ซื้อที่ราคาตลาด ขายที่37แนวโน้มค่าเงินดอลล่าสหรัฐกลับมาแข็งค่าละ เข้าที่ราคาตลาดและขายที่36ขึ้นไปจนถึง37เพิ่มขึ้นโดย phukitsak221
USDTHB (Baht)เห็นยังไง วิเคราะห์ไปแบบนั้น ไม่ยึดติดทฤษฏี มองถึงความได้เปรียบของรูปทรงกราฟที่เกิดขึ้น นำไปสู่ผลลัพธ์ที่สร้างผลตอบแทน !! แต่ถ้าอยากรู้เหตุผลอย่างอื่นเพิ่มเติม เข้ามารับชมได้ที่เพจ Order Concept หรือพิมพ์ค้นหาที่ FacebooK : @OrderConceptFX ได้เลย ไลฟ์วิเคราะห์ทุกวันอังคาร และวันพฤหัสบดี (เวลา 14:00 น.) เป็นต้นไป สามารถดูย้อนหลังได้ตลอด ที่นี้เราจะไม่พูดถึงแค่เรื่องกราฟแบบมือใหม่ แต่เราจะพาไปเจาะลึกถึง Macroeconomics (เศรษฐศาสตร์มหภาค)ลดลงโดย Expert_Trader_FX3
USDTHB ใกล้จะแข็งค่าชั่วคราว อาจปรับตัวลงมาUSDTHB ใกล้จะแข็งค่าชั่วคราว อาจปรับตัวลงมา โดยมีแนวต้าน 34.807 / 35.154 ถ้าเบรก 35.154 ได้ cut หรือ stop loss high เดิมคือ 34.80 ส่วนจะ short แบ่งไม้เข้าได้ และ คัทหากเบรก 35.154 เป้าทำกำไรระยะสั้นคือ 33.30 โดยประมาณลดลงโดย moomint1680
14/01/25 สรุปการวิเคราะห์ USD/THB พร้อมแผนการเทรด บาทกำลังจะกลับมาแข็งค่า หุ้นไทยกำลังจะฟื้นจากท้องคลื่น **สรุปการวิเคราะห์ USD/THB พร้อมแผนการเทรด** ในกราฟ USD/THB มีการปรากฏของ **Bearish Gartley Pattern** ซึ่งเป็นรูปแบบที่บ่งชี้ถึงการกลับตัวขาลงจากแนวโน้มขาขึ้นเดิม โดยใช้เครื่องมือ Fibonacci และ TD Sequential ร่วมกัน ระดับราคาสำคัญและกลยุทธ์การเทรดอธิบายได้ดังนี้: #### **โซนราคา (Price Zones)** 1. **จุดเข้า (Entry Zone):** - ระหว่าง **34.75 - 34.85** (ใกล้จุดสิ้นสุดของ Bearish Gartley ที่ 78.6% Fibonacci) 2. **เป้าหมายการทำกำไร (Take Profit):** - เป้าหมายแรก: **34.59** (ระดับ 61.8% Fibonacci retracement) - เป้าหมายที่สอง: **34.41** (ระดับ 50.0%) - เป้าหมายสุดท้าย: **34.24** (ระดับ 38.2%) 3. **Stop Loss:** - ตั้ง Stop Loss เหนือจุดสูงสุดของโครงสร้าง Gartley ที่ระดับ **34.95 - 35.00** เพื่อป้องกันความเสี่ยง --- ### **กลยุทธ์การเทรด** | จุดสำคัญ | ราคา (THB) | แนวทางการเทรด | |---------------------|------------|-------------------------------------| | **จุดเข้า (Sell Zone)** | 34.75 - 34.85 | เปิดคำสั่ง **Sell** | | **เป้าหมายแรก** | 34.59 | ปิดทำกำไรบางส่วน (หรือทั้งหมด) | | **เป้าหมายที่สอง** | 34.41 | ปิดทำกำไรเพิ่มเติม | | **เป้าหมายสุดท้าย** | 34.24 | ปิดทำกำไรเต็มจำนวน | | **Stop Loss** | 34.95 - 35.00 | ป้องกันขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามคาด | --- ### **กรณีที่ USD กลับมาแข็งค่า: ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย** 1. **การแข็งค่าของ USD หมายถึง THB อ่อนค่า** - ค่าเงินบาทที่อ่อนลงทำให้ต้นทุนในการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อบริษัทที่พึ่งพาการนำเข้า เช่น กลุ่มธุรกิจที่ใช้วัตถุดิบนำเข้าและบริษัทพลังงาน 2. **หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก USD แข็งค่า** - หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก (Exporters) เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, อาหาร และยานยนต์ จะได้รับประโยชน์จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นในรูปสกุล USD 3. **ตลาดทุนโดยรวม** - การอ่อนค่าของ THB อาจสร้างแรงกดดันต่อกระแสเงินทุนไหลออก เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติจะมองหาสกุลเงินที่แข็งค่า ทำให้เกิดการขายสินทรัพย์ไทย เช่น หุ้นและพันธบัตร --- ### **สรุปความเข้าใจ** - เปิดสถานะขาย (Sell) เมื่อราคายืนยันการกลับตัวในโซน 34.75-34.85 ด้วยเป้าหมายทำกำไรตาม Fibonacci retracement - ติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และไทยเพื่อประเมินการเคลื่อนไหวของ USD/THB เพิ่มเติม - หาก USD แข็งค่า อุตสาหกรรมส่งออกในไทยจะได้ประโยชน์ ขณะที่ธุรกิจที่พึ่งพาการนำเข้าและตลาดหุ้นโดยรวมอาจได้รับผลกระทบจากกระแสเงินทุนไหลออกโดย dohoon9136
