ReutersReuters

DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:หุ้นสหรัฐดิ่งลงตามหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

นิวยอร์ค--31 ม.ค.--รอยเตอร์

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดดิ่งลงในวันจันทร์ตามหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นบริษัทขนาดยักษ์ ในขณะที่นักลงทุนรอดูผลการประชุมกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะจัดการประชุมในวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ., รอดูผลการประชุมกำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในวันที่ 2 ก.พ., รอดูตัวเลขการจ้างงานเดือนม.ค.ของสหรัฐ ที่จะได้รับการรายยงานออกมาในวันที่ 3 ก.พ. และรอดูผลประกอบการของบริษัทสหรัฐกว่า 100 แห่งในดัชนี S&P 500 ที่จะได้รับการรายงานออกมาในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งรวมถึงบริษัทแอปเปิล, อะเมซอน และแอลฟาเบทที่จะรายงานผลประกอบการออกมาในวันพฤหัสบดีที่ 2 ก.พ. โดยบริษัททั้ง 3 แห่งนี้ติดอยู่ใน 4 อันดับแรกของบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในตลาดสหรัฐ ทั้งนี้ หุ้นอะเมซอนปิดดิ่งลง 1.7% ในวันจันทร์, หุ้นแอปเปิลปิดรูดลง 2.0% และหุ้นแอลฟาเบทปิดดิ่งลง 2.4%

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 0.77% สู่ 33,717.09, ดัชนี S&P 500 ปิดดิ่งลง 1.30% สู่ 4,017.77 และดัชนี Nasdaq ปิดรูดลง 1.96% สู่ 11,393.81 ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง 2.3% ในวันจันทร์ และถือเป็นกลุ่มที่รูดลงมากที่สุด ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีรูดลง 1.9% โดยได้รับแรงกดดันบางส่วนจากการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีปรับขึ้นสู่ 3.551% ในช่วงท้ายวันจันทร์ จาก 3.518% ในช่วงท้ายวันศุกร์

  • นักลงทุนในตลาดสัญญาล่วงหน้าคาดการณ์ว่า มีโอกาส 95.3% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 4.50-4.75% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. และมีโอกาสเพียง 4.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. โดยนักลงทุนจะจับตาดูอีกด้วยว่า เฟดจะส่งสัญญาณบ่งชี้ใหม่ใด ๆ หรือไม่ว่าเฟดมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกมากเพียงใด และเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงเป็นเวลานานเพียงใด ทั้งนี้ นักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ 2.5% ในการประชุมวันที่ 2 ก.พ.

  • บริษัทกว่า 140 แห่งในดัชนี S&P 500 เปิดเผยผลประกอบการออกมาแล้ว และนักวิเคราะห์คาดว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจดิ่งลง 3% ในไตรมาส 4/2022 เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เคยคาดการณ์ในช่วงต้นปีนี้ว่า ผลกำไรอาจปรับลดลงเพียง 1.6% ในไตรมาส 4/2022

  • หุ้นบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่มการแพทย์ดิ่งลง 3.7% หลังจากศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางสหรัฐปฏิเสธแผนของ J&J ในการใช้การล้มละลายเป็นเครื่องมือในการยุติคดีความขนาดหลายพันล้านดอลลาร์ที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาที่ว่า ผลิตภัณฑ์แป้งฝุ่นของบริษัทนี้ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง--จบ--

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้