ReutersReuters

DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:ตัวเลขสวัสดิการว่างงานกดหุ้นสหรัฐร่วงลง

นิวยอร์ค--20 ม.ค.--รอยเตอร์

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี หลังจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาในวันพฤหัสบดีบ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานสหรัฐอยู่ในภาวะตึงตัว และรายงานดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวต่อไป ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐดิ่งลง 15,000 ราย สู่ 190,000 รายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 ม.ค. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2022 และอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 214,000 ราย

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 0.76% สู่ 33,044.56, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.76% สู่ 3,898.85 และดัชนี Nasdaq ปิดดิ่งลง 0.96% สู่ 10,852.27 โดยทั้งดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500 ต่างก็ปิดตลาดวันพฤหัสบดีในแดนลบเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดในแดนลบติดต่อกันยาวนานที่สุดในรอบ 1 เดือน ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ในตอนนี้ว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจดิ่งลง 2.8% ในไตรมาส 4/2022 หลังจากที่เคยคาดการณ์ในช่วงต้นปีนี้ว่า ผลกำไรอาจปรับลดลงเพียง 1.6% ในไตรมาส 4/2022

  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ยอดการเริ่มต้นสร้างบ้านโดยรวมในสหรัฐดิ่งลง 1.4% สู่ 1.382 ล้านยูนิตต่อปีในเดือนธ.ค. ส่วนยอดการอนุญาตสร้างบ้านโดยรวมรูดลง 1.6% สู่ 1.330 ล้านยูนิตต่อปีในเดือนธ.ค. โดยรายงานนี้บ่งชี้ว่า ภาวะถดถอยในตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐยังคงดำเนินต่อไป ส่วนธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ดัชนีภาคการผลิตภูมิภาคมิดแอตแลนติกของสหรัฐพุ่งขึ้นจาก -13.7 ในเดือนธ.ค. สู่ -8.9 ในเดือนม.ค. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ -11 แต่ดัชนีที่ระดับติดลบแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมภาคโรงงานอ่อนแอลงในเดือนม.ค. ทางด้านดัชนีราคาจ่ายของโรงงานในภูมิภาคมิดแอตแลนติกดิ่งลงจาก 36.3 ในเดือนธ.ค. สู่ 24.5 ในเดือนม.ค. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปีครึ่ง และสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าแรงกดดันเงินเฟ้อชะลอตัวลงเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ นักลงทุนในตลาดสัญญาล่วงหน้าคาดว่า มีโอกาส 93.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 4.50-4.75% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. และมีโอกาสเพียง 6.3% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. โดยนักลงทุนคาดการณ์กันอีกด้วยว่า อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐจะขึ้นไปแตะจุดสูงสุดของวัฏจักรที่ระดับ 4.89% ภายในเดือนมิ.ย. และเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

  • นางซูซาน คอลลินส์ ประธานเฟดสาขาบอสตันกล่าวในวันพฤหัสบดีว่า เฟดอาจจะมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับสูงกว่า 5% เล็กน้อย และเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับดังกล่าวเป็นเวลานานระยะหนึ่ง ทางด้านนางลาเอล เบรนาร์ด รองประธานกรรมการเฟดกล่าวว่า ถึงแม้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงในช่วงนี้ อัตราเงินเฟ้อก็ยังคงอยู่ในระดับสูง และ "นโยบายการเงินจำเป็นจะต้องจำกัดการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมากพอเป็นเวลานานระยะหนึ่ง เพื่อรับประกันว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับเข้าสู่ระดับ 2% ได้อย่างยั่งยืน" โดยเธอกล่าวเสริมว่า เฟดยังคงพยายามประเมินหาระดับอัตราดอกเบี้ยที่สูงพอที่จะสามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้

  • หุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) ดิ่งลง 2.11% หลังจากทางบริษัทประกาศเตือนว่า ผลกำไรของบริษัทได้รับแรงกดดันจากต้นทุนสินค้าโภคภัณฑ์ ถึงแม้ P&G ปรับขึ้นคาดการณ์ยอดขายตลอดทั้งปี ทางด้านหุ้นเน็ตฟลิกซ์ปิดดิ่งลง 3.23% ในวันพฤหัสบดี ก่อนที่เน็ตฟลิกซ์จะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากตลาดปิดทำการ ทั้งนี้ เน็ตฟลิกซ์รายงานหลังจากตลาดปิดทำการในวันพฤหัสบดีว่า ยอดสมาชิกเพิ่มขึ้นสูงเกินคาดในช่วงปลายปีที่แล้ว และนายรีด แฮสติงส์ได้ลงจากตำแหน่งซีอีโอของบริษัท--จบ--

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้