วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ PTTEP เพิ่มแผนลงทุนห้าปี (2568F-2572F)
คาดว่าปริมาณยอดขายในอีกห้าปีข้างหน้าจะโต 3.4% CAGR
PTTEP คาดว่าปริมาณยอดขายจะเพิ่มขึ้น 3% YoY เป็น 507 KBOED ในปี 2568F เพราะจะเป็นปีแรกที่ รับรู้ผลการดำเนินงานเต็มปีจากโครงการเอราวัณ ซึ่งเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ด้วยปริมาณการผลิต 800 mmscfd เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 นอกจากนี้ บริษัทยังคาดว่าปริมาณยอดขายจะเพิ่มขึ้น 7% YoY เป็น 541 KBOED ในปี 2569F จากแผนเพิ่มการผลิตจากโครงการเอราวัณ, บงกช และอาทิตย์ ในประเทศไทย (+10 KBOED YoY) และโครงการ Oman Block 61 (+12 KBOED YoY) ในขณะที่คาดว่าจะเริ่มโครงการ Ghasha Dalma (ซึ่งจะทำให้ปริมาณการผลิตของ PTTEP เพิ่มขึ้นเต็มปีที่ 5 KBOED) ในช่วงปลาย 2H68F แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าปริมาณยอดขายในปี 2570F จะลดลง 2% YoY เหลือ 528 KBOED เพราะ ผลผลิตจากโครงการบงกชลดลง ซึ่งจะกลับไปเท่ากับปริมาณตามสัญญารายวัน (DCQ) ที่ 700 mmscfd ลดลงจากยอดผลิตในปัจจุบันที่ประมาณ 750 mmscfd ในขณะที่เราคาดว่าปริมาณยอดขายจะเพิ่มขึ้น 11% YoY เป็น 585 KBOED ในปี 2571F จากการเริ่มเปิดดำเนินการหกโครงการใหม่ได้แก่ i) โครงการ Ghasha Hali (จะทำให้ปริมาณการผลิตของ PTTEP เพิ่มขึ้น 30 KBOED) ใน 1H71F, ii) โครงการ SK405B, SK417, SK438 และ SK410B ในมาเลเซีย greenfields (จะทำให้ปริมาณการผลิตของ PTTEP เพิ่มขึ้นเต็ม ปีที่ 23 KBOED) ใน 2H71F และ iii) โครงการ LNG ในโมซัมบิกกำลังการผลิต 13MTA (จะทำให้ปริมาณ การผลิตของ PTTEP เพิ่มขึ้นเต็มปีที่ 25 KBOED) ใน 2H71F แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าปริมาณยอดขาย จะลดลง 1% YoY เหลือ 581 KBOED ในปี 2572F เพราะผลผลิตที่ลดลงจากโครงการ S1 ในประเทศไทย แทบจะหักล้างกันได้พอดีกันกับการเริ่มเปิดดำเนินการโครงการ HBR Phase II ที่แอลจิเรีย กำลังการผลิต 30 KBD ใน 2H72F
ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2567F-2569F ขึ้นอีก 1%/2%/16%
เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2567F ขึ้นอีก 1% เป็น 7.60 หมื่นล้านบาท, ปี 2568F ขึ้นอีก 2% เป็น 6.70 หมื่นล้านบาท และปี 2569F ขึ้นอีก 16% เป็น 6.52 หมื่นล้านบาท เพราะปรับราคาขายก๊าซสูงขึ้น โดย PTTEP รายงานว่าราคาขายก๊าซในงวด 9M67 อยู่ที่ US$5.9/mmbtu ดังนั้นเราจึงปรับเพิ่มสมมติฐานราคา ขายก๊าซปี 2567F อีก 1% เป็น US$5.9/mmbtu, ปี 2568F ขึ้นอีก 5% เป็น US$5.7/mmbtu และปี 2569F ขึ้นอีก 6% เป็น US$5.5/mmbtu แต่อย่างไรก็ตาม เราปรับสมมติฐานต้นทุนต่อหน่วยในปี 2567F-2569F เพิ่มขึ้นอีก 4% เป็น US$30.1/BOE, 6% เป็น US$30.4/BOE และ 5% เป็น US$30.2/BOE ตามลำดับ เพื่อ สะท้อนเป้าของผู้บริหารในอีกสองสามปีข้างหน้าที่ US$29-30/BOE และต้นทุนต่อหน่วยของ PTTEP ใน งวด 9M67 ที่ US$29.7/BOE นอกจากนี้ เรายังปรับลดสมมติฐานปริมาณยอดขายของ PTTEP ในปี 2567F ลง 4% เหลือ 491 KBOED เพราะผลผลิตจากสินทรัพย์ในมาเลเซียต่ำกว่าคาด และปรับลดสมมติฐานปี 2568F ลง 3% เหลือ 507 KBOED เพราะจะมีการปิดซ่อมบำรุงโครงการในประเทศไทยมากกว่าแผนเดิม
Valuation & Action
เราปรับลดราคาเป้าหมาย DCF ปี 2568F เหลือ 140.00 บาท จากเดิม 142.00 บาท โดยใช้ WACC ที่ 8.8% และ terminal growth ที่ 1.0% เพื่อสะท้อนถึงงบลงทุนห้าปี (ทั้ง CAPEX และ OPEX) สำหรับปี 2568F- 2572F ที่เพิ่มขึ้น 3% หรือ 1.0 พันล้านดอลลาร์ฯ เป็น 3.36 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ จากแผนลงทุนห้าปีของเดิม สำหรับปี 2567F-2571F ทั้งนี้แม้ว่าคาดราคาน้ำมันดิบดูไบมีแนวโน้มลดลงเหลือ US$75/bbl ในปี 2568F และ US$70/bbl ในปี 2569F แต่เรายังคงคำแนะนำถือ PTTEP เพราะคาดว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปัน ผลในปี 2567F-2569F จะน่าสนใจที่ 8.1%, 7.1% และ 6.9% ตามลำดับ เมื่อคำนวณจากราคาหุ้นในปัจจุบัน
Risks
ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบและก๊าซ