Moving Average Guide เส้นไหนโดนใจที่สุดMoving Average Guide เส้นไหนโดนใจที่สุด 👯👯👯 กลับมาพบเจอกันอีกแล้ว กับบทวามเทคนิคดีๆในการเทรด วันนี้เอาใจเทรดเดอร์ที่ชื่นชอบเส้น EMA แต่เอ๊ะ EMA ทำไมมีหลายเส้นจัง มาครับ บทความนี้มีคำตอบ Moving Average คืออะไร?? Moving Average (MA) หรือที่เราเรียกว่า เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เป็น Indicators ที่ใช้ง่ายถึงง่ายที่สุดและถูกนำไปใช้งานบ่อยและเป็นที่นิยมมากในตลาดการเงินและะตลาดหุ้น แต่เคยสังเกตุมั้ยทำไมเส้น Moving Average ถึงมีให้เลือกใช้งานมากมายหลากหลายประเภทจัง ในหัวข้อนี้แอดจะเน้นไปที่เส้น Exponential Moving Average (EMA) เพราะเป็นค่ามาตรฐานที่ค่อนข้างละเอียด และเป็นที่นิยมกันมาก ส่วนใหญ่ เส้น EMA ก็จะมีการคำนวณค่าเฉลี่ยย้อนหลังไปครับ ไม่ว่าจะเป็นเส้นย้อนหลังไป 5 วัน หรือ 10 วัน 100 วัน หรือมากกว่า ทีนี้เรามาดูกันดีกว่า ว่าเส้น EMA ย้อนหลัง เส้นแบบไหนที่เหมาะกับเราบ้าง 1. หากเราชื่นชอบการเทรดสั้นๆเน้นเข้าเร็วออกเร็ว เหมาะกับการเทรดแบบ Day Trading และ Scalping ปิดจบในวัน แอดแนะนำให้ใช้เส้น 5 หรือ 9 หรือ 10 โดยที่เราต้องมีเส้นตัดบอกทิศทาง 1-2 เส้นขึ้นไปร่วมด้วย เพื่อบอกแนวรับแนวต้าน ส่วนใหญ่จะใช้เส้น 20 , 100 เป็นเส้นหลักในการรตัดกัน 2. หากเราชื่นชอบการเทรดระยะกลางๆปิดจบรายวัน ตั้งแต่ H1 ขึ้นไปจนรายวัน และเหมาะกับการเทรดตามเทรนด์ หรือ Trend Following แอดแนะนำให้ใช้เส้น 25 หรือ 50 หรือ 75 โดยที่เราต้องมีเส้นตัดบอกทิศทาง 1-2 เส้นขึ้นไปร่วมด้วย เพื่อบอกแนวรับแนวต้าน ส่วนใหญ่จะใช้เส้น 20 , 100 เป็นเส้นหลักในการรตัดกัน 3. หากเราชื่นชอบการเทรดระยะยาว ตั้งแต่รายวันจนถึงรายวีคและรายเดือนขึ้นไป เหมาะกับการเทรดตามเทรนด์ หรือ Trend Following แอดแนะนำให้ใช้เส้น 20 ร่วมกับเส้น 100 และ 200 ขึ้นไป โดยที่เราต้องมีเส้นตัดบอกทิศทาง 1-2 เส้นขึ้นไปร่วมด้วย เพื่อบอกแนวรับแนวต้าน เส้น EMA ที่นิยมใช้ เส้น EMA5 = การคำนวณค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 วันทำการ หรือ 1 สัปดาห์ เส้น EMA10 = การคำนวณค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 วันทำการ หรือ 2 สัปดาห์ หรือ ประมาณครึ่งเดือน เส้น EMA20 = การคำนวณค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 20 วันทำการ หรือ 4 สัปดาห์ หรือ เกือบๆ 1 เดือน เส้น EMA25 = การคำนวณค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 25 วันทำการ หรือ ประมาณ 1 เดือน เส้น EMA40 = การคำนวณค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 40 วันทำการ หรือ 8 สัปดาห์ หรือ เกือบๆ 2 เดือน เส้น EMA50 = การคำนวณค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 50 วันทำการ หรือ ประมาณ 2 เดือน เส้น EMA75 = การคำนวณค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 75 วันทำการ หรือ ประมาณ 3 เดือน หรือ 1 ไตรมาส เส้น EMA200 = การคำนวณค่าเฉลี่ยเป็นตัวเลขกลม ๆ ของจำนวนวันประมาณ 3 ไตรมาส 👽👽👽 เป็นอย่างไรกันบ้างครับพอจะได้ทริคดีๆในการใช้เส้น EMA กันบ้างแล้วใช่มั้ยครับ แอดว่ามันเรียบง่ายและใช้ง่ายที่สุดแล้วครับ แต่อย่าใส่เส้น EMAเยอะเกินไปจนลายตานะครับ ไม่งั้นนอกจากจะดูกราฟไม่รู้เรื่องแล้วเผลอๆจะเข้าออเดอร์ผิดๆถูกๆไปอีก แล้วที่สำคัญ หมั่นฝึกฝนการเทรดให้ได้ทุกวัน ยิ่งเราเทรดบ่อยๆเราจะเก่งขึ้นเองครับ และที่สำคัญอย่าลืม MM และสร้างแผนการเทรดที่ดีด้วยนะครับ จะช่วยทำให้เราแกร่งมากยิ่่งขึ้น และเจ็บน้อยลง แอดเอาใจช่วยนะครับการศึกษาโดย Tradertanofficial15
อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อ USDTHB เกิดสัญญาณ TD SELL SETUP#8@DAYเมื่อ USD/THB (ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเทียบกับเงินบาท) เกิด **สัญญาณ TD Sell Setup #8 บนกรอบรายวัน (Day)** ตาม **DeMark Indicators** ซึ่งใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค จะมีผลดังนี้: ### 1. **สัญญาณ TD Sell Setup คืออะไร?** - **TD Sell Setup** เป็นส่วนหนึ่งของ **DeMark Sequential Indicator** ซึ่งระบุช่วงที่ตลาดอาจเกิดภาวะ *overbought* หรือมีแนวโน้มชะลอตัว/กลับตัวในทิศทางลง - ในขั้นตอนนี้ สัญญาณเกิดขึ้นเมื่อราคาปิด (Close) ของสินทรัพย์ในกรอบเวลาที่วิเคราะห์สูงกว่าราคาปิดของกรอบก่อนหน้า (Close ก่อน 4 แท่ง) ครบ 9 แท่ง (หรือ 8 กำลังจะเป็น 9) - TD #8 บ่งบอกว่าใกล้ถึงจุดที่สัญญาณ TD Sell อาจสมบูรณ์ ซึ่งเกิดที่ TD #9 --- ### 2. **ผลกระทบต่อราคา USD/THB** - **ภาวะชะลอตัวของขาขึ้น (Bullish Momentum Deceleration):** TD #8 อาจแสดงว่าการขึ้นของค่าเงิน USD/THB ใกล้ถึงจุดสูงสุดระยะสั้น ราคามีโอกาสเริ่มอ่อนตัวลง - **แนวโน้มการกลับตัว (Reversal):** หากราคาเกิด TD #9 ในวันถัดไป และราคายืนยันการกลับตัวด้วยแท่งเทียนกลับทิศ (เช่น Shooting Star หรือ Bearish Engulfing) อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของขาลง - **โซนแนวต้าน (Resistance Zone):** ราคามักอยู่ในระดับที่ใกล้โซนแนวต้านทางจิตวิทยาหรือทางเทคนิค ซึ่งเทรดเดอร์มักจับตาระดับราคานี้อย่างใกล้ชิด --- ### 3. **กลยุทธ์การเทรด** - **สำหรับผู้ที่ถือ Long USD/THB:** - ควรระมัดระวังการถือสถานะต่อ อาจใช้ **Trailing Stop** เพื่อรักษากำไร หรือปิดสถานะบางส่วน - **สำหรับผู้ที่รอ Short:** - อาจรอสัญญาณ TD #9 หรือแท่งยืนยันขาลงก่อนเปิดสถานะ - **ดูปัจจัยพื้นฐานเสริม:** สัญญาณ TD มีความแม่นยำสูงในตลาดที่ไม่มีข่าวสำคัญรบกวน เช่น นโยบายดอกเบี้ยของเฟด หรือ ธปท. --- ### 4. **คำเตือน** - สัญญาณ TD Sell Setup เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์ ควรใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น (MACD, RSI, แนวรับ-แนวต้าน) เพื่อเพิ่มความแม่นยำ - การเคลื่อนไหวของ USD/THB ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐาน เช่น การประชุมธนาคารกลาง อัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อ หรือสถานการณ์เศรษฐกิจโลก หากต้องการข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับ USD/THB ในช่วงนี้ สามารถวิเคราะห์เพิ่มเติมจากกราฟหรือติดตามข่าวเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง!โดย dohoon9134421
Block Trade คืออะไร?Block Trade คืออะไร เทรดอย่างไร ? 👯👯👯 สำหรับใคร ที่ชื่นชอบความท้าทาย และต้องการมีรายได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในหุ้น ให้รีบมาอ่านบทความนี้ เพราะหากเราลองเปรียบเทียบ การลงทุนในหุ้นด้วยจำนวนเงินที่เท่าๆกัน แต่เราสามารถสร้างผลตอบแทนและกำไรได้มากกว่าหลายเท่าตัวด้วย Block trade จะดีกว่ามั้ย มาครับมาตามอ่านกัน Block Trade คืออะไร? Block Trade เป็นหนึ่งในบริการที่บริษัทหลักทรัพย์จัดทำให้กับลูกค้าที่มีความต้องการลงทุนใน Single Stock Future (SSF) ซึ่งมีวิธีการซื้อขายแบบจับคู่ซื้อขาย (SSF) ที่ราคา และจำนวนสัญญาที่ตกลงกันไว้ เพื่อช่วยเรื่องสภาพคล่องที่ไม่เพียงพอ Single Stock Futures (SSF) แรกเริ่มเดิมที คือ การซื้อขายสัญญา Futures ของหุ้นอ้างอิงที่เราสนใจนั่นเอง โดยมากแล้วหุ้นอ้างอิงเหล่านี้มักจะเป็นสมาชิกของ SET50 ซะเป็นส่วนใหญ่ แล้วบวกเพิ่มเข้าไปกับหุ้น SET100 อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งเมื่อรวมกันแล้ว ปัจจุบันมีทั้งหมด 69 หุ้นอ้างอิงที่เราสามารถเลือกซื้อขาย Long-Short โดยใช้ Single Stock Futures เป็นตัวช่วยในการเพิ่มอัตราทดให้พอร์ตการลงทุนของเราได้ แต่การซื้อขาย SSF กลับไม่ราบรื่นเท่าที่ควร เหตุก็เพราะว่าผู้เล่นในสนามนี้โดยมากแล้วจะเป็นนักลงทุนทั่วไป ที่มาตั้งซื้อ-ขายกันเอง ทำให้ “สภาพคล่อง” ของสินค้าชนิดนี้น้อย เป็นผลให้นักลงทุนไม่สามารถซื้อขายกันได้อย่างสะดวก ด้วยเหตุนี้เองทำให้ SSF ได้รับความนิยมน้อย และนักลงทุนไม่ให้ความสนใจมากนักเนื่องจากปัญหาสภาพคล่องที่ต่ำ จนกระทั่งเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทหลักทรัพย์ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นผู้เพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาด SSF วิธีการคือบริษัทหลักทรัพย์เหล่านี้จะทำตัวเป็นคู่สัญญาให้กับผู้ซื้อทุกคน โดยมีเงื่อนไขว่า ผู้ซื้อจะต้องซื้อจำนวนสัญญา SSF เป็นจำนวนขั้นต่ำตามเกณฑ์ที่มีกำหนดขึ้นมาจากตลาดหลักทรัพย์ การจับคู่สัญญาของผู้ซื้อ และบริษัทหลักทรัพย์นี้เองที่เรียกว่า “BLOCK TRADE” โดยที่หากผู้เล่นต้องการเปิด สถานะ LONG บริษัทหลักทรัพย์ก็จะมารับเป็นคู่สัญญาเปิด สถานะ SHORT ทำให้ออเดอร์ทั้งสองฝั่งแมทช์กันได้ ดังนั้น ในกรณีที่ราคาหุ้นขยับขึ้นไป ผู้เล่นก็จะมีกำไร และทางบริษัทหลักทรัพย์คู่สัญญาตรงข้ามก็จะต้องรับขาดทุนไปด้วย แต่บริษัทหลักทรัพย์ไม่ต้องการเปิดความเสี่ยงตรงนี้จุดนี้ จึงใช้วิธีป้องกันความเสี่ยง โดยการเข้าไปซื้อ “หุ้นจริงบนกระดาน” เอาไว้เท่ากับจำนวนที่เป็นคู่สัญญาให้กับผู้เล่น เพราะฉะนั้นแล้วบริษัทหลักทรัพย์ก็จะ “ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย” จากการเป็นคู่สัญญากับนักลงทุน เพียงแต่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้นักลงทุนสามารถใช้ประโยชน์จากอัตราทดของสินค้านี้ได้ ตัวอย่างขั้นตอนการทำ Block Trade (ตัวเลขสมมติ) - ผู้เล่นติดต่อมาร์เกตติ้งส่วนตัวเพื่อขอทำ Block Trade หุ้น CBG 1 แสนหุ้น - มาร์เกตติ้งส่งคำสั่งเปิด long CBG 100 สัญญา ถึงบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นคู่สัญญา - บริษัทหลักทรัพย์ทำการซื้อหุ้น CBG 100,000 หุ้นจากบนกระดานหลักเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงตามที่ได้กล่าวไปด้านบน - ลูกค้ามีสถานะ long CBG 100 สัญญา หรือเทียบเท่ากับมีหุ้น CBG 100,000 หุ้น *** เหตุการณ์ทั้งหมดใช้เวลาเพียง 1-2 นาทีเท่านั้น *** หลังจากที่มีโบรคเกอร์เข้ามาเป็นตัวกลางในการทำธุรกรรมนี้แล้ว ปริมาณการเทรด SSF จึงโตขึ้นถึง 10 เท่าตัว จากเดิมที่มีการซื้อขาย SSF เฉลี่ย 10,000 สัญญา ต่อวัน เขยิบขึ้นมาที่ราวๆ 80,000 สัญญาต่อวัน ซึ่งในวันที่มีการเทรดกันคึกคักสุดๆ จำนวนสัญญาเคยขึ้นไปสูงถึง 150,000 สัญญาต่อวันเลยทีเดียว ทำไมผู้เล่นถึงเข้ามาเทรด Block Trade กันมากมายขนาดนี้ !!? 