ReutersReuters

ตลาดน้ำมันนิวยอร์ค:น้ำมันดิบพุ่งขึ้น 3.5% ก่อนประชุมโอเปกพลัส

นิวยอร์ค--5 ต.ค.--รอยเตอร์

  • ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้น 3.5% ในวันอังคาร ในขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) อาจจะตัดสินใจปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบครั้งใหญ่ในการประชุมวันที่ 5 ต.ค. และราคาน้ำมันก็ได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐด้วย เพราะการอ่อนค่าของดอลลาร์ส่งผลให้น้ำมันมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ทั้งนี้ แหล่งข่าวกล่าวว่า กลุ่มโอเปกพลัสกำลังหารือกันเรื่องการปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทางด้านสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า กลุ่มโอเปกพลัสกำลังพิจารณาเรื่องการปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันลง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยการปรับลดดังกล่าวจะส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดตึงตัวมากยิ่งขึ้นไปอีก ในขณะที่นักวิเคราะห์ระบุว่า อุปทานน้ำมันอยู่ในภาวะตึงตัวอยู่แล้ว โดยเป็นผลจากอุปสงค์น้ำมันที่แข็งแกร่ง, การลงทุนที่น้อยเกินไปในอุตสาหกรรมน้ำมัน และปัญหาด้านอุปทาน

  • ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 2.89 ดอลลาร์ หรือ 3.5% มาปิดตลาดที่ 86.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 2.94 ดอลลาร์ หรือ 3.3% มาปิดตลาดที่ 91.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทั้งนี้ หลังจากตลาด NYMEX ปิดทำการในวันอังคาร การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) ซึ่งเป็นหน่วยงานของเอกชน ได้เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันสหรัฐประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. โดยระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐดิ่งลงราว 1.8 ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมันเบนซินรูดลงราว 3.5 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมัน distillate ดิ่งลงราว 4 ล้านบาร์เรล

  • รัฐมนตรีน้ำมันของคูเวตกล่าวว่า กลุ่มโอเปกพลัสจะตัดสินใจอย่างเหมาะสมในการรับประกันอุปทานพลังงาน และในการรักษาผลประโยชน์ของผู้ผลิตและผู้ใช้น้ำมัน โดยก่อนหน้านี้กลุ่มโอเปกพลัสเคยปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันในปีนี้ หลังจากที่เคยปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์ในปี 2020 เพื่อตอบรับต่อวิกฤติโรคระบาด อย่างไรก็ดี กลุ่มโอเปกพลัสผลิตน้ำมันต่ำกว่าเป้าหมายในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยทางกลุ่มผลิตน้ำมันต่ำกว่าเป้าหมายราว 3.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนส.ค. ทั้งนี้ ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า การปรับลดเป้าหมายปริมาณการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัสจะถือเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล เมื่อพิจารณาจากการดิ่งลงอย่างรุนแรงของราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมา และสิ่งนี้ช่วยสนับสนุนให้โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์แนวโน้มราคาน้ำมันในทางบวก

  • ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากการที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินร่วงลงในวันอังคารเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันด้วย ในขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 110.18 ในช่วงท้ายวันอังคาร โดยดิ่งลงจาก 111.56 ในช่วงท้ายวันจันทร์ และออกห่างจากระดับ 114.78 ที่ทำไว้ในวันที่ 28 ก.ย. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2002 หรือจุดสูงสุดรอบ 20 ปี ทั้งนี้ ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะชะลอความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะการชะลอความเร็วดังกล่าวจะช่วยลดความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะสร้างความเสียหายต่ออุปสงค์น้ำมันดิบ

  • เจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงการคลังสหรัฐกล่าวว่า กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำทั้ง 7 หรือจี-7 จะนำมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียมาใช้โดยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน โดยขั้นตอนแรกจะตั้งเป้าหมายไปที่น้ำมันดิบรัสเซีย, ขั้นตอนที่ 2 จะตั้งเป้าหมายไปที่น้ำมันดีเซล และขั้นตอนที่ 3 จะตั้งเป้าหมายไปที่ผลิตภัณฑ์น้ำมันมูลค่าต่ำ ซึ่งรวมถึงแนฟทา ในขณะที่มาตรการของสหภาพยุโรป (อียู) ที่ใช้ในการคว่ำบาตรรัสเซียจะแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน โดยมาตรการคว่ำบาตรของกลุ่มจี-7 และอียูจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 ธ.ค. ทั้งนี้ ธนาคาร UBS ของสวิตเซอร์แลนด์ระบุว่า ทางธนาคารมองว่ามีปัจจัยบางประการที่จะช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบให้พุ่งขึ้นจนถึงสิ้นปีนี้ โดยปัจจัยเหล่านี้รวมถึง "การฟื้นตัวของอุปสงค์ในจีน, การที่กลุ่มโอเปกพลัสปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงไปอีก, การที่คลังสำรองปิโตรเลียมทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐ (SPR) ยุติการระบายน้ำมันออกจากคลัง และการที่อียูจะคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันดิบของรัสเซีย"--จบ--

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

เข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชีฟรีถาวรเพื่ออ่านข่าวนี้