่ดูเหมือนราคาจะยังไม่สามารถผ่านไปได้
- **P (Pivot ที่ 1397.90):** เป็นแนวต้านหลัก และราคาปัจจุบันอยู่ต่ำกว่าระดับนี้ ซึ่งบ่งชี้ถึงแรงขายในระยะสั้น
- **S1 (1324.10):** แนวรับที่น่าจับตามอง หากราคาปรับตัวลงมาต่ำกว่าเส้น HMA
---
### **4. สัญญาณการเทรด**
#### **กรณีขาขึ้น (Bullish)**
- หากราคาสามารถกลับขึ้นไปเหนือเส้น Pivot (1397.90) และยังอยู่เหนือเส้น HMA สีเขียว แนวโน้มขาขึ้นอาจยืนยันตัวเอง
- รอ TD Sequential นับถึง 9 ใน "Setup Phase" เพื่อพิจารณาการขาย (Overbought)
#### **กรณีขาลง (Bearish)**
- หากราคาปิดต่ำกว่า HMA สีเขียว และต่ำกว่าแนวรับสำคัญที่ S1 (1324.10) ตลาดอาจเข้าสู่แนวโน้มขาลงในระยะกลาง
- TD Sequential นับย้อนกลับไปยัง 1-9 อาจเกิด "Oversold" หากถึงจุดเลข 9 สีแดง
---
### **5. กลยุทธ์การเทรด**
#### **Short-Term Strategy (ระยะสั้น)**
- ติดตามการทะลุผ่าน Pivot (1397.90): หากราคาเบรกขึ้นไป อาจเป็นสัญญาณซื้อ
- ใช้ HMA เป็นตัวกรอง: หากราคาปิดต่ำกว่า HMA สีเขียว ให้พิจารณาหลีกเลี่ยงการเข้าซื้อ
#### **Long-Term Strategy (ระยะยาว)**
- ดูการนับตัวเลขของ TD Sequential: หากนับถึงเลข 9 (Overbought/Oversold) ในช่วงแนวรับหรือแนวต้านสำคัญ ใช้เป็นจุดตัดสินใจเข้าหรือออกจากตลาด
- ใช้แนวรับ S1 (1324.10) เป็นจุด Stop Loss ในกรณีที่เกิดการ Breakout ลง
---
### **สรุป**
- **แนวโน้มปัจจุบัน:** ตลาดอยู่ในช่วงพักตัว (Consolidation) ภายใต้แนวโน้มขาขึ้นระยะกลาง (ตาม HMA สีเขียว)
- **สัญญาณ TD Sequential:** กำลังเข้าสู่รอบใหม่ (Setup Phase) ที่ยังไม่ครบ 9 แท่ง
- **กลยุทธ์:** ใช้ HMA และ Pivot Point เป็นแนวรับแนวต้าน และรอ TD Sequential ยืนยันสัญญาณที่ชัดเจนก่อนการตัดสินใจ
แนวคิดและทฤษฏี
การใช้งาน **TD Sequential** ร่วมกับ **HMA (Hull Moving Average)** ถือเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพราะทั้งสองเครื่องมือมีเป้าหมายแตกต่างกัน แต่สามารถเสริมกันเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจได้:
---
### 1. **TD Sequential: การใช้งานและจุดเด่น**
TD Sequential เป็นเครื่องมือที่พัฒนาโดย **Tom DeMark** ซึ่งใช้เพื่อระบุจุดกลับตัวของราคา (reversal points) โดยเฉพาะในตลาดที่มีแนวโน้ม (trending market) และตลาดที่กำลังเข้าสู่ภาวะพักตัว (consolidation phase)
- **โครงสร้างของ TD Sequential:**
- **Setup Phase (1-9):** ใช้ตัวเลข 9 แท่งเพื่อระบุแนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคา (uptrend/downtrend)
- **Countdown Phase (1-13):** ใช้ตัวเลข 13 แท่งเพื่อติดตามภาวะ "หมดแรง" ของแนวโน้ม
- **การใช้งานหลัก:**
- สัญญาณซื้อ: เมื่อ TD Sequential Setup จบลงที่ 9 (Overbought) หรือ Countdown จบที่ 13
- สัญญาณขาย: เมื่อ Setup หรือ Countdown ให้ค่า Overextended (Oversold)
---
### 2. **HMA (Hull Moving Average): การใช้งานและจุดเด่น**
HMA เป็น Moving Average ที่ออกแบบมาเพื่อลดความล่าช้า (lag) และยังมีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม ซึ่งเหมาะสำหรับการวิเคราะห์ทิศทางราคาในระยะสั้นถึงกลาง
- **จุดเด่นของ HMA:**
- **เปลี่ยนสี:** สามารถปรับเปลี่ยนสีเพื่อบอกสถานะ Bullish หรือ Bearish
- **แนวโน้ม:** ใช้เพื่อตรวจสอบแนวโน้มหลัก (major trend) หรือการกลับตัว (reversal)
---
### 3. **การใช้งาน TD Sequential ร่วมกับ HMA**
การผสมผสาน TD Sequential กับ HMA สามารถช่วยในการระบุ **จุดเข้าซื้อ (entry point)** และ **จุดขาย (exit point)** ได้อย่างมีประสิทธิภาพ:
#### ขั้นตอนการใช้งาน:
1. **วิเคราะห์แนวโน้มด้วย HMA:**
- หาก HMA มีทิศทางขาขึ้น (สีเขียวหรือสูงกว่าราคา) ให้มองหาโอกาสซื้อ
- หาก HMA มีทิศทางขาลง (สีแดงหรือต่ำกว่าราคา) ให้มองหาโอกาสขาย
2. **ใช้ TD Sequential ระบุจุดกลับตัว:**
- หาก HMA อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และ TD Sequential Setup ถึงเลข 9 หรือ Countdown ถึง 13 ให้เตรียมขาย (จุดกลับตัวหรือ Overbought)
- หาก HMA อยู่ในแนวโน้มขาลง และ TD Sequential Setup ถึงเลข 9 หรือ Countdown ถึง 13 ให้เตรียมซื้อ (จุดกลับตัวหรือ Oversold)
3. **ยืนยันด้วยการ Breakout ของ HMA:**
- หากราคาทะลุ HMA หลังจากที่ TD Sequential ส่งสัญญาณกลับตัว ถือเป็นจุดเข้าออกที่แข็งแกร่ง
---
### 4. **ตัวอย่างเชิงปฏิบัติ**
สมมติว่าคุณกำลังดูกราฟ Bitcoin บน Timeframe 4H:
- **HMA**: เป็นสีเขียว (ขาขึ้น)
- **TD Sequential**: Setup Phase จบที่ 9
- **กลยุทธ์:**
- ถ้าราคาอยู่ใกล้แนวต้านสำคัญและ TD Sequential ให้สัญญาณ Overbought → เตรียม Short หรือรอ Pullback
- ถ้าราคาไม่สามารถทะลุ HMA ได้ → ใช้ HMA เป็นแนวต้านในการตั้งจุดขาย
---
### 5. **ข้อดีและข้อจำกัด**
- **ข้อดี:**
- TD Sequential ช่วยระบุจุดกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น
- HMA ลดสัญญาณหลอก (false signals) ด้วยการให้แนวโน้มที่ชัดเจน
- **ข้อจำกัด:**
- TD Sequential อาจไม่แม่นยำในตลาดที่ผันผวน (volatile)
- HMA อาจเกิดความล่าช้าในช่วงที่ราคากลับตัวอย่างรวดเร็ว
---
**สรุป:**
การใช้ TD Sequential ร่วมกับ HMA ช่วยให้คุณสามารถมองเห็นจุดกลับตัวที่แม่นยำมากขึ้น โดย TD Sequential จะระบุจุดอิ่มตัวของแนวโน้ม ในขณะที่ HMA ช่วยให้คุณเข้าใจแนวโน้มในภาพรวม ทั้งนี้ควรใช้ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมเสมอ!
