EUROPE:อีซีบีชี้อสังหาเชิงพาณิชย์เป็นจุดอ่อนในระบบการเงินยูโรโซน
แฟรงค์เฟิร์ต--16 พ.ค.--รอยเตอร์
ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้ออกรายงานการประเมินเสถียรภาพระบบการเงิน (FSR) รอบครึ่งปีในวันนี้ โดยอีซีบีตั้งข้อสังเกตว่า ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมา ถึงแม้ว่ายังคงมีความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ และอีซีบีระบุว่าภาคอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ได้กลายเป็นจุดอ่อนในระบบการเงินยูโรโซน เพราะว่าการขาดทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์อาจจะสร้างความเสียหายต่อภาคธนาคาร, ภาคการประกัน และภาคกองทุนตามมาได้ ทั้งนี้ บริษัทอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ (CRE) ได้รับความเสียหายจากปัจจัย 3 ประการในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งได้แก่ ต้นทุนการกู้ยืมที่พุ่งสูงขึ้น, อุปสงค์ที่ลดลงในพื้นที่สำนักงานหลังผ่านพ้นวิกฤติโรคระบาด และวัสดุก่อสร้างที่มีราคาแพงยิ่งขึ้น
อีซีบีระบุในรายงาน FSR ว่า ปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ได้เริ่มต้นลุกลามออกไปยังบริษัทอื่น ๆ แล้ว โดยผ่านทางอัตราการผิดนัดชำระหนี้ที่พุ่งสูงขึ้น และยอดขาดทุนจากการลงทุน โดยอีซีบีระบุอีกด้วยว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ดิ่งลง 8.7% ในช่วงสิ้นปี 2023 เมื่อเทียบรายปี และอาจจะรูดลงต่อไปอีก นอกจากนี้ อีซีบียังระบุอีกด้วยว่า "ราคาอาจจะดิ่งลงต่อไป เนื่องจากอุปสงค์ในสินทรัพย์ CRE ลดลงเชิงโครงสร้างหลังผ่านพ้นวิกฤติโรคระบาด และแนวโน้มสำหรับตลาดสำนักงานก็อยู่ในภาวะซบเซาเป็นอย่างมาก" ทั้งนี้ อีซีบีระบุว่า ราวครึ่งหนึ่งของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ในยูโรโซนมียอดขาดทุนในตอนนี้ และความสามารถของบริษัทเหล่านี้ในการนำผลกำไรมาจ่ายดอกเบี้ยก็ดิ่งลงอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา
อีซีบีระบุว่า ถึงแม้อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ครองสัดส่วนเพียงเล็กน้อยในยอดสินเชื่อโดยรวม ธนาคารพาณิชย์บางแห่งก็ได้รับความเสียหายไปแล้วจากพอร์ตลงทุนใน CRE ที่เสื่อมค่าลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในสหรัฐ และอีซีบีระบุเสริมว่า มูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่ต่ำลงมีแนวโน้มที่จะส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ต้องกันสำรองเงินมากยิ่งขึ้น และ "อาจจะส่งผลลบต่อการดำรงเงินกองทุนในบางกรณี"
อีซีบีตั้งข้อสังเกตว่า กองทุนเพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIF) มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ที่มีเสถียรภาพในช่วงที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าราคาอสังหาริมทรัพย์ดิ่งลงอย่างรุนแรง และสิ่งนี้บ่งชี้ว่ากองทุนเหล่านี้อาจจะยังไม่ได้ลงบัญชียอดขาดทุน โดยอีซีบีระบุเสริมว่า "การขาดทุนดังกล่าวอาจจะส่งผลให้มีการขอไถ่ถอนเงินลงทุนออกจาก REIF ซึ่งจะเป็นการสร้างแรงกดดันต่อเงินกันชนของกองทุนเหล่านี้"
บริษัทประกันก็อาจเผชิญกับการขาดทุนจากการลงทุนใน REIF ได้ด้วยเข่นกัน หลังจากที่บริษัทประกันเคยปรับเพิ่มการลงทุนใน REIF ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ และตลาดอสังหาริมทรัพย์อยู่ในภาวะเฟื่องฟู ทั้งนี้ อีซีบีระบุว่า "การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์มีความเชื่อมโยงถึงกันในวงกว้างไปทั่วทั้งระบบการเงิน และสมควรที่จะต้องมีการจับตามองประเด็นนี้ต่อไป"--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;