CHINA:ที่ปรึกษาแนะรัฐบาลจีนคงเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 5% สำหรับปีหน้า
ที่ปรึกษารัฐบาลจีนแนะนำว่า จีนควรรักษาเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในอัตราราว 5.0% สำหรับปีหน้า ซึ่งจะผลักดันให้มีมาตรการกระตุ้นทางการคลังที่แข็งแกร่งขึ้นเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐต่อการส่งออกของจีน และความทะเยอทะยานในการรักษาอัตราการขยายตัวที่ดูเหมือนยากที่จะทำได้ตลอดทั้งปีนี้จะสร้างความประหลาดใจให้แก่ตลาดการเงินที่คาดว่า เศรษฐกิจจีนจะค่อยๆชะลอตัวลง ขณะที่สถานการณ์ด้านการค้าตึงเครียดมากขึ้น
ที่ปรึกษา 4 ใน 6 รายสนับสนุนเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ 5% สำหรับปีหน้า โดยที่ปรึกษารายหนึ่งแนะนำเป้าหมายที่สูงกว่า 4% และอีกรายแนะนำเป้าหมายในกรอบ 4.5-5% ทั้งนี้ ที่ปรึกษากลุ่มนี้จะยื่นข้อเสนอของพวกเขาต่อการประชุมงานเศรษฐฏิจส่วนกลางประจำปีในเดือนหน้า ซึ่งผู้นำระดับสูงจะหารือถึงนโยบายและเป้าหมายต่างๆสำหรับปีหน้า ขณะที่จีนจะไม่ประกาศเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการจนกว่าจะถึงการประชุมรัฐสภาประจำปีในเดือนมี.ค. และผู้กำหนดนโยบายจะพิจารณาคำแนะนำต่างๆของที่ปรึกษาในขั้นตอนการตัดสินใจสุดท้าย
การคงเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ท่ามกลางการขู่ว่าจะเก็บภาษีนำเข้าในอัตรามากกว่า 60% จากสินค้านำเข้าจีนจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐบ่งชี้ว่า จีนพร้อมจะใช้งบก้อนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่สามารถเจรจาลดภาษีนำเข้า หรือเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าออกไป
นายหยู หยงติง ที่ปรึกษาและนักเศรษฐศาสตร์รัฐบาลที่เสนอเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ 5% กล่าวว่า "เป็นไปได้ทั้งหมดที่จะชดเชยผลกระทบจากภาษีนำเข้าของนายทรัมป์ต่อสินค้าส่งออกของจีนด้วยการขยายอุปสงค์ในประเทศมากขึ้น เราควรนำนโยบายการคลังที่แข็งแกร่งขึ้นมาใช้ในปีหน้า" และเขาเสริมว่า ยอดขาดดุลงบประมาณควรจะเกิดระดับ 3% ของจีดีพีที่วางแผนไว้ในปีนี้ และเขายังไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำขู่ของนายทรัมป์ โดยตั้งข้อสังเกตว่า การสนับสนุนจีดีพีของการส่งออกสุทธิของจีนมีสัดส่วนเล็กน้อย โดยการส่งออกของจีนมีสัดส่วน 2.2% ของจีดีพีในปี 2023 แต่การส่งออกมวลรวมมีสัดส่วนเกือบ 20% ของผลผลิตทางเศรษฐกิจทั้งหมด
ที่ปรึกษากล่าวว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของจีนอาจพุ่งขึ้นสู่ระดับ 3.5-4% ของจีดีพีในปีหน้า และอาจมีการออกพันธบัตรรัฐบาลพิเศษมากขึ้นเพื่อนำไปสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุนอื่นๆ ส่วนนโยบายที่เน้นการบริโภคอาจรวมถึงการสนับสนุนทางการเงินมากขึ้นให้แก่ผู้มีถิ่นฐานที่มีรายได้ต่ำ และการขยายโครงการเงินอุดหนุนที่ออกมาในปีนี้เพื่อเพิ่มการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า, รถยนต์ และสินค้าอื่นๆ อย่างไรก็ดี การแจกคูปองเงินสดขนาดใหญ่ไม่น่าจะเกิดขึ้น แต่ที่ปรึกษาก็กระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ผลักดันการปรับเปลี่ยนภาษี, สวัสดิการ และนโยบายอื่นๆเพื่อจัดการกับความไม่สมดุลทางโครงสร้างด้วย--จบ--
Eikon source text