BTCUSD : ระบบ MACD ตัด 0 (ActionZone) มีสัญญาณ "ขาย" 30/12/2024อธิบาย : ระบบ Action Zone หรือ MACD ตัดศูนย์ คือระบบที่ใช้หลักการดูเส้น MACD ว่า เส้นนี้จะตัดกับเส้นศูนย์เมื่อไหร่ โดย ถ้าตัดขึ้นก็จะเป็นสัญญาณซื้อ ถ้าตัดลงก็จะเป็นสัญญาณขาย ถือเป็นระบบ Trend Following ที่ใช้ได้ดีกับตลาดที่มีเทรนจ๋าๆ เช่น BTC
แต่ระบบนี้ก็จะมีจุดอ่อนอยู่หลายจุดเช่นกัน คือ ในช่วงตลาด sideway ออกข้างเราอาจจะเจอ false sig ทำให้ต้องคืนกำไร คืนทุน กันบ่อยๆ ได้ หรือบางทีถ้าตลาดมีการทุบแรงๆ ก็อาจจะทำให้เจอการคืนกำไรหมดเช่นกัน เพราะระบบจะต้องรอ confirm ของเส้น MACD ก่อน ถึงจะยอมขาย ตอนขึ้น บางทีทำให้มันถือได้นาน ถือได้ทน รันเทรนได้นาน แต่ถ้าลงแรงก็จบกัน 555
ความเห็นของผม :
ตอนระบบนี้เขียวเมื่อวันที่ 19/9/2024 ที่ผ่านมา ผมก็เขียนความเห็นไว้ว่า ยังไงถึงแม้ก่อนหน้าเราจะโดนหลอกมาบ่อยจนท้อ แต่ เราก็ไม่ควรท้อ เพราะว่า ถ้าเกิดว่าเราท้อแล้วไม่ได้เข้า ถ้ามันไปจริงเราก็จะต้องมาเซ็งทีหลังกันอีก
สรุปว่า รอบนี้มันก็ไปจริง ใครที่ท้อ ไม่ได้เข้าตั้งแต่เขียวแรกในวันนั้น ก็อาจจะต้องไปเข้าช้า หรือไปไล่ราคาทีหลัง ทำให้แทนที่จะได้เข้าตั้งแต่ต้นรอบ ก็ตกรถกันไปซะงั้น 555 ใครที่ตกรถรอบนี้ก็ขอให้ได้บทเรียนเพื่อไปปรับปรุงตัวเองกันไปนะครับ
และแน่นอน เมื่อมีสัญญาณซื้อ ก็ต้องมีสัญญาณขาย และ... ใครไม่เชื่อสัญญาณขาย ถ้าหากว่า มันลงต่อหนัก หรือไปซื้อที่ยอดแล้วไม่มีแผนขาย ท่านก็อาจจะคืนกำไรหมด หรือขาดทุนหนักก็ได้เช่นกันครับ
รอบนี้ผมเริ่มเห็นหลายๆ คนมีความเห็นว่า เดี๋ยว BTC ก็น่าจะมี rally ต้นปีเหมือนทุกๆ ปีที่ผ่านมา แล้วจะไปจบรอบอีกทีตอนเดือนมีนา-เมษา แต่ส่วนตัวก็มองว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้สำหรับตลาดนี้ มันอาจจะไม่เป็นไปตามอดีตก็ได้นะครับ วิธีรับมือก็คือ สำหรับพอร์ตระบบก็ไม่ควรไปวัดดวง ทำตามระบบไปก่อนดีกว่า จะวัดดวงก็ไปรอวัดกับพอร์ตระยะยาวแทนครับ
ส่วนตัวก็อยากให้มันขึ้นไปต่อนะ แต่ว่า ในเมื่อระบบแดงเรียบแล้วแบบนี้ ผมก็ขอออกมามือว่างถือเงินสดรอดูทิศทางลมก่อนดีกว่าครับ
BTC Action Zone = เขียว ( 19/9/2024 )
------------------
Entry : 61760+-
SL : 56400 (-8.6%)
Position Size = 10% ของพอร์ต ( Risk1% )*
* ปัดเศษเพื่อความง่ายต่อการคำนวณ
BTC Action Zone = แดง ( 30/12/2024 )
------------------
Entry : 61760+-
TP : 93738 (+51.77)
Position Size = 10% ของพอร์ต ( Risk1% )*
Actual Profit = 10% * 51.77% = 5.18%
เพื่อความง่ายต่อการคำนวณ ผมจะ cut off กำไร 2024 ของระบบสุดท้ายที่ยังเขียวอยู่ไปด้วยเลย ตามด้านล่างนะครับ
BTC CloseAboveEMA120D = เขียว ( 19/9/2024 ) - TP Cut off 2024 ( 30/12/2024 )
------------------
Entry : 61760+-
TP : 93738 (+51.77)
Position Size = 10% ของพอร์ต ( Risk1% )*
Actual Profit = 10% * 51.77% = 5.18%
---------------------------
สรุปผลกำไร สะสม ของทุกระบบ ในปี 2024 ได้ดังนี้
* รายการกำไรนี้ เป็นการคำนวณตรงๆ ยังไม่ได้ใส่ค่า fee และ slippage เข้าไปนะครับ ดังนั้น กำไรจริงๆ ของการทำตามระบบ ก็น่าจะต่ำกว่านี้พอสมควรครับ
(8Feb-17Mar) ATR = +6.61% ที่ความเสี่ยง 1% ( 6.61R )
(9Apr-14Apr) ATR = -1.06% ที่ความเสี่ยง 1% (-1.06R )
(10Feb-14Apr) BreakHigh = +4.94% ( 4.94R )
(2Feb-17Apr) ActionZone = +9.6% ( 9.6R )
(16May-15Jun) ATR = -0.023%
(19May-18Jun) ActionZone = -0.059%
(1Jan-25Jun) EMA120DCross = +5.95% ( 5.95R )
(16Jul-3Aug) ATR = -0.5%
(16Jul-3Aug) EMA120DCross = -0.5%
(20Jul-5Aug) ActionZone = -0.9%
(24Aug-27Aug) EMA120DCross = -0.7%
(26Aug-30Aug) ActionZone = -0.75%
(24Aug-2Sep) ATR = -1.04%
(14Sep-2Oct) ATR = +0.05%
(19Sep-2Oct) EMA120DCross = -0.155%
(25Sep-2Oct) BreakHigh = -0.538%
(15Oct-23Dec) ATR = 5.74%
(15Oct-28Dec) BreakHigh = 5.57%
(19Sep-30Dec) ActionZone = 5.18%
(15Oct-30Dec) EMA120D *cut off 2024 * = 5.18%
เทรดทั้งหมด 20 ครั้ง
เทรดที่มีกำไร = 9 ครั้ง
เทรดที่ขาดทุน = 11 ครั้ง
เปอร์เซ็นของกำไร (win rate) = 45%
Sum กำไรสะสมของปี 2024 = 32.23% + 5.18% + 5.18% = 42.59% ที่ความเสี่ยง 1% ต่อระบบต่อครั้ง ( Max 4% กำไรหน่วย USD )
ดังนั้น กำไรตามระบบเป๊ะๆ ของปีนี้ ถ้าวัดกันตามความเสี่ยง ก็จะได้ประมาณ 10R นั่นเองครับ และก็น่าจะเป็นกำไรที่สูงที่สุดตั้งแต่ช่วงขาขึ้นปี 2021 มาเลยครับ
ส่วนกำไรที่ได้จริง ในส่วนตัวที่ผมได้ ก็จะน้อยกว่านี้พอสมควร โดยได้ประมาณ 30% เพราะว่า ได้มีการทยอยแบ่งไม้ขายไปบ้าง ยังไม่นับค่า fee อีก รวมถึงอาจจะมีไป ซื้อ-ขายด้วยอารมณ์ระหว่างทางบ้าง บางไม้ หรือแม้แต่ค่าเงินบาทที่แข็งจัดจนทำให้ กำไรจริงที่ realised เป็น THB น้อยกว่ากำไร benchmark ตัวนี้นั่นเองครับ
BTCUSD : ระบบ Break 52Days high มีสัญญาณ"ขาย" 28/12/2024อธิบาย : ระบบ Break 52Days High เป็นระบบที่จะดู High ย้อนหลังของแท่งเทียน เป็นเวลา 52 วัน และตีเส้นราคาลากมาเรื่อยๆ จนกว่าเมื่อไหร่ที่ราคาปิดแท่งเหนือกว่าเส้น 52 วันย้อนหลัง ระบบก็จะมีสัญญาณซื้อ ส่วนสัญญาณขายจะใช้ MA 52 วัน เพื่อตัดสินใจ โดยเมื่อไหร่ที่ราคาปิดแท่งต่ำกว่าเส้น MA52 ก็จะมีสัญญาณขาย นั่นเอง
ระบบนี้ดัดแปลงไอเดียมาจาก Break 52 Weeks High ที่ใช้กับตลาดหุ้น แต่ว่ามาใช้กับคริปโตแล้วมันช้าเกิน ก็เลยลองลดเหลือเป็น 52 วันแทน ก็ให้ผลที่ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะหลายๆ ครั้งระบบนี้ก็ช่วยให้เราไม่ต้องเสียเวลาเข้าๆ ออกๆ ตอนตลาด sideway down หรือขาลงจ๋าๆ เพราะเราจะนั่งเฉยๆ ตลอดทางนั่นเอง ( เหมือนกับ 5 เดือนที่ผ่านมา )
ความเห็นของผม : หลังจาก ยึกๆ ยักๆ กันมาเป็นเดือน ในที่สุดก็เริ่มเสียทรงและทำให้ระบบแดงกันไปอีกระบบจนได้ครับ ถ้ามองว่าเป็นการปิดจ๊อบของปี 2024 ผมว่าก็น่าสนใจดีเหมือนกัน ขายออกมาก่อน reset ทุกระบบ ปีหน้าว่ากันใหม่ อย่างน้อยๆ ปีนี้ก็มีกำไรกันถ้วนหน้าแล้ว
BTC BreakHigh = เขียว ( 15/10/2024 )
------------------
Entry : 66000+-
Exit : 61000 (-7.5%)
Position Size = 13% ของพอร์ต ( Risk1% )*
* ปัดเศษเพื่อความง่ายต่อการคำนวณ
BTC BreakHigh = แดง ( 28/12/2024 )
------------------
Entry : 66000+-
TP : 94300 ( +42.87%)
Position Size = 13% ของพอร์ต ( Risk1% )*
Actual Profit = 13%*42.87% = 5.57% (5.5R)
---------------------------
สรุปผลกำไร สะสม ของทุกระบบ ในปี 2024 ได้ดังนี้
* รายการกำไรนี้ เป็นการคำนวณตรงๆ ยังไม่ได้ใส่ค่า fee และ slippage เข้าไปนะครับ ดังนั้น กำไรจริงๆ ของการทำตามระบบ ก็น่าจะต่ำกว่านี้พอสมควรครับ
(8Feb-17Mar) ATR = +6.61% ที่ความเสี่ยง 1% ( 6.61R )
(9Apr-14Apr) ATR = -1.06% ที่ความเสี่ยง 1% (-1.06R )
(10Feb-14Apr) BreakHigh = +4.94% ( 4.94R )
(2Feb-17Apr) ActionZone = +9.6% ( 9.6R )
(16May-15Jun) ATR = -0.023%
(19May-18Jun) ActionZone = -0.059%
(1Jan-25Jun) EMA120DCross = +5.95% ( 5.95R )
(16Jul-3Aug) ATR = -0.5%
(16Jul-3Aug) EMA120DCross = -0.5%
(20Jul-5Aug) ActionZone = -0.9%
(24Aug-27Aug) EMA120DCross = -0.7%
(26Aug-30Aug) ActionZone = -0.75%
(24Aug-2Sep) ATR = -1.04%
(14Sep-2Oct) ATR = +0.05%
(19Sep-2Oct) EMA120DCross = -0.155%
(25Sep-2Oct) BreakHigh = -0.538%
(15Oct-23Dec) ATR = 5.74%
(15Oct-28Dec) BreakHigh = 5.57%
(19Sep-???) ActionZone = ?%
(15Oct-???) EMA120D = ?%
Sum กำไรสะสมของปี 2024 = 26.66% + 5.57% = 32.23% ที่ความเสี่ยง 1% ต่อระบบต่อครั้ง
* โดยกำไรด้านบน ยังไม่ใช่กำไรสุทธิ เพราะยังเหลืออีก 2 ระบบที่ยังไม่ได้ realized profit นะครับ ซึ่งตอนนี้อีก 2 ระบบที่เหลือมีกำไรรวมราวๆ +10.9% ถ้ารวมกับยอดที่ realized ไปแล้วอีก 32.23% ในปีนี้ก็มีกำไรเบื้องต้นอยู่ที่ 43.13% ครับ สำหรับความเสี่ยง 4% ก็ตีคร่าวๆ ก็เกือบ 11R เลยนะ ถือว่าเป็นปีที่ดีมากๆ ปีนึงครับ
วางแผนการบ้านปีหน้า และ รอบเทรดเดือนหน้า ( 2 - 10 มค 68 )ผ่านมา 1 ปี กับการเทรด ถ้ารวมกับปีที่ผมเริ่มเทรด ก็ทั้งหมด 11 ปี
ตอนเริ่มเทรด ผมมุ่งที่ตลาด future และบอกตนเองว่าจะ Master ใน index ให้ได้และเท่านั้น ไม่มีสนใจหุ้นปกติเลย
และเมาหมัดอยู่หลายๆๆๆๆๆ ปี กว่าจะ ขาแข็ง ชกไม่มั่ว ไปเปิดดู dairy ที่ตนเองทำเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ก็ปวดใจมากพร้อมสบถว่า ทำไปได้
11 ปี เจออะไรบ้างที่ทำให้จำ อันดับแรก slippage 50 - 60 จุดนับจากเปลี่ยนตัวคูน futures จากจุดละ 1000 เป็นจุดละ 200 , ระเบิดราชประสงค์ , รัฐประหาร ยุคปู , ร9 สวรรคต , สงครามการค้าจีน สหรัฐ , โรคระบาด แต่ก็สามารถรอดมาได้โดยไม่โดน force sell หลักๆมาจาก มองว่าการลงทุนของเราทำการค้าอยู่ เราเปิดร้านที่ชื่อ S50 ซื้อมาขายไป มองแบบธุรกิจ ไม่มองแบบการพนัน มองแค่ราคาชึ้นลงเท่านั้น
มันจึงนำมาซึ่งการ วางแผนความเสี่ยงและการเงิน อย่างรัดกุม
โอเค เรามาเข้าเรื่อง กราฟที่เห็นเป็นกราฟรายเดือน ถ้าดูเผินๆ เหมือนกำลังจะฟอร์มตัวขี้น
การใช้ กราฟ รายเดือน เรามองระยะเห็นผลคืออย่างน้อย 3 เดือนขึ้นไป
แต่ก็จะเห็นแนวต้านใหญ่ๆอยู่ ถ้าใครเชื่อผมใน กระทู้ที่ผ่านมา คุณควรจะกำไร อย่างน้้อย 15 จุด ถ้าออกวันนี้
สว่นตัวปีหน้าผมมอง ไม่น่าจะไปได้ดีเกิน 3 เดือน หลังจากนั้น น่าจะเกิดการสวิงขนาดใหญ่และนาน ค่อยๆ ไปเลือกทาง ขึ้นหรือลงช่วง พค. หรือ มิย.
