ReutersReuters

CHINA:คาดจีนจะไม่สามารถยุติการดิ่งลงของหยวน,ทำได้แค่ชะลอการร่วงลง

ฮ่องกง--19 พ.ย.--รอยเตอร์

  • นายฮัดสัน ล็อคเคทท์ ผู้เขียนคอลัมน์ของรอยเตอร์ระบุว่า หยวน/ดอลลาร์สหรัฐดิ่งลงมาแล้วราว 2% นับตั้งแต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 6 พ.ย. และหยวนก็มีแนวโน้มที่จะได้รับแรงกดดันมากยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าหากนายทรัมป์ประกาศใช้นโยบายปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจีนสู่ระดับ 60% ตามที่เขาเคยขู่ไว้ ทั้งนี้ ข่าวเกี่ยวกับการเลือกผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนายทรัมป์อาจจะสร้างความกังวลให้แก่รัฐบาลจีนในช่วงนี้ด้วย เพราะว่ามีข่าวว่านายทรัมป์อาจจะเลือกนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ให้มาดำรงตำแหน่งผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR), อาจจะเลือกนายไมค์ วอลซ์ ให้มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ และอาจจะเลือกนายนายมาร์โก รูบิโอ ให้มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ โดยทั้งนายไลท์ไฮเซอร์, นายวอลซ์ และนายรูบิโอต่างก็เป็นผู้ที่มีความเห็นแบบสายเหยี่ยวต่อจีน

  • ถ้าหากสหรัฐปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจีน ปัจจัยดังกล่าวก็จะส่งผลลบต่อเศรษฐกิจจีน ซึ่งถือเป็นประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดในโลก และก็มีการคาดการณ์กันว่า นโยบายด้านภาษีเงินได้และนโยบายด้านการค้าของนายทรัมป์จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสหรัฐอยู่ในระดับสูง และส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นด้วย ทั้งนี้ นายทรัมป์เคยปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจีนมาแล้วในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยแรก และการปรับขึ้นภาษีนำเข้ารอบแรกในครั้งนั้นเคยส่งผลให้หยวน/ดอลลาร์ดิ่งลง 5% ในปี 2018

  • ถ้าหากนายทรัมป์ปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจีนอีกครั้ง สิ่งนี้ก็จะสร้างความยุ่งยากให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้วางแผนการทางเศรษฐกิจในจีน โดยเฉพาะหลังจากที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนระบุว่า ความแข็งแกร่งของหยวนถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อการทำให้จีนกลายเป็นมหาอำนาจทางการเงิน ทั้งนี้ ค่าเงินหยวนที่อ่อนแอจะส่งผลให้ภาวะเงินฝืดในจีนทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และจะส่งผลลบต่ออุปสงค์ของผู้บริโภคในช่วงที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง ทางด้านนักยุทธศาสตร์การลงทุนเคยระบุว่า รัฐบาลจีนอาจจะไม่ปล่อยให้หยวนดิ่งลงสู่ระดับต่ำกว่า 8 หยวนต่อดอลลาร์ แต่นายล็อคเคทท์มองว่า ในความเป็นจริงแล้วรัฐบาลจีนอาจจะไม่ได้มีความสามารถมากนักในการควบคุมอัตราแลกเปลี่ยน

  • รัฐบาลจีนมีเครื่องมือหลายอย่างที่สามารถนำมาใช้ได้ ซึ่งรวมถึงการกำหนดค่ากลางของหยวนในแต่ละวัน ในขณะที่จีนอนุญาตให้หยวนเคลื่อนตัวออกห่างจากค่ากลางได้ไม่เกิน 2% ในแต่ละวัน โดยจีนเคยใช้กรอบความเคลื่อนไหวแบบนี้ในการต่อต้านการดิ่งลงของหยวนในช่วงที่ผ่านมา ส่วนเครื่องมืออย่างอื่น ๆ ก็รวมถึงการที่รัฐบาลจีนสามารถสั่งให้ธนาคารของรัฐบาลเทขายหยวนเพื่อเข้าซื้อดอลลาร์ได้, การปรับเพิ่มเพดานการปล่อยกู้เงินสกุลดอลลาร์ และการสั่งให้แผนกปริวรรตเงินตราไม่ขายหยวนที่ระดับต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ดี ถึงแม้หยวนอยู่ภายใต้การจัดการอย่างเข้มงวด อัตราแลกเปลี่ยนหยวนก็ยังคงเผชิญแรงกดดันจากตลาด และเครื่องมือต่าง ๆ เหล่านี้ก็ทำได้เพียงแค่ชะลอความเคลื่อนไหวของหยวนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถยุติความเคลื่อนไหวของหยวน และไม่สามารถทำให้หยวนปรับเปลี่ยนทิศทางไปในทางตรงกันข้าม

  • ทางเลือกสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการนำทุนสำรองเงินตราต่างประเทศขนาด 3.26 ล้านล้านดอลลาร์ของจีนออกมาใช้ อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางจีนเคยดำเนินมาตรการอย่างแข็งกร้าวแบบนี้มาแล้วในปี 2015 แต่เทรดเดอร์มองว่าสิ่งที่ธนาคารกลางจีนทำถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย และส่งผลให้เทรดเดอร์เทขายหยวนออกมาอีก จนส่งผลให้ทางการจีนต้องใช้ทุนสำรองรวมกันราว 1 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อสกัดกั้นการดิ่งลงของหยวน ทั้งนี้ ประสบการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ธนาคารกลางจีนลังเลที่จะนำทุนสำรองออกมาใช้อย่างชัดเจนอีก นอกจากนี้ การเข้ามาแทรกแซงตลาดก็อาจจะเป็นอุปสรรคขัดขวางความพยายามของทางการจีนในการทำให้หยวนกลายเป็นสกุลเงินสากลด้วย--จบ--

Eikon source text

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้

ข่าวเพิ่มเติมจาก Reuters

ข่าวเพิ่มเติม