ตลาดหลักทรัพย์ไทย
สัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัว
ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ฟื้นตัว ส่งผลให้เกิดแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน หนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นปิดส่งท้ายสัปดาห์ที่ 1,597.04 จุด ทั้งสัปดาห์ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้น 21.91 จุด มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 4.5 หมื่นล้านบาท แรงขายที่มีออกมาในหุ้นกลุ่มสื่อสารและแบงก์ สะท้อนว่าดัชนีตลาดยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวขึ้น สัญญาณทางเทคนิคัลระยะสั้นเริ่มกลับมาเป็นลบในเขตซื้อมากเกิน ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลดลง นักลงทุนหวั่นเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวจะลุกลามถึงเศรษฐกิจสหรัฐ
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดดีดตัวกลับยืนปิดเหนือแนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้นระยะยาว หากดัชนีตลาดไม่หลุดแนวรับนี้ ดัชนีตลาดจะจบคลื่น 4,C ที่ 1,546 จุด ระยะสั้นดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้าน 38.2%, 50.0% และ 61.8% Fibonacci Retracement ที่ 1,597 จุด, 1,612 จุด และ 1,627 จุด ตามลำดับ ดัชนีตลาดจะยืนยันการจบคลื่น 4,C โดยสมบูรณ์เมื่อดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือ 1,630 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นและต่อเนื่อง
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดแกว่งตัวแคบๆขึ้นปิดเหนือแนวต้าน 38.2% Fibonacci Retracement ที่ 1,597 จุด หลังดัชนีตลาดพักตัวลงปิดช่องว่างขาขึ้น (Closing the window) ที่ 1,575 – 1,584 จุด ดัชนีตลาดมีทิศทางแกว่งตัวเข้าหาแนวต้านของจุดสูงเก่าที่ 1,609 จุด โดยมีเส้น Multiple Moving Average แบบ Long – Term (MMA2) ที่เรียงตัวแบบตลาดขาลงทำหน้าที่เป็นแนวต้านร่วม ดัชนีตลาดยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในช่องแนวโน้มขาลงระยะกลาง ทำให้ดัชนีตลาดที่ปรับตัวขึ้นมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลง
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณ RSI และ MACD เป็นบวก ขณะที่สัญญาณ Modified Stochastic กลับมาเป็นลบ ทำให้ดัชนีตลาดมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลง
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,604 – 1,612 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,590 – 1,584 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
ควรปรับพอร์ตเพื่อขายทำกำไรระยะสั้น เมื่อดัชนีตลาดปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,612 จุด หรือปรับพอร์ตเพื่อถือเงินสดเพิ่ม ควรถือเงินสดอย่างน้อย 60 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต
สัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัว
ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ฟื้นตัว ส่งผลให้เกิดแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน หนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นปิดส่งท้ายสัปดาห์ที่ 1,597.04 จุด ทั้งสัปดาห์ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้น 21.91 จุด มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 4.5 หมื่นล้านบาท แรงขายที่มีออกมาในหุ้นกลุ่มสื่อสารและแบงก์ สะท้อนว่าดัชนีตลาดยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวขึ้น สัญญาณทางเทคนิคัลระยะสั้นเริ่มกลับมาเป็นลบในเขตซื้อมากเกิน ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลดลง นักลงทุนหวั่นเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวจะลุกลามถึงเศรษฐกิจสหรัฐ
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดดีดตัวกลับยืนปิดเหนือแนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้นระยะยาว หากดัชนีตลาดไม่หลุดแนวรับนี้ ดัชนีตลาดจะจบคลื่น 4,C ที่ 1,546 จุด ระยะสั้นดัชนีตลาดมีทิศทางปรับตัวเข้าหาแนวต้าน 38.2%, 50.0% และ 61.8% Fibonacci Retracement ที่ 1,597 จุด, 1,612 จุด และ 1,627 จุด ตามลำดับ ดัชนีตลาดจะยืนยันการจบคลื่น 4,C โดยสมบูรณ์เมื่อดัชนีตลาดสามารถยืนปิดเหนือ 1,630 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นและต่อเนื่อง
จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดแกว่งตัวแคบๆขึ้นปิดเหนือแนวต้าน 38.2% Fibonacci Retracement ที่ 1,597 จุด หลังดัชนีตลาดพักตัวลงปิดช่องว่างขาขึ้น (Closing the window) ที่ 1,575 – 1,584 จุด ดัชนีตลาดมีทิศทางแกว่งตัวเข้าหาแนวต้านของจุดสูงเก่าที่ 1,609 จุด โดยมีเส้น Multiple Moving Average แบบ Long – Term (MMA2) ที่เรียงตัวแบบตลาดขาลงทำหน้าที่เป็นแนวต้านร่วม ดัชนีตลาดยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในช่องแนวโน้มขาลงระยะกลาง ทำให้ดัชนีตลาดที่ปรับตัวขึ้นมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลง
สัญญาณ Oscillator จากกราฟรายวัน สัญญาณ RSI และ MACD เป็นบวก ขณะที่สัญญาณ Modified Stochastic กลับมาเป็นลบ ทำให้ดัชนีตลาดมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลง
ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,604 – 1,612 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,590 – 1,584 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
ควรปรับพอร์ตเพื่อขายทำกำไรระยะสั้น เมื่อดัชนีตลาดปรับตัวเข้าหาแนวต้านที่ 1,612 จุด หรือปรับพอร์ตเพื่อถือเงินสดเพิ่ม ควรถือเงินสดอย่างน้อย 60 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต