USDJPY H4 การกลับตัวลงวิเคราะห์ ราคา USDJPY บนกราฟ H4 กำลังขึ้นสู่จุด Pivot ที่ 148.41 ซึ่งเป็นแนวต้านใกล้กับ Fibonacci 50% หากกลับตัวลง ราคามีโอกาสลดลงสู่แนวรับแรกที่ 145.51 ซึ่งเป็นแนวรับที่ซ้อนทับกัน แต่ถ้าราคาทะลุเหนือ Pivot อาจขึ้นไปถึงแนวต้านแรกที่ 150.83 ซึ่งอยู่เหนือ Fibonacci 61.8%ลดลงโดย ThaiTradeSignals3
MARKET STRUCTURE เทรดเดอร์ต้องรู้ก่อนเทรดจริงMARKET STRUCTURE เทรดเดอร์ต้องรู้ก่อนเทรดจริง 👯👯👯กลับมาพบเจอกันอีกเช่นเคยกับบทความที่เกี่ยวข้องกับเทคนิคการเทรดโดยตรงเลยฮะ ยิ่งโดยเฉพาะสำหรับมือใหม่หัดเทรดนี่ จัดว่าสำคัญมากๆเลย เพราะมันคือสิ่งที่เราจำเป็นต้องรู้ และทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ มาครับ มาทำความรู้จักกับ MARKET STRUCTURE กันดีกว่า ว่ามันสำคัญอย่างไร Market Structure โครงสร้างตลาด โครงสร้างตลาดในการเทรด คือการทำความเข้าใจในเรื่อง หลักการการเชื่อมโยงกราฟใน Timeframe แต่ละ Timeframe ว่ามีความสัมพันธ์ุกันอย่างไร ไอ่เจ้าตัวนี้แหละที่ทำให้เราสามารถอ่านกราฟออก และทำให้การเทรดนั้นดูง่ายขึ้นเยอะเเลย อันดับแรกต้องเข้าใจก่อนว่า กราฟแท่งเทียนนั้นมีคลื่นเวฟ และมีเทรนด์ในตัวของมันเอง อ้างอิงตามทฤษฎีดาว ( Dow Theory ) ซึ่งเป็นทฤษฎีอมตะ ทฤษฎีต้นแบบในการอ่านคลื่นกราฟ โดยสามารถจำแนกแบ่ง เทรนด์ในการเทรดคร่าวๆดังนี้ 1. Primary Trend คือแนวโน้มเทรนด์หลัก เทรนด์ใหญ่ ซึ่งทำให้เราแยกกราฟออกได้ว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง 2. Secondary Trend แนวโน้มรอง ส่วนใหญ่เทรนด์แนวโน้มรองมักจะเป็นเทรนด์ในกรอบระยะสั้น รวมไปถึงการพักตัวหรือสวิงเทรนด์ไซด์เวย์ และมีโอกาสที่ราคาจะไปต่อหรือกลับตัวได้เช่นกัน 3. Minor Trend แนวโน้มย่อย ส่วนใหญ่กรอบเทรนด์แนวโน้มย่อยมักจะอยู่ในกรอบ TF เล็กๆ วิ่งในระยะสั้นๆ และเป็นการย่อลงเพื่อไปต่อตามเทรนด์ในแนวโน้มใหญ่ แท่งเทียนของราคา ใน TF ต่างๆจึงมีความสัมพันธ์กันกับ Market structure เปรียบเทียบการแบ่งแยก Timeframe เล็ก และใหญ่ ในกราฟคู่เงินเดียวกัน การอ่านเทรนด์ออกจาก Timeframe (TF) หลายTimeframe จากใหญ่ ไป เล็ก จะทำให้เราอ่านกราฟออกและแบ่งแยกการเทรดได้ ว่าจะ Buy หรือ Sell และทำให้เราเห็นจุด โลว์ และ จุด ไฮ ( HH , HL, LL ) ที่ใกล้ที่สุด และโอกาสในการชนะก็ค่อนข้างได้เปรียบมากขึ้นอีกด้วย 👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ง่ายๆเบสิค และทำให้หลายๆคนมองเห็นจุดเข้าที่ได้เปรียบได้มากขึ้น จากสัญญาณที่แตกต่างกันในหลาย TF แบบนี้เราก็จะเทรดได้ง่ายแถมกำไรดีขึ้นด้วยนี่สิ ว่าแล้วก็อย่าลืมเอาคู่การเทรดและ การอ่านสัญญาณจากแท่งเทียนมาฝึกกันดูนะครับ แอดบอกเลยว่า กำไรเพิ่มขึ้นแน่นอน แล้วอย่าลืม หมั่นฝึกฝนการเทรดให้ได้ทุกวัน ยิ่งเราเทรดบ่อยๆเราจะเก่งขึ้นเองครับ และที่สำคัญอย่าลืม MM และสร้างแผนการเทรดที่ดีด้วยนะครับ จะช่วยทำให้เราแกร่งมากยิ่่งขึ้น และเจ็บน้อยลง แอดเอาใจช่วยนะครับการศึกษาโดย Tradertanofficial2230
อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการเทรดอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk Reward Ratio) เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการบริหารจัดการความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในการเทรด Forex โดยอัตราส่วนนี้จะเปรียบเทียบระหว่างจำนวนเงินที่คุณอาจจะเสียไป (ความเสี่ยง) กับจำนวนเงินที่คุณคาดหวังว่าจะได้รับ (ผลตอบแทน) จากการเทรดแต่ละครั้ง ทำความเข้าใจอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk Reward Ratio) เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการบริหารจัดการความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในการเทรด Forex โดยอัตราส่วนนี้จะเปรียบเทียบระหว่างจำนวนเงินที่คุณอาจจะเสียไป (ความเสี่ยง) กับจำนวนเงินที่คุณคาดหวังว่าจะได้รับ (ผลตอบแทน) จากการเทรดแต่ละครั้ง ทำไมอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนถึงสำคัญ? การควบคุมความเสี่ยง: ช่วยให้นักเทรดกำหนดวงเงินขาดทุนสูงสุดที่ยอมรับได้ และป้องกันไม่ให้ขาดทุนสะสมมากเกินไป เพิ่มโอกาสในการทำกำไร: เมื่ออัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนอยู่ในระดับที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณทำกำไรได้มากกว่าขาดทุนในระยะยาว สร้างวินัยในการเทรด: การตั้งเป้าหมายอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนจะช่วยให้นักเทรดมีวินัยในการปฏิบัติตามแผนการเทรด วิธีคำนวณอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนคำนวณได้โดยการหารระยะทางจากจุดเข้าซื้อไปยังจุด Stop Loss ด้วยระยะทางจากจุดเข้าซื้อไปยังจุด Take Profit ตัวอย่าง: สมมติว่าคุณซื้อสกุลเงินคู่ EUR/USD ที่ราคา 1.1000 Stop Loss: คุณตั้ง Stop Loss ไว้ที่ 1.0900 (ความเสี่ยง = 100 pips) Take Profit: คุณตั้ง Take Profit ไว้ที่ 1.1100 (ผลตอบแทน = 100 pips) อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 100 pips / 100 pips = 1:1 อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่ดีคือเท่าไหร่? โดยทั่วไปแล้ว อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่มากกว่า 1:1 ถือว่าดี เนื่องจากหมายความว่าคุณมีโอกาสที่จะทำกำไรได้มากกว่าที่คุณจะเสียไป อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนที่เหมาะสมจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การเทรดของแต่ละคน ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการตั้งค่าอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน ความผันผวนของตลาด: ในตลาดที่ผันผวนสูง อาจเหมาะที่จะตั้งอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่สูงขึ้น จำนวนครั้งในการเทรด: หากคุณเทรดบ่อยครั้ง อาจเหมาะที่จะตั้งอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่ต่ำลงเพื่อลดความเสี่ยงจากการขาดทุนหลายครั้งติดต่อกัน เป้าหมายในการเทรด: หากเป้าหมายของคุณคือการทำกำไรระยะยาว อาจเหมาะที่จะตั้งอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่สูงขึ้นเล็กน้อย สรุป อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการบริหารจัดการความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในการเทรด Forex การทำความเข้าใจและนำไปใช้กับการเทรดของคุณอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จได้มากยิ่งขึ้นการศึกษาโดย Tradertanofficial4
เยนญี่ปุ่นพุ่งขึ้นต่อเนื่องจากกระแสหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเยนญี่ปุ่นขยายตัวขึ้นเนื่องจากกระแสหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ขณะที่บริการ PMI ของสหรัฐถูกจับตามอง 📈💴 * เยนญี่ปุ่นขยายตัวขึ้นเนื่องจากความคาดหวังที่สูงขึ้นเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมของ BoJ * JPY ได้รับการสนับสนุนจากกระแสเงินลงทุนที่ปลอดภัยเนื่องจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางที่เพิ่มขึ้น * ข้อมูลแรงงานล่าสุดของสหรัฐเพิ่มความน่าจะเป็นในการลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ถึง 74.5% ในเดือนกันยายน เยนญี่ปุ่น (JPY) ขยายตัวขึ้นต่อเนื่องกับดอลลาร์สหรัฐ (USD) ในการซื้อขายติดต่อกันเป็นครั้งที่ห้าเมื่อวันจันทร์นี้ แรงโมเมนตัมนี้ได้รับการสนับสนุนจากความคาดหวังว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) อาจเข้มงวดนโยบายการเงินเพิ่มเติม รวมถึงการปิดการซื้อขาย carry trades ซึ่งอาจให้การสนับสนุน JPY ต่อไปในระยะสั้น เยนเป็นที่พึ่งที่ปลอดภัยอาจได้รับประโยชน์จากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมามีการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลที่กระทบโรงเรียนสองแห่ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 ราย ตามรายงานของ Reuters นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ โทนี บลิงเกน ระบุว่าอิหร่านและฮิซบอลเลาะห์อาจโจมตีอิสราเอลได้ในวันจันทร์ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวสามแห่งที่ได้รับการบรรยายสรุปทางโทรศัพท์ ตามรายงานของ Axios ดอลลาร์สหรัฐเผชิญกับแรงกดดันหลังจากข้อมูลตลาดแรงงานที่น่าผิดหวังเมื่อวันศุกร์ ซึ่งเพิ่มความคาดหวังในการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐในเดือนกันยายน เครื่องมือ FedWatch ของ CME ระบุว่าความน่าจะเป็นในการลดอัตราดอกเบี้ย 50 จุดพื้นฐานในวันที่ 18 กันยายนเพิ่มขึ้นถึง 74.5% จาก 11.5% เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า 📊🔍 ตลาดประจำวัน: เยนญี่ปุ่นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อความน่าจะเป็นในการลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed เพิ่มขึ้น * บันทึกการประชุมเดือนมิถุนายนของธนาคารกลางญี่ปุ่นแสดงให้เห็นว่าสมาชิกบางคนแสดงความกังวลเกี่ยวกับราคานำเข้าที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการลดลงล่าสุดของ JPY ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ หนึ่งในสมาชิกระบุว่าเงินเฟ้อจากต้นทุนอาจทำให้เงินเฟ้อพื้นฐานรุนแรงขึ้นหากส่งผลให้ความคาดหวังเงินเฟ้อและค่าจ้างเพิ่มขึ้น * การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ (NFP) เพิ่มขึ้น 114K ในเดือนกรกฎาคมจากเดือนก่อนหน้าที่ 179K (แก้ไขจาก 206K) ตัวเลขนี้ต่ำกว่าความคาดหวังที่ 175K ข้อมูลแสดงให้เห็นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน อัตราการว่างงานของสหรัฐเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 อยู่ที่ 4.3% ในเดือนกรกฎาคมจาก 4.1% ในเดือนมิถุนายน * ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) เผยแพร่รายงานแนวโน้มรายไตรมาสฉบับเต็มในวันพฤหัสบดี โดยระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่ค่าจ้างและเงินเฟ้ออาจเกินความคาดหมาย ซึ่งอาจมาพร้อมกับความคาดหวังเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นและตลาดแรงงานที่ตึงเครียด * นายโยชิมาสะ ฮายาชิ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่าสกุลเงินต้องเคลื่อนไหวอย่างมั่นคงและสะท้อนถึงพื้นฐานที่แท้จริง ฮายาชิกำลังเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด ตามรายงานของ Reuters * Reuters รายงานเมื่อวันพุธว่ากระทรวงการคลังญี่ปุ่นยืนยันความสงสัยเกี่ยวกับการแทรกแซงตลาดโดยเจ้าหน้าที่ ในเดือนกรกฎาคม เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นใช้จ่าย ¥5.53 ล้านล้านเยน ($36.8 พันล้านดอลลาร์) เพื่อรักษาเสถียรภาพของเยน ซึ่งลดลงถึงระดับต่ำสุดในรอบ 38 ปี * นายคาซูโอะ อูเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น ระบุว่าเหมาะสมที่จะปรับระดับการผ่อนคลายเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% อย่างยั่งยืนและเสถียรภาพ นอกจากนี้ เขาเน้นว่าพวกเขาจะยังคงเพิ่มอัตราดอกเบี้ยต่อไป นอกจากนี้ ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ แบงค์ ประกาศว่าจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้นเป็น 1.625% จาก 1.475% เริ่มตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน สอดคล้องกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ BoJ * ประเมินนโยบายของ BoJ ในอนาคต "คำแถลงนโยบายของ BoJ รวมถึงการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่นในเชิงบวก โดยระบุว่าการลงทุนคงที่ 'อยู่ในแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นในระดับปานกลาง' และกำไรของบริษัท 'กำลังปรับปรุง'" นักวิเคราะห์ของ Rabobank กล่าวและเพิ่มว่า: "ระบุว่าการเพิ่มขึ้นของค่าจ้าง 'กำลังแพร่กระจายทั่วภูมิภาค อุตสาหกรรม และขนาดของบริษัท' ซึ่งเป็นการเปิดทางสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในช่วงปลายปี 2024 หรือต้นปี 