ทุก 1 ปีหรือ 1.5 ปี หลัง Halving มักจะมีการร่วงลงของราคาบิทคอยผู้เขียนขอเกริ่นนำก่อนที่จะเริ่มบทวิเคราะห์นี้ โดยการขอเกริ่นนำคร่าวๆ ว่า Bitcoin halving และการขุดเหรียญ Bitcoin ขึ้นมาคืออะไร คืออะไร อาจจะไม่ถูกเป้ะๆ แต่เพื่อความง่าย ขออธิบายประมาณนี้ครับ
เรามาเริ่มกันเลย!
ด้าน Quality data และ Quantity data
การขุดบิทคอยคืออะไร ถ้าจะให้เปรียบง่ายๆ ปริมาณเหรียญ BTC มีทั้งโลกประมาณ 21 ล้านเหรียญ ถ้าเทียบกับทองในโลก การขุดทอง ก็เหมือนกับการขุดบิทคอย เรายังขุดบิทคอยยังไม่ครบ 21 ล้านเหรียญ และปัจจุบันก็ยังมีการขุดต่อเรื่อยๆ เราขุดทองโดยการสร้างเหมืองขุด แต่การขุดบิทคอยคือการเปิดคอมพิวเตอร์ให้ระบบคอมแก้สมการไปเรื่อยๆ จนถอดรหัสออกมาได้ เราก็จะได้บิทคอยมาเป็นรางวัลของการขุดแบบนั้นๆ
ทีนี้ BTC halving คือเหตุการณ์หนึ่ง ที่จะเกิดขึ้นทุก 4 ปี ตามระบบของมัน ส่งผลทำให้การขุดบิทคอยยากขึ้น แล้วทำให้ปริมาณบิทคอยที่ขุดขึ้นมาหลังจากนั้นจะน้อยลง และเมื่อ Supply น้อยลง หากไม่มีปัจจัย Demand ที่เปลี่ยนแปลง ก็อาจจะทำให้ราคาบิทคอยพุ่งสูงขึ้นตามหลัก supply & demand
เมื่อ halving เกิดขึ้น ก็จะทำให้ขุดเหรียญได้ยากขึ้น ก็จะทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น (หาก demand ยังเหมือนเดิม)
งั้นเรามาดูเหตุการณ์ halving ที่ผ่านมาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับราคาหลังจาก Halving
1. Halving ครั้งแรก เมื่อ 28 พ.ย. 2012 หลังจากนั้น 1 ปี มีการพุ่งสูงขึ้นของราคาบิทคอย ก่อนที่จะย่อตัวลง
2. Halving ครั้งที่ 2 เมื่อ 9 ก.ค. 2016 หลังจากนั้น 1.5 ปี มีการพุ่งสูงขึ้นของราคาบิทคอย ก่อนที่จะย่อตัวลง
3. Halving ครั้งที่ 3 เมื่อ 11 พ.ค. 2020 หลังจากนั้น 1 ปีได้มีการย่อตัวลง 1 รอบ ก่อนที่จะทะยานตัวกลับไป และหลังจาก halving ครบ 1.5 ปี มีการพุ่งสูงขึ้นของราคาบิทคอย ก่อนที่จะย่อตัวลง
4. Halving ครั้งที่ 4 เมื่อ 19 เม.ย. 2024 ที่ผ่านมา หลังจากนั้น จะเป็นอย่างไร ไม่มีใครทราบ !
แต่หากจะประเมินตามสถิติ ก็คงจะราวๆ เมษา 2025 หรือ พฤศจิกา 2025 คงจะมีการร่วงลงของบิทคอย
เป็นไปได้มั้ยว่า หากมีคนมองเห็นภาพนี้ก่อนจะชิงขายก่อน ก็ไม่มีใครทราบได้
อีก 1 layer ของการวิเคราะห์ที่นอกเหนือจากเรื่องสถิติ ผมขอวิเคราะห์ด้าน Technical analysis เพิ่มเติม
ด้าน Technical analysis
ส่วนตัวผมค่อนข้างเข้าใจ Elliott wave และ Dow's theory มากกว่าทฤษฏีอื่นๆ ผมขออนุญาตใช้ทฤษฏีดังกล่าวประกอบการวิเคราะห์แล้วกันนะครับ
Wave 1 จากกราฟจะเห็นว่า หากมองภาพใหญ่ๆ การที่ราคาทะยานตัวมาถึง 68000$ เมื่อปี 21
อาจเทียบเท่าได้ว่าเกิด wave 1 (ซึ่งมี sub wave ครบ 5 wave และมี alternation rule ของ subwave 2 และ 4) ซึ่งการทะยานตัวของราคาดังกล่าว ทำให้เป็นช่วงที่คนส่วนหนึ่งเริ่มรู้จักบิทคอยและเข้าซื้อตาม
Wave 2 จากกราฟจะเห็นว่ามีการเทขายลงมาเหลือราวๆ 15000$ (เทียบ Fibo ราวๆ 78.6) ในปี 22 ปัจจัยแวดล้อมช่วงนั้นก็จะเป็นการทำ Quantitative Tightening จาก Federal reserve และสงครามส่งผลให้คนเทขายสินทรัพย์เสี่ยง (ในมุมมองของนักลงทุนเวลานั้น) และเกิด Panic sell ระดับใหญ่ ผู้คนที่เคยเข้าซื้อ ออกจากตลาดกันค่อนข้างเยอะ และเริ่มมองภาพลบต่อบิทคอย
Wave 3 นั่นคือช่วงเวลาปัจจุบันนี้ หากลองเทียบ Fibonacci ratio ส่วนมาก wave 3 มักจะราคาพุ่งสูงขึ้นเมื่อเทียบกับ wave 1 ราวๆ 123.6%-161.8% หรือบางตำราอาจจะไปถึง 200-300%
ส่วนตัวผู้เขียนประเมินคร่าวๆ ว่าราคาอาจจะไปถึงช่วง ราวๆ 100000-130000$ ก็น่าจะเต็มกลืนแล้ว
ประกอบกับเส้นประสีเขียว ที่แตะเมื่อไหร่มักจะมีการร่วงลงของราคา จึงประเมินว่า Risk ของขาลงเริ่มเพิ่มมากขึ้น สวนทางกับข่าวสารปัจจุบันที่อาจจะมองบิทคอยในแง่ดี
ทั้งนี้การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้เขียนไม่ประสงค์ชี้แนะแนวทางการลงทุนใดๆ การลงทุนของผู้ลงทุนควรจะต้องเกิดจากความเข้าใจในตัวสินทรัพย์นั้นๆ และเหตุการณ์เศรษฐกิจโลก รวมถึงมีการประเมินความเสี่ยงอย่างครบถ้วน สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านโชคดีในโลกของการลงทุนครับ ขอบคุณครับ