ASIA:โพลล์ชี้สถานะขายบาทปรับลดลงเล็กน้อย

18 เม.ย.--รอยเตอร์

• รอยเตอร์ได้สำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ 11 รายเกี่ยวกับสกุลเงินเอเชีย และได้เปิดเผยผลสำรวจออกมาในวันนี้ โดยผลสำรวจระบุว่า นักลงทุนได้ปรับลดสถานะขายสุทธิในบาท/ดอลลาร์สหรัฐลงเล็กน้อยในช่วง 2 สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 เม.ย. หลังจากสถานะขายบาทเพิงพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2022 ในช่วง 2 สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 4 เม.ย. ทั้งนี้ ผลสำรวจระบุว่า สถานะขายสุทธิในสกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่ยกเว้นบาทได้ปรับเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 เม.ย. โดยเป็นการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในสหรัฐ และจากอัตราเงินเฟ้อสหรัฐที่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้นักลงทุนปรับลดการคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และปัจจัยนี้ส่งผลลบต่อสกุลเงินของประเทศตลาดเกิดใหม่ด้วย

• สถานะขายสุทธิในริงกิตของมาเลเซียได้พุ่งขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ล่าสุดจนแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2023 ส่วนสถานะขายสุทธิในรูเปียห์ของอินโดนีเซียปรับขึ้นจนแตะจุดสูงสุดในรอบกว่า 5 เดือน ในขขณะที่รูเปียห์ดิ่งลงมาแล้วราว 5% จากช่วงต้นปีนี้ และเพิ่งรูดลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 4 ปีที่ 16,265 รูเปียห์ต่อดอลลาร์สหรัฐในวันที่ 17 เม.ย. อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางอินโดนีเซียได้รับประกันต่อนักลงทุนในวันพุธว่า ทางธนาคารกลางกำลังเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อทำให้รูเปียห์มีเสถียรภาพ ทั้งนี้ สถานะขายสุทธิวอนของเกาหลีใต้ได้พุ่งขึ้นจนแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2022 และวอนถือเป็นสกุลเงินของประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชียที่นักลงทุนถือครองสถานะขายสุทธิสูงที่สุดในตอนนี้ด้วย ในขณะที่ธนาคารกลางเกาหลีใต้ส่งสัญญาณว่า ทางธนาคารกลางพร้อมที่จะรับมือกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนสถานะขายสุทธิในดอลลาร์สิงคโปร์ได้พุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 6 เดือนในช่วง 2 สัปดาห์ล่าสุด

• นายไมเคิล แวน นักวิเคราะห์สกุลเงินของบริษัท MUFG ระบุว่า "การที่ดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นได้สร้างความกังวลต่อเจ้าหน้าที่ของประเทศอื่น ๆ ในขณะที่สหรัฐส่งออกปัญหาภาวะเงินเฟ้อของตนเองไปสู่ประเทศอื่น ๆ โดยผ่านทางดอลลาร์สหรัฐ" ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของธนาคาร HSBC คาดว่า ดอลลาร์สหรัฐ/สกุลเงินเอเชียจะชะลอการพุ่งขึ้นในช่วงต่อไปในปีนี้ ถ้าหากเฟดเริ่มต้นวัฏจักรการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศอยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ โดย HSBC ระบุว่า "มีความเสี่ยงที่สกุลเงินเอเชียอาจจะไม่ฟื้นตัวขึ้นเลย และอาจจะอ่อนค่าลงต่อไปในปีนี้ ถ้าหากเฟดไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเลย เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐเติบโตอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น"

• สถานะขายสุทธิในหยวนปรับขึ้นจนแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย. 2023 ถึงแม้ธนาคารกลางจีนพยายามสกัดกั้นการดิ่งลงของหยวน

• นักวิเคราะห์หันมาคาดการณ์ในทางลบต่อรูปีของอินเดียในช่วง 2 สัปดาห์ล่าสุด ซึ่งถือเป็นการคาดการณ์ทางลบครั้งแรกนับตั้งแต่กลางเดือนธ.ค. 2023 เป็นต้นมา ทั้งนี้ นายคริสโตเฟอร์ หว่อง นักยุทธศาสตร์การลงทุนสกุลเงินของธนาคาร OCBC กล่าวว่า "รูปีอ่อนค่าลงตามสกุลเงินอื่น ๆ ในเอเชีย โดยเป็นผลจากปัจจัยภายนอกประเทศอินเดีย ซึ่งรวมถึงแนวโน้มที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงเป็นเวลานาน, ความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางการเมืองในภูมิภาคตะวันออกกลาง และความผันผวนของค่าเงินหยวนกับเยน" อย่างไรก็ดี นายหว่องกล่าวเสริมว่า ความอ่อนแอของรูปีอยู่ในระดับเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ ในเอเชีย เนื่องจากรูปีได้รับแรงหนุนจาก "ความน่าดึงดูดในการทำ carry trade, การที่พันธบัตรของอินเดียจะถูกบรรจุรวมไว้ในดัชนีสำคัญ และการคาดการณ์ที่ว่าอินเดียจะดำเนินนโยบายเดิมอย่างต่อเนื่อง"

ผลสำรวจของรอยเตอร์ฉบับนี้มุ่งความสนใจไปยังสิ่งที่นักวิเคราะห์เชื่อว่า เป็นสถานะการลงทุนในปัจจุบันในสกุลเงิน 9 สกุลในบรรดาประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย โดยสกุลเงิน 9 สกุลนี้ประกอบด้วยสกุลเงินบาทของไทย, หยวนของจีน, วอนของเกาหลีใต้, ดอลลาร์สิงคโปร์, รูเปียห์, ดอลลาร์ไต้หวัน, รูปี, เปโซ และริงกิตของมาเลเซีย

ผลสำรวจดังกล่าวประเมินสถานะซื้อ (long position) หรือสถานะขาย

(short position) สุทธิในสกุลเงินในช่วงระดับ -3 ถึง +3 โดยคะแนน +3 บ่งชี้ว่า ตลาดมีสถานะซื้อดอลลาร์สหรัฐอย่างมาก

ข้อมูลในผลสำรวจนี้รวมสถานะสัญญาล่วงหน้าที่ไม่มีการส่งมอบ (NDF) ด้วย

ผลการสำรวจ (สถานะในรูปสกุลดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินแต่ละสกุล)

มีรายละเอียดดังนี้:-

หยวน วอน *SGD รูเปียห์ **TWD รูปี ริงกิต เปโซ บาท

*SGD = ดอลลาร์สิงคโปร์

**TWD = ดอลลาร์ไต้หวัน

--จบ--

Eikon source text

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;