2025" การวิเคราะห์ทางเทคนิค: USD/JPY ลดลงใกล้ 142.00 USD/JPY ซื้อขายใกล้ 142.00 ในวันจันทร์ การวิเคราะห์กราฟรายวันแสดงว่าคู่นี้กำลังต่อเนื่องในแนวโน้มขาลง ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI) 14 วัน อยู่ต่ำกว่า 30 ซึ่งบ่งบอกถึงสถานการณ์ของสินทรัพย์ที่ขายเกินและการฟื้นตัวในระยะสั้น คู่ USD/JPY ซื้อขายในบริเวณที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2023 คู่อาจทดสอบแนวรับที่ 140.25 ด้านบน คู่ USD/JPY อาจเผชิญกับแนวต้านที่เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เชิงเส้นเก้าวัน (EMA) ที่ 150.13 การทะลุผ่านระดับนี้อาจทำให้ความเอนเอียงขาลงอ่อนแอลงและสนับสนุนให้คู่นี้ทดสอบ "แนวต้านที่เคยเป็นแนวรับ" ที่ 154.50 ตามด้วย EMA 50 วันที่ระดับ 155.58 #เยนญี่ปุ่น #การลงทุน #ตลาดการเงิน #การวิเคราะห์ทางเทคนิค #ดอลลาร์สหรัฐ #อัตราดอกเบี้ย #ข่าวการเงิน #การคาดการณ์เศรษฐกิจ #ธนาคารกลางญี่ปุ่น #นโยบายการเงินเพิ่มขึ้นโดย Purich4
USDJPY D1| ขาลงวิเคราะห์ USDJPY บนกราฟ D1 ราคาทะลุจุดหมุน 146.36 การกลับตัวจากระดับนี้อาจทำให้ราคาลดลงไปถึงระดับสนับสนุนแรกที่ 140.86 ซึ่งถือเป็นระดับสนับสนุนที่ซ้อนทับกันลดลงโดย ThaiTradeSignals4
USDJPY @29/07/2567Trend : H4 -Bullish trend -Ovs -100% Poi -Dz@h4 Signal Confirm -Choch@M15 -Divergence@H1 -Ovs@h4/h1 -Reject@H1 Confirmation Entry : M5 -Choch -Break retestเพิ่มขึ้นโดย chpnzที่อัปเดต: 4
Profit Gap ของ Mark Douglas กำไรจากช่องว่างราคาสไตล์ มารค์ ดักลาส 👋หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว สำหรับวิธีการเทรดในหลายรูปแบบ รวมถึง การทำกำไรจาก ช่องว่างของกำไร Profit Gap แต่บางคนอาจจะยังไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่ดีอย่างไร วันนี้แอดจะมาแนะนำให้รู้จักกับ Profit Gap การทำกำไรจากช่องว่างของราคา (Gap)ให้ได้รู้กัน ตามมาครับ 👋บุคคลที่เป็นต้นแบบ วิธีการเติมเต็ม Profit Gap จากช่องว่างของกำไร ก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลครับนั่นก็คือ มาร์ค ดักลาส (Mark Douglas) ผู้เขียนหนังสือขายดี Trading in the Zone นั่นเอง 👋ซึ่งในหนังสือเล่มนี้แหละ เขาได้บอกแนวทางและวิธีในการทำกำไรจากช่องว่างของราคาเอาไว้ด้วย ซึ่งบางคนหากได้อ่านแล้วจะต้องงุนงง และแปลกใจ เพราะ Profit Gap ของ มาร์ค ดักลาส (Mark Douglas) นั้นค่อนข้างแตกต่างออกไป ซึ่งไอ่เจ้านี่แหละ เป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ทุกคนที่อยากประสบความสำเร็จ ต้องเติมเต็มมันให้ได้ ช่องว่างของกำไร ความหมายก็คือ ผลต่างระหว่างกำไรที่ควรจะได้ในการเทรด กับผลกำไรที่เกิดขึ้นจริงในการเทรดนั้น ยกตัวอย่างเช่น 👋👋เราเจอสัญญาณซื้อในหุ้น PTT ที่ราคา 45 บาท และจุดขายออกนั้นควรจะอยู่ที่ 50 บาท กำไรที่ควรจะได้ในการเทรดครั้งนี้จึงอยู่ที่ 5 บาท แต่เมื่อเราเทรดจริง เราได้ซื้อหุ้น PTT ที่ราคาหุ้นละ 45.50 บาท และรีบร้อนขายไปก่อนที่ราคา 46.50 บาท กำไรที่เกิดขึ้นจริงคือ 1 บาท ส่วนต่างระหว่าง 5 บาทและ 1 บาทนี้เองที่เป็น Profit Gap แล้วมันสำคัญยังไง??? 👋สำคัญครับ มันสำคัญตรงที่ มันเป็นการวัดความแตกต่างระหว่าง "สิ่งที่ควรจะเป็น" กับ "สิ่งที่เป็นจริงๆ" ยิ่งเรามี Profit Gap ที่ห่างและบ่อยเท่าไหร่ นั่นแปลว่าเรามีการเทรดออกนอกแผนบ่อยครั้งมากขึ้น ใช้อารมณ์มากขึ้น และลดเหตุผลในการเทรดลง ก็คือใช้อารมณ์ ซึ่งผลร้ายของการที่มี Profit Gap มากๆ เข้าก็คือ เราจะกลายเป็นเทรดเดอร์ที่เทรดแบบไร้วินัย จนยากที่จะทำเงินจากตลาดได้ในระยะยาว เริ่มถึงบางอ้อกันแล้วใช่มั้ย วิธีการเติมเต็ม Profit Gap 👋มาร์ค ดักลาส (Mark Douglas) แนะนำว่า สำหรับนักลงทุนที่ต้องการอยู่รอดในตลาดได้ยาวนาน ควรหาทางเติมเต็ม Profit Gap ของตนเองให้ได้มากที่สุด พูดอีกอย่างก็คือ ควรทำตามแผนหรือวิธีการลงทุนด้วยสติ ไม่ใช่ใช้อารมณ์ชักนำจนทำให้แผนเราเสีย เมื่อทำตามแผนได้อย่างดีแล้ว เราจะสามารถนำผลลัพธ์จากการเทรดมาวิเคราะห์ได้ง่ายขึ้น หากเรามีผลการเทรดที่แย่ ก็เพียงแค่ปรับปรุงวิธีการใหม่ หากมีผลการเทรดที่ดี เราก็พัฒนามันให้ดีกว่าเดิมได้ 👋👋👋 เห็นมั้ยครับว่าวิธีการคิดก่อนเริ่มจะเทรดนั้นสำคัญอย่างไร อย่าสักแต่ว่าอยากเทรดก็เทรดเลย ต้องดูแผนและรอเวลาก่อนในการทำ Profit Gap ก็เช่นกัน หมั่นฝึกฝนและเรียนรู้วิธีการเทรดให้มากๆ แต่อย่าพยายามทำกำไร แบบ Profit Gap กันมาก หากเราต้องเป็นนักเทรดเก็งกำไรระยะยาว สวัสดีครับ การศึกษาโดย Tradertanofficial1
