ReutersReuters

USA:ชี้ชาวสหรัฐรายได้ต่ำมีปัญหาค้างชำระหนี้,กระทบภาคธนาคาร

นิวยอร์ค--25 เม.ย.--รอยเตอร์

  • ข้อมูลที่ออกมาในระยะนี้บ่งชี้ว่า ลูกหนี้รายได้ต่ำในสหรัฐกำลังประสบปัญหาในการชำระหนี้ และปัญหานี้ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นในการปล่อยสินเชื่อรถยนต์และสินเชื่อบัตรเครดิต นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์ยังระบุอีกด้วยว่า ชาวสหรัฐจำนวนมากยิ่งขึ้นมีเงินออมร่อยหรอลงในช่วงที่ผ่านมา ในขณะที่การพุ่งขึ้นของราคาสินค้าและบริการส่งผลลบต่องบประมาณ และอัตราดอกเบี้ยก็ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้สร้างความเสียหายต่อชาวสหรัฐที่มีรายได้ต่ำกว่า 45,000 ดอลลาร์ต่อปี แต่ชาวสหรัฐที่มีรายได้สูงยังคงมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง ทั้งนี้ นายออสตัน กูลส์บี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกเพิ่งกล่าวในวันศุกร์ที่ 19 เม.ย.ว่า การค้างชำระหนี้ของผู้บริโภคถือเป็นหนึ่งในตัวเลขเศรษฐกิจที่น่ากังวลมากที่สุดในตอนนี้ และเขากล่าวเสริมว่า "ถ้าหากอัตราการค้างชำระหนี้ของผู้บริโภคเริ่มปรับสูงขึ้น นั่นก็มักจะถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ล่วงหน้าว่า สถานการณ์กำลังจะย่ำแย่ลง"

  • นายอาริจิต รอย ผู้บริหารแผนกธุรกิจผู้บริโภคในธนาคารยู.เอส. แบงคอร์ปกล่าวว่า ลูกหนี้ครั้งแรกและลูกหนี้รายได้ต่ำมีอัตราการผิดนัดชำระหนี้สูงกว่าลูกหนี้ที่มีรายได้สูง ส่วนธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริการะบุในวันอังคารว่า ยอดการตัดบัญชีหนี้สูญพุ่งขึ้นสู่ 1.5 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปีนี้ จาก 807 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 1/2023 โดยได้รับแรงหนุนส่วนใหญ่จากหนี้บัตรเครดิต ทางด้านธนาคารเจพีมอร์แกน เชสระบุว่า ยอดการตัดบัญชีหนี้สูญพุ่งขึ้นเกือบ 2 เท่า สู่ 2 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก นอกจากนี้ ยอดการตัดบัญชีหนี้สูญก็ทะยานขึ้นด้วยเช่นกันในธนาคารซิตี้กรุ๊ปและธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ทั้งนี้ นายแอลิสเตอร์ บอร์ธวิค หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของแบงก์ ออฟ อเมริการะบุว่า ลูกหนี้ที่มีคะแนนความน่าเชื่อถือต่ำเริ่มมีฐานะการเงินเปราะบาง ในขณะที่รายจ่ายของลูกหนี้กลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อและจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้น อย่างไรก็ดี ลูกหนี้ส่วนใหญ่ของแบงก์ ออฟ อเมริกามีคะแนนเครดิตสูงและมีฐานะการเงินแข็งแกรง

  • ธนาคารบางแห่งในสหรัฐให้บริการแก่ลูกหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำจำนวนมาก หรือลูกหนี้ที่มีคะแนนเครดิตราว 300-600 คะแนน โดยธนาคารในกลุ่มนี้รวมถึงธนาคารแคปิตัล วัน, ธนาคารโอลด์ เนชันนัล แบงก์ และธนาคารเฟิร์สท์ มอร์ทเกจ ไดเรคท์ อย่างไรก็ดี ธนาคารทั้ง 3 แห่งนี้ไม่ได้แสดงความเห็นต่อประเด็นนี้ ทั้งนี้ ถึงแม้ธนาคารพาณิชย์มีรายได้จากดอกเบี้ย ธนาคารก็มักจะหลีกเลี่ยงจากสถานการณ์ที่ส่งผลให้ทางธนาคารต้องตัดบัญชีหนี้สูญ โดยนายทอม เดนท์ รองประธานสมาคมผู้บริหารกิจการสายบุคคลธนกิจกล่าวว่า "ธนาคารพาณิชย์มักจะส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้าต่อลูกค้าเกี่ยวกับกำหนดการชำระเงิน, ให้คำปรึกษาด้านหนี้สินแก่ลูกค้า และให้ความรู้แก่ลูกค้าเพื่อจะได้ชำระหนี้ได้ต่อไป"