1. หุ้นที่สามารถทำ Block Trade ได้นั้น โดยมากจะเป็นหุ้นใน SET50 และ SET100 2. เลือกทิศทางได้ทั้งในฝั่ง LONG และ SHORT เพราะฉะนั้น ไม่ว่าตลาดจะเป็นขาขึ้น,ขาลง หรือแม้แต่ไซด์เวย์ ก็มีโอกาสให้กับผู้เล่นอยู่เสมอ 3. การทำ Block Trade ใช้เงินน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการซื้อหุ้นในตลาด 👽👽👽 เป็นอย่างไรกันบ้างครับพอจะเริ่มเป็นแนวทางในการหาเงินหรือกำไรเพิ่มขึ้นมั้ยครับ แอดว่ามันเข้าท่าดีนะครับ สำหรับคนที่มีเงินทุนน้อย และชอบเทรดในตลาดหุ้นที่มีทั้ง short และ long บอกเลยว่ามันได้ฟิลดีเหมือนกันนะเออ แล้วอย่าลืม หมั่นฝึกฝนการเทรดให้ได้ทุกวัน ยิ่งเราเทรดบ่อยๆเราจะเก่งขึ้นเองครับ และที่สำคัญอย่าลืม MM และสร้างแผนการเทรดที่ดีด้วยนะครับ จะช่วยทำให้เราแกร่งมากยิ่่งขึ้น และเจ็บน้อยลง แอดเอาใจช่วยนะครับการศึกษาโดย Tradertanofficial14
Retest Trading แบบไหนให้ได้กำไรRetest Trading แบบไหนให้ได้กำไร 👽👽 เคยเป็นกันบ้างมั้ยกับการอ่านกราฟทางเทคนิคแล้วโดนกราฟหลอก ไปทางไหนก็ผิดทาง รีเทสแล้ว รีเทสอีก ก็ยังผิดทาง หรือเราจะอ่านกราฟผิดกันนะ มาครับ บทความนี้แอดมีคำตอบให้ กลไกของกลยุทธ์การ Retest กลไกของกลยุทธ์ Retest มักมาควบคู่กันพร้อมกับ Breakout เสมอ หลักและใจความสำคัญ ที่จำเป็นในการเทรดก็คือการอ่านแนวรับแนวต้านให้ออก และจำเป็นต้องใช้เครื่องมือตัวบ่งชี้ทางเทคนิคช่วยด้วยอีกทางหนึ่ง สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงก็คือ 1. เมื่อกราฟราคาพุ่งขึ้นสูงสุดหรือลงต่ำสุด และทะลุแนวรับหรือแนวต้าน โดยมีปริมาณ Volumn การซื้อขายที่สูงหรือต่ำตามมาติดๆ - การ Breakout ในแนวรับหรือแนวต้าน จะเกิดขึ้นเป็นอันดับแรก - อันดับต่อมาที่ต้องเฝ้าระวังคือ การย่อ..........หรือการเปลี่ยนทิศทางกระทันหันเพื่อหลอกล่อเม่าน้อยๆให้มาติดกับ - ถัดจากการล่อเม่าเสร็จสิ้น ราคาจึงจะวิ่งกลับไป Retest ณ จุด จุด เดิมอีกครั้ง - จุดนี้แหละ ที่เราต้องเฝ้าระวัง เพื่อหาจุดเข้าสวยๆเข้าฮะ รูปแบบแท่งเทียนที่พบได้บ่อยที่สุดในกลยุทธ์ Break and Retest ได้แก่ 1. Wedge Pattern แสดงถึงเส้นแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงภายในช่วงราคาที่แคบลงเรื่อยๆ 2. Consolidation Pattern บ่งบอกถึงช่วงราคาในแนวนอน หรือกราฟไซด์เวย์ สำหรับการเล่นสั้น ทั้งขาขึ้น และขาลง ซึ่งยังหาแนวโน้มที่ชัดเจนไม่ได้แต่คันมือ จัดเบาๆไปก่อน 3.Triangles Pattern รูปแบบสามเหลี่ยม คือการทะลุกรอบสามเหลี่ยมออกไป เป็นไปได้ทั้งขาขึ้นและขาลง 4. The Channel Patterns แสดงถึงเส้นแนวโน้มเส้นขนาน ซึ่งเป็นไปได้ทั้งไซด์เวย์สลับฟันปลา และไซด์เวย์อัพ ไซด์เวย์ดาว์น โดยราคาจะวิ่งไต่กรอบเส้นเทรนไลน์ไปเรื่อยๆ เป็นเส้นคู่ขนาน **** นอกจากรูปแบบแท่งเทียนแล้ว อินดิเคเตอร์ที่จัดว่าเด็ดและช่วยในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ได้แก่ MACD หรือ RSI เพื่อช่วยยืนยันทิศทางของแนวโน้มที่เราคาดการณ์ไว้ 👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ แอดหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เราอ่านกราฟได้ดี อ่านกราฟได้เก่งมากขึ้นนะครับ จำไว้เสมอว่ากราฟมีขึ้นแล้วก็มีลง ไม่ต้องไปเครียดกะมันหมั่นึกฝนและเพิ่มเติมความรู้อย่างสม่ำเสมอ รับรอง เทรดยังไงก็รอดครับ และที่สำคัญอย่าลืม MM กันด้วยนะครับ วางแผนดีมีชัยไปกว่าครึ่งแน่นอนครับ แอดเอาใจช่วยสู้ๆการศึกษาโดย Tradertanofficial22
เครื่องมือวัดความผันผวนค่าเงินสำหรับสาย Scalping : ATR 👽👽👽 กลับมาพบกนในบทความดีๆ สำหรับสายเทคนิคคอล โดยวันนี้แอดพาไปทำความเข้าใจและวิธีการใช้งานสำหรับสาย Scalping กันครับ ไอ่เจ้าตัวนี้จัดว่าเด็ดและไม่แพ้อินดิเคเตอร์ตัวอื่นเลยน๊า มาครับมาตามอ่านกันดีกว่า ATR (Average True Range) เป็นอินดิเคเตอร์ที่วัดความผันผวนของค่าเงินในตลาด Forex ได้อย่างแม่นยำและสามารถช่วยระบุช่วงเวลาที่ราคาแกว่งตัวมากที่สุด เหมาะสำหรับการเทรดในกรอบเวลาสั้น ๆ หรือ Scalping นั่นเอง เน้นเข้าเร็วออกเร็ว ATR คือ Indicator ที่สามารถวัดความผันผวน หรือ Volatility ของค่าเงินในตลาด Forex ได้ ซึ่ง ATR นั้นย่อมาจากคำว่า Average True Range และเจ้า Range พวกนี้แหละทำให้เรารู้ว่าเราควรเทรดเวลาไหนที่ราคาจะแกว่งตัวมากที่สุดนั่นเอง ต้องดูเวลาดีๆนะครับ อย่างไรก็ตาม เจ้า ATR ใช้บอกความผันผวนได้ แต่ไม่ได้บอกความเป็นเทรนด์ หรือ บอกทิศทางของตลาดแต่อย่างใด ดังนั้น เราจึงควรใช้ ATR ควบคู่กับ Indicator ตัวอื่นๆด้วยนะฮะ หรือใช้คู่กับ Price Action อื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น Price Action หรือ Stochastic จากตัวอย่างเราจะใช้กับเครื่องมือวิเคราะห์จุดแกว่งตัวอย่าง Stochastic โดยใช้Time Frame H1 เป็นต้นไป อะอะ บอกไว้ก่อนนะ เจ้า ATR ตัวนี้ไม่สามารถบอกได้ว่า เป็นเทรนด์ขาขึ้นหรือขาลงนะ เแค่ตามสัญญาณในการเข้าออเดอร์ระยะสั้นๆ เท่านั้นเอง การวิเคราะห์ ATR จะมีความผันผวนสูงสุดคือ เมื่อ ATR อยู่จุดต่ำสุดและกำลังขึ้น (วงกลมสีแดง) ซึ่งเมื่อเกิดวงกลมสีแดงจะตามมาด้วยความเคลื่อนไหวของราคาอย่างรุนแรง ซึ่งเราจะอาศัยช่วงที่มันมีความผันผวนต่ำ และส่งคำสั่งก่อน ดูว่า Stochastic ในช่วงนั้นอยู่ในสัญญาณ Overbought หรือว่า Oversold ถ้าหากเป็นสัญญาณ Oversold ก็ให้ Buy และ ถ้าหากเป็นสํญญาณ Overbought ก็ให้ Sell ดังภาพ อย่างไรก็ตามจะเห็นว่า มีบางจังหวะที่เป็นสัญญาณ Oversold ซึ่งควรต้อง Buy แต่ราคาก็พลิกผันและไม่สามารถทำกำไรได้ การประยุกต์ใช้ ATR ในการตั้ง Stop Loss หลาย ๆ คนคงทราบกันอยู่แล้วว่าการเทรดนั้น เราจำเป็นที่จะต้องตั้ง Stop Loss (SL) เกือบทุกครั้ง เพื่อทำให้เราขาดทุนน้อยที่สุดในกรณีที่เราเทรดผิดทาง แต่การตั้ง SL แบบทั่วไปอาจจะไม่ได้เหมาะสมกับทุกโอกาส ดังนั้นจึงมีแนวคิดที่ว่า ควรตั้ง SL ให้มีการเคลื่อนไหว หรือที่เราเรียกกันว่า “Dynamic SL” นั่นเอง Dynamic SL คือ การประยุกต์เอาความสามารถในการวัดความผันผวนของราคาจาก indicator ATR เข้ามาคำนวณเพื่อตั้ง SL เมื่อราคามีความผันผวนมากเราก็จะได้ SL ที่กว้างมากขึ้น การทำแบบนี้เราจะไม่ถูกความผันผวนของราคาเล่นงานได้ง่าย ๆ ซึ่งมันเหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่เทรดแบบสวิงเทรนไซด์เวย์ ปกติแล้วเทรดเดอร์มักจะตั้ง Dynamic SL เอาไว้ที่ 2 – 2.5 เท่าของ ATR ใน Time Frame ใหญ่ ๆ โดยวิธีการนำมาใช้นั้นจะมีตัวคูณที่แตกต่างกันไปในแต่ละคู่เงิน ซึ่งเราต้องแปลงค่า ATR ให้กลายเป็น Point เสียก่อน ยกตัวอย่าง เช่น คู่เงิน EUR/USD นั้นค่า ATR จะมีจุดทศนิยมอยู่ 4 ตำแหน่ง เราจึงจำเป็นต้องนำเลขทศนิยม 4 ตำแหน่งมาหารเสียก่อน จากนั้นให้เราเอามาคูณกับ 2 หรือ 2.5 ขึ้นอยู่กับเทคนิคของเทรดเดอร์แต่ละคน (ATR_value / ATR_adjust) × ATR_Multiply = Dynamic SL จะได้ (0.0008 / 0.0001) × 2.5 = 20 point สรุป การใช้ ATR นั้นเหมาะสำหรับการบอกความผันผวนของราคา โดยสามารถใช้มันร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ ซึ่งส่วนมากต้องเป็นเครื่องมือที่เทรดในระยะสั้น เช่น Stochastic หรือ RSI ถึงจะมีความเหมาะสม แต่อย่างไรก็ตามบางจังหวะก็ไม่ได้มีความแม่นยำมากนัก ซึ่งทำให้มันต้องใช้เครื่องมืออื่นในการควบคุมความเสี่ยง เช่น Stop loss หรือการจัดการ Lot เข้ามาเกี่ยวข้อง 👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ได้ทริคการเทรดใหม่ๆกันไปแล้วก็อย่าลืมเอาไปลองใช้กันดูบ้างนะครับ สายเทรดสั้นชอบสวิงเทรน หรือสายออปชั่น แอดบอกเลยว่า จัดว่าเด็ดดีจริงๆเชียว หากใครรักใครชอบก็ลองเอาไปใช้เทรดกันดูฮะ และที่สำคัญอย่าลืม MM และสร้างแผนการเทรดที่ดีด้วยนะครับ จะช่วยทำให้เราแกร่งมากยิ่่งขึ้น และเจ็บน้อยลงแอดเอาใจช่วยนะครับการศึกษาโดย Tradertanofficial4
2024 10 05 ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ วิเคราะห์แนวโน้มและทิศทาง OANDA:USDTHB OANDA:USDTHB OANDA:USDTHB OANDA:USDTHB การเปลี่ยนแปลงของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐต่อบาทไทย แนวโน้มราคา (Price Trend): เห็นได้ว่าในช่วงต้นกราฟ (ด้านซ้าย) ค่าเงิน USD/THB มีแนวโน้มขาขึ้น จากนั้นกราฟเข้าสู่ช่วงแกว่งตัวในกรอบ (sideways) ก่อนที่จะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงท้ายของกราฟ อินดิเคเตอร์ด้านล่าง: - Histogram: แสดงแรงซื้อขายหรือโมเมนตัม โดยสีเขียวแสดงแรงซื้อ และสีแดงแสดงแรงขายที่มากกว่า จะเห็นได้ว่าในช่วงท้าย แรงขายครองตลาด - RSI (Relative Strength Index): อยู่ในส่วนล่างของกราฟ แสดงให้เห็นว่าตอนนี้ RSI อยู่ในช่วงใกล้จุดต่ำสุด ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงสภาวะ oversold (ขายมากเกินไป) และมีโอกาสที่จะดีดกลับได้ในอนาคต สรุปทิศทางของค่าเงิน: - ทิศทางของค่าเงิน USD/THB ในช่วงเวลาล่าสุดอยู่ในขาลงชัดเจน แต่เนื่องจาก RSI เข้าใกล้จุด oversold มีโอกาสที่จะเห็นการดีดตัวของราคาในช่วงสั้น - หากแรงขายยังคงมีอยู่ ราคาน่าจะลดลงต่อไป อย่างไรก็ตามหากมีการดีดตัว ควรจับตาระดับแนวต้านที่อาจจะทดสอบโดย SongMin91941