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปพอมายอดดู h1 ก็เริ่มเห็นอะไรมากขึ้นแล้วเห็นไหมครับมันคือ side way ก็แบบเดิมๆเลยรอระเบิดแค่นั้นเองระเบิดขึ้นก็รอบบ่ายระเบิดลงก็ยกเซลล์แล้วจะไปเซลล์แบบไหนจะไปบายแบบไหนก็ทางเฟรมที่เล็กลงไงครับ m15 ก็ได้ m5 ก็ได้จังหวะมาก็ใส่เลยครับเบิ้ลlotไซส์ใหญ่ๆไปเลยเจ็บสั้นๆพอไม่ถึง 50 จุดก็ปล่อยได้แล้วเบิ้ลๆไม้ไปเลยเยอะๆดูจังหวะให้มันได้ดูรูปแบบให้มันใช่แล้วกันทำบ่อยๆเอาครับลองดูผมเองก็ยังสอบอยู่ยังไม่ผ่านก็ยังฝึกอยู่เหมือนกันครับสวัสดีโดย koban0071
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปทำเป็น h4 ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละครับมันก็คือลงแล้วก็ยกตัวขึ้นถอดไส้ไม่ทะลุวีคก็มองดูมีโอกาสเป็น 2 ทางคือไม่ขึ้นก็ลงจะขึ้นก็หาจังหวะเข้าด้วย PA ขาขึ้นมีการ break out ขึ้นไปก็ค่อยย่อแล้วบายส่วนถ้าจะลงมันก็เหมือนกันนั่นแหละครับให้มันทะลุแนวรับตามรูปที่วาดไปนี่แหละคร่าวๆไว้ประมาณนี้มันจะลงต่อเราก็หาจังหวะเข้าเซลล์แค่นั้นเอง break out ได้ก็รอยกกับตัวขึ้นไปก็เซลล์แค่นั้นเองรูปแบบเดิมๆเลยครับไม่มีอะไรพิเศษเลยเดี๋ยวถ้ายังไงจะดู h1 อีกทีนึงไปย่อดูนิดนึงกันอีกครั้งครับโดย koban0071
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปd1 รูปแบบการออกแบบดีไซน์แผนมันก็มีอยู่ประมาณตามรูปนี้แหละตอนนี้เราก็ต้องรอต่อว่าข้างในมันจะสร้างพฤติกรรมอะไรให้เราออกเป็นแผนไหนถ้าเป็นแผนภาพรวมใหญ่ก็มองแนวโน้มขาขึ้นก็รอรับสำคัญสร้าง PA ให้สำเร็จสบายแต่ถ้าเป็นช่วงราคาปัจจุบันมันเป็นภาพลงก็ต้องหา PA เซลล์ซึ่งมีกรอบให้เทรดอยู่ในกรอบสีเหลืองเล็กๆนั่นแหละก็เก็บไปรูปแบบเก็บสั้นต้นไม้หลอดใหญ่ก็ได้เก็บแป๊บเดียวทำเฟรม m5 ก็ได้ปิดเลยหรือจะมาเทรดในรูปแบบของ sideway ก็ได้ต้องรอว่ามันมาชนเส้นวีคแล้วมันจะลงต่อไหมถ้ามันไม่ลงก็รอให้มันสร้างรับ PA ให้สำเร็จเข้าไปก็แค่นั้นแหละโดย koban0071
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปทำเฟรมวิกก็ดูได้เท่านี้แหละมันก็บอกชัดเจนอยู่แล้วแหละแต่ถ้าจะเทรดแล้วก็ไม่ได้เทรดแน่รอกันเป็นเดือนๆเลยแหละเอาเป็นว่าสำหรับทำ frame week บอกให้เราเห็นประมาณนี้ก็ต้องวางแผนเทรดในทางเฟรมที่เล็กลงการเก็บจุดก็ไม่ต้องเก็บถึงขนาดสุดทางเก็บซัก 300 จุดก็สวยแล้วสำหรับคู่เงิน 150 จุดถึง 300 นี่สุดยอดแล้วแนวโน้มขาขึ้นก็ยังดูแข็งแรงอยู่ถ้าจะเทรดเซลล์ก็เซลล์ได้แต่ก็ต้องระวังโดนย้อนกลับด้วยเพราะฉะนั้นเราจะรอย่อสร้างรับใหม่แล้วบายจะปลอดภัยกว่าหาจุดเข้าในทางเฟรมที่เล็กลงโดย koban0071
USDJPY H4 | สัญญาณกลับตัวขาลงวิเคราะห์ USDJPY บนกราฟ H4 ราคากำลังปรับตัวขึ้นไปยังจุด Pivot ที่ 154.72 ใกล้กับระดับการฟื้นตัว 50% ของ Fibonacci หากกลับตัวจากระดับนี้ ราคาจะลดลงไปยังแนวรับแรกที่ 152.96 แต่ถ้าทะลุจุด Pivot อาจขึ้นไปยังแนวต้านที่ 155.78ลดลงโดย ThaiTradeSignals1
