ReutersReuters

DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:หุ้นสหรัฐดิ่งลงขณะตลาดวิตกกับการประท้วงในจีน

นิวยอร์ค--29 พ.ย.--รอยเตอร์

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดดิ่งลงอย่างรุนแรงในวันจันทร์ หลังจากการประท้วงในเมืองใหญ่หลายเมืองในจีนเพื่อต่อต้านมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวดส่งผลให้นักลงทุนกังวลกับภาวะเศรษฐกิจของจีน ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก นอกจากนี้ ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐก็ได้รับแรงกดดันจากหุ้นแอปเปิลที่ดิ่งลง 2.6% ด้วย ในขณะที่หุ้นแอปเปิลได้รับแรงกดดันจากข่าวการประท้วงของคนงานที่โรงงานผลิตโทรศัพท์ไอโฟนในจีน ซึ่งถือเป็นโรงงานผลิตไอโฟนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งนี้ เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่อาคารสูงแห่งหนึ่งในเมืองอุรุมชี ซึ่งเป็นเมืองหลวงของภูมิภาคซินเจียงในภาคตะวันตกของจีนในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยเหตุดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 10 คน และมีบางคนกล่าวหาว่ามาตรการล็อกดาวน์เป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของเหตุการณ์นี้ โดยเหตุการณ์นี้ส่งผลให้มีการประท้วงเกิดขึ้นทั่วประเทศจีน และเกิดการปะทะกันระหว่างตำรวจกับผู้ประท้วงหลายร้อยคนในนครเซี่ยงไฮ้ในคืนวันอาทิตย์

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดดิ่งลง 1.45% สู่ 33,849, ดัชนี S&P 500 ปิดรูดลง 1.54% สู่ 3,963.94 และดัชนี Nasdaq ปิดดิ่งลง 1.58% สู่ 11,049.50 อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P 500 ยังคงพุ่งขึ้นมาแล้ว 2.4% จากช่วงต้นเดือนพ.ย. ทั้งนี้ หุ้นทั้ง 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดในแดนลบในวันจันทร์ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ดิ่งลง 2.81% และหุ้นกลุ่มพลังงานที่รูดลง 2.74%

  • นายทอม เฮนลิน นักยุทธศาสตร์การลงทุนของยู.เอส. แบงก์ เวลธ์ แมเนจเมนท์กล่าวว่า "เราคิดว่าโรคโควิดและนโยบายของจีนในการควบคุมโรคโควิด จะเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญสำหรับปี 2023 และจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นและนักลงทุน" โดยประเด็นสำคัญในตอนนี้คือประเด็นที่ว่า จีนจะยังคงพยายามควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างจริงจังต่อไปหรือไม่ หรือว่าจีนจะหันไปใช้นโยบายอยู่ร่วมกับโควิดเหมือนในสหรัฐและประเทศอื่น ๆ ทั้งนี้ หุ้นพินตัวตัว ซึ่งเป็นบริษัทพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้น 12.6% หลังจากพินตัวตัวรายงานรายได้ไตรมาสสามที่สูงเกินคาด โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการล็อกดาวน์ในจีน ซึ่งส่งผลให้ผู้บริโภคต้องสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ทางด้านหุ้นบริษัทเทคโนโลยีแห่งอื่น ๆ ของจีนทะยานขึ้นเช่นกัน ซึ่งรวมถึงหุ้นไป่ตู้และหุ้นเทนเซนต์ โฮลดิงส์ที่พุ่งขึ้นกว่า 2%

  • หุ้นอะเมซอนดอทคอมปรับขึ้น 0.6% หลังจากมีรายงานระบุว่า ยอดการใช้จ่ายในวัน Cyber Monday (วันจันทร์หลังวันขอบคุณพระเจ้า ซึ่งตรงกับวันที่ 28 พ.ย.ในปีนี้ และถือเป็นวันที่มียอดจับจ่ายซื้อสินค้าออนไลน์สูงที่สุดในแต่ละปีในสหรัฐ) อาจจะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 1.16 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี หุ้นเติบโตตัวอื่น ๆ ปรับตัวอย่างไร้ทิศทาง โดยหุ้นไมโครซอฟท์ดิ่งลง 2.3%, หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์รูดลง 2.4%, หุ้นเอ็นวิเดียดิ่งลง 2.7% แต่หุ้นเทสลาขยับขึ้น 0.03% ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มสกุลเงินคริปโตดิ่งลง หลังจาก BlockFi ซึ่งเป็นบริษัทปล่อยกู้สกุลเงินคริปโตขนาดใหญ่ยื่นขอรับการปกป้องการล้มละลายตามมาตรา 11 พร้อมกับกิจการในเครืออีก 8 แห่ง โดยหุ้นบริษัทคอยน์เบส โกลบัล, ไรออท บล็อกเชน และมาราธอน ดิจิทัล โฮลดิงส์ต่างก็ดิ่งลงราว 4% ในวันจันทร์

  • นักลงทุนจะรอดูตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนพ.ย.ที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันอังคาร, ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาสสามที่ได้รับการประเมินเป็นรอบที่สอง ซึ่งรัฐบาลสหรัฐจะรายงานออกมาในวันพุธ และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ย.ที่จะออกมาในวันศุกร์--จบ--

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้