DELTA ELECTRONICS
ลดลง

DELTA : หุ้น 15 เด้ง นับจากเขียวแรก + วิเคราะห์แนวทางขึ้นรถ

วันนี้หุ้น DELTA ก็ทำทรง ดีด ด้วยความ FOMO สุดๆ และทุกเพจมีแต่เอา "ผลลัพธ์" ที่เกิดขึ้นไปแล้วมาลงกันใหญ่
แต่สำหรับผม ผมมองว่า ดูผลลัพธ์ไปก็เท่านั้น เราไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย ได้แต่นั่งมองแล้วก็บ่นว่า "รู้งี้นะ จะ ขายบ้านขายรถ มา All-in!"
แต่ถามว่า "เอ้า แล้วทำไม ตอนมันยังไม่ขึ้น ไม่ซื้อกันล่ะ? จะมารู้งี้อะไรตอนนี้ 555" หลายๆ คนก็ตอบไม่ได้ว่า ทำไมตอนนั้น กูไม่ซื้อวะ
วันนี้ ผมเลยจะมาลองวิเคราะห์กราฟของ DELTA เพื่อจะดูว่า ... รอบหน้า ถ้ามีหุ้น หรือ Asset ใดๆ ที่ทำลักษณะนี้อีก เราจะได้ไม่ "ตกรถ" และมาบ่น "รู้งี้" ทีหลัง..
มาลองดูกันครับ

1) หุ้น DELTA ระบบ Action Zone เขียวแรก ตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย. 2020
* ถ้าเราใช้ระบบเขียวแดง อย่าง Action Zone ( MACD ) มาจับ ก็จะเห็นได้ว่า ระบบเขียวในวันที่ 27 เม.ย. 2020 ซึ่งตอนนั้นก็เป็นช่วงที่ตลาดกำลังทำ V-Shape Correction หลังจากร่วงเพราะ Covid กันพอดี
* ซึ่งตอนนั้น หุ้น DELTA อยู่ประมาณ 38 บาท ซึ่งหมายความว่า ขั้นต่ำ ต้องซื้อ 100 หุ้น = 3800 บาทนั่นเอง
* แต่ปกติแล้ว เวลาเราเทรดหุ้น เราไม่ได้เข้าแบบตัวใดตัวหนึ่ง เราเข้าแบบเป็น Portfolio หลายๆ ตัวปนๆ กันไป .. สมมุติว่า เราวางว่าจะเข้าหุ้น 10 ตัว โดยใช้ความเสี่ยงตัวละ 1% และมีทุน 1 ล้านบาท เราก็จะได้ว่า
* กรณี Delta เราเข้าเขียวแรก และวาง SL ใต้ low ต่ำหน่อยก่อนหน้า ก็จะติดลบ 18.43% ปัดขึ้นก็จะได้ -20% เราไปคำนวณ Risk 1% จะได้ว่า ไม้แรกเลย เราจะเข้าไป = 100/20 = 5% ของพอร์ต หรือคิดจากทุน 1 ล้านบาท = ไม้แรก ซื้อ DELTA ได้ 1300 หุ้น ตกเป็นเงิน 49,400 บาทนั่นเอง

2) หลังจากนั้น เราก็รันเทรนต่อไปเรื่อยๆ ติ๊ต่างว่าไม่ขายล่ะกัน -- เราก็จะได้จุดเข้าที่ 2 นั่นก็คือ การ Break กรอบ Sideway 2 เดือน ในวันที่ 10 ก.ค. 2020
* โดยถ้าเราเข้าตามระบบ ก็จะได้จุด SL อยู่ใต้ low ก่อนหน้า โดยมี loss ที่ -25.75% ราคาเข้า 70 บาทต่อหุ้น
* ถ้าเราเข้าด้วยความเสี่ยงเท่าเดิม 1% ทุนเท่าเดิม 1 ล้าน จะได้ว่า = 100/26 = 3.8% ของพอร์ต คำนวณและปัดเศษลง ก็จะเข้าได้ 500 หุ้น = 35,000 บาท

3) หลังจากนั้น เราก็มีจังหวะให้เข้าอีกรอบ นั่นก็คือ การทะลุกรอบ sideway เกือบสองเดือน ช่วงวันที่ 16 ก.ย. 2020
* ทำเหมือนเดิม ราคาเข้า 140 บาท จุด SL -27% Risk 1%
* คำนวณและปัดลงก็จะได้ว่าเข้าได้ 200 หุ้น ที่ 140 บาท = 28,000 บาท

4) ไม้สี่ ไม้สุดท้าย ก็เหมือนเดิม ทะลุกรอบ sideway เกือบ 2 เดือน ในวันที่ 26 พ.ย. 2020
* ทำเหมือนเดิม ราคาเข้า 222 บาท จุด SL -29% Risk 1%
* คำนวณและปัดลง ก็จะได้ว่า เข้าได้ 100 หุ้น ที่ 222 บาท = 22,200 บาท