"เงินเยนญี่ปุ่นผันผวนตามดัชนี PCE ของสหรัฐ"เงินเยนญี่ปุ่นประสบกับความผันผวนขณะที่นักลงทุนติดตามดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐ (US PCE Price Index) 🌏 เงินเยนญี่ปุ่นอ่อนค่าก่อนการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ การลดค่าเยนอาจจำกัดลงเนื่องจากนักลงทุนอาจยังคงแก้ไขการเทรดแบบ carry trade ก่อนการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) 📉 ดอลลาร์สหรัฐอาจจำกัดการลดลงเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาใหม่ช่วยลดความคาดหวังเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน 📊 เงินเยนญี่ปุ่นยังคงอ่อนตัวหลังจากที่สำนักสถิติญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของโตเกียวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เงินเยนอาจได้รับการสนับสนุนเนื่องจากนักลงทุนอาจแก้ไขการเทรดแบบ carry trade ก่อนการประชุมนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น ซึ่งจะสิ้นสุดในวันพุธ ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการจะพิจารณาความเป็นไปได้ในการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยและกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการลดการซื้อพันธบัตรขนาดใหญ่ ⏳ Masato Kanda ทูตด้านการเงินของญี่ปุ่น ได้แจ้งกับ G20 เมื่อวันศุกร์ว่าความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนมีผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่น Kanda ระบุถึงความเป็นไปได้ของการลงจอดอย่างนุ่มนวลและเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการติดตามเศรษฐกิจและดำเนินมาตรการที่จำเป็นอย่างใกล้ชิด 📈 ดอลลาร์สหรัฐอาจได้รับการสนับสนุนเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่แข็งแกร่งได้ช่วยลดบางส่วนของความคาดหวังในการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน ในวันศุกร์นี้ ทุกสายตาจะจับจ้องไปที่การเปิดเผยดัชนีราคาการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของเดือนมิถุนายน 🧐 เมื่อวันพฤหัสบดี ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของสหรัฐสำหรับไตรมาสที่ 2 (Q2) มีค่ามากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ตามมาด้วยข้อมูล PMI ของสหรัฐเมื่อวันพุธที่แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวที่เร็วขึ้นในกิจกรรมของภาคเอกชนสำหรับเดือนกรกฎาคม ซึ่งเน้นย้ำถึงความแข็งแกร่งของการเติบโตของสหรัฐแม้จะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูง 📈 การวิเคราะห์ทางเทคนิค: USD/JPY อยู่รอบๆ 154.00 คู่เงิน USD/JPY ซื้อขายอยู่ที่ระดับ 154.00 เมื่อวันศุกร์ การวิเคราะห์แผนภูมิรายวันแสดงให้เห็นว่าคู่เงิน USD/JPY กลับเข้าสู่ช่องทางขาลง ซึ่งบ่งชี้ถึงการอ่อนแอของแนวโน้มขาลง อย่างไรก็ตาม ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI) 14 วันอยู่ที่ระดับ 30 ซึ่งบ่งชี้ถึงสถานการณ์ที่ถูกขายมากเกินไปและมีศักยภาพในการฟื้นตัวในระยะสั้น 📉 คู่เงิน USD/JPY อาจทดสอบขอบเขตล่างของช่องทางขาลงที่ระดับ 153.50 ตามมาด้วยจุดต่ำสุดในเดือนพฤษภาคมที่ระดับ 151.86 การสนับสนุนเพิ่มเติมอาจพบได้ที่ระดับจิตวิทยา 151.00 📊 ในด้านขาขึ้น คู่เงิน USD/JPY อาจทดสอบระดับ "throwback support level turned resistance" ที่ระดับ 154.50 การต้านทานเพิ่มเติมปรากฏที่ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เร่งรัดเส้น 9 วัน (EMA) ที่ 155.80 ตามมาด้วยขอบเขตบนของช่องทางขาลงที่ระดับ 156.60 📈 #Forex #USDJPY #JapaneseYen #EconomicData #TechnicalAnalysisโดย Purich4
USDJPY ถูกขายหนักเนื่องจากความคาดหวังต่อ BOJ USDJPY ถูกขายหนักเนื่องจากความคาดหวังว่า BOJ จะออกมาตรการคุมเข้มสองครั้งในสัปดาห์หน้า แม้ USD จะแข็งค่าขึ้นกับคู่ค้าอื่น ๆ แต่กลับอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับ JPY BOJ ประกาศหารือเรื่องการลดการซื้อพันธบัตรและอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ย ถ้า BOJ คุมเข้มจริง USDJPY อาจลดลงต่อเนื่อง มุมมองทางเทคนิค USDJPY หลุดต่ำกว่าระดับ 158.28 และมีแนวโน้มลดลงทดสอบระดับ 154.74 ตามการอ่านโมเมนตัมขาลงลดลงโดย ThaiTradeSignals2
USDJPY @18/07/2567Trend : H4 -Bullish trend -Ovs -61.8% Poi -Dz@h4 Signal Confirm -Choch@M15 -Divergence@H1 -Ovs@h4/h1 Confirmation Entry : M5 -Choch -Break retestเพิ่มขึ้นโดย chpnzที่อัปเดต: 3
