กองทุนและสถาบันใหญ่ๆ มองว่าในภาวะนี้ ทองคำยังถูกหนุน“ทองคำวันนี้”
(29/09/2568) XAUUSD #มุมมองส่วนตัว
📌 Zone สำคัญ
• Zone SELL: 3799–3792 🎯 TP 3769 | SL 3810
• Zone BUY: 3764–3758 🎯 TP 3795–3800 | SL 3749
📌 แนวรับ–แนวต้าน (Technical View)
• แนวต้านสำคัญ: 3799–3801 หากยืนไม่ผ่าน → มีแรงขายกดลง
• แนวรับแรก: 3764–3758 หากยืนได้ → เด้งกลับขึ้นได้
• แนวรับใหญ่: 3718 หากหลุด → เสี่ยงเปลี่ยนเทรนด์เป็นลง
📌 รูปแบบแท่งเทียน / สัญญาณ
• กราฟ H4 ล่าสุดมีแท่งไส้ยาว แสดงแรงขายกดเมื่อเข้าโซนบน
• แต่แท่งเขียวยังพยายามยืนเหนือ 3770 → บ่งชี้แรงซื้อยังไม่หมด
📌 มุมมองกองทุน / Big Money
*กองทุนและสถาบันใหญ่ๆ มองว่าในภาวะนี้ ทองคำยังถูกหนุน โดยคาดหวังนโยบายเงินผ่อนจากเฟด, ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และการไหลเข้าทองคำในฐานะ safe-haven. ถึงแม้จะมีแรงขายชั่วคราวในโซนแนวต้าน แต่ถ้าข้อมูลมหภาคอ่อนแอ ดอลลาร์อาจอ่อน ทำให้ทองมีโอกาสกลับมาแรง.
• กองทุนบางส่วนยังถือทองในฐานะ Safe-haven จากความเสี่ยงเศรษฐกิจ
• แต่ถ้าดอลลาร์แข็งต่อเนื่อง อาจเห็นแรงขายทำกำไรระยะสั้น
👉 สรุปสั้นๆ
• จับตาโซน 3799–3792 ด้านบน และ 3764–3758 ด้านล่าง
• หากไม่ผ่านต้านบน → มีโอกาสเทขายลง
• หากรับล่างยืนได้ → ลุ้นเด้งขึ้นทดสอบโซนสูงอีกครั้ง
• แนะนำเทรดตามกรอบ พร้อมวาง SL ให้ชัดเจน
#XAUUSD #ทองคำ
การวิเคราะห์ด้านอื่นๆ
เสาร์–อาทิตย์ ตลาดปิด ทำยังไงให้ Vib สูง + พัฒนาตัวเอง🌟 Weekend Ritual:
เสาร์–อาทิตย์ ตลาดปิด ทำยังไงให้ Vib สูง + พัฒนาตัวเอง
.
1. ชาร์จพลังร่างกาย (Body Reset)
นอนพักให้เต็มที่ ปรับวงจรนอน
ออกกำลังกายเบา ๆ → วิ่งจ๊อกกิ้ง, เดินกลางแจ้ง, โยคะ
เลือกกินอาหาร high-vibration (ผลไม้สด, น้ำผัก, น้ำเปล่าเยอะ ๆ)
👉 เพราะร่างกายที่สดชื่น = ใจที่ไม่เหนื่อยง่าย
.
2. ชาร์จพลังใจ (Mind Reset)
.
อ่านหนังสือ 1 บท/วัน (ไม่ต้องหนา แต่ต้องได้ “อะไรใหม่”)
เขียน Reflection Journal → “สัปดาห์นี้ฉันเรียนรู้อะไรจากตลาด?”
ทำ Meditation 10–15 นาที (อยู่กับลมหายใจเฉย ๆ ก็พอ)
👉 เพราะการหยุดคิดเรื่องกราฟ คือวิธีให้สมองกลับมา “คมกว่าเดิม”
.
3. พัฒนาสกิลเทรด (Skill Upgrade)
Backtest ระบบของตัวเอง → ย้อนดู 3–6 เดือน
ฝึกตีเส้น, อ่านแพทเทิร์น, จดสถิติ
เขียน Trading Plan สำหรับสัปดาห์หน้า → ว่า “ฉันจะโฟกัสคู่ไหน, ท่าไหน, RR เท่าไหร่”
👉 เพราะนักรบที่แท้จริง “ลับดาบตอนที่สนามรบปิด”
.
4. ยกระดับ Vib (Energy & Soul)
อยู่กับคนที่รัก + ทำสิ่งเล็ก ๆ ที่เติมใจ เช่น ทำอาหาร, ดูหนัง, ฟังเพลง
เดินธรรมชาติ รับแสงแดด เชื่อมกับโลกจริง
เขียน Gratitude List: “3 สิ่งที่ฉันขอบคุณในสัปดาห์นี้”
👉 เพราะพลังบวกจากการขอบคุณ = ตัวแม่ดึงดูดกำไร
.
.
.
🧘 สำหรับวันหยุด
“วันหยุดนี้คือของขวัญให้ฉันชาร์จพลัง
ฉันเลือกพักเพื่อกลับมาแหลมคมกว่าเดิม
และฉันขอบคุณทุกบทเรียนในสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่หล่อหลอมให้ฉันแข็งแกร่งขึ้น”
ถ้าเห็นรีเจคแต่ราคาซึมลงต่อ คือการหลอกกินสภาพคล่อง?**แท่งรีเจค (Rejection, ไส้ยาว)**
ปกติคือสัญญาณว่า *มีการปฏิเสธราคา* → เช่น ซื้อดันขึ้น/ขายกดลง
แต่…
ถ้าหลังจากนั้นราคา **ไม่ไปตามรีเจค** กลับ “ซึมลงต่อ” → แสดงว่า **แรงที่รีเจคเกิดขึ้น
ไม่ได้มาจากเจตนาพลิกตลาดจริง แต่เป็นการ “หลอก/เทส/เก็บของ” ของเจ้ามือ**
.
---
.
## 📌 สิ่งที่เจ้ามือ (หรือ Smart Money) อาจกำลังทำ
.
1. **Stop Hunt / Liquidity Grab**
.
* เจตนาคือเคลียร์ Stop Loss ที่อยู่เหนือ/ใต้โซน → พอรีเจคแล้วจริง ๆ เขาไม่ได้จะกลับทิศ แต่แค่ “กินสภาพคล่อง”
* ตัวอย่าง: wick ยาวขึ้น แต่แท่งต่อไปไม่ follow buy → คือกิน SL ของ short traders แล้วกดลงต่อ
.
2. **Fake Reversal (หลอกกลับตัว)**
.
* ทำแท่งไส้สวย ๆ ให้รายย่อยคิดว่า “กลับตัวแล้ว” → กระโดดเข้า Buy
* จากนั้นเจ้ามือเทขายต่อ ทำให้รายย่อยติดดอย
.
3. **Absorption (การดูดซับออเดอร์)**
.
* Wick ยาว = มีแรงซื้อจริง แต่เจ้ามือ “รับออเดอร์ทั้งหมด” เอาไว้
* พอคนซื้อหมดแรง → ราคาก็ซึมลงต่อ (เพราะ supply ยังคงหนักกว่า demand)
.
4. **สร้างกับดักเพื่อต่อเนื่องเทรนด์เดิม**
.
* โดยเฉพาะถ้า HTF ยังเป็นขาลง → wick ที่เห็นอาจเป็นเพียง *pause/กับดัก* ก่อนลงต่อ
.
---
## 📊 วิธีอ่านว่าเป็นรีเจคจริง หรือหลอก
.
* **Volume**: ถ้าแท่ง wick ยาว แต่ volume สูงผิดปกติ → อาจเป็น stop hunt มากกว่า true reversal
* **Candle ต่อไป**: ถ้าไม่มี follow-through (เช่น แท่งเขียวปิดสูงกว่า) = ส่วนใหญ่หลอก
* **โครงสร้าง (Market Structure)**: ถ้าเทรนด์หลักยังเป็นขาลง → wick รีเจคด้านล่างส่วนใหญ่คือ “liquidity grab” เพื่อกดต่อ
* **บริบท Zone**: ถ้า wick อยู่กลางทาง → ไม่ใช่ demand จริง แต่ถ้าอยู่ที่ demand zone/OB → ยังมีสิทธิ์เป็น reversal ได้
.
---
.
## ✅ สรุป
.
* ถ้าเห็นรีเจคแต่ราคาซึมลง → **คือการหลอกกินสภาพคล่อง** มากกว่าการกลับตัวจริง
* เจ้ากำลัง “เทส” เพื่อดูว่ามีแรงซื้อพอจะกลับหรือยัง และใช้ wick ลวงคนเข้า Buy
* เราควร “รอดู confirm BOS/CHOCH” มากกว่าที่จะรีบเข้า Buy ที่ wick รีเจคแรก
ทำไมต้องออกจากตลาดทันทีเมื่อถึงเป้ากำไรประจำวันการออกจากตลาดเมื่อถึงเป้า เป็นทักษะสำคัญเท่ากับการหา entry ดี ๆ เพราะมันป้องกันการ “ถลำเพิ่ม” ที่สุดท้ายทำกำไรหาย หรือโดนกลับทำลายพอร์ต สรุปสั้น ๆ ก่อน:
เหตุผลหลัก — รักษากำไรที่ได้มา, ป้องกัน emotional / revenge trading, ป้องกัน volatility ที่ไม่คาดคิด, และรักษาวินัยของระบบ
.
ต่อไปนี้คือแผนแบบละเอียดที่ทำเป็นขั้นตอน ให้ทำตามได้จริงเลยครับ
# ทำไมต้องออกจากตลาดทันทีเมื่อถึงเป้ากำไรประจำวัน — และขั้นตอนปิดตลาดแบบละเอียด (Step-by-step)
---
# STEP A — ก่อนกดปิด (ทันทีที่ถึงเป้า)
(เวลา: 0–3 นาที)
.
1. **ตัดสินใจก่อน** — ย้ำกฎ: “วันนี้ได้ตามเป้า = หยุด” (พูดออกเสียงสั้น ๆ เช่น “หยุดวันนี้” หรือเขียนบนสติกเกอร์)
2. **ล็อกออเดอร์ที่เปิดอยู่**
.
* ถ้าคุณเปิดออร์เดอร์ค้าง: เลือกกลยุทธ์หนึ่งตามแผน (ดูตัวอย่างด้านล่าง) แล้วดำเนินการทันที
* Option 1 : ปิดทุกตำแหน่งทั้งหมด → ถอนความเสี่ยงออก
* Option 2 (แบ่งส่วน): ปิด 70–80% ของขนาดเพื่อเก็บกำไร ส่วนที่เหลือ 20–30% ให้วิ่งต่อด้วย SL ย้ายเป็น BE หรือ trailing stop ที่ชัดเจน
* Option 3 (ถ้าอยากให้มีโอกาสได้เพิ่ม): ปิด 50% → ย้าย SL ของส่วนที่เหลือเป็น BE + ตั้ง trailing stop = 1–1.5×ATR
3. **ยืนยันการปิด** — กดปิดหรือปรับคำสั่งให้เรียบร้อย (อย่าวางไว้เป็น “ลืม” แบบ market order ที่อาจพลาด)
4. **ปิดการแจ้งเตือนตลาดทันที** (notifications, price alerts) — ลดการถูกล่อตลอดเวลา
---
# STEP B — Shutdown ritual (ปิดจอจริง ๆ)
.
(เวลา: 3–10 นาที)
.
1. **ปิด/ล็อกหน้าจอเทรด** — ออกจากโปรแกรม trading / ปิด tab ของกราฟ
2. **ปิด/ปิดเสียง/ปิดการแจ้งเตือนโทรศัพท์** ของแอปเทรดและข่าวการเงิน
3. **ถอยจากโต๊ะ 5–15 นาที** — ลุกยืด ยืดเส้น เดินรอบบ้าน ดื่มน้ำ ล้างหน้า → ให้สมองเย็นลง
4. **หากิจกรรมตัดสมาธิ** เช่น ฟังเพลง, เดินออกไปซื้อของเล็กน้อย, ทำงานบ้าน — อย่าอยู่หน้าจอต่อ
---
# STEP C — Post-trade logging & emotional check (10–30 นาที)
.
1. **บันทึกใน Trade Journal ทันที** — ใช้ template ด้านล่าง (อย่าผลัด)
2. **ตอบคำถามอารมณ์:**
* วันนี้ฉันรู้สึกยังไงตอนเข้า/ออก? (ตื่นเต้น/กลัว/โลภ)
* ตัดสินใจตอนเข้า/ออกมาจากเหตุผลทางระบบหรืออารมณ์?
3. **จด 3 ข้อที่เรียนรู้วันนี้** (What went well, What went wrong, What to change)
4. **ตั้งการบ้านสำหรับพรุ่งนี้** — 1–2 จุดปรับปรุง เช่น “ลดขนาดเวลา volatility” หรือ “รอ confirmation M15”
.
**ตัวอย่าง Trade-Journal Template (สั้นๆ):**
.
* วันที่/เวลา:
* ตลาด/สัญลักษณ์:
* Entry: ราคา / Size / เวลา
* Exit: ราคา / Size / เวลา
* ผล (pips/\$ / %):
* เหตุผลเข้า: (สัญญาณ)
* เหตุผลออก: ถึงเป้า/SL/อื่น
* อารมณ์ตอนเทรด:
* Lesson (3 ข้อ):
.
---
# STEP D — กฎชัดเจนเพื่อป้องกันย้อนกลับ (วิธีบังคับวินัย)
.
1. **ตั้งกฎประจำวัน (Hard Rule)**: ตัวอย่าง
* “เมื่อกำไรต่อวัน = 1% ของพอร์ต → หยุดเทรดวันนี้”
* หรือ “เมื่อได้ 3 ชนะติด → หยุด 1 ชั่วโมง/หยุดวัน”
2. **ใช้ระบบเทคนิคช่วยบังคับ**:
* ตั้ง Auto-close / OCO / Close-all order เมื่อถึงยอดกำไร (หลายโบรกมีฟีเจอร์นี้)
* ตั้ง alarm/alert ที่บอกว่า “Reached daily target — DO NOT TRADE” และตั้งเสียง/ข้อความที่เตือนแรง ๆ
3. **จำกัดทุนที่เปิดได้ต่อวัน**: เปิดบัญชีแยก หรือย้ายเงินออกจากบัญชีเทรดเมื่อจบวัน
4. **ปิด hotkeys / disable one-click trading** — ทำให้ไม่สามารถเข้าออร์เดอร์ทันทีได้ (ลด impulse)
.
---
# STEP E — หากอยากปล่อยให้บางส่วนวิ่งต่อ (กฎชัดเจน)
ถ้าคุณอนุญาตให้ “บางส่วน” วิ่งต่อ กำหนดกฎชัดเจนก่อนวันเทรด เช่น:
* สูงสุด 20% ของพอร์ตเท่านั้น
* SL = BE (breakeven) + buffer (0.5×ATR)
* Trailing stop = 1.5×ATR หรือ fixed pip (เช่น 10–15 pips)
* ถ้ราคไปถึง +2×เป้าหมายรายวัน ให้ปิดส่วนที่เหลือทั้งหมด
ถ้าไม่มีกฎเหล่านี้ — อย่าให้เหลือ!
---
# STEP F — เทคนิคจิตวิทยา / วลีช่วย (เมื่อ FOMO อยากกลับเข้า)
.
* พูดกับตัวเองสั้น ๆ: “เป้าบอกให้หยุด — ฉันเคารพระบบ”
* ใช้ **รหัสหยุด (stop code)**: บันทึก 3 คำที่เตือนตัวเอง (เช่น “Risk Control”, “Plan First”, “Walk Away”)
* ถ้าหวั่นจะเช็กจอ → ตั้งนาฬิกา 1 ชั่วโมง เฉพาะกิจ (do not check) และทำงานอื่นแทน
---
# STEP G — ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉิน (ข่าวแรงหลังปิด)
.
* ถ้เป็นข่าว πολύใหญ่ และคุณมีตำแหน่งค้าง (คุณตัดสินใจให้มีส่วนเล็กเหลือ) — ให้ปฏิบัติตามกฎที่ตั้งไว้ (trailing SL หรือ close at next logical level)
* หากไม่มีตำแหน่งค้าง — **อย่าเข้าใหม่**: ให้รอถึง session ถัดไปหรือจนกว่าจะมีสัญญาณตามระบบ
---
# STEP H — สรุปวัน & เตรียมวันหน้า (สิ้นวัน)
.
1. ทำ End-of-day report: total P/L, #trades, winrate day, biggest mistake, biggest win
2. เซฟภาพหน้าจอกราฟสำคัญ 2–3 รูปที่แสดง trade คุณ
3. ตั้งเป้าสำหรับวันพรุ่งนี้ (watchlist, เหตุการณ์ข่าว, กฎพิเศษ)
4. พักผ่อน — นอนให้พอ อย่าฝืนเทรดต่อ
---
## ตัวอย่าง “Shutdown Script” (ใช้จริงก่อนปิดจอ)
.
1. **กดปิดทุกตำแหน่ง (หรือปรับตามกฎ)**
2. พูดออกเสียง: “หยุดวันนี้ — ส่งงานจบ”
3. ปิดโปรแกรมเทรด + ปิดแจ้งเตือนโทรศัพท์
4. ยืด 5 นาที แล้วจดบันทึก 10 นาที
---
# Checklist สั้น ๆ พกไว้ก่อนปิด (แสดงเมื่อถึงเป้า)
.
* ถึงเป้ากำไรประจำวันแล้วจริงหรือไม่ (คำนวณรวมค่าธรรมเนียม)
* ปิด/จัดการตำแหน่งตามกฎ (close all / partial / trail)
* ปิดแจ้งเตือนทั้งหมดของตลาด
* บันทึก trade ใน journal (entry/exit/เหตุผล/อารมณ์)
* ทำ shutdown ritual (เดิน/น้ำ/ห่างหน้าจอ 10–30 นาที)
* ตั้งการบ้านพรุ่งนี้ + เซฟภาพกราฟ
---
EUR/USD ทรงตัวใกล้ 1.1800 รอถ้อยแถลงพาวเวลล์EUR/USD ทรงตัวใกล้ระดับ 1.1800 หลังข้อมูล PMI สหรัฐฯ ความสนใจหันไปที่คำกล่าวของพาวเวลล์
EUR/USD ยังคงพยายามรักษากำไรจากวันจันทร์ไว้ได้ แต่เคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ แถวระดับ 1.1800 ข้อมูล PMI จากสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมทางธุรกิจของภาคเอกชนยังคงขยายตัวในอัตราที่แข็งแกร่งในช่วงต้นเดือนกันยายน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงหลีกเลี่ยงการเข้าถือสถานะใหญ่ ๆ ก่อนที่จะได้ฟังคำกล่าวของประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์
---
### ภาพรวมทางเทคนิค EUR/USD
กราฟรายวันของคู่เงิน EUR/USD แสดงให้เห็นว่าราคายังคงถูกจำกัดอยู่ในกรอบแคบภายในวัน โดยเคลื่อนไหวใกล้ระดับราคาเปิด ความเสี่ยงยังคงโน้มเอียงไปทางขาขึ้น แม้ว่าจะเริ่มสูญเสียแรงส่งไปบ้างแล้วก็ตาม ตัวชี้วัดทางเทคนิคหันลงเล็กน้อย แต่ยังคงอยู่ในโซนบวก ซึ่งช่วยลดโอกาสที่จะเกิดการร่วงลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกัน EUR/USD ยังคงยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่าย (SMA) ที่มีแนวโน้มขาขึ้นเล็กน้อย ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวรับแบบไดนามิกบริเวณ 1.1730 นอกจากนี้ เส้นค่าเฉลี่ย 100 และ 200 SMA ยังคงชี้ขึ้นอยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยที่สั้นกว่า สอดคล้องกับความต้องการดอลลาร์สหรัฐที่ยังคงจำกัด
ในระยะสั้น ภาพรวมค่อนข้างเป็นกลาง กราฟ 4 ชั่วโมงแสดงให้เห็นว่า ตัวชี้วัดโมเมนตัมเคลื่อนไหวไร้ทิศทางเล็กน้อยเหนือเส้นค่า 100 ขณะที่ดัชนี Relative Strength Index (RSI) หันลงเล็กน้อยและอยู่บริเวณ 53 สุดท้าย คู่เงิน EUR/USD ยังคงเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทั้งหมด โดยมีเส้นค่าเฉลี่ย 20 SMA ที่แบนราบทำหน้าที่เป็นแนวรับระหว่างวันบริเวณ 1.1770
**แนวรับ:** 1.1770 1.1730 1.1690
**แนวต้าน:** 1.1820 1.1855 1.1890
---
### ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน
คู่เงิน EUR/USD ซื้อขายอยู่ต่ำกว่าระดับ 1.1800 เล็กน้อย ยังคงถูกจำกัดอยู่ในระดับคุ้นเคย ขณะที่ผู้เข้าร่วมตลาดรอเบาะแสใหม่ ๆ เกี่ยวกับพัฒนาการทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ รวมถึงคำกล่าวจากประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์
ตลาดการเงินยังคงเคลื่อนไหวอยู่รอบ ๆ การตัดสินใจล่าสุดของเฟดในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและการส่งสัญญาณว่าจะมีการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ยังคงเผชิญแรงกดดัน แม้ว่ากระแสขาลงที่เด่นชัดเริ่มชะลอตัวลงแล้วหลังจากที่ตลาดมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงิน
ตลอดทั้งวัน นักลงทุนยังคงตอบสนองต่อข้อมูลเศรษฐกิจยุโรปที่ผสมผสานกัน โดยธนาคารพาณิชย์ฮัมบวร์ก (HBOC) ได้เผยประมาณการเบื้องต้นของดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เดือนกันยายน ข้อมูลจากสหภาพยุโรปออกมาแบบคละกัน โดยผลผลิตภาคการผลิตปรับตัวลงเล็กน้อย แต่ดัชนีภาคบริการออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ดัชนี Composite PMI อยู่ที่ 51.2 สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 51.1 และสูงกว่าค่าก่อนหน้าที่ 51 เล็กน้อย
ต่อไปจะเป็นการประกาศดัชนี PMI ของสหรัฐฯ โดย S\&P Global ซึ่งคาดว่าผลผลิตทั้งภาคการผลิตและภาคบริการจะยังคงขยายตัวอย่างมั่นคง โดยดัชนี Composite PMI คาดว่าจะออกมาที่ 54.6 เท่ากับตัวเลขเดือนสิงหาคม นอกจากนี้ ประธานเฟด พาวเวลล์ มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในการประชุม Greater Providence Chamber of Commerce Economic Outlook Luncheon ที่โรดไอแลนด์ นักลงทุนเชิงเก็งกำไรจะจับตาดูข้อมูลและคำกล่าวของพาวเวลล์เพื่อหาสัญญาณยืนยันความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่กำลังดำเนินอยู่
ราคาเคลียร์สภาพคล่องที่ Low แล้วดีดตัวแรง จากนั้นทำไมย่อแรง?🔹 สิ่งที่เกิดขึ้น
.
