สภาพัฒน์เผยจีดีพี Q3 ขยายตัว 4.5% ตามโพลล์คาด, ทั้งปี 65 มองศก.โต 3.2%

กรุงเทพฯ--21 พ.ย.--รอยเตอร์

• สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) เผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ไตรมาส 3/65 ขยายตัว 4.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 1.2% จากไตรมาสก่อนหน้า

• โพลล์รอยเตอร์คาดว่า จีดีพีในไตรมาส 3 จะเพิ่มขึ้น 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และขยายตัว 0.9% จากไตรมาสก่อนหน้า

• คงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/65 ขยายตัว 2.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียกันปีก่อน และขยายตัว 0.7% จากไตรมาสก่อนหน้า

• ในไตรมาส 3/65 การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชน และการท่องเที่ยวขยายตัวเร่งขึ้น ขณะที่การส่งออกสินค้าชะลอตัว ส่วนการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐปรับตัวลดลง

• ในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ จีดีพีขยายตัว 3.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

• คาดการณ์จีดีพีปี 65 ขยายตัว 3.2% จากที่เมื่อเดือนส.ค.คาดไว้ในกรอบ 2.7-3.2% ขณะที่คาดการส่งออกขยายตัว 7.5% จากเดิมคาดเพิ่มขึ้น 7.9%

• ปรับเพิ่มประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 65 เป็น 10.2 ล้านคน จากเดิม 9.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยวปีนี้ที่ 5.7 แสนล้านบาท

• คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 65 ที่ 6.3% จากเดิมคาดไว้ในกรอบ 6.3-6.8%

• สภาพัฒน์คาดว่า เศรษฐกิจไทยในปี 66 จะขยายตัวในกรอบ 3.0-4.0% โดยมีแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว การขยายตัวต่อเนื่องของอุปสงค์ในประเทศ ทั้งการบริโภคและการลงทุน และการขยายตัวของการผลิตภาคเกษตร

• คาดการส่งออกปี 66 ขยายตัว 1.0% ขณะทึ่คาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 66 ไว้ที่ 23.5 ล้านคน โดยมีรายได้ 1.2 ล้านล้านบาท และประเมินอัตราเงินเฟ้อในปี 66 ไว้ที่ 2.5-3.5%

• "จริงๆ อาจจะพูดได้ว่าตอนนี้เศรษฐกิจไทยเรากลับมาขยายตัวได้ต่อเนื่อง แต่จริงๆ ศักยภาพเราอาจจะมีมากกว่านี้สักหน่อยนึง ถ้ามีการลงทุนภาคเอกชนในอุตสาหกรรมเป้าหมายต่างๆ มีการขับเคลื่อนการลงทุนภาครัฐได้อย่างเต็มที่จริงๆ และมีภาคการท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มขึ้น ก็อาจจะขยายตัวได้มากกว่านี้ " นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ กล่าวในการแถลงข่าว

• ในช่วงปลายปีนี้ไม่จำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ออกมาอีก เพราะเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง แต่จะมีในลักษณะมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มเติม โดยให้นำค่าใช้จ่ายไปหักลดภาษีในปีหน้า รวมถึงมาตรการเฉพาะกลุ่มเพื่อบรรเทาผลกระทบของประชาชน จากค่าครองชีพและราคาพลังงานที่สูงขึ้น--จบ--