30 ก.ย.-9 ต.ค.67 เป็นต้นไป ที่บาทจะเปลี่ยนจากแข็งค่าไปอ่อนค่า30 กันยายน 2567 อ่าน USD/THB ด้วยเทคนิคอล "บาทแข็งค่า" ลงมายังโซนเดิมๆที่เคยดีดตัวกลับขึ้นไป นั่นแปลว่าใกล้จะเปลี่ยนแนวโน้มไปอ่อนค่าเต็มทีครับ Timing วัดจาก Fibonacci Time ของ SET ก็จะได้ว่า ตั้งแต่ 30 ก.ย.-9 ต.ค.67 เป็นต้นไป ที่บาทจะเปลี่ยนจากแข็งค่าไปอ่อนค่าครับโดย dohoon9135
รูปแบบกราฟปู Crab Pattern สายตั้ง SL ต้องดักยาวๆรูปแบบกราฟปู (Crab Pattern) สายตั้ง SL ต้องดักยาวๆ 👽👽👽 กลับมากันอีกแล้วกับบทความดีๆ และเทคนิคการวิเคราะห์รูปแบบต่างๆในการเทรดจากบทความที่แล้วเราได้รู้จักกับรูปแบบกราฟ harmonic ประเภทต่างๆกันไปแล้ว แต่มันยังไม่หมดครับ มาต่อกันที่รูปแบบปู กันบ้างดีกว่า รูปแบบนี้ทำกำไรเด็ดไม่แพ้กราฟตัวอื่นๆกันเลยทีเดียวเชียว รูปแบบกราฟปู (Crab Pattern) Crab Pattern หรือรูปแบบปู เป็นหนึ่งในรูปแบบ Harmonic Pattern ที่พัฒนามาจากรูปแบบ Gartley ความพิเศษของมันคือความยาวในการสวิงตัวของ XA และ CD ซึ่งจุด D จะอยู่ไกลมาก และยาวมาก ทำให้ Crab มีความแตกต่างจากรูปแบบ Harmonic อื่นๆ จุดเด่นของ Crab Pattern เป็นรูปแบบที่มีสี่คลื่นและห้าจุด (XABCD) ที่ประกอบด้วยคลื่นซีดีแบบยาว ขาซีดีแบบยาวแสดงถึงการเคลื่อนไหวที่เฉียบคม ซึ่งมันจะคอยตามล่าจุด SL ของผู้ค้าปลีกแล้วย้อนกลับไปยังทิศทางหลักอีกครั้ง Trade Setup ด้วย Crab Pattern - จุด B อยู่ที่จุกพักตัวระดับ 38.2-61.8% ของ XA - จุด C สามารถอยู่ที่จุดพักตัวระดับ 38.2% -88.6% ของ AB - จุด D สามารถพบได้ที่ส่วนขยายของ AB ที่ระดับ 224% -316% หรือที่ส่วนขยายของ XA ที่ระดับ 161.8% ยิ่งจุด D เข้าใกล้ส่วนขยายของ X ที่ 161.8% มากเท่าไหร่ สัญญาณของรูปแบบนี้ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น วิธีการเทรด จุดเข้าอยู่ที่จุด D. ต้องรอให้ตลาดเกิดการกลับตัวจาก CD ก่อนเปิดออเดอร์เสมอ Take Profit อาจอยู่ที่ระดับ 61.8% ของ CD (TP1) และ 127.2% ของ CD (TP2) ใส่ Stop Loss ให้สอดคล้องกับกฎการบริหารความเสี่ยงของคุณ มาดูลักษณะของรูปแบบปูที่อยู่บนแผนภูมิ จุด B อยู่ที่จุดพักตัวระดับ 61.8% ของ XA ส่วนจุด D อยู่ใกล้กับส่วนขยายระดับ 161.8% ของ XA ทริคและการเข้าเทรดแบบย่อๆ 1. แพทเทิร์นในรูปแบบนี้ การกลับตัวจะอยู่ลึกถึงระดับฟีโบนักชีที่ 88.6 เสมอ 2.แพทเทรินนี้ ไม่เหมาะสำหรับสายตั้ง SL สั้นๆ เพราะอาจโดนรวบกินหมดสะก่อน ก่อนที่จะกลับตัว 3. ใช้ควบคู่กับระบบหรือสัญญาณ แท่งเทียน ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำให้กับระบบ 4. ใช้ Fibonacci ในการตรวจเช็คสัดส่วน ว่าเป็นไปตามทฤษฎีหรือไม่ ก่อนที่จะทำการวางแผนการเทรดจริง 👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ได้ทริคการเทรดใหม่ๆกันไปแล้วก็อย่าลืมเอาไปลองใช้กันดูบ้างนะครับ รูปแบบปูนี้ไม่เหมาะกับเทรดเดอร์สาย SL สั้นๆนะฮะ ไม่งั้นหมดตัวแน่นอน หากใครชอบก็ลองเอาไปใช้เทรดกันดูฮะ เหมาะกับการเทรดทองมากๆ และที่สำคัญอย่าลืม MM และสร้างแผนการเทรดที่ดีด้วยนะครับ จะช่วยทำให้เราแกร่งมากยิ่่งขึ้น และเจ็บน้อยลง แอดเอาใจช่วยนะครับ การศึกษาโดย Tradertanofficial3
บาทจะเปลี่ยนแนวโน้มไปอ่อนค่า ช่วง 27 ก.ย.-9 ต.ค.6726 กันยายน 2567 บาทจะเปลี่ยนแนวโน้มไปอ่อนค่า ช่วง 27 ก.ย.-9 ต.ค.67 เหตุผล USD/THB แข็งค่ามายังโซนเดิมๆ ที่เคยเปลี่ยนแนวโน้มโดย dohoon9135
USDTHB: มองขึ้นยาวๆเน้นสะสมคาดการ์ณ ราคา 33-27 อาจจะเป็นราคารับสุดท้าย ในหลายรอบปีวน และอาจจะปรับตัวหนักหลังจากเหตุการณ์ต่างในความวุ่นวายประฝั่ง ตะวันตก และอาจจะทำให้เงินบาทอ่อนค่าหนักได้มากกว่าที่จะเป็น มองระยะยาวๆ แบบ DCA ตั้งแต่ 33.4-20 และมอง 40+++ได้ แต่อาจใช้ะเวลานานในช่วง หนึ่ง อาจหลายปีเพิ่มขึ้นโดย JJTONG3
2024 09 14 ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ วิเคราะห์แนวโน้มและทิศทางค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ วิเคราะห์แนวโน้มและทิศทางในอนาคต 1. **แนวโน้มขาลง (Downtrend):** จากกราฟ เราสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าเงินบาทมีการแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแนวโน้มนี้อาจจะยังคงดำเนินต่อไปหากยังไม่มีการกลับตัวที่ชัดเจน 2. **แนวรับและแนวต้าน (Support & Resistance):** - ระดับแนวรับที่เห็นได้ชัดเจนอยู่บริเวณ **33.00** บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งหากเงินบาทแข็งค่ากว่าระดับนี้ จะเป็นสัญญาณของการแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง - แนวต้านอยู่บริเวณ **33.50** บาทต่อดอลลาร์ หากราคาสามารถทะลุแนวต้านนี้ไปได้ อาจจะเป็นสัญญาณการกลับตัวขึ้น 3. **เครื่องมือวิเคราะห์ (Indicators):** - **RSI** แสดงให้เห็นว่าอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 ซึ่งบ่งบอกถึงภาวะการขายที่มากเกินไป (Oversold) และมีโอกาสเกิดการกลับตัวขึ้นในอนาคต - **MACD หรือ Histogram** แสดงถึงการแข็งค่าของเงินบาทต่อดอลลาร์อย่างต่อเนื่อง แต่อาจเริ่มเห็นสัญญาณของการกลับตัวในช่วงเวลาถัดไป โดย SongMin91940