USDJPY การสนับสนุน Pullback ที่ระดับการปรับฐาน Fibonacci 61.8%ราคากำลังลดลงสู่จุดหมุนที่ 157.25 ซึ่งเป็นแนวสนับสนุน pullback ที่สอดคล้องกับระดับการปรับฐาน Fibonacci 61.8% และอาจกลับตัวขึ้นจากจุดนี้ได้ เราอาจเห็นแรงส่งพาราคาขึ้นไปถึงแนวต้านแรกที่ 159.37 ซึ่งเป็นแนวต้านที่ซ้อนทับกัน สถานการณ์ทางเลือก: หากราคาทะลุจุดหมุนลงไป อาจลงไปถึงแนวรับแรกที่ 155.81 ซึ่งเป็นแนวสนับสนุน pullback ที่ต่ำกว่าระดับการปรับฐาน Fibonacci 78.6%เพิ่มขึ้นโดย ThaiTradeSignals1
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปแผนคู่เงินก็เอาที่แค่ทำเฟรมให้ 1 ก็พอแล้วรอดูจังหวะดูแท่งเทียนมันเป็น price action แบบไหนก็เลือกเพจตามนั้นไปถ้ามันยังไม่ทำแผล action อะไรยังไม่ทะลุก็เสียบ side way ไปก่อนเก็บสั้นๆไปก็ได้ไม่ต้องไปเก็บไกลสั้นๆหมายถึง 100 จุด 150 จุดก็เก็บไปแล้วใช้วิธีการเบิ้ลไม้หรือจรหลอดไซส์ใหญ่ๆเอาเลยก็ได้ SL 1 ต่อ 1 หรือ 1 ต่อ 2 ก็ว่าไปถ้าอยากจะได้กำไรมากหน่อยก็ 1 ต่อ 2 กำไรเท่าๆกันก็ 1 ต่อ 1 วัดดวงกันไปเลย 4 5 ไม้ต่อครั้งก็ว่ากันโดย koban007nick1
ฝึกวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปแนวโน้มมันก็ดูขึ้นแต่ช่วง 3 วันก่อนมันลงลงเพื่อขึ้นต่อมันเป็นปกติอยู่แล้วที่กราฟก่อนจะขึ้นก็ต้องย่อตัวก่อนแต่อย่างว่าเราจะมานั่งรอย่อแล้วบายอย่างเดียวมันก็เป็นไปไม่ได้เราก็ต้องหาจุดเช่าในทำเฟรมที่เล็กลงสวนทางลงไปก็คือเซลล์แค่นั้นแหละครับโดย koban007nick1
มุมมองการเทรด USDJPY 15-19 กรกฏาคม 2024มุมมองในของ USDJPY ตามเทคนิคคอล มีบทวิเคราะห์ดังนี้ หากมีการวิ่งมายังโซนที่ monitor zone และไม่เกิดการกลับตัว โดยส่วนตัวมองว่า USDJPY จะอยู่ในช่วงที่ฝั่ง sell มีความได้เปรียบที่สูงกว่าฝั่งบาย และจะไม่มีการออกไม้ buy เด็ดขาด เพราะจะมีความเสี่ยงมากเกินไป แต่จะเน้นในการที่เด้ง sell ในโซนสำคัญๆ แทน แต่ถ้าเกิดการกลับตัวในบริเวณ momitor zone ที่แสดงถึงการกลัวตัวอย่างชัดเจน เช่นมี pa กลับตัวเกิดขึ้นจะทำการเทส buy เพราะแสดงถึงว่าแรง buyในตลาดยังคงมีอยู่ แต่จะมากพอที่จะทำให้เกิด new high หรือไม่ โดยส่วนตัวยังคงคิดว่าตลาดในสัปดาห์นี้ยังคงไม่มีแรงมากพอ แต่ก็จะมีการอัฟเดทให้เป็นระยะนะคะโดย HolyTrader453
Pareto Principle กฎ 80/20 ทำน้อยแต่ได้มากPareto Principle กฎ 80/20 ทำน้อยแต่ได้มาก 👏👏👏 สวัสดีครับ กลับมาพบเจอกันในบทความรอบโลกกันอีกเช่นเคย วันนี้แอดพาทุกท่านไปรู้จักกับ กฎ 80/20 ที่ช่วยให้เราจัดลำดับความสำคัญและการบริหารเงิน บริหารเวลาได้แบบคุ้มค่าที่สุด มันเป็นอย่างไร แล้วใช้อย่างไร ตามมาอ่านบทความด้านล่างได้เลยครับ กฎ 80:20 หรือที่รู้จักกันในชื่อ “กฎพาเรโต” (Pareto principle) หมายถึงผลลัพธ์ในสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น 80 % โดยมาจากตัวแปร 20 % หลักการพาเรโตเป็นเครื่องมือทางสถิติที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากการสังเกตการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ชาวอิตาลี นามว่า Vilfredo Pareto เมื่อปี 1906 ว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ในอิตาลีมาจากประชากรจำนวน 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งปรากฏว่าอัตราส่วน 80:20 นี้เป็นสามารถใช้ได้จริงและเกิดขึ้นจริงในวงการอื่นๆด้วยเช่นกัน และยังสามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี แต่หลักการพาเรโตนั้นมักถูกเข้าใจผิดว่า หมายถึง การทำงานน้อยๆ ผลิตน้อยๆ และใช้เวลาน้อยๆ แต่ได้ผลลัพธ์ที่มาก จริงๆแล้วหลักการพาเรโต หมายถึง ทำงานอย่างฉลาดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้เหลือเวลาไว้ไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์ สิ่งที่สำคัญที่สุดของหลักการ 80/20 ก็คือ ความสามารถในการวางเป้าหมายและทำให้ได้ แต่ขั้นตอนในการทำอาจไม่ต้องทำถึง 100 % หรือ 80 % แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นได้มากถึง 80-100 % ซึ่งวิธีการที่ว่าก็คือ 20% ของการทำงานนั่นเอง “การวางแผนจึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับหลักการ 80/20 “ 👉👉👉 หรือจะให้พูดง่ายๆก็คือการลงแรงด้วยทุน เพียงน้อยนิด 20 % แต่ได้ผลลัพธ์หรือ กำไร มากถึง 80 % และที่สำคัญ ไอ่เจ้า กฎ 80 /20 ที่ว่านี้ยังสามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกๆสถานการณ์จนอาจเรียกได้ว่าเป็น “กฎครอบจักรวาล” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบริหารจัดการงาน ความสัมพันธ์และการติดต่อกับผู้คน หรือแม้แต่ในเรื่องการดูแลตัวเอง เช่น การกิน การนอน การออกกำลังกาย เป็นต้น 6 วิธีในการนำหลักการพาเรโต ไปใช้ 1. ระบุงานที่สำคัญจริงๆที่ควรทำก่อนเป็นอันดับแรก เพราะในชีวิตจริงงานด่วนงานรีบ แต่ไม่สำคัญก็มีเยอะและแทรกงานสำคัญไปหมดเลย ทำให้เราสับสนได้ง่ายๆ 2. หาให้เจอว่ามีความสัมพันธ์ทางธุรกิจใด ที่ส่งผลให้องค์กรของคุณไปข้างหน้าได้ไกลกว่าเดิม และงานไหนที่ให้ผลตอบแทนและผลลัพธ์ที่คุ่มค่ามากที่สุด เพราะเครือข่ายความสัมพันธ์ที่ดี ทำให้การดำเนินงานง่ายและสะดวกขึ้นและเจริญขึ้นได้ง่าย 3. วางแผนการทำงาน อะไรที่ทำให้งานไม่เดิน กำจัดสิ่งรบกวน 20% เพื่อโฟกัสกับงาน 80 % หาวิธีหรือกระบวนการทำงานที่สามารถลดบางขั้นตอนที่ไม่จำเป็นออกไป 4. ไม่ต้องมีเป้าหมายเยอะ มีแค่เป้าหมายเดียวแล้วบรรลุเป้าหมายนั้นให้ได้ เพราะการมีเป้าหมายเยอะทำให้ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรคือเป้าหมายที่สำคัญจริงๆ เพราะทุกอย่างดูเหมือนจะสำคัญไปหมด ไม่รู้จะโฟกัสอะไรก่อน 5. เวลาในการทำงานก็สำคัญ หาให้เจอว่างานอะไรที่ใช้เวลาไปกับมันเยอะ แต่ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย เช่นการตอบอีเมลล์ลูกค้าเยอะๆหลายฉบับ แทนที่จะใช้เวลาเพียง 20 นาทีในการเจรจาหารือกับลูกค้าหรือที่ปรึกษา เพื่อจบในครั้งเดียว 6. งานที่ไม่ถนัด อย่าลังเลที่จะมองหาความช่วยเหลือ เป็นไปไม่ได้ที่คนเพียงคนเดียวจะถนัดทุกอย่าง และเป็นไปไม่ได้เช่นกันที่งานหนึ่งงานจะสำเร็จได้ด้วยคนเพียงคนเดียว โดยเฉพาะหากเป็นงานเร่งด่วนจะยิ่งส่งผลให้งานนั้นเกิดข้อผิดพลาดได้ง่ายขึ้นด้วย ฉะนั้นอย่าลังเลที่จะมองหาความช่วยเหลือจากคนที่ถนัดหรือมีเวลามากกว่าเพื่อให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น 👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับกฎ 80/20 ของพาเรโต ที่สามารถนำไปใช้และปฎิบัติได้จริง เพราะมันเป็นค่าเฉลี่ยที่เกิดขึ้นจริงๆในหลายๆองค์กรและชีวิตประจำวัน ซึ่งเราก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการเทรดได้ด้วยเช่นกันนะฮะ เราเอาไปใช้กันดูนะฮะ จัดระเบียบงานและความสำคัญให้ดี รับรอง่าชีวีสุขสันต์แน่นอนครับผม สนับสนุนบทความนี้ด้วยการส่งเพชร 💎ส่งดาว🌟 และกดติดตาม การศึกษาโดย Tradertanofficial5
USDJPY H4 | แนวโน้มขาลงแนวโน้มที่คาดการณ์: ราคาปัจจุบันอยู่ที่จุดหมุน 161.58 ซึ่งเป็นแนวต้านซ้อนกัน การลดลงจากระดับนี้อาจทำให้ราคาลดลงไปยังแนวรับแรกที่ 160.34 ซึ่งเป็นแนวรับต่ำหลายจุด สถานการณ์ทางเลือก: หากราคาทะลุจุดหมุนไปได้ อาจเพิ่มขึ้นไปถึงแนวต้านแรกที่ 163.26 ซึ่งอยู่เหนือการขยายตัวของ Fibo 161.8%ลดลงโดย ThaiTradeSignals4
USDJPY H4 | มีแนวโน้มดีดตัวขึ้นราคามีโอกาสตกลงมาที่จุดหมุน 159.79 ซึ่งเป็นแนวรับที่สอดคล้องกับระดับ Fibonacci retracement 23.6% และมีโอกาสกลับตัวจากจุดนี้ โดยราคาสามารถขึ้นไปที่แนวต้านแรก 161.82 ซึ่งเป็นแนวต้านที่สอดคล้องกับระดับ Fibonacci extension 161.8% สถานการณ์ทางเลือก: หากราคาทะลุจุดหมุนลงมา อาจลงไปที่แนวรับแรก 158.67 ซึ่งเป็นแนวรับที่อยู่ต่ำกว่าระดับ Fibonacci retracement 38.2% เพิ่มขึ้นโดย ThaiTradeSignals4
เมดเลย์ DXY XAU BTC AU EU GU 25/6/24มุมมองวันนี้ dxy มีแนวโน้มพักตัว หากหลุดแนวรับจะเป็นโอกาสให้คู่ผกผันดีดขึ้นได้เพิ่มขึ้น19:58โดย CoachNuengFX1