- แนวทางผมถึงเดือนวันที่ 10 เดือนหน้าคือ ถือไปก่อนแล้วพิจารณาออกแถว 940 ถ้าถึง หวังอีกทีก็ 970 จากนั้นจะรอก่อน แต่ไม่คิดว่าจะขึ้นแรงขนาดนั้น
- สังเกตอย่างนึงว่า โรงงานใหญ่ๆทยอยปิดสะสมมา 2-3 ปี เยอะมาก (ที่ทยอยเปิดก็มีแต่น้อยกว่า)
- ผมสนใจข้อมูลรากหญ้า จากการเดินถนน จากข่าวทั่วไป ที่ไม่ได้ออกทางสำนักการคลัง การธนาคารของประเทศ สักเท่าไร นอกจากยอดหนี้บ้านค้างชำระ ถ้าขึ้น peak อันนี้ไม่ค่อยดีแล้ว แต่ว่าเท่าที่รู้ยังไม่มีรายงานประจำปีเท่าไร
- เอาเป็นว่า เปิดมา ผมยังมองดี ถ้าไม่มีอะไร เซอร์ไพรซ์ตลาด
ETHUSDT วิเคราะห์รูปเเบบ Elliott Wave Theory 27/12/2024ETHUSDT
Elliott Wave Theory ETH ดูเหมือนจะอยู่ใน คลื่นกระตุ้น (Impulsive Wave) เเต่ปัจบันเป็นตำแหน่งของ Correction Wave รูปเเบบ wave 4 คือการพักตัว บนกรอบเวลา Daily
ซึ่งปัจุบันราคาอยู่เเถวๆ 3,300–3,000 เป็นโซนราคาของการพักตัว
ณ ปัจุบันเกิดการพักตัวของ Wave 4 จนราคาเกิดการย่อมาเเถวๆ 3,300–3,000 ซึ่งถ้าราคา btc ไม่ดื้อจนเสียทรง คงจะเป็นการพักตัวสะสมกำลังที่ดี เพื่อเกิดการขึ้นต่อ ไปยัง Wave 5 ที่ประมาณ 4800 หรือมากกว่านั้น
คลื่นปัจจุบันที่กำลังดำเนินอยู่
ปัจจุบันเราอยู่ใน Wave 4 ของโครงสร้าง Elliott Wave
หาก ETH สามารถทะลุ 3500 ขึ้นไปได้ อาจเป็นสัญญาณยืนยันว่า Wave 4 จะเกิดพุ่งขึ้น
การซ้อนทับรูปแบบคลื่น Elliott Wave ในอดีต พบว่าคลื่นปัจจุบันมีความสอดคล้อง และเป้าหมายของ Wave 5 ที่คาดการณ์ไว้อาจขยายไปถึงประมาณ 4800
(Supply Zone): 4,000–4,100
ปัจบัน ETH ไม่สามารถทะลุระดับนี้ได้
ไม่ได้เเนะนำให้ซื้อขายตามเเต่อย่างใดทุกกรณีนะครับ
27/12/24 วิเคราะห์ S50H25 ตามหลักการของ "Tom Joseph" Type I Buy27/12/24 วิเคราะห์ S50H25 ตามหลักการของ "Tom Joseph" ผู้สร้างโปรแกรม Advanced GET ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยนักลงทุนวิเคราะห์แนวโน้มและคลื่น Elliott Wave อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือคำอธิบายและการวิเคราะห์ภาพ S50H25: ในที่นี่เราจะใช้้ TradingView วิเคราะห์แทน Advanced GET
---
## **การวิเคราะห์ภาพ S50H25**
### **1. ความเข้าใจพื้นฐาน (Elliott Wave และ Fibonacci Integration)**
- โครงสร้างในกราฟนี้ถูกวิเคราะห์โดยใช้ **Elliott Wave** เพื่อระบุคลื่นย่อย (subwaves) และคลื่นใหญ่ (primary waves)
- คลื่นปัจจุบันอยู่ใน **Wave 4 Correction** ที่จบลงในรูปแบบ Zigzag (ABC) และราคามีการเด้งกลับจาก **จุดต่ำสุดของ Wave C**
- การใช้ Fibonacci Retracement และ Extension ช่วยกำหนดแนวต้านและเป้าหมายการฟื้นตัว
---
### **2. จุดสำคัญในภาพ**
- **Wave C Completion:**
จุดต่ำสุดของ Wave C อยู่ที่ระดับ **874 (วันที่ 20/12/24)** ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่นักลงทุนควรเริ่มมองหาการกลับตัว
- **Type One Buy Setup:**
รูปแบบนี้แนะนำว่าโอกาสการเข้าซื้อเกิดขึ้นในโซนนี้ เนื่องจากราคากำลังฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด และมีความน่าจะเป็น (Win Rate) สูงถึง **80%** ตามข้อมูลในภาพ
- **Profit Taking Index (PTI):**
ค่า **PTI = 72** แสดงว่ามีโอกาสสูงที่ราคาจะเคลื่อนไปยัง **เป้าหมาย Wave 5** ตามโครงสร้างคลื่น Elliott Wave
---
### **3. การวิเคราะห์เป้าหมาย (Target Zones)**
- **Wave 5 Target:**
การใช้ Fibonacci Extension ช่วยกำหนดเป้าหมายของ Wave 5:
- เป้าหมายแรก: **0.618 (926 7/8)**
- เป้าหมายต่อไป: **1.000 (959 1/2)**
- เป้าหมายขยาย: **1.272 (982 3/4)** หรือ **1.618 (1012 3/8)** หากโมเมนตัมยังแข็งแกร่ง
- **แนวรับและแนวต้านที่สำคัญ:**
ระดับ Fibonacci Retracement:
- แนวรับแรก: **886 1/2 (0.146 Fibonacci)**
- แนวต้าน: **894 (0.236), 906 (0.382), 916 (0.500)**
---
### **4. การตัดสินใจซื้อ (Type One Buy)**
- **จุดเข้า (Entry):**
เมื่อราคายืนยันการกลับตัวจาก Wave C (ประมาณ 890–902)
- **จุดตัดขาดทุน (Stop Loss):**
ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของ Wave C ที่ **874**
- **กลยุทธ์ Take Profit:**
ใช้ระดับเป้าหมายตาม Fibonacci Extension (เป้าหมาย Wave 5)
---
### **5. การจัดการความเสี่ยง**
- **Risk-to-Reward Ratio:**
วางแผนให้ความเสี่ยงต่อผลตอบแทนอยู่ที่ **1:2 หรือ 1:3**
- **Trailing Stop:**
ขยับ Stop Loss ตามการเคลื่อนที่ของราคาเมื่อถึงเป้าหมายกำไรระดับแรก
---
### **สรุปมุมมอง Tom Joseph**
- **กราฟ S50H25 แสดงโอกาสเข้าซื้อที่เหมาะสม (Type I Buy)** จากจุดต่ำสุดของ Wave C (874)
- การฟื้นตัวไปสู่ Wave 5 มีโอกาสสูง ด้วยค่า PTI = 72 และ Fibonacci Level ที่บ่งบอกการสนับสนุน
- ใช้เทคนิค Elliott Wave ร่วมกับ Fibonacci และการจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เพื่อวางแผนการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพ
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมืออื่นใน Advanced GET เช่น **XTL**, **Divergence**, หรือ **Oscillator**, แจ้งมาได้ครับ!
