ReutersReuters

USA:ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐดิ่งลงแตะต่ำสุด 4 เดือนในพ.ย.

วอชิงตัน--30 พ.ย.--รอยเตอร์

  • สำนักงาน Conference Board รายงานในวันอังคารว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐดิ่งลงจาก 102.2 ในเดือนต.ค. สู่ 100.2 ในเดือนพ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. หรือจุดต่ำสุดรอบ 4 เดือน แต่อยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 100.0 ในขณะที่ภาคครัวเรือนลดความต้องการซื้อสินค้ารายการใหญ่ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า เนื่องจากอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง และอัตราดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น และสิ่งนี้บ่งชี้ว่ามีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้นที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้า ทั้งนี้ มีการรายงานตัวเลขภาคที่อยู่อาศัยของสหรัฐออกมาในวันอังคารด้วย โดยดัชนีเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส-ชิลเลอร์สำหรับราคาบ้านสหรัฐปรับขึ้น 10.6% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายปี ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2020 หลังจากพุ่งขึ้น 12.9% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายปี โดยราคาบ้านปรับลดลงในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายเดือนเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน แต่มีแนวโน้มว่าอุปทานบ้านที่ตึงตัวจะช่วยพยุงราคาบ้านเอาไว้ในช่วงนี้ ทางด้านสำนักงานไฟแนนซ์การเคหะของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FHFA) รายงานในวันอังคารว่า ราคาบ้านสหรัฐปรับขึ้น 11.0% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายปี ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2020 หลังจากพุ่งขึ้น 12.0% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายปี

  • Conference Board รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นที่มีต่อสถานการณ์ปัจจุบันอยู่ที่ 137.4 ส่วนดัชนีการคาดการณ์ในอนาคตอยู่ที่ 75.4 โดยผู้บริโภคยังคงคาดการณ์ในทางบวกต่อตลาดแรงงาน และปัจจัยนี้อาจจะช่วยจำกัดความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ค่าส่วนต่างตลาดแรงงาน ซึ่งวัดจากความเห็นของผู้บริโภคสหรัฐที่มีต่อประเด็นที่ว่า การหางานทำเป็นเรื่องง่ายหรือเป็นเรื่องยาก ปรับขึ้นจาก 31.8 ในเดือนต.ค. สู่ 32.8 ในเดือนพ.ย. โดยถึงแม้ว่าค่าส่วนต่างนี้ดิ่งลงจากระดับ 44.7 ในเดือนพ.ย.ปีก่อน ค่าส่วนต่างนี้ก็ยังคงอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับมาตรฐานในอดีต และค่าส่วนต่างสามารถปรับขึ้นได้ในเดือนพ.ย. ถึงแม้ว่ามีการปลดพนักงานออกในภาคเทคโนโลยี, ภาคการเงิน และภาคที่อยู่อาศัยในสหรัฐ

  • นายเจฟฟรีย์ โรช หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทแอลพีแอล ไฟแนนเชียลกล่าวว่า "ดัชนีความเชื่อมั่นที่มีแนวโน้มอ่อนแอลงในช่วงนี้บ่งชี้ว่า มีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจสหรัฐอาจจะถดถอยลงเพียงเล็กน้อยเป็นเวลาสั้น ๆ เท่านั้น เนื่องจากตลาดแรงงานอยู่ในภาวะตึงตัว และมีสัญญาณบ่งชี้ว่าการปลดพนักงานออกอาจจะไม่ได้รุนแรงมากเท่าที่คาด" ทั้งนี้ การดิ่งลงของความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐในเดือนพ.ย.กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มประชากรที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป และกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำกว่า 50,000 ดอลลาร์ต่อปี ในขณะที่มีครัวเรือนที่มีรายได้น้อยได้รับความเสียหายเป็นอย่างมากจากภาวะอัตราเงินเฟ้อสูง ทางด้านดัชนีการคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคสหรัฐสำหรับช่วง 12 เดือนข้างหน้าพุ่งขึ้นจาก 6.9% ในเดือนต.ค. สู่ 7.2% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นจุดสูงสุดรอบ 4 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของราคาน้ำมันเบนซินและราคาอาหาร

  • นักลงทุนรอดูตัวเลขยอดการเปิดรับสมัครงานในสหรัฐประจำเดือนต.ค.ที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพุธนี้ โดยโพลล์รอยเตอร์คาดว่ายอดการเปิดรับสมัครงานจะยังคงอยู่ในระดับสูง หลังจากสัดส่วนตำแหน่งงานว่างต่อคนว่างงานอยู่ที่ระดับ 1.9 ตำแหน่งต่อคนว่างงานหนึ่งคนในเดือนก.ย. ทั้งนี้ นักลงทุนรอดูรายงานการประเมินครั้งที่สองสำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาสสามที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานออกมาในวันพุธนี้ โดยนักลงทุนคาดว่าจีดีพีอาจดีดขึ้นอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสสาม หลังจากหดตัวลงในช่วงครึ่งปีแรก

  • Conference Board ระบุว่า ผู้บริโภคในวงกว้างปรับลดความต้องการซื้อสินค้ารายการใหญ่ในเดือนพ.ย. และสิ่งนี้ช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ราคาสินค้าอาจจะชะลอการปรับขึ้นต่อไปเป็นเวลานาน รวมทั้งช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจจะชะลอการเติบโตลงอย่างรุนแรง หรืออาจจะถดถอยเล็กน้อยในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 ด้วย ทั้งนี้ Conference Board ระบุว่า ผู้บริโภคที่วางแผนจะซื้อบ้านในช่วง 6 เดือนข้างหน้ามีสัดส่วนลดลง ในขณะที่การพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยจำนองและราคาบ้านที่ระดับสูงส่งผลให้ผู้บริโภคหลายรายไม่สามารถซื้อบ้านได้--จบ--

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้