ราคาเคลียร์สภาพคล่องที่ Low
คนที่ Buy แถว Low (คิดว่าตรงนี้เป็น Support) → SL โดนกิน
คนที่ Sell Breakout (คิดว่าหลุด Low จะลงต่อ) → เข้า Sell
👉 เจ้าได้ “อาหาร” = ทั้ง Stop Loss + Order ใหม่จากฝั่ง Sell
.
ราคาดีดแรงทันที (Rejection)
พอเจ้าได้ของครบ (Buy Liquidity) → เจ้า Buy กลับขึ้นไป
มันเลยเห็นเป็น “แท่งเด้งแรง”
ทำไมหลังจากนั้นถึงย่อแรงอีก
.
แรงดีดแรก = มาจากการ “กิน Stop Loss” + “Short Squeeze”
แต่การดีดนั้น ไม่ได้หมายความว่าเจ้าอยากลากต่อทันที
เจ้ามักจะ “เช็กโซน” → ดูว่ามีใครตามขึ้นมาบ้าง → แล้ว “ย่อแรง” เพื่อ
หลอกให้คนที่รีบ Buy ติดดอย
สะสมของเพิ่ม (Load Position) ที่ Demand Zone
.
🔹 Flow แบบละเอียด
ลงมาเคลียร์ Low → เก็บสภาพคล่อง
ดีดแรง (Impulse Move) → สัญญาณว่ามีการกลับตัวชั่วคราว
ย่อแรงตามมา (Pullback)
เพื่อทำให้ตลาด “ดูไม่ชัวร์”
และสร้างโอกาสให้เจ้าเข้าซื้อเพิ่มในราคาที่ดีกว่า
หลังจากนั้น ถ้าโครงสร้างเปลี่ยน (เช่น BOS / CHoCH) → ราคามักจะไปต่อ
.
🔹 ตัวอย่างที่คุณเจอในกราฟ
.
06:00 → เคลียร์ Low ($$$)
เด้งขึ้นแรง → เพราะกิน SL Buy และ Short Squeeze
จากนั้น ย่อแรงอีกครั้ง → คือจังหวะเจ้าเช็กตลาด + สะสมของใหม่
.
🔹 ภาษาของ Smart Money
.
Stop Hunt = เคลียร์ Low
Spring / Sweep = ดีดแรงครั้งแรก
Retest / Pullback = ย่อแรงตามมา
True Move = เทรนด์จริงที่จะตามมา (ถ้าเจ้าอยากลากต่อ)
.
สรุปสั้น ๆ:
👉 ดีดแรก = สัญญาณว่าเจ้าเริ่มกินของ
👉 ย่อแรงทีหลัง = การเช็ก + สะสมของเพิ่ม
👉 ถ้าตลาดพร้อม → ค่อยปล่อยของจริงขึ้นต่อ
SET50 Insights : ส่องทิศทาง S50U25 ผ่านเลนส์ Data&AI 22 ก.ย. 68SET50 Insights: 🔍ส่องทิศทาง S50U25 ผ่านเลนส์ Data&AI; | 22 ก.ย. 68
🔥กรอบขาขึ้น 1 เดือนหลุด/ไม่หลุด ! วันนี้ชี้ชะตา
📌 Data Checkpoints - เหตุการณ์สำคัญวันก่อน
🔴 Confirm RisingWedge Pattern @Target 819.1
🟢 ราคาพักตัวทดสอบด่านแรกแนวรับ Trendline ขาขึ้น ไม่หลุด
🟢 เกิด Bullish Divergence สนับสนุน ณ แนวรับพอดี
🔴 MACD (TFDay) เริ่มส่งสัญญาณอ่อนตัว วกกลับใกล้ตัดSignal
🔴 ต่างชาติขายหุ้นหนัก 3 วันติด รวมกว่า -6,617 ล้านบาท
⸻⸻
📉 Outlook&Tactical; Plan - ภาพรวมแนวโน้มวันนี้
🔹Trend : แนวโน้มระยะกลางยังเป็นขาขึ้น(กรอบน้ำเงิน) หลังราคาไม่หลุด Trend Line สำคัญ และเด้งบริเวณนั้นพร้อมมีสัญญาณกลับตัวสนับสนุน
🟢 Bullish Plan :
เชื่อในเทรนหลัก รอยืนเหนือ 832 ให้ได้ → มีลุ้นกลับไปทดสอบ 835 / 837
หากผ่าน 837 → แนวต้านใหญ่ 841–843 (BB บน TF60/Day + High เดิมรอบสั้น)
🔴 Bearish Plan :
ต่างชาติทุบต่อ ลุ้นหลุด 828–829(Low เดิม) → มีโอกาสลงต่อ 826 / 823
หากต่ำกว่า 823 → เสี่ยงถอยไป 820 / 818
🟡 Sideway Plan :
ราคามีโอกาสแกว่งในกรอบ 828–837 เพื่อสร้าง Balance Zone ใหม่
เล่นสั้นตามสัญญาณ Indicator
⸻⸻
🎯 Key levels - โซนราคาสำคัญ
🛡️แนวรับ (Support) : 828-829
5 จุดร่วม : BB ล่าง (TF15),BB ล่าง (TF60),EMA10 (TFDay),Trend Line แนวรับ,Low เดิมรอบสั้น (1-5 วัน)
⚔️แนวต้าน (Resistant) : 839-843
5 จุดร่วม : BB บน (TF60),BB บน (TFDay),Trend Line แนวต้าน,Mode สะสม week ก่อน,High เดิมรอบสั้น (1-5 วัน)
⸻⸻
⚡AI Probability&Forecast; - คาดการณ์เหตุการณ์ที่น่าสนใจ
🔹 40% → Sideway 828–837 (สร้าง Balance Zone)
🔹 35% → Bearish หลุด 828 → ลงต่อ 826 / 823
🔹 25% → Bullish ยืนเหนือ 837 → ลุ้นกลับไป 841–843
👀 สรุป : จับตาการพักฐานทดสอบเทรนขาขึ้นระยะกลางรอบ1เดือนต่อในวันนี้ ถ้าหลุดจะเปลี่ยนเทรนทันที โดยมีแรงขายต่างชาติเป็นตัวกดดัน และดูว่าข่าวดีมาตราการทางเศรษฐกิจระยะสั้นจะช่วยได้หรือไม่
<<>>
พฤติกรรมของเจ้า เวลาตลาดอยู่ใน ATH (All Time High)ผมจะเอา 2 เรื่องมารวมกันให้ชัดเจน:
พฤติกรรมของเจ้าเวลาตลาดอยู่ใน ATH (All Time High)
การย่อ–สร้าง L1 L2 → Break High
.
📊 Flow ของเจ้าเมื่ออยู่ใน ATH
ลากขึ้นต่อเนื่อง (Price Discovery)
ไม่มีแนวต้านเก่า → เจ้าลากขึ้นได้ง่าย
ใช้ SL ของคน Sell ดัก เป็นเชื้อเพลิง (Short Liquidity)
FOMO ของรายย่อย Buy ไล่ราคา = อาหารให้เจ้า ปล่อยของบางส่วน
พัก / ย่อ (Clear Liquidity ด้านล่าง)
ถึงแม้อยู่ ATH → เจ้าก็ต้อง “เติมน้ำมัน”
ลงมาเก็บ Demand Zone / EQL ที่พลาดไว้ก่อนหน้า
การย่อจะไม่ทำลายโครงสร้างหลัก → แต่พอให้สร้าง L1
ดีดขึ้น → สร้าง Higher Low (L2)
ถ้าราคาไม่หลุด Demand ใหญ่ = แปลว่าเจ้า “ยังคุมตลาด”
L2 = จุดยืนยันว่าโครงสร้างยังเป็นขาขึ้น
Break High → ATH ใหม่
หลังเก็บแรงเสร็จ → เจ้าลากต่อเพื่อสร้าง High ใหม่
ทำลายความหวังของคนที่ Sell ดักบน ATH
Cycle วนซ้ำ
ATH ใหม่ → เจ้าเริ่มปล่อยของอีก → เก็บแรง → สร้าง L1 – L2 → Break High ต่อ
นี่คือวงจร “Stop Hunt → Check Zone → Collect → Push Higher”
.
🎯 สิ่งที่สำคัญเวลาอยู่ ATH
ไม่มีแนวต้านชัดเจน → เราหาเป้าราคาได้ยาก ต้องใช้ Fibo, ATR Projection, หรือ Order Flow เป็นตัวช่วย
แนวรับชัดกว่านแนวต้าน → Demand Zone / EQL ข้างล่างคือตัวบอกว่าตลาดยังแข็งแรง
ถ้าหลุด L2 / Demand ใหญ่ → อาจเป็นสัญญาณแรกว่าเจ้าเริ่มเปลี่ยน Phase → Distribution
.
🛡 วิธีรับมือ
อย่าขายสวน ATH แบบไม่มีเหตุผล → เสี่ยงโดนลากต่อ
รอจังหวะย่อ (L1 – L2) → Buy ที่ Demand Zone ใต้โครงสร้าง
วัด Momentum → ถ้า Volume เริ่มหาย / มี Divergence → ระวังการพักยาวหรือการแจกของ (Distribution)
.
👉 สรุป:
ใน ATH เจ้าใช้ Sell Liquidity เป็นอาหารหลัก
พักลงมาสร้าง L1 – L2 เพื่อรีเซ็ตแรง → แล้วไปทำ High ใหม่
วงจรนี้จะวนไปเรื่อย ๆ จนกว่าเจ้าจะเริ่มแจกของ (Distribution Phase)
.
🔎 ทำไมถึงไม่มีจุดให้เข้า Buy
เจ้าไม่ย่อเพราะยังมีอาหาร (Stop Loss ฝั่ง Sell) อยู่ตลอดทาง
→ ราคาพุ่งต่อไปเรื่อย ๆ แค่กิน SL ของคนที่ Sell ดักด้านบน
.
เจ้าอยากให้คน “พลาดโอกาส”
→ คนที่รอ Buy Zone จะรู้สึกเสียดาย พอราคาไปสูง ๆ จะ “กระโดดเข้าตามน้ำ”
→ ซึ่งมักเป็นจุดที่เจ้าเริ่มปล่อยของ = รายย่อยติดดอย
.
ตลาดอยู่ในภาวะ Price Discovery (ATH)
→ ไม่มีแนวต้านเก่าให้พัก → เจ้าเลือกใช้จังหวะลากยาวแทนการพัก
.
🛡 วิธีรับมือเวลา “ไม่มีจุดเข้า Buy”
.
อย่ากระโดดตามน้ำตอนวิ่งชัน
→ ถ้าเข้า Buy ตรงยอด เสี่ยงโดนทุบเคลียร์สภาพคล่อง
ใช้ TF ย่อยหา Re-entry
ไปดู M1 / M5 → ถ้ามี Sideway เล็ก ๆ (Mini Range) → นั่นคือจุดที่เจ้า “พักหายใจ”
เข้า Buy จาก Breakout ของ Range เล็ก ๆ แทน
วาง Pending Buy ที่ Demand Zone
มาร์ก Zone ข้างล่างไว้ → วาง Buy Limit รอ
ถ้าราคาย่อมา = ได้ของถูก
ถ้าไม่ย่อเลย = ปล่อยไป ไม่เสี่ยงโดดตาม
เล่นแนวทาง Scaling In
ถ้ากลัวตกรถ → เข้าบางส่วนเล็ก ๆ (0.2 – 0.3 ของ Lot ที่ตั้งใจ)
ที่เหลือรอ Demand Zone → จะได้ไม่พลาดทั้งคู่
.
🎯 Mindset ที่สำคัญ
ตลาดที่ “ไม่ให้โอกาส” จริง ๆ แล้ว → คือการทดสอบวินัยเรา
เจ้าไม่อยากให้คุณได้ราคาดี → เขาอยากให้คุณโดดตามปลายทางแล้วติดดอย
คนที่รออย่างมีระบบ แม้จะพลาดรอบนี้ แต่จะได้จังหวะที่ “เสี่ยงคุ้มค่า” ในรอบถัดไป
.
👉 ถ้าตลาดไม่ย่อเลย คำตอบง่าย ๆ คือ:
“ไม่ใช่ทุก Wave ที่เราต้องขี่” 🐂
กราฟที่ขึ้นชัน แต่ไม่ย่อ มีวิธีรับมือยังไง?📊 สถานการณ์ที่คุณเจอ
.
XAUUSD ขึ้น แบบชันมาก → เทรนไลน์ตีแล้วแทบจะตั้งฉาก
ปกติเราจะรอให้กราฟ “ย่อ” ลงมา Clear Equal Low (EQL) หรือ Demand Zone → แต่กราฟ ไม่ย่อเลย เด้งขึ้นต่อเนื่อง
.
🔎 แปลความหมายของตลาด
สภาพตลาดอยู่ใน “Imbalance / FOMO Phase”
ช่วงนี้เป็นเฟสที่ แรงซื้อตลาดไล่ราคา (Aggressive Buy Orders)
เจ้ามือ / รายใหญ่ยัง ไม่จำเป็นต้องลงไปเคลียร์สภาพคล่อง
เพราะ Demand ที่อยู่ด้านล่าง ยังไม่ถูกทดสอบ → เขาเก็บ Order Buy ไปเรื่อย ๆ
แรงซื้อถูกดูดขึ้นไปเรื่อย ๆ
.
รายย่อยที่กลัวตกขบวน (FOMO) Buy ไล่ราคา
แต่ SL ของพวกนี้อยู่ข้างล่าง EQL / Demand Zone ทั้งนั้น
เจ้าจะปล่อยให้พลัง Buy ดันราคาไปก่อน → พอถึงจุดที่ Liquidity พอ เขาจะค่อย “ทุบกลับ”
.
“No Retracement Market”
ถ้ากราฟไม่ย่อเลย แสดงว่าตลาดอยู่ในโหมด Price Discovery (ค้นหาราคาสูงใหม่ ๆ)
โดยเฉพาะในทอง (XAUUSD) → ช่วงข่าวแรง ๆ / ดอลลาร์อ่อน / ความเสี่ยงสูง
.
🛡 วิธีรับมือ
อย่า FOMO เข้า Buy ตอนปลาย
.
ถ้าเข้า Buy ตอนกราฟชัน ๆ โดยไม่มีจุดพัก → ความเสี่ยงสูงมาก (เพราะถ้าทุบ จะทุบแรง)
มองหาการ Break Structure เล็ก ๆ (BOS/CHOCH) ใน TF ย่อย
ถ้ากราฟเริ่ม Sideway บนยอด + มี BOS ลง → นั่นอาจเป็นสัญญาณแรกที่ “เจ้าจะพัก/ย่อ”
.
ตั้ง Scenario ล่วงหน้า
Scenario 1: ถ้าไม่ย่อเลย = ปล่อยไปก่อน รอ Reversal Pattern
Scenario 2: ถ้าย่อ = Target Demand Zone / EQL ที่เราเล็งไว้
.
ใช้เครื่องมือช่วยวัด “แรงตลาด”
Volume → ถ้าเริ่มลดลงบนยอดแสดงว่ากำลัง “เก็บแรง”
ATR → ถ้าเริ่มหดเล็กลง = มีสิทธิ์พักหรือ Sideway
RSI → ถ้า Overbought แล้ว Divergence = มีสิทธิ์พักหรือลง
.
🎯 สรุป
กราฟที่ขึ้นชันแต่ไม่ย่อ → คือ ตลาดกำลัง Price Discovery / FOMO Phase
เจ้ามือยังไม่อยากเคลียร์ Liquidity → รอให้รายย่อยเข้า Buy กันเต็มก่อน ค่อยทุบทีเดียว
วิธีรับมือ: อย่ากระโดดตามตอนปลาย → รอ BOS/CHOCH หรือ Demand Zone ชัด ๆ ค่อยเข้าใหม่
123 เคล็ดลับเทรดสำหรับเรียนรู้เร็ว - เคล็ดลับ #8ที่ไหนและเมื่อไหร่ หรือขนาดเท่าไหร่? สร้างอาณาจักร?
ในสงครามการเทรด ทหารหลายคนมุ่งเน้นเพียงการค้นหาสมรภูมิที่สมบูรณ์แบบ พวกเขาทุ่มเทพลังงานทั้งหมดเพื่อค้นหาสถานที่ที่สมบูรณ์แบบ ( "ที่ไหน" ) และช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบ ( "เมื่อไหร่" ) เพื่อเปิดฉากโจมตีตลาด พวกเขาเชื่อว่าจุดเข้าที่ไร้ที่ติคือกุญแจสู่ชัยชนะ 🧠
อย่างไรก็ตาม การชนะการต่อสู้เล็กๆ เพียงครั้งเดียวไม่ได้หมายความว่าคุณจะชนะสงครามทั้งหมด แม่ทัพที่ฉลาดรู้ดีว่าชัยชนะในระยะยาวนั้นขึ้นอยู่กับ การจัดการกองทัพ มากกว่าการบุกโจมตีอย่างกล้าหาญเพียงครั้งเดียว เงินทุนของคุณคือกองทัพของคุณ เคล็ดลับในการชนะสงครามไม่ใช่แค่การรู้ว่าควรรบที่ไหน แต่คือการรู้ว่าควร เสี่ยงทหารมากแค่ไหน ในแต่ละการรบ
การส่งทหารจำนวนมากเกินไป — โดยใช้ ขนาดโพซิชั่นที่ใหญ่เกินไป — ในการต่อสู้เพียงครั้งเดียว อาจนำไปสู่ การขาดทุนครั้งใหญ่ที่รุนแรง ซึ่งจะทำให้การทัพทั้งหมดของคุณสิ้นสุดลง แต่ด้วยการจัดกองกำลังอย่างชาญฉลาด คุณจะมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการขาดทุนครั้งใดที่สามารถทำลายล้างคุณได้ สิ่งนี้ช่วยให้กองทัพของคุณ อยู่รอดเพื่อสู้ในวันต่อไป นี่คือวิธีที่คุณจะพิชิต
"เพื่อให้ประสบความสำเร็จในโลกของการเทรด สิ่งสำคัญคือเราเข้าที่ไหนและเมื่อไหร่ แต่เพื่อให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน สิ่งที่สำคัญกว่าคือเราเข้าด้วยขนาดเท่าไหร่"
- Navid Jafarian
ทำไมแม่ทัพที่มั่นใจในตัวเองเกินไปถึงแพ้สงครามในตลาด? สำหรับทุกการรบ เขารู้ตำแหน่งที่สมบูรณ์แบบที่จะโจมตี แต่กลยุทธ์เดียวของเขาสำหรับขนาดกองกำลังคือ "เทหมดหน้าตัก!" ('ALL IN!') 😂
จงบัญชาการเงินทุนของคุณเหมือน นักวางกลยุทธ์ระดับปรมาจารย์ แล้วคุณจะไม่เพียงแค่ชนะการเทรด แต่คุณจะ สร้างอาณาจักรได้ 🏰
รอติดตามเคล็ดลับถัดไปของเรา!
วงจรที่ Smart Money / เจ้ามือ ใช้เพื่อสร้างสภาพคล่อง (liquidity)
(1) Stop Hunt (ลากไปเก็บ SL) → (2) เช็กโซน (retest) → (3) เก็บแรง (accumulation/absorption) → (4) ปล่อยของ (expansion / breakout with momentum)
.
.
1) Stop Hunt (Stop-run / ล้าง SL)
.
จุดประสงค์: ดันราคาไปให้ถูกวาง SL ของรายย่อย (stop loss) เพื่อปลดล็อก liquidity
รูปร่างบนกราฟ:
แท่งยาว (wick) แทงพ้น Swing High/Low แล้วเด้งกลับทันที
Spike ราคาเร็ว ๆ ในแท่งเดียว (wick ยาว)
มักมาพร้อม volume spike (แต่ไม่เสมอไป)
ตัวอย่างสัญญาณแท่ง: Pin bar ยาว, Long-tail wick ที่ถูกปฏิเสธทันที
การตีความ: นี่คือการ “กวาดของ” — มีคนถูกสั่ง stop แล้วราคารีบกลับ
จะทำอะไรได้บ้าง (วิธีตอบโต้):
.
อย่าไล่เข้าในสปายค์ทันที — ให้รอ candle ถัดมาว่าจะปิดยังไง
.
ถ้าเห็น rejection แรง + candle กลับตัวชัด สามารถพิจารณาเข้าแบบ counter (scale in) แต่ต้อง SL กระชับใต้/เหนือ wick
ข้อควรระวัง: สปายค์บางครั้งเป็นแค่แรงเทสและตามด้วย continuation — อย่าตีความเป็น reversal ทันที
.
2) เช็กโซน (Retest / Test the level)
.
จุดประสงค์: เจ้ากลับมาตรวจสอบว่าโซน (Demand/Supply/OB) ยังแข็งแรงพอให้สะสมหรือไม่
รูปร่างบนกราฟ:
ราคากลับมาแตะ zone ที่เคย break หรือ low/high เดิม แล้วเกิด wick ยาวหรือแท่งกลับตัว (rejection)
.
Volume อาจพุ่งขึ้นตอนแตะโซน (showing bids/offers getting matched)
สัญญาณที่บอกว่าโซนยังดี: wick ล่างยาว + bullish close (ถ้าเป็น demand test) หรือ wick บนยาว + bearish close (ถ้าเป็น supply test)
จะทำอะไรได้บ้าง:
.
ถ้าตรวจเจอ rejection ชัดเจน → พิจารณา entry แบบ conservative (เข้าเม็ดแรกเล็ก ๆ)
SL วางใต้ low ของ wick/rejection (บริเวณที่ SL รายย่อยอยู่)
.
ถ้าโซนถูกทะลุด้วย close แบบ M5/M15 → ถือว่าโซนแตก → ต้องรอโซนถัดไป (อย่าถือคาดหวังกลับตัว)
ข้อควรระวัง: การ rejection บางครั้งเป็น false — ต้องรอตาม HTF confirmation (เช็ค M15/H1)
3) เก็บแรง (Accumulation / Absorption)
จุดประสงค์: เจ้าสะสม order ทีละน้อยโดยไม่ให้ราคาพุ่งขึ้นทันที — เพื่อไม่ให้พลาดราคาดี ๆ ในการรับของ
รูปแบบบนกราฟ:
ราคาแกว่งในกรอบแคบ ๆ (range) หลังจาก rejection
แท่งเล็กสลับแดง-เขียว (small-bodied candles) หรือ candle series ที่มี higher lows แบบช้า ๆ
Volume โดยรวมเบาลง แต่มี periodic spikes ตอนที่เจ้ากำลัง “ดูด” liquidity (absorption)
การตีความ: ถ้าราคาค่อย ๆ ไต่ขึ้นแต่ volume ไม่ดัง แปลว่าเจ้าคุมราคาและสะสม
จะทำอะไรได้บ้าง:
เปิด position แบบ scale-in: แทนที่จะเข้าเต็ม ให้เข้าเป็นหลายจุด (เช่น 30% -> 30% -> 40%) ตามแต่ละ pullback ที่ยืนยัน
ใช้ ATR เพื่อกำหนด SL (SL = entry ± 1.5–2 ATR) เพื่อไม่ให้โดน noise เล็ก ๆ
ตั้ง TP ระยะสั้น (TP1) และ TP ยาว (TP2/TP3) เพื่อแบ่งล็อกกำไร
ข้อควรระวัง: ถ้า accumulation ยาวมากโดยไม่มี breakout นาน ๆ บางครั้งหมายความว่าเจ้ากำลังรอ volume ใหญ่จาก session ถัดไป — อย่าเพิ่มขนาดมากเกินไป
4) ปล่อยของ (Expansion / Distribution / Breakout)
จุดประสงค์: เมื่อสะสมของพอแล้ว เจ้าจะ “ยิง” ราคาด้วย momentum เพื่อไปกิน liquidity ด้านบน/ล่าง (SL ฝั่งตรงข้าม)
รูปร่างบนกราฟ:
.
