ReutersReuters

USA:ทางการสหรัฐเข้ายึดธ.เฟิร์สท์ รีพับลิก,ขายสินทรัพย์ให้เจพีมอร์แกน

2 พ.ค.--รอยเตอร์

  • หน่วยงานควบคุมกฎระเบียบของรัฐแคลิฟอร์เนียได้เข้ายึดกิจการธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิกในวันจันทร์ และได้ให้บรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) เข้าพิทักษ์ทรัพย์ของเฟิร์สท์ รีพับลิก ซึ่งส่งผลให้เฟิร์สท์ รีพับลิกกลายเป็นธนาคารสำคัญแห่งที่ 3 ในสหรัฐที่ถูกสั่งปิดกิจการในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา หลังจากมีการสั่งปิดกิจการธนาคารซิลิคอน แวลลีย์ (SVB) และธนาคารซิกเนเจอร์ในเดือนมี.ค. โดยการล้มของเฟิร์สท์ รีพับลิกถือเป็นการล้มของธนาคารครั้งใหญ่ที่สุดในสหรัฐนับตั้งแต่ธนาคารวอชิงตัน มิวชวลในปี 2008 ด้วย

  • หน่วยงานควบคุมกฎระเบียบได้ขายสินทรัพย์ของเฟิร์สท์ รีพับลิกให้แก่ธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โคในวันจันทร์ เนื่องจากเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค เป็นผู้ชนะการประมูล โดยเจพีมอร์แกนจะจ่ายเงิน 1.06 หมื่นล้านดอลลาร์ให้แก่ FDIC เพื่อแลกกับการเข้าควบคุมสินทรัพย์ส่วนใหญ่ของเฟิร์สท์ รีพับลิก ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในนครซานฟรานซิสโก และเพื่อแลกกับการเข้าถึงฐานลูกค้าที่ร่ำรวยของเฟิร์สท์ รีพับลิก ทางด้านดัชนี KBW สำหรับหุ้นธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐดิ่งลง 2.7% ในวันจันทร์ แต่หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โคพุ่งขึ้น 2.1%

  • ธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก ถือเป็นหนึ่งในธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดจากวิกฤติความเชื่อมั่นในภาคธนาคารในเดือนมี.ค. โดยในเดือนนั้นชาวสหรัฐจำนวนมากได้ถอนเงินฝากออกจากธนาคารขนาดเล็ก เพื่อนำเงินไปฝากในธนาคารขนาดยักษ์ อย่างเช่นเจพีมอร์แกน เนื่องจากชาวสหรัฐกังวลกับการล้มของ SVB และซิกเนเจอร์ ซึ่งเป็นธนาคารขนาดกลาง ทั้งนี้ ปัญหาในภาคธนาคารทวีความรุนแรงขึ้นอีกในสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อเฟิร์สท์ รีพับลิกรายงานในวันจันทร์ที่ 24 เม.ย.ว่า ยอดเงินฝากในธนาคารแห่งนี้ดิ่งลงกว่า 1.00 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก และทางธนาคารกำลังสำรวจทางเลือกต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการปรับโครงสร้างงบดุล

  • นายเจมี ไดมอน ประธานกรรมการและซีอีโอของเจพีมอร์แกนกล่าวว่า "รัฐบาลของเราได้เชิญเราและธนาคารอื่น ๆ ให้เข้าช่วย และเราก็ทำเช่นนั้น" โดยก่อนหน้านี้นายไดมอนเคยมีบทบาทสำคัญในวิกฤติการเงินปี 2008 ด้วย โดยเขาได้เข้าซื้อบริษัทแบร์ สเติร์นส์ในความพยายามกอบกู้กิจการบริษัทดังกล่าวในช่วงนั้น ทางด้านหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบประเมินว่า การทำข้อตกลงกับเจพีมอร์แกนในครั้งนี้จะส่งผลให้ FDIC ต้องออกเงินเองราว 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐกล่าวแสดงความชื่นชมต่อการทำข้อตกลงเรื่องเฟิร์สท์ รีพับลิกในวันจันทร์ โดยเขาระบุว่า ข้อตกลงนี้สามารถปกป้องผู้ฝากเงินในธนาคารได้โดยไม่สร้างความเสียหายต่อผู้เสียภาษี และเขากล่าวย้ำว่าควรมีการกำกับดูแลและการออกกฎระเบียบควบคุมภาคธนาคารอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทางด้านแครีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า มาตรการของผู้ควบคุมกฎระเบียบในครั้งนี้จะรับประกันว่า เฟิร์สท์ รีพับลิกจะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และเธอกล่าวเสริมว่า เฟิร์สท์ รีพับลิก "มีการบริหารจัดการที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง"

  • FDIC ทำข้อตกลงในครั้งนี้ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากดำเนินการประมูลขายเฟิร์สท์ รีพับลิก โดยแหล่งข่าวกล่าวว่า ผู้สนใจยื่นเสนอซื้อกิจการนี้รวมถึงเจพีมอร์แกน, บริษัทพีเอ็นซี ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส กรุ๊ป และบริษัทซิติเซ็นส์ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป อิงค์ โดยบริษัทเหล่านี้ได้ยื่นประมูลขั้นสุดท้ายในวันอาทิตย์ที่ 30 เม.ย. ทั้งนี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่า การทำข้อตกลงในครั้งนี้น่าจะช่วยลดความกังวลในตลาด แต่ก็มีข้อเสียตามมาด้วยเช่นกัน เพราะการทำข้อตกลงในครั้งนี้จะส่งผลให้ธนาคารขนาดใหญ่มีสถานะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นไปอีก และจะส่งผลให้ธนาคารขนาดเล็กดำเนินธุรกิจได้ยากมากยิ่งขึ้น--จบ--

Eikon source text

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้