ReutersReuters

DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:หุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นตามหุ้นแอลฟาเบท,เน็ตฟลิกซ์

นิวยอร์ค--23 ม.ค.--รอยเตอร์

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นบริษัทเน็ตฟลิกซ์และหุ้นบริษัทแอลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล หลังจากดัชนี S&P 500 และดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่งปิดตลาดในแดนลบมานานติดต่อกัน 3 วัน โดยหุ้นเน็ตฟลิกซ์พุ่งขึ้น 8.46% ในวันศุกร์ หลังจากเน็ตฟลิกซ์รายงานหลังจากตลาดปิดทำการในวันพฤหัสบดีว่า ยอดสมาชิกเพิ่มขึ้นสูงเกินคาดในไตรมาสสี่ และนายรีด แฮสติงส์ได้ลงจากตำแหน่งซีอีโอของบริษัท ทั้งนี้ หุ้นแอลฟาเบทพุ่งขึ้น 5.34% ในวันศุกร์ หลังจากแอลฟาเบทประกาศปลดพนักงานออก 12,000 ตำแหน่ง ในขณะที่บริษัทไมโครซอฟท์และบริษัทอะเมซอนก็เพิ่งประกาศปลดพนักงานออกหลายพันตำแหน่งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน โดยในช่วงนี้บริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มเติบโตกำลังได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และจากความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 1% สู่ 33,375.49, ดัชนี S&P 500 ปิดทะยานขึ้น 1.89% สู่ 3,972.61 และดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้น 2.66% สู่ 11,140.43 ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการดิ่งลง 2.7% จากสัปดาห์ที่แล้ว, ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการร่วงลง 0.66% จากสัปดาห์ที่แล้ว แต่ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการบวกขึ้น 0.55% จากสัปดาห์ที่แล้ว

  • ดัชนีหุ้นกลุ่มบริการการสื่อสารพุ่งขึ้น 3.96% ในวันศุกร์ และถือเป็นหุ้นกลุ่มที่ทะยานขึ้นมากที่สุดในวันศุกร์ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐ โดยการพุ่งขึ้น 3.96% นี้ถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.ด้วย โดยก่อนหน้านี้หุ้นกลุ่มเติบโตสูง ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มบริการการสื่อสาร เพิ่งดิ่งลงอย่างรุนแรงในปี 2022 โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่แล้ว ในขณะที่นักลงทุนหันไปซื้อหุ้นกลุ่มที่จ่ายเงินปันผลสูง ทั้งนี้ นายเคน โพลคารี หุ้นส่วนของบริษัทเคซี แคปิตัล แอดไวเซอร์สกล่าวว่า การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐในวันศุกร์ อาจจะเกิดจากการที่ตลาดหุ้นเพิ่งดิ่งลงมานานติดต่อกัน 3 วัน จนส่งผลให้มีคำสั่งขายเข้ามาในตลาดมากเกินไป และมีคำสั่งช้อนซื้อเก็งกำไรเข้ามาในวันศุกร์ โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มที่เคยดิ่งลงอย่างรุนแรงในช่วงก่อนหน้านี้

  • ตลาดหุ้นสหรัฐได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมในวันศุกร์จากถ้อยแถลงของนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยนายวอลเลอร์กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจจะใกล้ถึงจุดที่ "สามารถจำกัดการเติบโตทางเศรษฐกิจได้มากพอ" ที่จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง ทางด้านนักลงทุนในตลาดสัญญาล่วงหน้าคาดว่า มีโอกาส 97.9% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 4.50-4.75% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. และมีโอกาสเพียง 2.1% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. โดยนักลงทุนคาดการณ์กันอีกด้วยว่า อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐจะขึ้นไปแตะจุดสูงสุดของวัฏจักรที่ระดับ 4.909% ภายในเดือนมิ.ย. และเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

  • นักวิเคราะห์คาดการณ์ในตอนนี้ว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจดิ่งลง 2.9% ในไตรมาส 4/2022 เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เคยคาดการณ์ในช่วงต้นปีนี้ว่า ผลกำไรอาจปรับลดลงเพียง 1.6% ในไตรมาส 4/2022 ทั้งนี้ หุ้นธนาคารโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ดิ่งลง 2.54% ในวันศุกร์ หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า เฟดกำลังสอบสวนธุรกิจผู้บริโภคของโกลด์แมน แซคส์--จบ--

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้