  • ปัญหาของลูกหนี้ในสหรัฐส่งผลให้ภาคธนาคารใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น โดยผลสำรวจของเฟดสาขาดัลลัสระบุว่า ปริมาณสินเชื่อของธนาคารในภูมิภาคดังกล่าวลดระดับลง และมีการคุมเข้มมาตรฐานการปล่อยกู้มากยิ่งขึ้น ในขณะที่ธนาคารหลายแห่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในเดือนมี.ค. ทั้งนี้ เฟดได้เปิดเผยผลสำรวจความเห็นเจ้าหน้าที่สินเชื่อในสหรัฐรายไตรมาสในเดือนม.ค. โดยผลสำรวจดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่สินเชื่อได้คุมเข้มมาตรฐานการปล่อยกู้ ซึ่งรวมถึงสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อรถยนต์ และธนาคารหลายแห่งก็คาดการณ์ว่า จะมีการคุมเข้มมาตรฐานการปล่อยกู้บัตรเครดิตให้เข้มงวดขึ้นไปอีกในอนาคตด้วย อย่างไรก็ดี บริษัทมูดี้ส์ระบุในรายงานในเดือนนี้ว่า อัตราการค้างชำระหนี้บัตรเครดิตและหนี้รถยนต์ดูเหมือนว่าได้ผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้ว ในขณะที่ยอดหนี้สินของภาคครัวเรือนสหรัฐได้พุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดไปแล้ว และยอดหนี้สินบัตรเครดิตก็ทะยานขึ้นเหนือระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรกในปี 2023

  • สำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจของสหรัฐ (BEA) ระบุว่า ชาวสหรัฐออมเงินเพียง 3.6% ของรายได้สุทธิในเดือนก.พ. โดยดิ่งลงจาก 4.7% ในเดือนก.พ.ปีก่อน ทางด้านบริษัทแวนเทจสกอร์ระบุว่า อัตราการค้างชำระหนี้ของผู้บริโภคสหรัฐอยู่ที่ 0.98% สำหรับสินเชื่อโดยรวม ซึ่งครอบคลุมทั้งบัตรเครดิต, สินเชื่อรถยนต์ และสินเชื่อจำนอง แต่อัตราดังกล่าวปรับสูงขึ้นในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา โดยแวนเทจสกอร์ระบุอีกด้วยว่า ชาวสหรัฐที่มีอายุน้อยมีแนวโน้มที่จะค้างชำระหนี้สูงกว่าชาวสหรัฐที่มีอายุสูงกว่า 40 ปี ทั้งนี้ นายเบรนดัน คอกลิน หัวหน้าฝ่ายบุคคลธนกิจในธนาคารซิติเซนส์ ไฟแนนเชียลระบุว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เกิดวิกฤติโรคระบาดเคยช่วยหนุนฐานะการเงินของชาวสหรัฐจำนวนมากที่ถือบัตรเครดิต แต่ชาวสหรัฐจำนวนมากได้ใช้เงินจากโครงการดังกล่าวไปหมดแล้ว และโครงการเลื่อนกำหนดชำระหนี้ต่าง ๆ ก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว ดังนั้นผู้บริโภคหลายรายจึงประสบภาวะกู้เงินมากเกินไปในปัจจุบัน และเขากล่าวเสริมว่า "คะแนนเครดิตเคยอยู่สูงเกินจริงในช่วงก่อนหน้านี้ โดยเป็นผลจากยอดเงินออมที่สูงขึ้น และยอดใช้จ่ายเงินที่ลดลง" ในช่วงที่เกิดวิกฤตโรคระบาด และเขากล่าวเสริมว่า ยอดการค้างชำระหนี้บัตรเครดิตถือเป็นตัวเลขสำคัญที่ต้องจับตามอง เพราะตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงประชาชนที่ใช้จ่ายเงินเกินฐานะของตนเอง--จบ--

Eikon source text

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้