ReutersReuters

DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นตามหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์

นิวยอร์ค--16 พ.ค.--รอยเตอร์

  • ดัชนี Nasdaq และดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับขึ้นในวันจันทร์ โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ที่พุ่งขึ้น 2.16% หลังจากบริษัทลูป แคปิตัลปรับขึ้นอันดับความน่าลงทุนของหุ้นเมตาสู่ "buy" จาก "hold" นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐยังได้รับแรงหนุนจากตัวเลขภาคการผลิตของสหรัฐที่ดิ่งลงอย่างรุนแรงด้วย เพราะการดิ่งลงดังกล่าวทำให้นักลงทุนมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจจะชะลอตัวลง ซึ่งจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงตามไปด้วย ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ครายงานว่า ดัชนีเอ็มไพร์ สเตทสำหรับภาคการผลิตรัฐนิวยอร์คดิ่งลงจาก 10.8 ในเดือนเม.ย. สู่ -31.8 ในเดือนพ.ค. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่ดัชนีดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 3 ปีที่ -32.9 และการดิ่งลงในเดือนพ.ค.ถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2020 นอกจากนี้ ดัชนีก็อยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์สำหรับเดือนพ.ค.ที่ -3.75 เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์กล่าวเตือนว่า ดัชนีเอ็มไพร์ สเตทเป็นตัวเลขที่มักจะแกว่งตัวผันผวนมาก

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 0.14% สู่ 33,348.6, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับขึ้น 0.30% สู่ 4,136.28 และดัชนี Nasdaq ปิดบวกขึ้น 0.66% สู่ 12,365.21 ทั้งนี้ นายทิม กริสคีย์ นักยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัทอิงกัลส์ แอนด์ สไนเดอร์กล่าวว่า "เราอยู่ในช่วงเวลาที่ตัวเลขเศรษฐกิจที่เลวร้ายถือเป็นข่าวดีสำหรับตลาดหุ้น และตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีถือเป็นข่าวร้ายสำหรับตลาดหุ้น อย่างไรก็ดี ตัวเลขเศรษฐกิจที่เลวร้ายก็ส่งผลให้ทุกคนเริ่มกังวลกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ด้วยเช่นกัน และสิ่งนี้ก็จะส่งผลกระทบต่อตลาดด้วย" และเขากล่าวเสริมว่า "ดังนั้นนักลงทุนจึงต้องการให้เศรษฐกิจอยู่ในภาวะที่อ่อนแอมากพอที่จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง แต่ไม่ได้อ่อนแอจนถึงขั้นที่จะส่งผลให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย"

  • นักลงทุนจับตาดูปัญหาเพดานหนี้ในสหรัฐ ในขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐมีกำหนดที่จะประชุมกับผู้นำสภาคองเกรสในวันอังคาร ก่อนที่เขาจะออกเดินทางในวันพุธเพื่อไปเข้าร่วมการประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำทั้ง 7 หรือจี-7 ที่ญี่ปุ่น โดยขณะนี้ทางฝ่ายทำเนียบขาวกับทางฝ่ายพรรครีพับลิกันยังไม่ได้แสดงท่าทีว่าใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงกัน แต่ทำเนียบขาวไม่ได้ตัดโอกาสที่จะกำหนดเพดานรายจ่ายประจำปี ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางฝ่ายพรรครีพับลิกันระบุว่าจำเป็นจะต้องมีควบคู่ไปกับการปรับขึ้นเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐจากระดับ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์

  • นักลงทุนรอดูตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะยอดค้าปลีกประจำเดือนเม.ย.ที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันอังคาร และนักลงทุนจะรอดูตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม, ยอดการเริ่มต้นสร้างบ้านในสหรัฐ, ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และผลสำรวจภาคโรงงานภูมิภาคมิดแอตแลนติกของสหรัฐที่จัดทำโดยเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียด้วย

  • เจ้าหน้าที่เฟดบางคนส่งสัญญาณในวันจันทร์ว่า อัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป หรือไม่ก็อาจจะปรับสูงขึ้นไปอีก เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงลดลงได้ยาก โดยถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดสวนทางกับการคาดการณ์ในตลาดที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงก่อนสิ้นปีนี้ ทางด้านนายโธมัส บาร์คิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า เขายังไม่มีความเชื่อมั่นว่า อัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงอย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ดี เขายอมรับได้กับการที่เฟดจะยึดตามพัฒนาการของข้อมูลเป็นสำคัญในการพิจารณาเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป ทั้งนี้ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดมีกำหนดที่จะกล่าวแถลงในวันศุกร์นี้ และนักลงทุนจะรอฟังถ้อยแถลงของเขาเพื่อมองหาสัญญาณบ่งชี้ถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย--จบ--

Eikon source text

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้