กลยุทธ์การซื้อขายวันศุกร์สุดท้ายของปีราคาทองคำโลกปรับตัวสูงขึ้นจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย
ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม เนื่องจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่ปริมาณการซื้อขายต่ำหลังวันหยุดคริสต์มาส นักลงทุนกำลังรอคอยสัญญาณเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลใหม่ของโดนัลด์ ทรัมป์ และยุทธศาสตร์อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในปี 2025 เมื่อสิ้นสุดการซื้อขายวันที่ 26 ธันวาคม ราคาทองคำสปอตปรับขึ้น 0.8% มาอยู่ที่ 2,634.39 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
ดาเนียล พาวิโลนิส นักกลยุทธ์ตลาดอาวุโสแห่ง RJO Futures กล่าวว่า “ส่วนหนึ่งของการเพิ่มขึ้นของราคาทองคำมาจากสถานการณ์ในยูเครนที่รัสเซียโจมตีโครงข่ายไฟฟ้าของยูเครน”
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมเพิ่มการจัดส่งอาวุธไปยังยูเครนอย่างต่อเนื่อง หลังจากประณามการโจมตีของรัสเซียในวันคริสต์มาสที่เกิดขึ้นในหลายเมืองของยูเครนและระบบพลังงานของประเทศ
ทองคำมักถูกมองว่าเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากความไม่มั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์และเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นลดความน่าสนใจของสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนนี้
ปีหน้าคาดว่าจะเป็นช่วงเวลาที่มีความผันผวนสูงสำหรับทองคำ ครึ่งปีแรกอาจเห็นการปรับตัวขึ้นจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ครึ่งปีหลังอาจเกิดการขายทำกำไรได้ เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์เตรียมกลับเข้าสู่ทำเนียบขาวในเดือนมกราคม 2025 ตลาดจะจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะจัดการกับแรงกดดันเงินเฟ้อจากนโยบายของรัฐบาลใหม่อย่างไร
หลังจากวันหยุดคริสต์มาส สัปดาห์นี้ยังไม่มีข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างน้อยจนถึงสัปดาห์หน้า ดังนั้น ราคาทองคำคาดว่าจะซื้อขายแบบไซด์เวย์ในวันนี้ แต่มีแนวโน้มขาขึ้นจากข่าวสารล่าสุด กลยุทธ์ที่แนะนำคือมองหาจุดซื้อโดยมีเป้าหมายที่ $2,630–32, $2,635–37 และ $2,640–42 หรือสูงกว่านี้หากมีแรงซื้อเพียงพอ อย่างไรก็ตาม จุดขายอาจเกิดขึ้นหลังจากการปรับฐาน โดยมีเป้าหมายราคาลดลง $5–10
แผนการซื้อขายในช่วงตลาดยุโรป
ในช่วงตลาดยุโรป หากราคาทองคำยังคงอยู่เหนือระดับ $2,62x หรือใกล้ $2,6... ในช่วงต้นหรือกลางตลาด การมองหาจุดซื้อยังคงมีความเหมาะสม หากราคาทองคำลดลงและปิดต่ำกว่า $2,6... ควรพิจารณาทบทวนกลยุทธ์อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม หากราคาทองคำปรับตัวขึ้นแต่ไม่สามารถทะลุ $2,64x ได้ในช่วงกลางถึงปลายตลาดยุโรป ควรพิจารณาปิดจุดซื้อและมองหาจุดขายทันที โดยมีเป้าหมายลดลง $5–10:
โซนขาย: $2,648–50
Stop Loss (SL): $2,655
Take Profit (TP): $2,642–39–34
โซนซื้อ: $2,609–07
Stop Loss (SL): $2,602
Take Profit (TP): $2,615–20–28
ข้อควรระวังสำคัญ:
เนื่องจากวันนี้เป็นวันศุกร์ สภาพคล่องคาดว่าจะยังคงต่ำ และตลาดอาจเห็นการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรงเนื่องจากปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง โปรดระมัดระวังในการซื้อขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลวันหยุด ดูแลบัญชีของคุณและซื้อขายอย่างรอบคอบ!
โชคดี!
กลยุทธ์การซื้อขายทองคำเปิดทำการหลังวันคริสต์มาส 12/26/24ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในช่วงเปิดตลาดซิดนีย์
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นจาก 2615 ในช่วงเปิดตลาดซิดนีย์และกำลังเข้าใกล้บริเวณ 2628 ซึ่งเคยถูกระบุไว้ก่อนหน้านี้ว่าเป็นแนวต้านที่ควรสังเกต บริเวณนี้คาดว่าจะเป็นจุดที่ดึงดูดสภาพคล่อง ขณะนี้มีการตอบสนองที่ระดับนี้ แต่ผู้ค้าควรจับตาดูว่าราคามีแรงผลักดันเพียงพอหรือไม่ หากแนวต้านนี้ไม่สามารถต้านทานสำหรับผู้ขายได้ ให้จับตาดูการเคลื่อนไหวของราคาที่ไปยังบริเวณที่สูงขึ้น (โปรดติดตามอัปเดตบนกราฟ)
วันนี้จะมีการเผยแพร่รายงาน Unemployment Claims (การขอรับสิทธิ์ว่างงาน) ซึ่งคาดว่าอาจจะไม่ส่งผลดีต่อ USD เมื่อพิจารณาจากข้อมูลโดยรวมในปีก่อนๆ รายงาน Unemployment Claims มักแสดงจำนวนคำขอรับสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี สิ่งนี้อาจสร้างแรงกดดันต่อ USD และผลักดันราคาทองคำไปยังระดับสำคัญที่สูงขึ้น ซึ่งจะสร้างโอกาสในการวางแผนขาย (Sell) ได้
นี่คือคำแปลข้อความเป็นภาษาไทย:
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในช่วงเปิดตลาดซิดนีย์
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นจาก 2615 ในช่วงเปิดตลาดซิดนีย์และกำลังเข้าใกล้บริเวณ 2628 ซึ่งเคยถูกระบุไว้ก่อนหน้านี้ว่าเป็นแนวต้านที่ควรสังเกต บริเวณนี้คาดว่าจะเป็นจุดที่ดึงดูดสภาพคล่อง ขณะนี้มีการตอบสนองที่ระดับนี้ แต่ผู้ค้าควรจับตาดูว่าราคามีแรงผลักดันเพียงพอหรือไม่ หากแนวต้านนี้ไม่สามารถต้านทานสำหรับผู้ขายได้ ให้จับตาดูการเคลื่อนไหวของราคาที่ไปยังบริเวณที่สูงขึ้น (โปรดติดตามอัปเดตบนกราฟ)
วันนี้จะมีการเผยแพร่รายงาน Unemployment Claims (การขอรับสิทธิ์ว่างงาน) ซึ่งคาดว่าอาจจะไม่ส่งผลดีต่อ USD เมื่อพิจารณาจากข้อมูลโดยรวมในปีก่อนๆ รายงาน Unemployment Claims มักแสดงจำนวนคำขอรับสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี สิ่งนี้อาจสร้างแรงกดดันต่อ USD และผลักดันราคาทองคำไปยังระดับสำคัญที่สูงขึ้น ซึ่งจะสร้างโอกาสในการวางแผนขาย (Sell) ได้
เมื่อคำนึงถึงช่วงราคาวันนี้และ วันหยุดธนาคารในประเทศยุโรป คาดว่ารายงาน Unemployment Claims และการเปิดตลาดในวันแรกอาจทำให้ราคามีความผันผวนในช่วง 15-20 จุด
กลยุทธ์การเทรด:
Sell Scalp:
จุดเข้า: 2635 - 2637
Stop Loss (SL): 2641
Take Profit (TP): 2627 - 2625
Sell Zone:
จุดเข้า: 2648 - 2650
SL: 2654
TP: 2640 - 2635 - 2627 - 2620
Buy Scalp:
จุดเข้า: 2608 - 2605
SL: 2602
TP: 2615 - 2620
Buy Zone:
จุดเข้า: 2602 - 2600
SL: 2595
TP: 2610 - 2615 - 2620 - 2628
หมายเหตุสำคัญ:
- ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับกลยุทธ์และโซนราคาที่สำคัญเพื่อให้ได้ผลการเทรดที่ดีที่สุด
- ระดับ breakout, breakdown และโซนที่มีปฏิกิริยาสำคัญได้ถูกระบุไว้ในกราฟแล้วสำหรับการอ้างอิงของคุณ โปรดดำเนินการคำสั่งซื้ออย่างกระตือรือร้น
****ขอให้โชคดี!
สัญญาณ MaChao Flip Sell SETUP#9 ใน BTCUSD อ่านอย่างไรMaChao Flip อ่านโดยใช้หลักการของ TD Sequential
เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่พัฒนาขึ้นโดยได้แนวคิดจาก Thomas DeMark เพื่อช่วยระบุจุดที่ตลาดมีโอกาสกลับตัว (reversal points) หรืออยู่ในช่วงที่มีแนวโน้มอ่อนแรง (exhaustion).
