AVAX แผนเทรดเหรียญพ้นจุดต่ำสุดAVAX แผนเทรดเหรียญพ้นจุดต่ำสุด ราคาจะพุ่งขึ้นไปถึงไหนมาดูกัน
แนวรับ 26 22
แนวต้าน 31 36 50
Avalanche เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชน Smart Contract ในรูปแบบของ Open Source สำหรับ Defi เพื่อเอาไว้สำหรับใช้แลกเปลี่ยน ซื้อ-ขายสินทรัพย์ในระดับโลก ให้ทุกคนได้ทำการซื้อ-ขายสินทรัพย์ในรูปแบบไหนก็ได้ แต่จะควบคุมการกระจายอำนาจด้วย Smart Contract รวมถึงเทคโนโลยีอื่นๆ นอกจากนั้นนักพัฒนาที่ต้องการสร้างโปรโจค หรือ Dapp บนบล็อกเชน (Blockchain) ของ Avalanche ยังสามารถดึง Source Code ของ Avalanche ไปใช้ได้เลย แต่จะยังคงอยู่ภายใต้ระบบการกระจายอำนาจแบบกระจายศูนย์ (Decentralized)
AVAX เป็นเหรียญ Token ของแพลตฟอร์ม Avalanche มีหน้าที่หลักเอาไว้จ่ายค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นในทุก Avalanche Chains ทั้งการทำธุรกรรม และการสร้างเครือข่ายใหม่บนแพลตฟอร์มของ Avalanche
ผู้สร้าง
นาย Emin Gun Sirer นักวิทยาศาสตร์สัญชาติตุรกี - อเมริกาจะเป็น CEO ของ Ava Labs แล้วเขายังเป็นผู้สร้าง Avalanche (AVAX) อีกด้วยการที่เขาได้สร้าง Avalanche ขึ้นมาก็เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องของความเร็ว และการปรับขนาด โดยความเร็วในการทำธุรกรรมของ Avalanche ใช้เวลา 3 วินาที
การทำงาน
Avalanche ใช้ระบบ Proof of Stake (PoS) ที่ใช้เทคโนโลยีพิเศษอย่าง DAG Consensus (Direct Acyclic Graph Tangle) เพื่อให้แสดงผลลัพธ์ด้านใดด้านหนึ่ง โดยระบบจะทำการสุ่ม Node จำนวนหนึ่งขึ้นมาสำหรับการยืนยันธุรกรรม หรือเพื่อเป็น Validator ซึ่งระบบจะยึดตามเสียงข้างมาก จากนั้นก็ทำการสุ่มไปเรื่อยๆ จนครบลูปดังนั้นการยืนยันธุรกรรมจึงทั้งเร็วกว่า และปลอดภัย เพราะ DAG Consensus จะช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่านั่นเอง
จำนวนเหรียญ
สำหรับเหรียญ AVAX จะถูกจำกัดเอาไว้ที่ 720 ล้านเหรียญ ปัจจุบันมี AVAX หมุนเวียนในระบบมากกว่า 400 ล้านเหรียญ โดยอัตราการปล่อยเหรียญ AVAX ทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับการอนุมัติของชุมชน อีกทั้งเหรียญ AVAX ที่ถูกสร้างขึ้นมาจะไม่ถูกเผาเหมือนกับเหรียญสกุลอื่นทั่วไป แต่การแก้ไขปัญหาการเกิดเงินเฟ้อของ Avalanche คือการเอาค่าธรรมเนียม (Fee) มาทำการเผา (Burn) ทำให้ค่าธรรมเนียมของ Avalanche มีความคงที่ และช่วยลดการเกิด Demand ที่มากเกินไป
จุดเด่น
การใช้ Proof of Stake (PoS) ในรูปแบบใหม่ที่มีความปลอดภัยยิ่งกว่า ด้วย DAG Consensus ที่แก้ปัญหา ด้านการโจมตี หรือการแฮ็กได้ถึง 51% ทำให้การถูกแฮกนั้นเป็นไปได้ยาก และผู้ที่ถือเหรียญ AVAX มากกว่า 2,000 เหรียญขึ้นไป สามารถเปิด Node หรือ Stake เป็นผู้ยืนยันการทำธุรกรรม (Validator) และจะได้รับผลตอบแทนเป็นเหรียญ AVAX กลับมาเมื่อมีการยืนยันธุรกรรมเสร็จสิ้น
อีกทั้ง Avalanche ยังแบ่ง Chain ออกมาเพื่อทำให้ได้ประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้น โดยถูกแบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่
1. Exchange Chain (X-Chain) ใช้สำหรับทำธุกรรมทั่วไป และเอาไว้สร้าง Token ใหม่ transactions of tokens, creation, management
2. Contract Chain (C-Chain) เอาไว้สร้าง Smart Contract ที่เขียนโดย EVM (Ethereum Virtual Machine) compatibility
3. Platform Chain (P-Chain) สร้าง Subnet และ Node Platform chain, taking care of stacking, voting,
จุดเด่นพิเศษอีกหนึ่งอย่างคือ ผู้ใช้งานสามารถนำ Dapp ที่ใช้งานอยู่บนบล็อกเชนของ Ethereum เปลี่ยนมาใช้งานบน Avalanche ได้ด้วย