ReutersReuters

USA:คาดนักลงทุนหุ้นสหรัฐหันเหความสนใจไปยังแนวโน้มดบ.เฟด

นิวยอร์ค--29 พ.ค.--รอยเตอร์

  • นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐระบุว่า หลังจากมีการบรรลุข้อตกลงเรื่องการระงับเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐก็มีแนวโน้มที่จะหันเหความสนใจไปยังปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และแนวโน้มที่จะมีการปรับลดรายจ่ายทางการคลังของรัฐบาลสหรัฐ ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้วกว่า 9.4% จากช่วงต้นปีนี้ และมีค่าพีอีเรโชอยู่ที่ระดับสูงเกือบถึง 19 เท่าของคาดการณ์ผลกำไรล่วงหน้า โดยตลาดหุ้นสหรัฐได้รับแรงหนุนในช่วงที่ผ่านมาจากการพุ่งขึ้นของหุ้นเติบโตและหุ้นบริษัทเทคโนโลยีขนาดยักษ์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มักจะได้รับแรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ

  • นับตั้งแต่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค.เป็นต้นมา ลอรี โลแกน ประธานเฟดสาขาดัลลัส และนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ก็กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐดูเหมือนว่าจะยังไม่ได้ชะลอตัวลงอย่างรวดเร็วมากพอ ทางด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาในวันศุกร์ก็ดูเหมือนจะสนับสนุนความเห็นของโลแกนและบูลลาร์ด ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐ ซึ่งถือเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นิยมใช้ ปรับขึ้น 4.4% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับขึ้น 4.2% ในเดือนมี.ค. ทางด้านดัชนี PCE พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานปรับขึ้น 4.7% ในเดือนเม.ย. หลังจากปรับขึ้น 4.6% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายปี โดยอัตราเงินเฟ้อดังกล่าวยังคงอยู่สูงกว่าระดับเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2% เป็นอย่างมาก

  • เทรดเดอร์คาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาสเพียง 35.9% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. และมีโอกาส 64.1% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. โดยโอกาสดังกล่าวปรับขึ้นจากระดับเพียง 8.3% ที่เคยคาดไว้เมื่อ 1 เดือนก่อน ทั้งนี้ นายโทนี โรดริเกซ หัวหน้าฝ่ายแผนยุทธศาสตร์การลงทุนตราสารหนี้ของบริษัทนูวีนกล่าวว่า ความเป็นไปได้ที่เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และการจำกัดงบประมาณรายจ่ายในโครงการของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงระงับเพดานหนี้ อาจจะเป็นปัจจัย 2 ประการที่ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ในอนาคต ถึงแม้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะแข็งแกร่ง

  • นักลงทุนจะรอดูรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ค.ที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานออกมาในวันศุกร์ที่ 2 มิ.ย. โดยโพลล์รอยเตอร์คาดว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรในสหรัฐอาจปรับขึ้น 180,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 253,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 อาจมีผลกำไรเพิ่มขึ้น 1.2% ในไตรมาสสาม และเพิ่มขึ้น 9.2% ในไตรมาสสี่

  • เอมิลี โรแลนด์ หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัทจอห์น แฮนค็อก อินเวสท์เมนท์ แมเนจเมนท์กล่าวว่า ถึงแม้มีการบรรลุข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐก็ไม่มีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นอย่างยั่งยืนด้วยแรงหนุนจากปัจจัยนี้ เพราะว่านักลงทุนส่วนใหญ่ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะมีการบรรลุข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้--จบ--

Eikon source text

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้