### หลักการพื้นฐานของ TD Sequential:
TD Sequential ประกอบด้วย 2 ขั้นตอนหลัก:
1. **TD Setup**
2. **TD Countdown**
---
### 1. **TD Setup**:
เป็นขั้นตอนแรกที่ช่วยระบุทิศทางของแนวโน้ม
- **เงื่อนไข**:
- ต้องมีแท่งราคา 9 แท่ง (candlesticks) ติดต่อกัน โดยราคาปิดของแต่ละแท่งจะสูงหรือต่ำกว่าแท่งที่ 4 ก่อนหน้า (ขึ้นอยู่กับทิศทางของตลาด)
- ตัวอย่างเช่น:
- สำหรับ **ขาขึ้น (Bullish Setup)**: ราคาปิดของแท่งที่ 2 ถึง 9 ต้องสูงกว่าราคาปิดของแท่งที่ 4 ก่อนหน้า
- สำหรับ **ขาลง (Bearish Setup)**: ราคาปิดของแท่งที่ 2 ถึง 9 ต้องต่ำกว่าราคาปิดของแท่งที่ 4 ก่อนหน้า
- เมื่อครบ 9 แท่ง เราอาจมองว่าตลาดเริ่มอยู่ในช่วงที่อ่อนแรง (exhaustion) และมีโอกาสกลับตัว
---
### 2. **TD Countdown**:
เป็นขั้นตอนที่ใช้ยืนยันจุดกลับตัว
- **เงื่อนไข**:
- ต้องนับแท่งราคา 13 แท่งเพิ่มเติม (ไม่นับต่อเนื่องจาก TD Setup)
- แท่งที่ 13 ต้องมีราคาปิดต่ำกว่าหรือสูงกว่าราคาของแท่งก่อนหน้าที่กำหนด (เช่น จุด low สำหรับขาลง หรือ high สำหรับขาขึ้น)
- TD Countdown มีความยืดหยุ่นกว่า TD Setup และใช้เวลานานกว่า
- หากครบ 13 แท่ง ตลาดจะมีโอกาสสูงที่จะกลับตัว หรือเปลี่ยนแปลงแนวโน้มเดิม
---
### ข้อสรุปที่ง่ายขึ้น:
- **TD Setup**: ช่วยบอกว่าแนวโน้มกำลังเข้าสู่จุดอ่อนแรง
- **TD Countdown**: ช่วยยืนยันว่าตลาดพร้อมสำหรับการกลับตัวแล้ว
### การใช้งาน:
TD Sequential ใช้ได้ทั้งในตลาดหุ้น, Forex, Cryptocurrency และอื่น ๆ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการระบุจุดที่ตลาดมีโอกาสเปลี่ยนแปลง เพื่อตัดสินใจซื้อหรือขายในจังหวะที่เหมาะสม.
ข้อสำคัญคือ TD Sequential ควรใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ เช่น แนวรับ/แนวต้าน (Support/Resistance) หรือเส้นค่าเฉลี่ย (Moving Averages) เพื่อความแม่นยำที่มากขึ้น.
26 ธ.ค.67 วิธีนับ TD COMBO ใน SET 120MIN
**TD Combo** มีความแตกต่างจาก TD Sequential (Original) อย่างชัดเจนในส่วนของการเริ่มต้น
**Countdown Phase** ซึ่งใน TD Combo **Countdown Phase เริ่มต้นพร้อมกับ Setup Phase**
เป็นการนับที่เกิดขึ้นควบคู่กันตั้งแต่เริ่มต้น Setup Phase ไม่เหมือน TD Sequential Original ที่ Countdown จะเริ่มหลังจาก Setup Phase จบลง (ครบ 9 แท่ง)
### การนับ TD Combo ที่ถูกต้อง
TD Combo ยังคงแบ่งออกเป็น 2 เฟส คือ **Setup Phase** และ **Countdown Phase** แต่ลักษณะและเงื่อนไขแตกต่างจาก TD Sequential Original ในหลายแง่ ดังนี้:
---
### 1. **Setup Phase (9 Setup)**
**กฎการนับ Setup Phase:**
1. ราคาปิดของแต่ละแท่งเทียนต้อง:
- **ต่ำกว่า** ราคาปิดของแท่งที่ 4 ก่อนหน้า (ในขาลง) หรือ
- **สูงกว่า** ราคาปิดของแท่งที่ 4 ก่อนหน้า (ในขาขึ้น)
2. การนับจะต้องเกิดต่อเนื่องจนถึง 9 แท่ง หากมีแท่งเทียนที่ไม่ตรงตามเงื่อนไข การนับจะเริ่มต้นใหม่
3. เมื่อครบ 9 Setup จะสร้าง **TDST Line** ซึ่งเป็นแนวรับ (สำหรับขาขึ้น) หรือแนวต้าน (สำหรับขาลง)
**จุดสำคัญของ Setup Phase ใน TD Combo:**
- Setup Phase ระบุแนวโน้มต่อเนื่องในระยะสั้นและเริ่มต้นการตรวจสอบว่าตลาดอาจเข้าสู่จุดกลับตัวหรือไม่
- ใน TD Combo **Countdown Phase เริ่มต้นตั้งแต่แท่งที่ 1 ของ Setup Phase**
---
### 2. **Countdown Phase (13 Countdown)**
**กฎการนับ Countdown Phase (ใน TD Combo):**
1. Countdown เริ่มต้นพร้อมกับ Setup Phase (ตั้งแต่แท่งแรกของ Setup)
2. ราคาปิดของแท่งที่ถูกนับใน Countdown ต้อง:
- **ต่ำกว่า** ราคาปิดของแท่งที่ 2 ก่อนหน้า (ในขาลง) หรือ
- **สูงกว่า** ราคาปิดของแท่งที่ 2 ก่อนหน้า (ในขาขึ้น)
3. แท่งที่ถูกนับใน Countdown **สามารถเป็นแท่งเดียวกันกับที่อยู่ใน Setup Phase ได้** (แตกต่างจาก TD Sequential Original)
4. การนับ Countdown จะต้องครบ 13 แท่ง โดยไม่จำเป็นต้องต่อเนื่อง หากเงื่อนไขกลับมาตรง สามารถนับต่อได้
5. การทำลาย TDST Line จะทำให้การนับ Countdown Phase เป็นโมฆะ
**เป้าหมายของ Countdown Phase ใน TD Combo:**
- ระบุจุดที่ตลาดเข้าสู่จุดอิ่มตัว (Exhaustion) ทั้งในขาขึ้นและขาลง
- การนับ 13 Countdown ที่เกิดพร้อม Setup Phase ทำให้ TD Combo มีความเข้มงวดและแม่นยำมากขึ้น
---
### ตัวอย่างการนับ TD Combo
#### กรณีขาลง (Downtrend):
- **Setup Phase**:
- นับ 9 แท่งเทียนที่ราคาปิดแต่ละแท่ง **ต่ำกว่า** ราคาปิดของแท่งที่ 4 ก่อนหน้า
- **Countdown Phase**:
- ในขณะที่ Setup กำลังดำเนินการ หากแท่งเทียนใดมีราคาปิด **ต่ำกว่า** ราคาปิดของแท่งที่ 2 ก่อนหน้า จะนับเป็น 1 Countdown
- นับจนกว่าจะครบ 13 Countdown โดยสามารถทับซ้อนกับ Setup ได้
#### กรณีขาขึ้น (Uptrend):
- **Setup Phase**:
- นับ 9 แท่งเทียนที่ราคาปิดแต่ละแท่ง **สูงกว่า** ราคาปิดของแท่งที่ 4 ก่อนหน้า
- **Countdown Phase**:
- ในขณะที่ Setup กำลังดำเนินการ หากแท่งเทียนใดมีราคาปิด **สูงกว่า** ราคาปิดของแท่งที่ 2 ก่อนหน้า จะนับเป็น 1 Countdown
- นับจนกว่าจะครบ 13 Countdown โดยสามารถทับซ้อนกับ Setup ได้
---
### ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง TD Combo และ TD Sequential Original
**การเริ่มต้น Countdown** | เริ่มต้นหลัง Setup Phase (9 Setup) เสร็จ | เริ่มต้นพร้อมกับ Setup Phase
---
### สรุป
การนับ **TD Combo** มีลักษณะเฉพาะที่สำคัญคือ:
1. **Countdown Phase เริ่มต้นพร้อมกับ Setup Phase** ตั้งแต่แท่งแรก
2. แท่งที่ถูกนับใน Countdown Phase สามารถเป็นแท่งเดียวกับที่อยู่ใน Setup Phase ได้
3. Countdown Phase มุ่งเน้นการระบุจุดอิ่มตัว (Exhaustion) ด้วยเงื่อนไขที่แตกต่างจาก TD Sequential Original
January Effect จากสถิติ 14 ปี เกิดปรากฏการณ์นี้ในเซต 9 ปีJanuary Effect "จากสถิติย้อนหลัง 14 ปี พบว่าตลาดหุ้นไทยเกิดปรากฏการณ์นี้ใน 9 ปี"
หากใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคอลร่วมด้วย เมื่อดัชนีปิดในกรอบ 23.6-38.2 หรือ 1372.96-1434.69 โอกาสเกิด "January Effect" มีความเป็นไปได้ หากระบุเฉพาะเจาะจงละเอียดกว่านั้น KEY LEVEL คือ 1408.17 จะเป็นตำแหน่งยืนยัน Bull Run ต่อเนื่อง
หมายเหตุ 1408.17 คือ ดัชนีปิดสิ้นวันเมื่อ 10 เม.ย.2567 ดู กราฟประกอบด้านล่าง