-----------
สรุปไม้ กำไร ณ ราคาปัจจุบัน ที่ 672 บาท ( 25/12/2020 )
-----------
ไม้แรก : 1300 หุ้น ที่ราคา 38 บาท ทุน 49,400 บาท มีกำไร 1493% = 786,942 บาท
ไม้สอง : 500 หุ้น ที่ราคา 70 บาท ทุน 35,000 บาท มีกำไร 871% = 339,500 บาท
ไม้สาม : 200 หุ้น ที่ราคา 140 บาท ทุน 28,000 บาท มีกำไร 384% = 135,520 บาท
ไม้สี่ : 100 หุ้น ที่ราคา 222 บาท ทุน 22,200 บาท มีกำไร 201% = 66,822 บาท
รวมต้นทุนทั้งหมด = 134,600
รวมมูลค่าพอร์ต ณ วันเขียนบทความ = 1,328,784
คิดเป็นกำไร จากเงินที่ลงทุน ณ วันเขียนบทความ = 887%
คิดเป็นกำไร เทียบกับ Capital 1m = 119%

-------
สรุป
-------
* จะเห็นได้ว่า เอาจริงๆ แล้ว กราฟ Delta เอง ก็มีจังหวะพักฐาน เอื่อยๆ เฉื่อยๆ ให้เราเข้ากันได้ รอบละเกือบ 2 เดือน แต่ถามว่า ทำไม เราไม่เข้ากัน?
* สำหรับผม เหตุผลง่ายๆ เลยที่ไม่ได้เข้า เพราะ.. ผมไม่มีตังมากพอ จะเห็นได้ว่า ถ้าผมมีเงินแค่แสนเดียว ( น้อยกว่าตัวอย่าง 10 เท่า ) ผมจะเข้า Delta ได้แค่ไม้แรกเท่านั้น เพราะ ไม้ที่เหลือ ถ้าวางความเสี่ยง ผมจะเข้าได้แค่ 50 หุ้น 20 หุ้น 10 หุ้น ตามลำดับ ซึ่ง... เราซื้อไม่ได้ในตลาดบ้านเรา เพราะต้องซื้อขั้นต่ำ 100 หุ้น
* และผลสรุป จะเห็นได้ว่า ถึงแม้ว่า มันจะขึ้นมาจากเขียวแรกถึง 1500% จริง แต่ถ้าเราวางความเสี่ยงดีๆ ไม่ overtrade เราก็จะได้กำไรเต็มที่ ณ ตอนนี้ ก็แค่ 887% เท่านั้น .. ซึ่งถามว่าเยอะไหม ก็เยอะแหละ แต่ว่า มันก็ไม่ได้เยอะจนเหมือนถูกล็อตเตอรี่ หรือเหมือนที่คนมโนกันไปเองไง 555
* แถม ถ้าคนที่ซื้อมาตั้งแต่ 38 บาทจริง ถามว่า ใจคอคุณพรี่จะไม่ Take Profit กันเลยเหรอ? 555 ซึ่งมันก็ไม่ได้หรอก สุดท้ายยังไงก็ต้องมี TP บ้างอะไรบ้าง ซึ่งในทางปฏิบัติแล้ว ยังไงกำไรมันก็ไม่ได้เวอร์วังอะไรขนาดนั้น
* และถ้าเราไปมองว่า กำไรชุดนี้ ถ้าเทียบกับ capital เริ่มต้น ที่ 1 ล้านบาท เราจะได้กำไรเท่าไหร่.. คิดแล้วเราก็จะมีกำไรแค่ประมาณ 119% เท่านั้น ซึ่งถ้าเราเข้าหุ้น 10 ตัว แล้วตัวอื่นๆ มันไม่มีกำไรเลย หรือขาดทุนด้วยซ้ำ เราก็จะได้กำไร ของทั้งพอร์ตแค่ประมาณ 100% +- นี่แหละ

------------
สรุป ของสรุป
------------
* เห็นไหมว่า ถ้ามองในแง่การบริหารพอร์ต แบบคุมความเสี่ยงดีๆ เอาจริงๆ กำไรที่ดูเยอะ แต่พอมองในภาพรวมแล้ว มันก็ไม่ได้เยอะเท่าไหร่
* เพราะในทางปฏิบัติแล้ว ไม่มีใครรู้อนาคต ว่าหุ้นตัวไหนจะขึ้นไปหลายเด้ง เพราะถ้ารู้ เราก็คง all-in ขายบ้าน ขายรถ มาซื้อ หุ้นตัวนั้นๆ แล้วจริงไหม?
* สิ่งที่สำคัญ คือ การวางแผนเข้าหุ้นที่ดี และการบริหารความเสี่ยงที่ดี และกลยุทธการเข้าซื้อที่ดี มากกว่า
* ศึกษากราฟกันไปนะครับ รอบหน้าเราจะได้ไม่ตกรถกันอีก 55 บทความนี้ไม่ได้ชี้ชวนให้มาซื้อเลยนะ เพราะว่า หุ้นตัวนี้ มัน climax ไปแล้วอ่ะ เม่าเข้ากันแล้ว ( Big Green Candle + เปิด gap ) สื่อลงกันทุกสำนักแล้ว.... หลังจากนี้คือได้แต่นั่งจิบกาแฟรอดูอย่างเดียวครับว่า ... เจ้าเขาจะปล่อยของเมื่อไหร่ อิอิอิ
deltaTrend Analysis

- ถ้าอยากดูผล Backtest ของกลยุทธนี้ ให้เปิดผ่าน web browser บน PC นะครับ
- ถ้าอยากติดตามเพจ ก็เข้าไปไลค์ได้ที่ facebook.com/inwcoin
- ทุกบทวิเคราะห์ ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน เป็นเพียงการศึกษา Technical Analysis และบันทึกไว้เป็นหลักฐานของผมเองเท่านั้น
และใน:

คำจำกัดสิทธิ์ความรับผิดชอบ