Breakout แรง: big bullish (หรือ bearish) candleที่มี real body ใหญ่ + close สูง/ต่ำกว่าระดับสำคัญ
Volume spike สะท้อน participation สูง (confirm)
Follow-through: มีแท่งต่อเนื่องที่สนับสนุนทิศทาง (ไม่ใช่แท่งสปายค์เดียวแล้วกลับ)
จุด TP ที่เจ้ามักเล็ง: Swing High/Low ต่อไป, Equal High/Low, FVG/Imbalance บน TF ใหญ่
จะทำอะไรได้บ้าง:
ถ้ารอ conservative: รอ breakout + pullback แล้วเข้า (pullback to breakout level / retest)
ถ้ากล้าเสี่ยง: เข้า breakout ทันทีแต่ต้องมี tight SL (ใต้ breakout level) และขนาดเล็ก
จัดการ partial take-profit: ปิดบางส่วนที่ TP1, ย้าย SL เป็นเบรกอีเวน แล้วรอ TP2/TP3
ข้อควรระวัง: Breakout ที่ไม่มี volume follow-through มักเป็น false breakout — ถ้าแท่งแรกใหญ่แต่ volume น้อย ให้ระวัง
เทคนิคการอ่านสัญญาณร่วม (เช็กเพิ่มความน่าเชื่อถือ)
Volume: spike เมื่อเกิด Stop Hunt และเมื่อเกิด Breakout → ถ้าไม่มี volume ใน Breakout ให้ระวัง
Multi-TF alignment: M5 = detail, M15/H1 = context — ถ้า HTF trend สอดคล้อง โอกาสสำเร็จสูงกว่า
Candle patterns: Pin bar, Bull/Bear Engulfing, Hammer/Doji บริเวณโซนสำคัญ เป็นสัญญาณยืนยัน
FVG / OB / Order Blocks: ดูว่ามี imbalance ใน HTF ไหม — เจ้ามักจะไปเติม/ปิดช่องเหล่านี้
Indicators (ใช้เสริม ไม่ใช่หลัก): EMA slope (trend), RSI divergence (momentum exhaustion), Volume profile (area of high participation), VWAP (intra-day fair price)
ATR: ใช้กำหนด SL ระยะไกลจาก noise และคำนวณ position size
.
ตัวอย่างแผนเข้าออก (practical)
.
สมมติ XAU M5: เจ้า Stop Hunt ลงไป 3628 → ดีดกลับ → เราเห็น rejection + accumulation → ราคาไต่แล้ว breakout ไป 3654
Entry style A (conservative): รอ retest ของ 3654 → เข้า Buy at retest, SL = 3654 - 1.5×ATR, TP1 = 3662 (swing high), TP2 = 3675 (HTF liquidity)
Entry style B (aggressive): เข้า breakout at 3654 on strong volume, SL tight under breakout wick, size smaller, TP1/TP2 as above
Money management: ไม่เสี่ยงเกิน 1–2% ต่อเทรด, ใช้ partial TP เพื่อล็อกกำไร
.
สัญญาณเตือน (Red flags)
.
Breakout ไม่มี volume → high chance false break
Price หลุดโซน retest และไม่มี wick rejection → โซนแตก หยุดคิดทันที
Accumulation ที่ไม่มี follow-through นานเกินไป → ตอนเปิด session ถัดไป volume ใหม่อาจเปลี่ยนเกมได้ — ปรับขนาด/ออกครึ่งหนึ่ง
Short checklist ก่อนเข้า (ใช้จริง)
.
โซนไหนเพิ่งโดน Stop Hunt? มี wick ยาวไหม?
Retest เกิด rejection แบบชัดเจนหรือยัง? (bullish/bearish close)
Accumulation แสดง higher lows และ volume เบาลงหรือมี absorption spikes?
Breakout มาพร้อม volume และ follow-through แท่งต่อเนื่องไหม?
SL ตั้งเป้าเท่าไร (ใช้ ATR)? ขนาดล็อตไม่เกินกฎ risk% ของพอร์ต?
TP ตั้งที่ไหน (TP1 = swing ถัดไป, TP2 = HTF liquidity)? แบ่งปิดไหม?
.
สรุปสั้น ๆ
ทั้ง 4 ขั้นคือวงจรเดียวที่เจ้ามักใช้เพื่อสร้างสภาพคล่องและ execute order ใหญ่ ๆ
อย่าพยายามคาดเดาลม — รอสัญญาณรับรอง (rejection / accumulation / volume) ก่อนลงเงินจริง
ใช้ multi-TF, SL กระชับ, size ตาม risk% และแบ่ง TP เพื่อป้องกันการกลับตัวที่ไม่คาดคิด
ทำไม “อีโก้” ถึงอันตรายในตลาด “การชนะบ่อย ๆ” ไม่ได้มีแต่ข้อดี เพราะมันอาจทำให้เรา หลงตัวเอง (Ego Trading) ซึ่งสุดท้ายอาจกลายเป็นจุดที่พอร์ตเสียหายหนักที่สุด
.
🔥 ทำไม “อีโก้” ถึงอันตราย
มั่นใจเกินไป → คิดว่าตัวเองอ่านกราฟขาด 100%
เสี่ยงเกินไป → เปิด lot ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมั่นใจว่าจะชนะอีก
ไม่ยอม Cut Loss → เพราะอีโก้ไม่ยอมแพ้ตลาด
พลาดครั้งเดียว = ล้างกำไรทั้งหมด ที่เคยชนะมา
✅ วิธีรับมือ “อีโก้หลังชนะบ่อย”
กำหนดกฎตายตัวเรื่อง Lot Size
เช่น เทรดกี่ไม้ก็ไม่เกิน 1–2% ของพอร์ต
ถึงจะชนะต่อเนื่องก็ห้ามเพิ่ม Lot โดยไม่มีเหตุผลตามระบบ
มี Daily Target & Stop
ตั้งเป้าเช่น กำไร/วัน = 2% ของพอร์ต → ได้แล้วหยุด
ขาดทุน/วัน = 1% → หยุดทันที
สิ่งนี้ช่วยกัน “Overtrade”
จดบันทึก Trade Journal
ทุกครั้งที่ชนะ ให้จดว่า “เราชนะเพราะอะไร?”
จะช่วยแยกแยะได้ว่าเราชนะเพราะ ระบบดี หรือแค่ ดวงดี / ตลาดเข้าข้าง
ฝึก “Mindset of Probabilities”
ทุกครั้งที่ชนะ ให้เตือนตัวเองว่า:
👉 “นี่คือ 1 ใน 1000 ครั้งของการโยนเหรียญ ไม่ใช่ว่าผมรู้อนาคตแน่นอน”
การคิดแบบความน่าจะเป็นช่วยกด Ego ลงได้
บังคับหยุดพักหลังชนะติดกัน
เช่น ชนะ 3 ไม้ติด → พัก 30 นาที – 1 ชั่วโมง
วิธีนี้ช่วย “รีเซ็ตอารมณ์” ไม่ให้ลืมตัว
🧘♂️ Trick เล็ก ๆ เวลา Ego เริ่มมา
เขียนโพสต์เตือนตัวเองสั้น ๆ:
🔖 “ตลาดไม่เคยแพ้ใคร … มีแต่เราเองที่แพ้ตัวเอง”
แปะไว้ตรงจอ → เวลาจะกดไม้ใหญ่เพราะมั่นใจเกินไป จะเห็นคำเตือนนี้ทันที
👉 จริง ๆ แล้ว การชนะไม่อันตรายหรอกครับ
สิ่งอันตรายคือ “เราคิดว่าเราจะชนะตลอดไป”
ทองคำร่วงจากจุดสูงสุด ดอลลาร์ฟื้นก่อนเฟดตัดสินใจ ราคาทองคำถอยจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ดอลลาร์ฟื้นตัวก่อนการตัดสินใจของเฟด
ราคาทองคำปรับฐานจากระดับสูงสุดที่ทำได้เมื่อวันอังคาร ท่ามกลางการฟื้นตัวเล็กน้อยของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ความคาดหวังต่อท่าทีแบบผ่อนคลายของเฟด (Dovish Fed) อาจจำกัดการแข็งค่าของดอลลาร์และสนับสนุนสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนดอกเบี้ยอย่างทองคำ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นอาจช่วยจำกัดการขาดทุนก่อนการตัดสินใจของเฟด
---
## ภาพรวมทางเทคนิคของ XAU/USD
กราฟรายวันชี้ให้เห็นว่าผู้ซื้อทองคำเริ่มมีอาการเหนื่อยล้า สะท้อนจากการปรับตัวลงล่าสุดของดัชนี Relative Strength Index (RSI) ระยะ 14 วัน ที่ยังคงอยู่ในโซนซื้อมากเกินไป (Overbought) จากระดับ 80 ลงมาที่ 77
หากผลการประชุมเฟดออกมาเป็นไปในทิศทางผ่อนคลายอย่างชัดเจน (Dovish) ราคาทองคำอาจกลับไปทดสอบระดับสูงสุดที่ 3,703 ดอลลาร์ โดยหากทะลุขึ้นไปได้ ประตูจะเปิดไปสู่โซน 3,750 ดอลลาร์
แต่หากเฟดมีท่าทีผ่อนคลายน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ราคาทองคำอาจเผชิญแรงขายรุนแรง โดยมีเป้าหมายแนวรับแรกที่ระดับต่ำสุดของสัปดาห์นี้ที่ 3,627 ดอลลาร์
ถัดลงมา ระดับจิตวิทยาที่ 3,600 ดอลลาร์จะถูกทดสอบ
หากแรงขายยังไม่หยุด ราคาทองคำอาจร่วงลงต่อไปสู่ระดับต่ำสุดของสัปดาห์ก่อนที่ 3,578 ดอลลาร์
---
## ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน
การปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดเบสิส (bps) โดยเฟดนั้นถือว่าได้ถูกรวมราคาไปแล้วในตลาด สายตาทั้งหมดจึงจับจ้องไปที่ **รายงานคาดการณ์เศรษฐกิจ (SEP)**, แผนภาพจุด (Dot Plot) และถ้อยแถลงของประธานเจอโรม พาวเวลล์ เพื่อตีความว่าเฟดจะสามารถปรับลดดอกเบี้ยได้มากกว่าสองครั้งในปีนี้หรือไม่
เสียงเรียกร้องให้เฟดผ่อนคลายเชิงรุกเพิ่มขึ้นภายหลังข้อมูลการจ้างงานอ่อนแอในเดือนสิงหาคมและเงินเฟ้อที่ยังดื้อด้าน ซึ่งกระตุ้นความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยพร้อมเงินเฟ้อ (Stagflation) ในเศรษฐกิจสหรัฐ
ตลาดกำลังคาดการณ์การปรับลดดอกเบี้ยรวม 67.9 จุดเบสิสภายในสิ้นปีนี้ ตามข้อมูลความน่าจะเป็นของอัตราดอกเบี้ยจาก Refinitiv
ทองคำซึ่งไม่ให้ดอกเบี้ยมีแนวโน้มเผชิญความผันผวนรุนแรงจากการประกาศนโยบายของเฟด โดยอาจสร้างสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง หากเฟดยืนยันความคาดหวังเชิงผ่อนคลายล่าสุดว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ย 3 ครั้งภายในสิ้นปี
แต่หากแผนภาพ Dot Plot แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่เฟดยังคงมุมมองปรับลดเพียง 2 ครั้ง หรือหากพาวเวลล์มีท่าทีผ่อนคลายน้อยลง ดอลลาร์สหรัฐจะกลับมาฟื้นตัว และส่งผลให้ราคาทองคำปรับฐานลงอีกครั้ง
---
## สรุป
ชะตากรรมของราคาทองคำขึ้นอยู่กับคำตัดสินของเฟดและเส้นทางดอกเบี้ยในอนาคต ในระหว่างนี้ นักลงทุนยังคงทยอยขายทำกำไรจากสถานะซื้อทองคำ แต่แรงซื้อเก็บสะสมอาจเกิดขึ้นอีกเมื่อราคาลงมาที่ระดับต่ำกว่า
SET Index มุมมองรายสัปดาห์ 15–19 ก.ย. 2025📊 Technical
ดัชนียังเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง หลังรีบาวด์จาก 1,050 จุด มายืนเหนือ 1,300 จุด
แนวต้านสำคัญ: 1,310–1,325 ถ้าผ่านได้เป้า 1,350–1,380 และ 1,400
แนวรับใกล้: 1,305–1,300 / แนวรับหลัก: 1,280–1,270 และ 1,240
RSI ใกล้เขต Overbought ต้องระวังการพักฐานสั้น ๆ
Fundamental
ปัจจัยในประเทศ- คาดหวังการเบิกจ่ายงบและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ, บาทแข็งหนุนฟันด์โฟลว์ไหลเข้า
ปัจจัยต่างประเทศ-ตลาดรอข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐและท่าทีเฟด, น้ำมันทรงตัวระดับสูงหนุนกลุ่มพลังงานแต่กดต้นทุนบางอุตสาหกรรม, จีนออกมาตรการประคองเศรษฐกิจหนุนการท่องเที่ยวไทย
กลยุทธ์เทรด
เหนือ 1,325 เล่นBreakout เป้า 1,350–1,380
ในกรอบ 1,300–1,325 = Buy on Dip รอเข้าที่ 1,305–1,300 และ 1,280–1,270
หลุด 1,270 = ลดเสี่ยง/ปรับ Defensive Mode
หมายเหตุ
Buy on Dip= กลยุทธ์ รอให้ราคาย่อตัวลงมาใกล้แนวรับก่อน แล้วค่อยเข้าซื้อ
บิตคอยน์ถูกต้านที่ 116,000 ดอลลาร์ แม้ ETF ไหลเข้าพุ่ง## การพยากรณ์ราคาบิทคอยน์: BTC ถูกปฏิเสธแม้จะมีการไหลเข้าของ ETF รายสัปดาห์สูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม
ราคาบิทคอยน์เผชิญแรงต้านใกล้ระดับ 116,000 ดอลลาร์ในวันจันทร์ หลังจากฟื้นตัวเกือบ 4% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
กองทุน ETF บิทคอยน์แบบสปอตที่จดทะเบียนในสหรัฐบันทึกการไหลเข้าสัปดาห์ละ 2.34 พันล้านดอลลาร์ สูงที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม
ความต้องการจากสถาบันเพิ่มขึ้น ขณะที่บริษัทอย่าง Capital B และ Prenetics เพิ่ม BTC เข้าในทุนสำรอง
บิทคอยน์ (BTC) ซื้อขายต่ำกว่า 115,000 ดอลลาร์เล็กน้อย ณ เวลาที่เขียนในวันจันทร์ โดยเผชิญแรงต้านใกล้ระดับ 116,000 ดอลลาร์ หลังจากฟื้นตัวเกือบ 4% ในสัปดาห์ก่อน ความไม่แน่นอนของราคาเกิดขึ้นแม้จะมีความต้องการจากสถาบันที่แข็งแกร่งและการไหลเข้าของ ETF ที่มั่นคง โดยกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนบิทคอยน์แบบสปอตในสหรัฐบันทึกการไหลเข้าสัปดาห์ละ 2.34 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม ขณะเดียวกัน บริษัทอย่าง Capital B และ Prenetics กำลังเพิ่ม BTC เข้าในทุนสำรอง และตลาดแสดงสัญญาณของความยืดหยุ่นแม้เผชิญแรงต้านในระยะสั้น
---
## ETF บิทคอยน์แบบสปอตบันทึกการไหลเข้าเกิน 2.3 พันล้านดอลลาร์
นักลงทุนสถาบันมีบทบาทสำคัญในการฟื้นตัวของราคาบิทคอยน์ ข้อมูลจาก SoSoValue ระบุว่า กองทุน ETF บิทคอยน์แบบสปอตบันทึกการไหลเข้ารวม 2.34 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกันของการไหลเข้าเชิงบวก การไหลเข้าครั้งนี้เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม สะท้อนถึงความต้องการจากสถาบันที่กลับมาเพิ่มขึ้น หากแนวโน้มการไหลเข้านี้ยังคงดำเนินต่อไปและทวีความรุนแรงขึ้น BTC อาจฟื้นตัวได้มากกว่านี้
---
## บริษัทเพิ่ม BTC เข้าในทุนสำรอง
นอกจากการไหลเข้าของสถาบันแล้ว ความต้องการ BTC จากบริษัทก็ยังแข็งแกร่ง Capital B ประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า บริษัทได้เพิ่ม BTC อีก 48 เหรียญ ทำให้การถือครองรวมอยู่ที่ 2,249 BTC ในช่วงเวลาเดียวกัน ข้อมูลจาก BitcoinTreasuries.NET ระบุว่าบริษัทสาธารณะที่ทำธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพอย่าง Prenetics ได้เพิ่ม BTC อีก 40.6 เหรียญ และประกาศแผนการสะสม BTC วันละ 1 เหรียญ ปัจจุบันบริษัทถือครองรวม 228 BTC
ข้อมูลจาก CryptoQuant ชี้ว่า ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2024 กระเป๋า Shark (ที่ถือครอง 100–1,000 BTC) ได้สะสม BTC เกือบ 1 ล้านเหรียญ ทำให้ยอดคงเหลือรวมอยู่ที่ประมาณ 5.9 ล้าน BTC ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในหมู่นักลงทุนขนาดกลาง
---
## ตลาดเตรียมพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่
ข้อมูลจาก CryptoQuant แสดงว่า ดัชนีความขาดแคลนบิทคอยน์ (Bitcoin Scarcity Index) บน Binance มีการพุ่งขึ้นเชิงบวกอย่างฉับพลันเมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา การพุ่งขึ้นแบบนี้มักหมายถึงว่ามีการถอนบิทคอยน์จำนวนมากออกจากแพลตฟอร์ม หรือมีคำสั่งขายลดลงอย่างมาก ทำให้ปริมาณที่พร้อมขายในตลาดขาดแคลนอย่างฉับพลัน ในอดีต เมื่อดัชนีนี้พุ่งขึ้นและยังคงอยู่ในแดนบวกต่อเนื่องหลายวัน ราคาของ BTC ก็มักจะพุ่งแรง ดังที่เห็นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ที่ BTC พุ่งขึ้นใกล้แตะ 120,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรก
---
## การพยากรณ์ราคาบิทคอยน์: BTC อาจมุ่งสู่ 120,000 ดอลลาร์ หากปิดเหนือแนวต้านสำคัญ
ราคาบิทคอยน์ยังคงฟื้นตัวต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สอง โดยเพิ่มขึ้น 3.72% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ราคาพบแรงต้านใกล้ระดับ 116,000 ดอลลาร์ในวันเสาร์ และปรับตัวลงเล็กน้อยในวันถัดมา ณ เวลาที่เขียนในวันจันทร์ BTC ยังคงเผชิญแรงปฏิเสธจากแนวต้านรายวันที่ 116,000 ดอลลาร์
หาก BTC ปิดเหนือระดับแนวต้านรายวัน 116,000 ดอลลาร์ได้ ก็อาจขยายการฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับจิตวิทยาที่ 120,000 ดอลลาร์
ดัชนี Relative Strength Index (RSI) บนกราฟรายวันอยู่ที่ 54 ซึ่งบ่งชี้ถึงโมเมนตัมขาขึ้น แต่กำลังชี้ลงสู่ระดับกลางที่ 50 ขณะที่อินดิเคเตอร์ Moving Average Convergence Divergence (MACD) บนกราฟเดียวกันได้เกิดสัญญาณครอสขาขึ้นเมื่อวันที่ 6 กันยายน และยังคงมีผลอยู่ แสดงถึงโมเมนตัมเชิงบวกที่ยั่งยืนและแนวโน้มการปรับตัวขึ้นข้างหน้า
ในทางตรงกันข้าม หาก BTC ไม่สามารถปิดเหนือแนวต้านที่ 116,000 ดอลลาร์ได้และยังคงปรับฐานต่อไป ราคาก็อาจถอยลงไปที่เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โปเนนเชียล 50 วัน (EMA) ที่ 113,393 ดอลลาร์
อังกฤษเตรียมเผย GDP เดือนส.ค. จับตาผลต่อ GBP/USDเมื่อไรที่สหราชอาณาจักรจะประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ และจะส่งผลต่อ GBP/USD อย่างไร?
สหราชอาณาจักรจะประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) รายเดือนโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติในวันศุกร์ พร้อมกับดุลการค้าและการผลิตภาคอุตสาหกรรม ทั้งหมดจะเผยแพร่เวลา 06:00 GMT การประกาศข้อมูลเศรษฐกิจมหภาควันนี้อาจถูกบดบังด้วยความคาดหวังของนักลงทุนเกี่ยวกับความแตกต่างด้านนโยบายระหว่างธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และธนาคารกลางหลักอื่น ๆ
---
### ภาพรวมทางเทคนิคของ GBP/USD
ตัวชี้วัด Relative Strength Index (RSI) ในกราฟ 4 ชั่วโมงลดลงต่ำกว่า 50 และ GBP/USD ปิดแท่ง 4 ชั่วโมงล่าสุด 3 แท่งต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบง่าย 20 ช่วงเวลา (SMA) ซึ่งสะท้อนถึงแรงกดดันขาลงในมุมมองระยะสั้น
ด้านแนวรับ 1.3470-1.3460 (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน, ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน, การปรับฐานฟีโบนัชชี 50% ของขาลงล่าสุด) ถือเป็นระดับสำคัญ ก่อนถึง 1.3445 (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 ช่วงเวลา) และ 1.3390-1.3400 (การปรับฐานฟีโบนัชชี 38.2%, ระดับคงที่)
ด้านแนวต้าน สามารถมองเห็นได้ที่ 1.3540 (การปรับฐานฟีโบนัชชี 61.8%) และ 1.3590-1.3600 (ระดับคงที่, เลขกลม)
---
### ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน
แม้ว่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) จะเผชิญแรงกดดันขาลงทันทีหลังจากข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนสิงหาคมออกมาต่ำกว่าคาดในวันพุธ แต่ท่าทีที่ระมัดระวังของตลาดช่วยหนุนค่าเงินและทำให้ GBP/USD เคลื่อนไหวได้ยากขึ้น
ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันพุธ ราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอังกฤษกล่าวว่ารัฐบาลมุ่งเน้นที่จะสนับสนุนธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เพื่อลดอัตราเงินเฟ้อ ควบคุมการใช้จ่ายภาครัฐ และขับเคลื่อนการเติบโต สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างโฆษกทำเนียบดาวน์นิง สตรีท อย่างไรก็ตาม ข่าวนี้ไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาตลาดที่ชัดเจน
ในช่วงครึ่งหลังของวัน สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐ (BLS) จะประกาศดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนสิงหาคม โดยคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐานรายเดือน (ซึ่งไม่รวมอาหารและพลังงานที่มีความผันผวน) จะเพิ่มขึ้น 0.3%
ตามเครื่องมือ CME FedWatch ตลาดได้ประเมินเต็มที่แล้วถึงความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดพื้นฐาน (bps) ในเดือนกันยายน แม้ว่าข้อมูลเงินเฟ้อจะไม่น่าจะเปลี่ยนการคาดการณ์ของตลาดต่อการตัดสินใจนโยบายสัปดาห์หน้า แต่ก็อาจมีผลต่อการประเมินค่าเงินดอลลาร์และการเคลื่อนไหวของคู่เงินในระยะสั้น
หากดัชนี CPI พื้นฐานรายเดือนออกมาต่ำกว่าคาด อาจกดดันค่าเงินดอลลาร์และช่วยให้ GBP/USD ฟื้นตัวขึ้นได้ ในทางกลับกัน หากตัวเลขเพิ่มขึ้น 0.5% หรือสูงกว่า อาจถ่วงการเคลื่อนไหวของคู่เงินนี้ลงได้
เกิด Bullish Engulfing ใน H4 บริเวณโซนรับ → สะท้อนแรงซื้อยังคงมี“ทองคำวันนี้”
(12/09/2568) XAUUSD #มุมมองส่วนตัว
📌 แนวต้านH4 / Zone SELL
• 3658
• ✅ ถ้าผ่าน → มีโอกาสขึ้นต่อไปทดสอบไฮเดิม
• ❌ ถ้าไม่ผ่าน → เสี่ยงถูกกดลง
📌 แนวรับ / Zone BUY
• 3638–3648
• ✅ ถ้ายืนได้ → เด้งกลับขึ้นต่อ
• ❌ ถ้าหลุด → เสี่ยงลงทดสอบรับใหญ่
📌 รับใหญ่ TF DAY
• 3613 = จุดชี้ขาด ถ้าหลุด เทรนด์อาจเปลี่ยนเป็นขาลง
📌 รูปแบบแท่งเทียน (Candle Pattern)
• เกิด Bullish Engulfing ใน H4 บริเวณโซนรับ → สะท้อนแรงซื้อยังคงมี
ใครจะตาม Buy จากแท่งเทียน จุดยอม 3629
• แต่แท่งล่าสุดมีไส้บน → ระวังแรงขายใกล้ต้าน
👉 มุมมองสรุปสั้นๆ
• วันนี้จับตา 3658–3673 ด้านบน และ 3631–3613 ด้านล่าง
• ขึ้นอยู่กับแท่งเทียนว่าจะยืนโซนไหน → นี่คือจุดชี้ทางหลัก
และปัจจัยเกี่ยวกับข่าวแล้วก็ในตัวของข่าวนอกตารางด้วย
“ข่าวทองวันนี้”
(12/09/2568) XAUUSD #มุมมองข่าว
📌 ข่าวสำคัญ & มุมมองกองทุนสั้นๆ:
• ข้อมูล Consumer Sentiment ของสหรัฐฯ คงตัว ≈ 58.2 → บ่งชี้ว่าเชื่อมั่นผู้บริโภคยังไม่ดีขึ้นมาก
• “Inflation Expectations” ก็เป็นตัวชี้ว่า คนในตลาดคาดเงินเฟ้อมีแนวโน้มอยู่สูง อาจทำให้เฟดยังไม่ลดดอกเบี้ยเร็ว
• กองทุน /นักวิเคราะห์มองว่า ถ้าข้อมูล CPI / PPI ไม่แรง ก็สนับสนุนทองขึ้นต่อ เพราะดอลลาร์อาจอ่อนตัว
👉 สรุป: ทองคำมีโอกาสขึ้น ถ้าไม่มีข่าวแรงหนุนดอลลาร์ออกมาแทรก แต่ถ้า “คาดการณ์เงินเฟ้อ/ดอลลาร์แรง” = เสี่ยงถูกกด.
#XAUUSD #ทองคำ
ตอนนี้ทองอยู่ใน ขอบล่างของ Channel ขาขึ้น แต่มีสัญญาณอ่อนแรง“ทองคำวันนี้”
(11/09/2568) XAUUSD
#มุมมองส่วนตัว
By #Nicharastrading♻️
📌 Highlights
ตอนนี้ทองอยู่ใน ขอบล่างของ Channel ขาขึ้น แต่มีสัญญาณอ่อนแรง (แท่งเทียนไส้ยาว การเด้งไม่แรง)
แนวรับ 3,620 ไม่ใช่แค่จุดเล็กๆ แต่คือ เส้นคอ (Neckline) ของโครงสร้าง หากหลุด = โอกาสเปลี่ยนเป็น Downtrend ระดับกลาง
📌วันนี้
แนวรับสำคัญ 3,620 👉 ถ้าหลุดมีโอกาสเปลี่ยนเป็นขาลง
Zone BUY: 3,577–3,599 (SL 3,570 / TP 3,598)
Zone SELL: 3,641–3,632 (SL 3,661 / TP 3,592)
แนวต้านรายวัน 3,675–3,676
⚡ กลยุทธ์: รอเล่นตามโซน ถ้ายืนเหนือ 3,620 ได้ → Buy สั้น
แต่ถ้าหลุด 3,620 → Sell ตามเทรนด์ลง
แต่สิ่งสำคัญที่ต้องติดตามคือข่าวในวันนี้
📊 **ติดตามข่าวสำคัญ 11 ก.ย. (XAUUSD)**
⏰ 19:15 🇪🇺
* **ECB Rate Decision** (คาดคงที่ 2.15%)
* **Monetary Policy Statement**
⏰ 19:30 🇺🇸
* **CPI m/m** (คาด 0.3% / ก่อนหน้า 0.2%)
* **Core CPI m/m** (คาด 0.3%)
* **CPI y/y** (คาด 2.9% / ก่อนหน้า 2.7%)
* **Unemployment Claims** (คาด 235K / ก่อนหน้า 237K)
⏰ 19:45 🇪🇺
* **ECB Press Conference**
⚡ **ผลกระทบที่ต้องระวัง**
* **CPI สหรัฐ → ตัวชี้ทิศหลัก
* ถ้าออก *สูงกว่าคาด→ เงินเฟ้อร้อนแรง → Fed มีแนวโน้มคุมเข้มต่อ → **ดอลลาร์แข็ง / ทองร่วง
* ถ้าออก **ต่ำกว่าคาด→ เงินเฟ้อเย็นลง → Fed ผ่อนคลายเร็วขึ้น → **ดอลลาร์อ่อน / ทองพุ่ง
* **ECB Conference→ ถ้า ECB ส่งสัญญาณเข้มงวด (Hawkish) →
**หนุน EUR / กดดัน USD → ทองมีโอกาสบวก
📌 สรุป:
คืนนี้ตลาดผันผวนแรง ต้องโฟกัส *CPI สหรัฐ + ECB แถลงข่าว เป็นตัวชี้ชะตาทิศทางทอง
#Nicharastrading #XAUUSD #ทองคำ #Forex
EUR/USD ทรงตัวใกล้ 1.1700 หลัง PPI สหรัฐต่ำคาด EUR/USD ทรงตัวรอบ 1.1700 หลังตัวเลข PPI สหรัฐฯ
EUR/USD เคลื่อนไหวแบบลังเลและลอยอยู่ใกล้ระดับ 1.1700 ท่ามกลางการเคลื่อนไหวที่ไม่ชัดเจนของดอลลาร์สหรัฐเมื่อวันพุธ ขณะเดียวกันคู่เงินยังคงนิ่งเฉยเป็นส่วนใหญ่หลังจากดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนสิงหาคม
### ภาพรวมทางเทคนิคของ EUR/USD
กราฟรายวันแสดงให้เห็นว่าคู่เงินซื้อขายใกล้กับราคาเปิด โดยมีแรงซื้อเกิดขึ้นบริเวณเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบง่าย 20 วัน (SMA) ที่ค่อนข้างราบอยู่ที่ระดับ 1.1670 กราฟเดียวกันยังแสดงให้เห็นว่าเส้นค่าเฉลี่ย 100 และ 200 วันอยู่ต่ำกว่ามาก แต่กำลังสูญเสียแรงส่งขาขึ้น เส้นค่าเฉลี่ย 100 วันเคลื่อนไหวแบบไร้ทิศทางที่บริเวณ 1.1530 สะท้อนถึงการขาดแรงขับเคลื่อนของแนวโน้ม สุดท้าย ตัวชี้วัดทางเทคนิคยังอยู่เหนือกึ่งกลาง แต่ขาดโมเมนตัม โดยรวมแล้ว EUR/USD ดูเป็นกลาง นักลงทุนรอปัจจัยกระตุ้นใหม่
การอ่านค่าทางเทคนิคในกราฟ 4 ชั่วโมงเอียงไปทางความเสี่ยงขาลง EUR/USD ซื้อขายต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 20 วันซึ่งยังคงมีแนวโน้มขาขึ้น โดยจำกัดการฟื้นตัวที่บริเวณ 1.1725 ส่วนเส้นค่าเฉลี่ย 100 และ 200 วันยังคงเคลื่อนไหวไร้ทิศทางต่ำกว่าระดับปัจจุบัน สุดท้าย ตัวชี้วัดทางเทคนิคค่อย ๆ ลดลงต่ำกว่ากึ่งกลาง แต่แรงกดดันขาลงยังจำกัด
**แนวรับ:** 1.1670 1.1630 1.1590
**แนวต้าน:** 1.1725 1.1770 1.1825
### ปัจจัยพื้นฐานและข่าวสาร
EUR/USD ทะลุระดับ 1.1700 ในวันพุธ เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐยังคงมีโทนเชิงบวกในช่วงครึ่งวันแรก แม้จะระมัดระวังเพราะนักลงทุนรอข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐ
ขณะเดียวกัน ความไม่สงบในตะวันออกกลางยิ่งเพิ่มความระมัดระวังของตลาด หลังอิสราเอลโจมตีประเทศเพื่อนบ้านโดยมีเป้าหมายผู้นำฮามาส ประชาคมระหว่างประเทศออกมาประณามการตัดสินใจนี้ แม้กระทั่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐก็ออกมาวิจารณ์
ในเวลาเดียวกัน ศาลสหรัฐอนุญาตให้ Lisa Cook แห่งธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการต่อไป แม้ทรัมป์จะประกาศเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนว่าจะปลดเธอ และ Cook ได้อุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าว
คู่เงินเคลื่อนไหวใกล้ระดับดังกล่าวก่อนการประกาศดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐ ตัวเลขเดือนสิงหาคมเผยว่าอัตราเงินเฟ้อรายปีในระดับผู้ผลิตเพิ่มขึ้น 2.6% ลดลงจาก 3.3% ในเดือนกรกฎาคม ตัวเลขพื้นฐานรายปีอยู่ที่ 2.8% ลดลงจาก 3.4% ที่ปรับทบทวนก่อนหน้า ในรายเดือน PPI ลดลง 0.1% ทั้งหมดต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ สะท้อนแรงกดดันด้านราคาที่ผ่อนคลายลงก่อนตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่จะประกาศวันพฤหัสบดี และก่อนการตัดสินใจของ Fed ในสัปดาห์หน้า ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐเผชิญแรงขาย โดย EUR/USD ร่วงต่ำกว่า 1.1700 แต่ก็รีบาวด์กลับได้อย่างรวดเร็ว
วันนี้ ติดตาม ข่าว Core PPI 19.30 น. จุดชี้ชะตาทองระวังข่าวนอก“ทองคำวันนี้”
(10/09/2568) XAUUSD
#มุมมองส่วนตัว
📌 Highlights
• Zone Sell 3659–3646 | SL 3665
• TP1 = 3621 ถ้าหลุด อาจไหลยาวถึง 3600
• Zone Buy ถ้ากราฟ TF H1 ยืนเหนือ 3647 → ระวังแรงซื้อพาไปทำไฮใหม่หรือเทสไฮเดิม
📌 สรุปแผนวันนี้
• Plan A(ขาลง): ถ้าไม่ผ่าน Zone Sell 3659–3646 → มีสิทธิ์ถูกกดลง เป้า 3621 / 3600
• Plan B(ขาขึ้น): ถ้ายืนเหนือ 3647 ได้ → ลุ้นขึ้นทดสอบ 3675
👉 วันนี้ชี้ทางที่ 3647–3659 เป็นจุดตัดสินใจหลัก.