ในช่วงปลายปี นักลงทุนมักให้ความสนใจกับปรากฏการณ์ "Santa Claus Rally" และ "January Effect" ซึ่งอาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย
Santa Claus Rally
"Santa Claus Rally" หมายถึงการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนมกราคม ปัจจัยที่อาจส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์นี้ ได้แก่ การปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อประโยชน์ทางภาษี การใช้โบนัสสิ้นปีในการลงทุน และสภาพคล่องที่ลดลงเนื่องจากนักลงทุนบางส่วนหยุดพักผ่อน
January Effect
"January Effect" เป็นทฤษฎีที่เชื่อว่าราคาหุ้นมักปรับตัวขึ้นในเดือนมกราคม สาเหตุอาจมาจากนักลงทุนขายหุ้นในเดือนธันวาคมเพื่อประโยชน์ทางภาษี แล้วกลับมาซื้อใหม่ในเดือนมกราคม จากสถิติย้อนหลัง 14 ปี พบว่าตลาดหุ้นไทยเกิดปรากฏการณ์นี้ใน 9 ปี
สถานการณ์ปัจจุบัน
ในปีนี้ ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ แม้ว่าจะมีโอกาสเกิด "Santa Claus Rally" และ "January Effect" แต่ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะเกิดขึ้นเสมอไป นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของบริษัทและสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมก่อนตัดสินใจลงทุน
หากใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคอลร่วมด้วย เมื่อดัชนีปิดในกรอบ 23.6-38.2 หรือ 1372.96-1434.69 โอกาสเกิด "January Effect" มีความเป็นไปได้ หากระบุเฉพาะเจาะจงละเอียดกว่านั้น KEY LEVEL คือ 1408.17 จะเป็นตำแหน่งยืนยัน Bull Run ต่อเนื่อง
หมายเหตุ 1408.17 คือ ดัชนีปิดสิ้นวันเมื่อ 10 เม.ย.2567
ข้อควรระวัง
แม้ว่าปรากฏการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ไม่ควรใช้เป็นเกณฑ์หลักในการตัดสินใจลงทุน ควรพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ผลประกอบการของบริษัท สถานการณ์เศรษฐกิจ และข่าวสารที่อาจส่งผลต่อตลาด
สรุปแล้ว แม้ว่าจะมีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นในช่วงปลายปีและต้นปีหน้า แต่การลงทุนควรพิจารณาปัจจัยหลายด้านและไม่ควรพึ่งพาปรากฏการณ์เหล่านี้เพียงอย่างเดียว ให้ใช้โซนราคาทางเทคนิคอลตามที่ระบุไว้ ในการตัดสินใจ
กลยุทธ์การซื้อขายทองคำก่อนคริสต์มาสปี 2024ราคาทองคำโลกลดลงก่อนวันหยุดคริสต์มาส
ราคาทองคำปรับตัวลดลงในวันจันทร์ ซึ่งเป็นช่วงการซื้อขายที่เงียบเหงาในเทศกาลวันหยุด โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่นักลงทุนรอคอยสัญญาณที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) สำหรับปี 2025
เมื่อปิดการซื้อขายวันที่ 23 ธันวาคม ราคาทองคำสปอตลดลง 0.4% อยู่ที่ 2,611.17 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาสัญญาทองคำล่วงหน้าลดลง 0.6% อยู่ที่ 2,628.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ทำให้ทองคำมีความน่าสนใจน้อยลงสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น ในขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีก็ปรับตัวสูงขึ้น
แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่สัญญาณการลดอัตราดอกเบี้ยที่น้อยลงในปี 2025 ได้ส่งผลให้ราคาทองคำร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน 2024 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ถึงแม้ว่าทองคำจะได้ประโยชน์ในสภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ แต่นักลงทุนกำลังปรับเปลี่ยนความคาดหวังของพวกเขาสำหรับปีหน้า
ตามที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ หลังการเปิดเผยข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐที่น่าผิดหวังเมื่อเวลา 22:00 น. เมื่อคืนนี้ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังคงซบเซา ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ และเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงเล็กน้อยหลังข่าวนี้
วันนี้กลยุทธ์คือการมุ่งเน้นการซื้อที่ระดับแนวต้านสำคัญที่ 20 - 27 - 33 โดยสังเกตปฏิกิริยาของราคาที่บริเวณนี้เพื่อหาจังหวะขายในระยะสั้น หรือหากราคาย่อต่ำกว่าระดับนี้แล้วปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ให้จับตาบริเวณ (10-08) สำหรับโอกาสในการซื้อ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตลาดเริ่มเข้าสู่วันหยุดคริสต์มาส คาดว่าการเคลื่อนไหวของราคาจะช้าและแคบ โดยมีช่วงการแกว่งตัวประมาณ 10-15 จุด ดังนั้นควรวางคำสั่งซื้อขายในระดับที่เหมาะสมที่สุด
โซนขาย: 2632 - 2634
จุดตัดขาดทุน (SL): 2638
เป้าหมายกำไร (TP): 2620 - 2614
โซนซื้อ: 2603 - 2601
จุดตัดขาดทุน (SL): 2596
เป้าหมายกำไร (TP): 2610 - 2614
การฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วง 20-23 ธันวาคม 2567 ต่อเนื่อง24/12/24 ทำไมถึงคาดการณ์ ช่วงเวลาการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยได้ล่วงหน้า ในช่วง 20-23 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป
เราใช้หลักการจาก **Dynamic Trader** ของ Robert Miner
เป็นระบบการวิเคราะห์และการเทรดที่หาความสัมพันธ์ ของ **ราคา (Price), เวลา (Time), และรูปแบบ (Pattern)** ในตลาดการเงิน
เพื่อช่วยให้เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์แนวโน้มและจุดกลับตัวของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ รายละเอียดหลักมีดังนี้:
---
### **1. โซนการปรับตัวของราคา (Price Retracement Zones)**
- **หลักการสำคัญ:** การปรับฐาน (Corrections) ของราคา มักจะเกิดขึ้นในช่วงที่สามารถคาดการณ์ได้จาก **Fibonacci Retracement Levels**
- **ระดับที่สำคัญ:**
- **50% - 61.8% Retracement Zone:** โซนนี้คือเป้าหมายการปรับฐานที่พบบ่อยในตลาดที่มีแนวโน้ม (Trend) เช่น:
- ในแนวโน้มขาขึ้น ราคามักจะย่อลงมาประมาณ 50%-61.8% ของแนวโน้มก่อนหน้า ก่อนที่จะกลับตัวและขึ้นต่อ
- ในแนวโน้มขาลง ราคามักจะเด้งกลับขึ้นมาในช่วงเดียวกัน
- **ที่มา:** ระดับเหล่านี้มาจากตัวเลขสัดส่วนของ Fibonacci ซึ่งเป็นเครื่องมือที่นิยมมากในเทคนิคอล
- **การใช้งาน:**
- ใช้โซนนี้เพื่อระบุแนวรับ (Support) และแนวต้าน (Resistance)
- พิจารณาเข้าเทรดเมื่อราคามาถึงโซนนี้และมีสัญญาณยืนยัน
---
