ReutersReuters

MORNING BRIEF:สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ

Refinitiv

กรุงเทพฯ--11 ต.ค.--รอยเตอร์

  • ดอลลาร์/เยนร่วงลงในวันพฤหัสบดี ในขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับตัวเลขเศรษฐกิจที่ได้รับการรายงานออกมาในวันพฤหัสบดี ซึ่งรวมถึงตัวเลขที่บ่งชี้ถึงความอ่อนแอในตลาดแรงงานสหรัฐ และราคาผู้บริโภคที่ปรับขึ้นเล็กน้อย โดยตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะยังคงปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐปรับขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ส่วนดัชนี CPI ทั่วไปแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 2.4% ในเดือนก.ย. ซึ่งถือเป็นอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2021 หรือต่ำที่สุดในรอบ 3 ปีครึ่ง หลังจากปรับขึ้น 2.5% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายปี โดยก่อนหน้านี้นักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไปอาจขยับขึ้น 0.1% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายเดือน และอาจปรับขึ้น 2.3% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายปี นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานยังรายงานอีกด้วยว่า ดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานปรับขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 3.3% ในเดือนก.ย. หลังจากปรับขึ้น 3.2% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายปี Eikon source text

    ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 102.89 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี ซึ่งใกล้เคียงกับระดับ 102.88 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 103.17 ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค.

    ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 148.56 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยร่วงลงจากระดับปิดตลาดวันพุธที่ 149.29 เยน หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 149.58 เยนในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.

    ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0935 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี โดยขยับลงจาก 1.0939 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากดิ่งลงแตะ 1.0898 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค.

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลงในวันพฤหัสบดี ในขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับตัวเลขเศรษฐกิจที่ได้รับการรายงานออกมาในวันพฤหัสบดี ซึ่งรวมถึงตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับที่สูงเกินคาด และตัวเลขตลาดแรงงานที่อ่อนแอ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐพุ่งขึ้น 33,000 ราย สู่ 258,000 รายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 ต.ค. และอยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 230,000 ราย โดยตัวเลขยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานได้รับแรงหนุนบางส่วนมาจากพายุเฮอริเคนเฮลีนและการพักงานในบริษัทโบอิ้ง ทางด้านนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตากล่าวในการให้สัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลในวันพฤหัสบดีว่า เขายอมรับได้อย่างเต็มที่กับการที่เฟดจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมเดือนพ.ย. และเขากล่าวเสริมว่า ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อและการจ้างงานที่แกว่งตัวผันผวนในระยะนี้อาจจะสนับสนุนให้เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในเดือนพ.ย. นอกจากนี้ นายออสตัน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโกก็กล่าวว่า เขาคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงหนึ่งปีครึ่งข้างหน้า ส่วนนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์คกล่าวว่า เขายังคงคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไป ทั้งนี้ ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐนั้น มีหุ้นเพียงแค่ 3 กลุ่มที่ปิดตลาดวันพฤหัสบดีในแดนบวก ซึ่งรวมถึงดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานที่บวกขึ้น 0.8% โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน อย่างไรก็ดี หุ้นสายการบินเดลตา แอร์ไลน์ดิ่งลง 1% หลังจากเดลตาคาดการณ์รายได้รายไตรมาสที่ต่ำเกินคาด และคาดว่าปริมาณการใช้จ่ายทางการเดินทางจะชะลอตัวลง ส่วนหุ้นสายการบินอื่น ๆ ร่วงลงด้วยเช่นกัน ซึ่งรวมถึงหุ้นสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ที่รูดลง 1.4% ทางด้านนักลงทุนรอดูฤดูการรายงานผลประกอบการไตรมาสสามที่จะเริ่มต้นขึ้นในวันศุกร์นี้ โดยนักลงทุนคาดว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจปรับขึ้น 5% ในไตรมาสสามเมื่อเทียบรายปี Eikon source text

    ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับลง 0.14% สู่ 42,454.12

    ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.21% สู่ 5,780.05

    ดัชนี Nasdaq ปิดขยับลง 0.05% สู่ 18,282.05

  • ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันพฤหัสบดี ในขณะที่ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงในสหรัฐทะยานสูงขึ้นก่อนที่พายุเฮอริเคนมิลตันจะพัดเข้าสู่รัฐฟลอริดา โดยพายุลูกนี้ส่งผลให้บ้านเรือนและธุรกิจกว่า 3.4 ล้านแห่งในรัฐฟลอริดาไม่มีไฟฟ้าใช้ และปั๊มน้ำมันราว 25% ในรัฐฟลอริดาขายน้ำมันเบนซินออกไปจนหมดแล้ว ในขณะที่ราคาสัญญาล่วงหน้าน้ำมันเบนซินในสหรัฐพุ่งขึ้นราว 4.1% ในวันพฤหัสบดี นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบก็ได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากสัญญาณบ่งชี้ว่า อุปสงค์พลังงานในสหรัฐและจีนอาจจะเพิ่มสูงขึ้นด้วย หลังจากจีนเปิดเผยร่างกฎหมายส่งเสริมการพัฒนาภาคเอกชน และธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า จะเริ่มรับใบสมัครจากสถาบันการเงินต่าง ๆ เพื่อเข้าร่วมโครงการสนับสนุนด้านเงินทุนที่เพิ่งก่อตั้งใหม่ โดยเบื้องต้นมีมูลค่า 5.00 แสนล้านหยวน (7.062 หมื่นล้านดอลลาร์) เพื่อช่วยตลาดทุน ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากความกังวลเรื่องความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางด้วยเช่นกัน ในขณะที่นายโยอัฟ แกลแลนท์ รมว.กลาโหมของอิสราเอลประกาศว่า การโจมตีใด ๆ ของอิสราเอลต่ออิหร่านจะเป็นการโจมตีที่ "ร้ายแรง, เฉพาะเจาะจง และสร้างความประหลาดใจ" ทางด้านรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ในอ่าวอาหรับพยายามล้อบบี้รัฐบาลสหรัฐในช่วงนี้ให้ยับยั้งอิสราเอลจากการโจมตีอุตสาหกรรมน้ำมันของอิหร่าน เพราะรัฐบาลของประเทศกลุ่มนี้กังวลว่า กองกำลังต่าง ๆ ที่เป็นพันธมิตรของอิหร่านอาจจะโจมตีอุตสาหกรรมน้ำมันของประเทศกลุ่มนี้ ถ้าหากความขัดแย้งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น Eikon source text

    ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 2.61 ดอลลาร์ หรือ 3.6% มาปิดตลาดที่ 75.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนทะยานขึ้น 2.82 ดอลลาร์ หรือ 3.7% มาปิดตลาดที่ 79.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

  • ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 21.71 ดอลลาร์ สู่ 2,629.48 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยราคาทองได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 6-7 พ.ย. หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ ในวันพฤหัสบดี ซึ่งรวมถึงตัวเลขที่บ่งชี้ถึงความอ่อนแอในตลาดแรงงานสหรัฐ และราคาผู้บริโภคที่ปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ นักลงทุนคาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาส 85.4% ที่เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 4.50-4.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 6-7 พ.ย. และมีโอกาส 14.6% ที่เฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.75-5.00% ตามเดิมในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 6-7 พ.ย. โดยนักลงทุนยังคาดการณ์อีกด้วยว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันราว 0.46% ในช่วงต่อไปในปีนี้ Eikon source text

--จบ--

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้

ข่าวเพิ่มเติมจาก Reuters

ข่าวเพิ่มเติม