long USD m24/z24 ได้นะครับ บาทกำลังจะอ่อนค่าจาก TD BUY9long USD m24/z24 ได้นะครับ บาทกำลังจะอ่อนค่าจาก TD BUY9โดย dohoon9137
(Timeframe 1วัน)ค่าเงินบาท (USD/THB)อยู่ในแนวโน้มขาลงอย่างชัดเจน(Timeframe 1 วัน) ค่าเงินบาท (USD/THB) อยู่ในแนวโน้มขาลงอย่างชัดเจน โดยราคาได้ปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดที่ประมาณ 37.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา และล่าสุดปรับตัวลงมาทดสอบแนวรับบริเวณ 34.0 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ### การวิเคราะห์: 1. **แนวต้านสำคัญ**: อยู่ที่บริเวณ 35.0 บาท หากราคาขึ้นไปทดสอบระดับนี้แล้วไม่ผ่าน คาดว่าราคาจะปรับตัวลงต่อ 2. **แนวรับสำคัญ**: บริเวณ 34.0 บาท ซึ่งเป็นแนวรับที่สำคัญ หากหลุดระดับนี้อาจเห็นการปรับตัวลงต่อไปบริเวณ 33.5-33.0 บาท 3. **สัญญาณการกลับตัว**: ณ ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนของการกลับตัว แต่เริ่มเห็นการชะลอตัวของราคาบริเวณแนวรับนี้ การรอให้เกิดสัญญาณการกลับตัวที่ชัดเจน เช่น การทะลุเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นขึ้นไปหรือการยืนยันการกลับตัวด้วยรูปแบบกราฟแท่งเทียน อาจเป็นแนวทางที่ดีก่อนการเข้าซื้อ ### แผนการเทรด: **หากคุณต้องการซื้อ (Buy)**: - ควรรอให้ราคามีสัญญาณการกลับตัวที่ชัดเจน เช่น ราคาทะลุเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นขึ้นไป หรือการยืนยันรูปแบบกราฟกลับตัว โดยสามารถตั้งเป้าหมายกำไรบริเวณ 35.0-35.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ### สรุป: แนวโน้มค่าเงินบาทในช่วงนี้ยังคงเป็นขาลง หากราคายังไม่สามารถยืนเหนือระดับ 34.0 บาทได้ มีโอกาสที่จะปรับตัวลงต่อไป ควรติดตามการเคลื่อนไหวของราคาบริเวณแนวรับสำคัญอย่างใกล้ชิดและรอการยืนยันสัญญาณการกลับตัวที่ชัดเจนก่อนการเข้าซื้อโดย SongMin91942
Eaw_Neowave forecast อัพเดท #USDTHB อัพเดทค่าเงินบาท USDTHB อินดิเคเตอร์ที่แอดชอบใช้ดูว่า SETINDEX จะขึ้นหรือลงเพราะมันสะท้อนกระเเสเงินสดต่างชาติว่าเข้ามาเยอะหรือน้อยแค่ไหนทำให้เราจะรู้ว่าจะหุ้นจะขึ้นหรือลง ตอนนี้เห็นชัดว่าเป็นขาลงและ ลาเบลได้เป็น สาม Segment น่าจะเป็นการลงคลื่นซี ของ Flat อาจจะมี 5 ขาได้ แต่อาจจะจบสามขาเป็นแค่ abc ก็ได้แนวรับ 34 บาทโดยมองว่าถ้าหลุด 34 บาท อาจจะลงไป 33 บาทน่าเป็นเป้าสุดท้ายที่เงินบาทจะแข็งได้ ตอนนี้มองได้สองรูปแบบว่าเป็นการปรับฐานรูปแบบ Flat หรือ สามเหลี่ยมหากเป็นรูปแบบสามเหลี่ยมก็จะไม่ควรหลุดต่ำกว่า 33.600 ถ้าต่ำกว่านั้นจะตัดความเป็นไปได้ว่าเป็นสามเหลี่ยมออกไปจะมองว่าเป็น Flat เท่านั้นและน่าจะลงไป 33 บาท ในคลื่น M2ลดลงโดย Eaw_Neowave5
ราคาโอกาศแตะ 35.35 เร็วๆนี้ดอลล่าอ่อนค่ามานานละ น่าจะขึ้นสักทีแต่คงไม่มากนักที่ราคา 35.35-35.45เพิ่มขึ้นโดย phukitsak2
ย่อก่อนเล็กน้อยแล้วค่อยพุ่งตามกราฟที่ตำแหน่งฟิโบแนชชี เอกเทนชั่น จะย่อมาที่ตำแหน่ง 50-61.8 แล้วค่อยเข้าซื้อเพื่อราคาที่พุ่งสูงและต่อไปขายลดลงโดย phukitsakที่อัปเดต: 10
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเช่าซื้อให้แม่นยำยิ่งขึ้นแนวโน้มกราฟขึ้นในกรอบsidewayรอย่อแล้วbuy200-300จุดปิดได้ปิดครับ อย่าถือยาวกินสั้นๆ เงื่อนไขเข้าออเดอร์บายจะรอจนปิดแท่งเขียวได้เมือไหร่ฉันจะbuyโดย koban0078
รีวิวค่าเงินบาทเทียบเทียบกับ SETINDEXSET:SET รีวิวค่าเงินบาทเทียบเทียบกับ SETINDEX หากดูแนวโน้มย้อนหลังจะพบว่าค่าเงินบาทกับ SET จะวิ่งส่วนทางกันในแง่ของกราฟ คือ หากเงินบาทกลับมาแข็งค่าได้จะพบว่าในช่วงนั้น SET จะฟื้นตัวได้ดี เมื่อวานเราเห็นค่าเงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่า 35.39 จาจุดสูงสุดที่ทำไว้ที่ 35.89 และเริ่มเห็นแรงซื้อกลับตามมาใน SET มุมมองตลาด มีโอกาศค่อยปรับตัวขึ้นกลับมาเล่นในกรอบได้เหมือนเดิม โดย Aunggul_K6