### **2. โซนการปรับตัวของเวลา (Time Retracement Zones)**
- **หลักการสำคัญ:** นอกจากราคาที่ปรับตัวแล้ว การปรับฐานของตลาดมักใช้ระยะเวลาในช่วงที่สามารถคาดการณ์ได้
- **ระดับที่สำคัญ:**
- **38.2% - 61.8% Time Retracement Zone:** หมายถึงระยะเวลาของการปรับฐานเมื่อเทียบกับระยะเวลาของแนวโน้มก่อนหน้า
- ตัวอย่าง: ถ้าแนวโน้มก่อนหน้ากินเวลา 10 วัน การปรับฐานอาจกินเวลาประมาณ 3.8 วัน (38.2%) ถึง 6.1 วัน (61.8%) ก่อนที่จะกลับตัว
- **การใช้งาน:**
- วิเคราะห์วงจรเวลา (Time Cycles) เพื่อคาดการณ์ว่าเมื่อไหร่การปรับฐานน่าจะสิ้นสุด
- ผสานการวิเคราะห์เวลานี้กับโซนราคาสำหรับจุดเข้าเทรดที่แม่นยำขึ้น
---
### **3. การผสมผสานระหว่างราคาและเวลา (Price-Time Confluence)**
- **หลักการสำคัญ:** โอกาสที่ดีที่สุดสำหรับการเทรดคือเมื่อ **ราคาและเวลา** เกิดการปรับตัวพร้อมกันในโซนเดียวกัน (**Price-Time Confluence**)
- **ตัวอย่าง:**
- หากราคาปรับฐานมาอยู่ที่ 50% และในขณะเดียวกันเวลาอยู่ในช่วง 38.2% ของแนวโน้มก่อนหน้า จะเป็นสัญญาณที่มีโอกาสสูงว่าการปรับฐานใกล้สิ้นสุดแล้ว
---
### **4. การวิเคราะห์รูปแบบ (Pattern Recognition)**
- **รูปแบบ ABC Correction:**
- Dynamic Trader มุ่งเน้นรูปแบบการปรับฐานที่เรียกว่า **ABC Correction** ซึ่งมาจากทฤษฎี Elliott Wave
- **โครงสร้าง:**
- **Wave A:** การเคลื่อนไหวแรกที่สวนทางกับแนวโน้มเดิม
- **Wave B:** การย้อนกลับบางส่วนของ Wave A
- **Wave C:** การเคลื่อนไหวต่อเนื่องในทิศทางเดียวกับ Wave A (มักจะยาวเท่ากับ Wave A)
- **การใช้งาน:**
- มองหาและเทรดเมื่อ Wave C สิ้นสุด โดยคาดว่าแนวโน้มหลักจะกลับมา
---
### **5. แนวทางปฏิบัติสำหรับการเทรด**
- **การปรับตัวไม่ได้เกิดขึ้นเสมอในทุกกรณี:**
- แม้ Fibonacci และโซนเวลาให้แนวทางที่ดี แต่การปรับฐานบางครั้งอาจไม่ตรงตามระดับเป๊ะ ๆ
- **ความยืดหยุ่น:**
- ใช้เครื่องมืออื่น ๆ เช่น สัญญาณจากกราฟแท่งเทียน (Candlestick Patterns) หรืออินดิเคเตอร์ เช่น RSI หรือ Moving Average เพื่อยืนยันการเทรด
- **การตัดสินใจ:**
- ใช้โซนราคาและเวลาเป็นกรอบการวิเคราะห์ แต่รอการยืนยันก่อนเข้าเทรดเสมอ
---
### **6. ซอฟต์แวร์และเครื่องมือ**
- Robert Miner มี **Dynamic Trader Software** ที่ช่วยอัตโนมัติในการ:
- คำนวณระดับ Fibonacci และโซนเวลา
- ระบุรูปแบบ ABC
- สร้างจุดเข้า-ออกสำหรับการเทรดตามการวิเคราะห์เหล่านี้
เราสามารถประยุกต์ใช้ บน MT5 และ TradingView ได้ในปัจจุบัน แต่อาจมีความคลาดเคลื่อนเล็กน้อย
---
### **สรุป**
Dynamic Trader ของ Robert Miner เป็นระบบที่ช่วยเทรดเดอร์สร้างกลยุทธ์อย่างมีแบบแผน โดยเน้นการผสมผสานของ **ราคา, เวลา, และรูปแบบ** เพื่อหาจุดที่เหมาะสมในการเข้าและออกจากตลาด
สำหรับในภาพนี้ เป็นเหตการณ์จริง ที่กำลังเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยใน SET50 มีคำอธิบายดังนี้
จากภาพกราฟ SET50 ที่แสดงให้เห็น Fibonacci Retracement และช่วงเวลาคาดการณ์ เราสามารถสรุปหลักการของ **Dynamic Trader** ตามข้อมูลดังนี้:
1. **โซนการปรับตัวของราคา (Price Retracement Zone):**
- ราคาปรับฐานลงมาอยู่ในโซน **50% - 61.8% Fibonacci Retracement** (ช่วง 881.20 - 861.24) ซึ่งเป็นโซนที่มีโอกาสสูงที่การปรับฐานจะสิ้นสุด
- หากราคามีสัญญาณกลับตัวในโซนนี้ อาจเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการเข้าเทรดในทิศทางแนวโน้มเดิม (ขาขึ้น)
2. **โซนการปรับตัวของเวลา (Time Retracement Zone):**
- ช่วงเวลาที่คาดว่าการปรับฐานจะสิ้นสุดอยู่ระหว่างวันที่ **23 ธันวาคม 2024 - 8 มกราคม 2025**
- การวิเคราะห์เวลาช่วยเสริมความมั่นใจในการคาดการณ์จุดกลับตัวของราคา
3. **การผสมผสานระหว่างราคาและเวลา (Price-Time Confluence):**
- หากราคาสิ้นสุดการปรับฐานในโซน Fibonacci Retracement พร้อมกับตรงช่วงเวลาที่คาดการณ์ (Price-Time Confluence) จะเพิ่มโอกาสที่การกลับตัวจะเกิดขึ้นจริง
### **ข้อเสนอแนะ:**
- รอดูการยืนยันด้วยสัญญาณทางเทคนิค เช่น แท่งเทียนกลับตัว (Reversal Candlestick) หรือ TD BUY SETUP#9 เพื่อเพิ่มความมั่นใจก่อนเข้าเทรด
หลักการนี้ช่วยให้คุณใช้โซนราคาและเวลาในการวางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ!
Gold Market Outlook [24 ธันวาคม 2567]🌟 Gold Market Outlook
📍 ทองคำทรงตัวลงท่ามกลางดอลลาร์แข็งค่า-บอนด์ยีลด์พุ่ง ขณะตลาดเบาบางช่วงวันหยุด
💎 ภาพรวมตลาดทองคำ
ราคาทองคำปรับตัวลดลงเล็กน้อยในการซื้อขายที่เบาบางช่วงเทศกาลวันหยุด โดยได้รับแรงกดดันจากดัชนีดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น 0.4% แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปีที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ความน่าสนใจในการถือครองทองคำลดลง
📊 ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคา
▪️ การปรับลดคาดการณ์ดอกเบี้ย
ตลาดยังคงย่อยข้อมูลจากการประชุม FOMC ครั้งล่าสุด ที่ส่งสัญญาณว่าอาจมีการชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นปี 2568 ทั้งในเดือนมกราคมและมีนาคม ส่งผลให้ราคาทองคำร่วงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน
▪️ ผลงานทองคำปี 2567
ทองคำสร้างสถิติสูงสุดใหม่หลายครั้งในปีนี้ โดยปรับตัวขึ้น 27% นับเป็นผลตอบแทนรายปีที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2553 ขับเคลื่อนโดยการซื้อของธนาคารกลาง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลัก
▪️ ปัจจัยการเมืองสหรัฐฯ
การเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ในวันที่ 20 มกราคม และนโยบายเบื้องต้นที่อาจประกาศใช้ มีแนวโน้มเพิ่มความผันผวนในตลาดและอาจส่งผลบวกต่อราคาทองคำ
📈 วิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาทองคำเริ่มเคลื่อนไหวในกรอบแคบลงชัดเจน เนื่องจากเข้าสู่ช่วง Christmas Eve ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายเบาบางมาก แนะนำให้รอดูทิศทางตลาดก่อนเข้าลงทุนในช่วงนี้
📊 กรอบแนวรับ-แนวต้าน (07:40)
XAUUSD
สถานะ: 📉 Slightly Bearish
🔼 แนวต้าน 3: $2,638
🔼 แนวต้าน 2: $2,630
🔼 แนวต้าน 1: $2,619
——————————
🔽 แนวรับ 1: $2,613
🔽 แนวรับ 2: $2,605
🔽 แนวรับ 3: $2,600
✍️ วิเคราะห์โดย: Beam 🕵️♂️