กรอบราคายัง เป็นขาขึ้นแบบชัดเจนแต่อาจจะมีการ Rebound ราคาลงมาเพื่อไปต่อฉะนั้นให้โฟกัส ตรง Zone Sell ให้ดี ถ้าไม่หลุดอาจจะมีลงไปทดสอบแถวแถว 3627-3621 เพื่อเคลียร์วอลุ่มขาบายก็ได้ วันนี้ข่าวในตาราง สำคัญ ข่าว PPI / Core PPI (Producer Price Index เวลา 19:30 น. เป็นตัวเลขเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิต ซึ่งเฟดใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ย
📌 ดังนั้น ข่าวนี้ถือเป็น ตัวชี้ชะตาสำคัญของทองคำในวันนี้ เพราะจะส่งสัญญาณโดยตรงต่อทิศทางดอลลาร์และความคาดหวังนโยบายเฟด.
📌 👉 ผลต่อทองคำ/ดอลลาร์
• ถ้าตัวเลข สูงกว่าคาด → เงินเฟ้อร้อนแรง ดอลลาร์แข็งขึ้น กดราคาทองลง
• ถ้า ต่ำกว่าคาด → เงินเฟ้อชะลอ ดอลลาร์อ่อน หนุนราคาทองขึ้น
#Nicharastrading
ใจเย็นๆค่อยเทรดกันนะคะเทรดดีมีกำไรทุกท่านค่ะ
(เราจะมีสรุปข่าวสารให้ในกลุ่มวีไอพีนะคะสำหรับใครที่มาอยู่ในกลุ่มวีวีพีสามารถเข้ากลุ่มได้นะคะ)
ทองคำพักฐานใกล้จุดสูงสุด ดอลลาร์ฟื้นกดดันขาขึ้นราคาทองคำทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะดอลลาร์ฟื้นตัวและบรรยากาศการลงทุนเป็นบวกกดดัน
* ราคาทองคำเคลื่อนไหวทรงตัวหลังจากพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงทำสถิติสูงสุดในสัปดาห์ก่อน
* การฟื้นตัวเล็กน้อยของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) และบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวก กดดันไม่ให้ราคาทองปรับขึ้นต่อ
* การคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อาจปรับลดดอกเบี้ย มีแนวโน้มจำกัดการแข็งค่าของดอลลาร์ และช่วยหนุนทองคำที่ไม่ให้ผลตอบแทนดอกเบี้ย
ราคาทองคำ (XAU/USD) เข้าสู่ช่วงการปรับฐานในทิศทางขาขึ้นเมื่อต้นสัปดาห์ใหม่ โดยเคลื่อนไหวในกรอบต่ำกว่าระดับ 3,600 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดตลอดกาลที่แตะเมื่อวันศุกร์ การดีดตัวเล็กน้อยของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจากระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม อันเป็นผลมาจากตัวเลขการจ้างงานรายเดือนที่น่าผิดหวัง กลายเป็นแรงกดดันสำคัญต่อราคาทองคำ นอกจากนี้ บรรยากาศเชิงบวกในตลาดหุ้นโดยรวมยังช่วยจำกัดความต้องการในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยของทองคำ
อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของดอลลาร์อย่างมีนัยสำคัญยังเป็นไปได้ยาก เนื่องจากตลาดคาดการณ์มากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐจะผ่อนคลายนโยบายอย่างเชิงรุกจากตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอกว่าคาด อีกทั้งธนาคารกลางหลายแห่งยังคงเข้าซื้อทองคำสุทธิ แม้ในระดับราคาปัจจุบัน ซึ่งช่วยหนุนราคาทองคำต่อไป แต่สัญญาณภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) อาจทำให้นักลงทุนชะลอการเข้าซื้อก่อนที่จะมีการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในสัปดาห์นี้
---
## สรุปสถานการณ์ตลาด: กระทิงทองคำพักตัว ท่ามกลางการฟื้นตัวเล็กน้อยของดอลลาร์และความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่ลดลง
รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) ของสหรัฐเมื่อวันศุกร์เผยว่า เศรษฐกิจเพิ่มการจ้างงานเพียง 22,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์อย่างมาก อีกทั้งการทบทวนตัวเลขย้อนหลังพบว่า เศรษฐกิจสหรัฐสูญเสียงาน 13,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นการลดลงรายเดือนครั้งแรกตั้งแต่เดือนธันวาคม 2020 บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานอ่อนแอลง
รายละเอียดเพิ่มเติมระบุว่า อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 4.3% จาก 4.2% ในเดือนกรกฎาคม ตามที่ตลาดคาด ขณะที่อัตราการมีส่วนร่วมในกำลังแรงงานขยับขึ้นเป็น 62.3% จาก 62.2% นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงรายปีลดลงมาอยู่ที่ 3.7% ในเดือนสิงหาคม จาก 3.9% ในเดือนก่อนหน้า
นักลงทุนตอบสนองอย่างรวดเร็ว และกำลังคำนวณโอกาสที่เฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่ในเดือนกันยายน อีกทั้งตลาดยังมองว่ามีโอกาสสูงที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 3 ครั้งภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งช่วยดันราคาทองคำขึ้นไปแตะ 3,600 ดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดใหม่ในวันศุกร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ในทิศทางบวก ฟื้นตัวบางส่วนจากการร่วงลงหลังตัวเลข NFP ไปแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่าหนึ่งเดือน ขณะที่บรรยากาศการลงทุนที่สดใสกลายเป็นแรงกดดันต่อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย นักลงทุนกำลังจับตาการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในสัปดาห์นี้เพื่อหาปัจจัยขับเคลื่อนใหม่
---
## ทองคำจำเป็นต้องปรับฐานก่อนขึ้นต่อ ท่ามกลางสัญญาณ RSI อยู่ในเขตซื้อมากเกินไป
ดัชนี Relative Strength Index (RSI) อยู่เหนือระดับ 70 อย่างชัดเจนบนกราฟรายวัน สะท้อนภาวะซื้อมากเกินไป ซึ่งบ่งชี้ว่าควรรอการปรับฐานระยะสั้นหรือการย่อตัวเล็กน้อย ก่อนที่นักลงทุนฝั่งกระทิง (XAU/USD Bulls) จะเข้ามาเสริมแรงเพื่อขยายโมเมนตัมขาขึ้นต่อ
อย่างไรก็ตาม การย่อตัวใด ๆ มีแนวโน้มดึงดูดแรงซื้อใหม่บริเวณ 3,545 ดอลลาร์ ซึ่งช่วยจำกัด downside ไว้แถว 3,510–3,500 ดอลลาร์ หากหลุดต่ำกว่าระดับดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ราคาทองจะถอยไปยังบริเวณ 3,440 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวต้านเดิมของกรอบการซื้อขาย และจะทำหน้าที่เป็นฐานรองรับระยะสั้นที่แข็งแกร่ง
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นทำ All time high𝐊𝐒_𝐖𝐞𝐚𝐥𝐭𝐡 𝐒𝐭𝐫𝐚𝐭𝐞𝐠𝐲: ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นทำ All time high หลังนายกอิชิบะประกาศลาออก & GDP 2Q25 ทบทวนใหม่จาก +1% เป็น +2.2%
• ดัชนี Nikkei และ Topix ขึ้นสู่ระดับ All time high จากสองปัจจัยบวก
1) นายกชิเงรุ อิชิบะ ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรค LDP ภายหลังพ่ายแพ้การเลือกตั้งสภาสูงเมื่อปลายเดือน ก.ค. และการเสร็จสิ้นภารกิจการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ เปิดทางหัวหน้าพรรคคนใหม่ที่อาจจะเป็น ซานาเอะ ทาคาอิจิ ซึ่งเคยเป็นผู้ท้าชิงหัวหน้าพรรค LDP กับอิชิบะในช่วง ก.ย. ปี 2024 โดยเธอคนนี้เป็นสายกระตุ้นเศรษฐกิจตามแบบฉบับ Abenomics ทั้งการใช้จ่ายภาครัฐ การลดภาษี และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ อีกทั้งยังเป็นสายสนับสนุนให้ BOJ ใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย
2) GDP 2Q25 รอบ Final ถูกปรับเพิ่มขึ้นจาก +1% QoQ เป็น +2.2% QoQ โดยหลักๆ เป็นการปรับเพิ่มในส่วนของการบริโภคจาก +0.6% เป็น +1.6% สูงสุดในรอบ 3 ไตรมาส สอดคล้องกับการเติบโตของค่าจ้างที่ +2.5% เร่งตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 7 เดือน
💡 𝐈𝐦𝐩𝐥𝐢𝐜𝐚𝐭𝐢𝐨𝐧
• เราคงมุมมอง 𝐒𝐥𝐢𝐠𝐡𝐭𝐥𝐲 𝐎𝐯𝐞𝐫𝐰𝐞𝐢𝐠𝐡𝐭 ในหุ้นญี่ปุ่น และแนะนำซื้อ 𝐊-𝐉𝐏-𝐀(𝐃) สำหรับการลงทุนในอีก 12 เดือนข้างหน้า โดยมีธีมหลักคือ การเปลี่ยนผ่านจาก 𝐃𝐞𝐟𝐥𝐚𝐭𝐢𝐨𝐧 𝐭𝐨 𝐈𝐧𝐟𝐥𝐚𝐭𝐢𝐨𝐧; 𝐃𝐞𝐫𝐚𝐭𝐢𝐧𝐠 𝐭𝐨 𝐑𝐞𝐫𝐚𝐭𝐢𝐧𝐠 หนุนโดยค่าจ้างที่เข้าสู่วัฎจักรของการเติบโต กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ที่ดีต่อเนื่องตามกระแส AI โลก ขณะที่กลุ่มธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) ที่เติบโตดีมากในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2026 อีกทั้งยังมีแรงหนุนจากกลุ่มยานยนต์นักวิเคราะห์เริ่มปรับประมาณการกำไรขึ้น นอกจากนี้หุ้นญี่ปุ่นยังมีมูลค่าที่ค่อนข้างถูกเมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นโลกที่ไม่รวมสหรัฐฯ (ACWI ex U.S.)
𝐊𝐒 𝐖𝐞𝐚𝐥𝐭𝐡 𝐒𝐭𝐫𝐚𝐭𝐞𝐠𝐲
DOGE/USDT – Triangle Breakout Loading…DOGE is coiling inside a Symmetrical Triangle on the 4H chart 📊. Price action is getting tighter → breakout is near!
Support 🛡️: $0.21 (key), $0.20 (invalidation)
Resistance 🎯: $0.25 (breakout trigger), then $0.28 → $0.30 → $0.36
RSI ⚡: ~52, leaning bullish
Volume 🔍: Dropping during consolidation – classic pre-breakout setup
📈 Bullish Setup: Close above $0.25 with strong volume → target $0.28–0.36
📉 Bearish Risk: Break below $0.21 → retest $0.19–0.20
⚠️ Disclaimer: Not financial advice. For educational purposes only. Trade safe & manage risk.