การเทรดที่ดี ต้องมีกลยุทธ์ การจะเป็น Trader ที่ประสบความสำเร็จได้ จำเป็นจะต้องมีกลยุทธ์การเทรด จัดการซื้อขายให้เป็นระบบ เพื่อการทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ สิ่งที่เราต้องชัดเจนคือ กลยุทธ์ของเราคืออะไร สินทรัพย์ที่ต้องการเทรด กรอบระยะเวลา และระดับความเสี่ยงที่ตัวเองสามารถยอมรับได้ สิ่งที่นักลงทุนควรมี ได้แก่ 1 ความสม่ำเสมอ: การมี Action Plan ของตัวเอง ที่ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในการรักษากลยุทธ์เทรด ในขณะเดียวกัน ก็ลดอารมณ์ในการตัดสินใจของคุณให้เหลือน้อยที่สุด ความสม่ำเสมอ ดังกล่าวมักจะให้ผลลัพธ์ที่คาดการณ์ได้มากกว่าและเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมเมื่อเวลาผ่านไป 2 ความมั่นใจ: เมื่อตัวเองมี Playbook แล้ว คุณสามารถซื้อขายด้วยความมั่นใจในตนเองที่เพิ่มขึ้น โดยรู้ว่า คุณกำลังทำการกลยุทธ์ ที่ผ่านการทดสอบมาแล้ว ความมั่นใจนี้ จะช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล ช่วยให้คุณมีสมาธิและตัดสินใจได้ดี 3 ความสามารถในการปรับตัว: เมื่อเผชิญกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป การมี Playbook ไว้ใช้งานจะช่วยให้คุณสามารถปรับเปลี่ยน และปรับกลยุทธ์ได้ตามต้องการ ความสามารถในการปรับตัวนี้ เป็นปัจจัยสำคัญในการไปสู่ความสำเร็จได้ องค์ประกอบ 3 ประการของกลยุทธ์การเทรด 1. Pattern หรือ รูปแบบ : Pattern ของกราฟจะเป็นตัวกำหนดว่า จุดไหนเป็นจุดเข้าซื้อ จุดไหนเป็นจุดขาย โดยอาศัยการวิเคราะห์จากบริบท และรูปแบบกราฟ นำไปสู่การวิเคราะห์เชิงลึก 2. บริบท : ต้องทำเข้าใจบริบท สภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่อย่างถ่องแท้ เนื่องจากมีความสำคัญในการเพิ่มศักยภาพของกลยุทธ์การเทรดของคุณ เทรดเดอร์หลายคนเชื่อผิดว่า กลยุทธ์การซื้อขาย เป็นเพียงการระบุ 3. รูปแบบ หรือสิ่งกระตุ้นควบคู่ไปกับการบริหารความเสี่ยงขั้นพื้นฐาน การบริหารความเสี่ยง: การจัดการความเสี่ยงที่ไม่ดี เป็นสาเหตุสำคัญของความล้มเหลวของเทรดเดอร์ มักเป็นผลมาจากการการขาดความเข้าใจ โดยแผนการจัดการความเสี่ยงของคุณไม่จำเป็นต้องซับซ้อนเกินไป แต่ต้องมีความชัดเจนและปฏิบัติตามอย่างขยันขันแข็ง ด้วยการปฏิบัติตามกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง คุณสามารถหลีกเลี่ยงหลุมพรางได้ สำหรับการซื้อขายรายวัน เราขอแนะนำดังต่อไปนี้ * ความเสี่ยงสูงสุด 1% ต่อการซื้อขาย * ความเสี่ยงสูงสุด 2% ต่อวัน * ความเสี่ยงสูงสุด 6% ต่อสัปดาห์ * ความเสี่ยงสูงสุด 10% ต่อเดือน 6 ขั้นตอนสำคัญในการสร้างและปรับแต่งกลยุทธ์การซื้อขายของคุณ: 1. กำหนด Trading Style : ไม่ว่าคุณจะเป็น Day Trade , Swing Trade หรือนักลงทุนระยะยาว ต้องเลือกกลยุทธ์ กรอบเวลา และเทคนิคการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น ระบุอัตราการชนะที่คุณต้องการ (เช่น 50%+) อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (เช่น 2R ขั้นต่ำ) และ Trading Style เช่น การเทรดแบบ Scalping การซื้อขายตามตำแหน่ง หรือ Swing Trade 2. หาข้อมูลวิจัย และเลือก Strategy: ศึกษากลยุทธ์การเทรดที่หลากหลาย และเลือกกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับ Trading Style ของเรา การยอมรับความเสี่ยง และเป้าหมายทางการเงิน 3. กำหนดเกณฑ์การเข้าและออก: สำหรับแต่ละกลยุทธ์ที่เลือก ให้กำหนดการเข้าและออกที่ชัดเจน กำหนดเป้าหมาย การหยุดการขาดทุนและกำไรของคุณเพื่อให้แน่ใจว่า คุณดำเนินการซื้อขายได้อย่างถูกต้อง และจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น สิ่งสำคัญ คือ ต้องจัดทำแผนการเทรดที่กำหนดไว้อย่างดี ตัวอย่างเช่น ตัดสินใจจุดคุ้มทุน เมื่อถึงอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน 1:1 เปิดการซื้อขาย โดยเฉพาะด้วยอัตราส่วน 1:2 หรือปิด 50% ของตำแหน่งของคุณที่ 1:1 และส่วนที่เหลือ 50% ที่ 1:3 4. สร้างกฎการบริหารความเสี่ยง: ใช้กฎการบริหารความเสี่ยงที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องเงินทุนของคุณ รวมถึงการตั้งค่าเปอร์เซ็นต์สูงสุดของยอดคงเหลือในบัญชีของคุณต่อความเสี่ยงต่อการเทรด หรือใช้ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อกำหนดขนาดตำแหน่งเพื่อควบคุมความเสี่ยงโดยอัตโนมัติ 5. ทดสอบ Strategy : ก่อนที่จะลงทุนจริง ให้ทดสอบ Strategy ของคุณ โดยใช้ข้อมูลตลาดในอดีต หรือบัญชีทดลอง ขั้นตอนการทดสอบนี้ ช่วยให้คุณปรับ Strategy และสร้างความมั่นใจในแนวทางของคุณได้ หากคุณไม่ได้ผลลัพธ์ดีเท่าที่ควร ในบัญชีทดลอง ขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเสี่ยงด้วยเงินจริง จนกว่าคุณทักษะของคุณจะเก่งขึ้น 6. วิเคราะห์การซื้อขาย : จัดทำบันทึกเทรด ทั้งกลยุทธ์ที่ใช้ จุดเข้าและออก และสภาวะตลาด ในแต่ละครั้ง ตรวจสอบผลการซื้อขายของคุณเป็นประจำ เพื่อระบุจุดที่ต้องปรับปรุง และปรับแผนการเทรดคุณให้เหมาะสม คำเตือน : ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนการศึกษาโดย InnovestX144