ReutersReuters

USA:ชี้นักลงทุนบางรายจะเพิ่มลงทุนในบอนด์สหรัฐหลังเผชิญแรงเทขายใหญ่

นิวยอร์ค--25 เม.ย.--รอยเตอร์

  • ตราสารหนี้สหรัฐเผชิญกับแรงเทขายครั้งใหญ่ในเดือนเม.ย. แต่เหตุการณ์ดังกล่าวกลับกระตุ้นให้นักลงทุนบางรายพิจารณาเรื่องการโยกย้ายเงินลงทุนเข้าสู่ตราสารหนี้สหรัฐมากยิ่งขึ้น เพื่อจะได้ล็อกอัตราผลตอบแทนไว้ในระดับสูง ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในอนาคต โดยนักลงทุนยังคงคาดว่า มีโอกาสสูงที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในอนาคต ถึงแม้เศรษฐกิจสหรัฐรักษาระดับความแข็งแกร่งไว้ได้เป็นอย่างดีในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งเป็นสิ่งที่ปรับตัวสวนทางกับราคาพันธบัตร ได้พุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเป็นผลจากตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่อยู่ในระดับสูงมานาน 3 เดือนติดต่อกัน โดยปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้นักลงทุนปรับเลื่อนเวลาที่คาดว่าเฟดจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยออกไปจากเดิม โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีอยู่ที่ 4.616% ในวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 4.696% ในวันที่ 16 เม.ย. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย. 2023 หรือจุดสูงสุดรอบ 5 เดือน และเทียบกับจุดสูงสุดรอบ 16 ปีที่ 5.021% ที่ทำไว้ในวันที่ 23 ต.ค. 2023

  • นักลงทุนหลายรายมองว่า การร่วงลงของราคาพันธบัตรถือเป็นโอกาสอันดีในการปรับเพิ่ม duration หรืออายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ในพอร์ตลงทุนตราสารหนี้ของตน เพราะว่าเฟดได้ส่งสัญญาณไว้แล้วว่า เฟดมีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในอนาคต โดยผู้จัดการกองทุนได้ปรับเพิ่ม duration ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรในหลายช่วงอายุที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการปรับอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ นายอโศก วราธาน จากธนาคารโกลด์แมน แซคส์กล่าวว่า "เรายังคงอยู่ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และเฟดมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งถือเป็นภาวะที่ดี" และเขาคาดว่านักลงทุนจะโยกย้ายเงินลงทุนออกจากเงินสดไปยังตราสารหนี้ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูง ซึ่งรวมถึงสินเชื่อจำนอง, ตลาดเครดิต และตลาดเกิดใหม่

  • นายจิม เดอแมร์ ประธานฝ่ายตลาดโลกของธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกากล่าวว่า นักลงทุนมองเห็นโอกาสทางการลงทุนในผลิตภัณฑ์ด้านการจำนองและตราสารหนี้ที่เกิดจากการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นหลักทรัพย์ ถึงแม้เขากล่าวเตือนว่าตลาดเผชิญกับความไม่แน่นอน ทางด้านนายเกร็ก วิเลนสกี ผู้จัดการพอร์ตลงทุนในบริษัทเจนัส เฮนเดอร์สัน อินเวสเตอร์ส ได้เข้าซื้อหุ้นกู้และตราสารหนี้ที่เกิดจากการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นหลักทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะตราสารหนี้ระยะสั้นและระยะกลาง และเขากล่าวเสริมว่า "หลังจากที่เราเคยปรับลด duration ลงอย่างมากเมื่อตลาดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 4/2023 เราก็เริ่มต้นปรับเพิ่ม duration กลับคืนมาเมื่อบอนด์ยิลด์ปรับสูงขึ้น" ทั้งนี้ ราคาพันธบัตรเคยพุ่งขึ้นในช่วงปลายปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง และเฟดส่งสัญญาณว่า วัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสิ้นสุดลงแล้ว อย่างไรก็ดี สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปในช่วงหลังจากนั้น เพราะว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐยังคงลดลงได้ยาก และเจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณว่า เฟดไม่รีบร้อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง

  • ดัชนี ICE BofA สำหรับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 7-10 ปีแสดงให้เห็นว่า อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอยู่ที่ -3.8% นับตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงปัจจุบัน ส่วนอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นกู้เกรดน่าลงทุนอยู่ที่ -2.3% นับตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ ถึงแม้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับขึ้นเข้าใกล้ 5% ในช่วงนี้ นักลงทุนบางรายก็ไม่กังวลกับเรื่องนี้ และนักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงชื่นชอบการลงทุนในตราสารหนี้สหรัฐ ถึงแม้ว่าการถือครองสถานะการลงทุนดังกล่าวอาจจะสร้างความเสียหายได้ในระยะสั้น

  • นายอเล็กซ์ มอร์ริส หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัท F/m Investments ระบุว่า "เราชื่นชอบการเพิ่ม duration และเราไม่คาดว่าบอนด์ยิลด์จะพุ่งขึ้นอีกมากนักในช่วงหลังจากนี้ การลงทุนแบบนี้ตั้งแต่ช่วงแรกถือเป็นสิ่งที่ใช้ได้ และตอนนี้คุณก็มีอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงเป็นบวกด้วย เพราะว่าอัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋วอยู่ในระดับที่สูงมากพอที่จะทำให้คุณได้รับเงินจากการลงทุนแบบนี้" อย่างไรก็ดี นักลงทุนบางรายมีความเห็นในทางตรงกันข้าม ในขณะที่พวกเขาคาดว่าอัตราเงินเฟ้ออาจจะลดลงได้ยาก ทั้งนี้ ผลสำรวจของแบงก์ ออฟ อเมริกา ซีเคียวริตีส์แสดงให้เห็นว่า มีผู้จัดการกองทุนเพียง 38% เท่านั้นที่คาดว่า บอนด์ยิลด์จะร่วงลงในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดยสัดส่วนดังกล่าวปรับลดลงจาก 62% ในเดือนธ.ค. 2023 นอกจากนี้ สัดส่วนเงินลงทุนสำหรับตราสารหนี้ในเดือนเม.ย.ก็ดิ่งลงจากเดือนมี.ค.ในระดับที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2003 ด้วย--จบ--

Eikon source text

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้