ReutersReuters

USA:คาดการปรับกฎหุ้นสหรัฐอาจส่งผลกระทบต่อตลาดสกุลเงินเอเชียช่วงเช้า

สิงคโปร์--24 พ.ค.--รอยเตอร์

  • นักวิเคราะห์คาดว่า การปรับลดระยะเวลาในการชำระบัญชีหุ้นสหรัฐที่จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 28 พ.ค. จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการซื้อขายหลักทรัพย์ของผู้จัดการกองทุนในเอเชีย และจะส่งผลให้ผู้จัดการกองทุนบางรายพยายามจัดหาเงินทุนในช่วงเช้าของตลาดเอเชีย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดปริวรรตเงินตรามีปริมาณการซื้อขายเบาบางมาก และแกว่งตัวผันผวนได้ง่ายมาก ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.เป็นต้นไป นักลงทุนที่อยู่ในสิงคโปร์, ญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้ที่ซื้อหุ้นบริษัทสหรัฐในตลาดหุ้นสหรัฐ จะมีเวลาเพียงแค่ 24 ชั่วโมงในการยืนยันการซื้อขาย และแปลงเงินทุนของตนเองให้อยู่ในรูปของดอลลาร์สหรัฐเพื่อดำเนินการซื้อขายให้แล้วเสร็จ โดยช่วงเวลาดังกล่าวลดลงจาก 2 วัน (T+2) ในปัจจุบัน

  • กฎระเบียบใหม่ของสหรัฐนี้มีจุดประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงของคู่ค้า แต่ดีลเลอร์กำลังจับตาดูในช่วงนี้ว่า การปรับเปลี่ยนกฎระเบียบนี้จะส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนหรือกระแสเงินลงทุนในตลาดปริวรรตเงินตราที่มีขนาด 7.5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวันหรือไม่ ทั้งนี้ เทรดเดอร์ในเอเชียเคยประสบกับเหตุการณ์ที่สกุลเงินเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงมาแล้ว โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อมีคำสั่งซื้อขายจำนวนมากเข้ามาในช่วงที่สภาพคล่องต่ำในช่วงเช้าในตลาดเอเชีย ซึ่งรวมถึงการที่ปอนด์ดิ่งลงอย่างรุนแรงในปี 2016 หรือตอนที่ดอลลาร์/เยนเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงในปี 2019 โดยนายบาร์ท วากาบายาชิ ผู้จัดการธนาคารสเตท สตรีทสาขากรุงโตเกียวกล่าวว่า "ช่วงเวลาตั้งแต่ 17.00 น.ในนิวยอร์คจนถึง 07.00-08.00 น.ในกรุงโตเกียว คือช่วงเวลาที่เราเรียกว่า 'แดนสนธยา' เพราะมีลูกค้าไม่มากนักที่ทำการเทรดในช่วงเวลาดังกล่าว และก็มีธนาคารเพียงไม่กี่แห่งที่จัดสรรสภาพคล่องในช่วงเวลาดังกล่าว ดังนั้นถ้าหากเกิดภาวะไม่สมดุลขึ้น สิ่งนี้ก็อาจจะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อตลาด และจะส่งผลให้สกุลเงินแกว่งตัวผันผวนมากกว่าปกติ"

  • บรรษัท Depository Trust & Clearing Corporation (DTCC) ซึ่งเป็นบริษัทที่รับหักบัญชีและชำระบัญชีสำหรับหลักทรัพย์สหรัฐระบุว่า ภายใต้การปรับกฎระเบียบใหม่ในสหรัฐนี้ เส้นตายสำหรับการยืนยันการเทรด หรือการที่โบรกเกอร์, นักลงทุน และผู้รับฝากสินทรัพย์ตรวจสอบและตกลงกันในรายละเอียดทั้งหมด ได้ถูกเลื่อนออกจากเวลา 12.30 น.ตามเวลานิวยอร์คของวันหลังการเทรด มาเป็นเวลา 21.00 น.ของวันเดียวกับการเทรด ซึ่งตรงกับเวลา 09.00 น.ในตอนเช้าของฮ่องกง และนั่นหมายความว่านักลงทุนจำเป็นจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อแก้ไขปัญหาก่อนเวลาดังกล่าว ไม่เช่นนั้นการเทรดจะล้มเหลวและจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการดำเนินการสูงยิ่งขึ้น ทั้งนี้ นายเจอราร์ด วอลช์ จากบริษัทนอร์ทเธิร์น ทรัสต์กล่าวว่า ตารางเวลาที่กระชั้นยิ่งขึ้นอาจจะส่งผลให้มีการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมากยิ่งขึ้นในช่วงเช้าของตลาดเอเชีย

  • นักลงทุนและโบรกเกอร์-ดีลเลอร์เตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยการวางแผนเพิ่มจำนวนพนักงาน, ใช้ระบบอัตโนมัติ, เตรียมเงินสดกันชนมากยิ่งขึ้น และใช้การเทรดแบบวางเงินล่วงหน้า โดยวิธีการเหล่านี้ส่งผลให้นักลงทุนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ความเสี่ยงในการชำระบัญชีการซื้อขายสกุลเงินอาจจะเกิดขึ้นได้ด้วย เพราะว่าช่วงเวลาปิดรับการเทรดสำหรับ CLS ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มชำระบัญชีที่บริหารโดยธนาคารขนาดใหญ่ ยังคงกำหนดไว้ที่เวลาเดิม ซึ่งได้แก่เวลา 06.00 น.ในตอนเช้าของฮ่องกง ซึ่งตรงกับเวลาเที่ยงคืนตามเวลายุโรปกลาง

  • การปรับกฎระเบียบในสหรัฐนี้ส่งผลให้ระเบียบของสหรัฐมีความแตกต่างจากตลาดหุ้นและตลาดปริวรรตเงินตราส่วนใหญ่ ซึ่งใช้เวลาชำระบัญชี 2 วัน และสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อนักลงทุนหลายราย โดยตัวอย่างของผลกระทบนี้ก็มีอย่างเช่น นักลงทุนที่ขายหุ้นบริษัทออสเตรเลียเพื่อนำเงินมาซื้อหุ้นบริษัทสหรัฐ จะมีความจำเป็นต้องอาศัยวงเงินสินเชื่อหรือจะต้องบริหารจัดการกระแสเงินสดและสกุลเงินอย่างระมัดระวังตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป เพราะว่านักลงทุนรายนั้นจะต้องใช้เวลานาน 2 วันก่อนที่จะได้รับเงินดอลลาร์ออสเตรเลียจากการขายหุ้นในออสเตรเลีย ทั้งนี้ นักลงทุนจะต้องใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษในช่วงสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ และในตลาดปริวรรตเงินตราบางประเทศที่หยุดทำการในวันหยุดอย่างเช่นเกาหลีใต้ด้วย--จบ--

Eikon source text

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้