ReutersReuters

ตลาดน้ำมันนิวยอร์ค:ข่าวท่อส่งน้ำมันหนุนน้ำมันดิบปิดพุ่งขึ้น 1.2%

นิวยอร์ค--16 พ.ย.--รอยเตอร์

  • ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นในวันอังคาร หลังจากสำนักข่าว RIA รายงานว่า บริษัททรานส์เนฟท์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ผูกขาดท่อส่งน้ำมันของรัฐบาลรัสเซียระบุว่า ทางบริษัทได้รับแจ้งจากยูเครนว่าเกิดเหตุขัดข้องในท่อส่งน้ำมันดรุซบา โดยแรงดันที่ลดลงในท่อส่งผลให้มีการระงับการจัดส่งน้ำมันสู่ฮังการีเป็นการชั่วคราว ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูข่าวที่ว่า เกิดเหตุระเบิดในหมู่บ้านเซโวโดวในภาคตะวันออกของโปแลนด์ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้พรมแดนที่ติดกับยูเครน และมีผู้เสียชีวิต 2 คนในเหตุการณ์นี้ด้วย โดยโปแลนด์ถือเป็นประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ทางด้านชาติพันธมิตรของนาโตกำลังสอบสวนรายงานที่ว่า เหตุระเบิดดังกล่าวเกิดจากขีปนาวุธของรัสเซีย อย่างไรก็ดี กระทรวงกลาโหมของรัสเซียระบุว่า "ไม่ได้มีการโจมตีเป้าหมายใกล้พรมแดนระหว่างยูเครนกับโปแลนด์โดยใช้เครื่องมือในการทำลายล้างของรัสเซีย"

  • ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 1.05 ดอลลาร์ หรือ 1.22% มาปิดตลาดที่ 86.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปรับขึ้น 72 เซนต์ มาปิดตลาดที่ 93.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทั้งนี้ หลังจากตลาด NYMEX ปิดทำการในวันอังคาร การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) ซึ่งเป็นหน่วยงานของเอกชน ได้เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันสหรัฐประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 11 พ.ย. โดยระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐดิ่งลงราว 5.8 ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมันเบนซินในคลังสหรัฐพุ่งขึ้นราว 1.7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมัน distillate ในคลังสหรัฐปรับขึ้นราว 850,000 บาร์เรล

  • องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ระบุในวันอังคารว่า สหภาพยุโรป (อียู) จะเริ่มต้นคว่ำบาตรน้ำมันดิบรัสเซียที่ขนส่งทางทะเลตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. และสิ่งนี้หมายความว่าจะต้องมีการหาน้ำมันดิบจากแหล่งอื่นมาชดเชยในปริมาณ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ IEA ยังคาดการณ์อีกด้วยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาจะส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำมันทั่วโลกในไตรมาส 4/2022 หดตัวลงเกือบ 250,000 บาร์เรลต่อวันเมื่อเทียบรายปี และคาดว่าอุปสงค์น้ำมันอาจเพิ่มขึ้นเพียง 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2023 หลังจากเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้

  • ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุน หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันอังคารว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐปรับขึ้น 8.0% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายปี ซึ่งอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ +8.3% หลังจากดัชนี PPI พุ่งขึ้น 8.4% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายปี โดยรายงานตัวเลขดังกล่าวช่วยกระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะชะลอความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ รายงานดัชนี PPI ช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งสูงขึ้น และส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งส่งผลบวกต่อราคาน้ำมัน โดยดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 106.43 ในช่วงท้ายวันอังคาร โดยอ่อนค่าลงจาก 106.96 ในช่วงท้ายวันจันทร์ และเทียบกับจุดต่ำสุดของวันที่ 105.30 ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.

  • นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ในจีน ในขณะที่ยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในจีนพุ่งสูงขึ้น ซึ่งรวมถึงในกรุงปักกิ่ง โดยจีนรายงานในวันอังคารว่า ยอดผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 รายใหม่ในจีนอยู่ที่ 17,772 รายในวันที่ 14 พ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. และพุ่งขึ้นจาก 16,072 รายในวันที่ 13 พ.ย. โดยยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกรุงปักกิ่งพุ่งขึ้นสู่สถิติสูงสุดใหม่ที่ 462 รายในวันจันทร์ นอกจากนี้ จีนยังรายงานอีกด้วยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 5.0% ในเดือนต.ค.จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.2% และชะลอตัวลงจากที่เพิ่มขึ้น 6.3% ในเดือนก.ย. ทั้งนี้ เจพีมอร์แกนปรับลดคาดการณ์จีดีพีของจีนทั้งปีนี้ลงสู่ +2.9% จาก +3.1% ที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ และยังได้ปรับลดคาดการณ์จีดีพีของจีนทั้งปีหน้าลงสู่ +4% จาก +4.5% ที่คาดไว้ก่อนหน้านี้--จบ--

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้