บีโอไอเผยยอดขอส่งเสริมการลงทุน Q1 ที่ 2.28 แสนลบ. โต 31% จากปีก่อน
กรุงเทพฯ--2 พ.ค.--รอยเตอร์
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เผยงตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในไตรมาสแรก ปี 67 มีจำนวน 724 โครงการ เพิ่มขึ้น 94% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าเงินลงทุนรวม 2.28 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 31%
กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุด ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า 7.72 หมื่นล้านบาท รองลงมาได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน 2.13 หมื่นล้านบาท และปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 1.77 หมื่นล้านบาท
การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(FDI) ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริม จำนวน 460 โครงการ เพิ่มขึ้น 130% มูลค่าเงินลงทุนรวม 1.69 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 16%
ประเทศหรือเขตเศรษฐกิจที่มีมูลค่าการขอรับการส่งเสริมสูงสุด ได้แก่ สิงคโปร์ 4.25 หมื่นล้านบาท, จีน 3.47 หมื่นล้านบาท และ ฮ่องกง 2.66 หมื่นล้านบาท โดยมูลค่าการลงทุนของสิงคโปร์ที่สูงขึ้น เกิดจากการลงทุนขนาดใหญ่ ของบริษัทสิงคโปร์ที่มีบริษัทแม่เป็นสัญชาติจีน ในกิจการผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์(PCB)
การอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุน ไตรมาสแรก ปี 67 มีจำนวน 785 โครงการ เงินลงทุนรวม 2.55 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% ขณะที่การออกบัตรส่งเสริม ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ใกล้เคียงการลงทุนจริงมากที่สุด มีจำนวน 647 โครงการ เงินลงทุนรวม 2.57 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 107%
"จังหวะเวลานี้มีความสำคัญ และเป็นโอกาสทองของประเทศไทยในการดึงการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ๆ เพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจไทยในระยะยาว เราเชื่อว่าประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางการลงทุนของภูมิภาค" นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการบีโอไอ กล่าวในเอกสารเผยแพร่--จบ--