ReutersReuters

DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:ดาวโจนส์ปรับขึ้นแต่ S&P,Nasdaq ปรับลง

นิวยอร์ค--28 พ.ย.--รอยเตอร์

  • ดัชนี Nasdaq ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันศุกร์ โดยได้รับแรงกดดันจากหุ้นบริษัทแอปเปิล อิงค์ที่ดิ่งลง 2.0% ในขณะที่นักลงทุนจับตาดูข่าวเกี่ยวกับการระบาดของโรคโควิด-19 ในจีน และนักลงทุนรอดูยอดค้าปลีกของสหรัฐในวัน Black Friday ซึ่งตรงกับวันศุกร์ที่ 25 พ.ย.ในปีนี้ โดยบริษัทค้าปลีกหลายแห่งของสหรัฐมักจะเริ่มการปรับลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ในวัน Black Friday ทั้งนี้ หุ้นแอปเปิลดิ่งลงในวันศุกร์ โดยได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่า โรงงานของบริษัทฟ็อกซ์คอนน์ในจีนจะปรับลดการจัดส่งโทรศัพท์ไอโฟน เนื่องจากการผลิตที่โรงงานดังกล่าวได้รับผลกระทบจากการประท้วงของคนงานท่ามกลางการระบาดของโรคโควิด-19 โดยคนงานหลายพันคนได้ลาออกจากโรงงานไปแล้ว

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 0.45% สู่ 34,347.03, ดัชนี S&P 500 ปิดขยับลง 0.03% สู่ 4,026.12; และดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 0.52% สู่ 11,226.36 ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญทั้ง 3 ดัชนีต่างก็ปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนบวก โดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์ที่ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้น 1.78% จากสัปดาห์ที่แล้ว ทางด้านดัชนี S&P 500 ทะยานขึ้นมาแล้วกว่า 15% จากจุดต่ำสุดของช่วงต้นเดือนต.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากฤดูการรายงานผลประกอบการที่สดใส และจากความคาดหวังที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

  • นักลงทุนรอดูยอดค้าปลีกในวัน Black Friday ในขณะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงและเศรษฐกิจสหรัฐชะลอการเติบโต อย่างไรก็ดี มีประชาชนจำนวนไม่มากนักออกมารอซื้อสินค้าในวันศุกร์ท่ามกลางสภาพอากาศที่ไม่ดี ถึงแม้ว่าโดยปกติแล้ววัน Black Friday มักจะเป็นวันที่มีการจับจ่ายซื้อสินค้ามากที่สุดในแต่ละปี โดยหุ้นกลุ่มค้าปลีกของสหรัฐปรับตัวอย่างไร้ทิศทางในวันศุกร์ ซึ่งรวมถึงหุ้นบริษัททาร์เก็ต, เมซีส์ และเบสท์ บาย ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มค้าปลีกของสหรัฐถือเป็นมาตรวัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อในช่วงนี้ โดยดัชนีหุ้นกลุ่มค้าปลีกของสหรัฐรูดลงมาแล้วกว่า 30% จากช่วงต้นปีนี้ ในขณะที่ดัชนี S&P 500 ดิ่งลงราว 15% จากช่วงต้นปีนี้ ทางด้านดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยของสหรัฐขยับขึ้นเล็กน้อยในวันศุกร์

  • ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพ.ย. นักลงทุนจะรอดูยอดค้าปลีกของสหรัฐ, จะจับตาดูการระบาดของโรคโควิด-19 ในจีน และจะจับตาดูสัญญาณบ่งชี้ถึงแนวโน้มในการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า มีโอกาส 71.1% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ 4.25-4.50% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 13-14 ธ.ค. และนักวิเคราะห์คาดว่าอัตราดอกเบี้ยอาจจะขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในเดือนมิ.ย. 2023

  • หุ้นแอคทิวิชัน บลิซซาร์ด ซึ่งเป็นผู้เผยแพร่วิดีโอเกมดิ่งลง 4.07% ในวันศุกร์ หลังจากมีข่าวว่า คณะกรรมการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FTC) มีแนวโน้มที่จะยื่นดำเนินคดีต่อต้านการผูกขาด เพื่อขัดขวางบริษัทไมโครซอฟท์จากการเข้าเทคโอเวอร์แอคทิวิชันในข้อตกลงขนาด 6.9 หมื่นล้านดอลลาร์--จบ--

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้