BangkokBizNewsBangkokBizNews

จับตา5สัญญาณ จุดเปลี่ยนตลาดคริปโทเคอร์เรนซี

5 เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี่ปีนี้ ในปี 2565 นับว่าเป็นปีที่ “ยากลำบาก” สำหรับนักลงทุนคริปโทเคอร์เรนซี เนื่องจากสินทรัพย์ดิจิทัลพากันปรับตัวลง ทั้งตลาดเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี 

แต่ในปี2566 เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2566 ราคา Bitcoin (BTC) ก็ปรับตัวสูงขึ้น จากคาดจุดต่ำสุดอยู่ที่16,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 562,000 บาท) ต่อBTC ไปสู่ระดับ 20,000 - 21,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 700,000 - 730,000 บาท) ภายในระยะเวลาเพียง 2 สัปดาห์ คิดเป็นการเปลี่ยนแปลงมากกว่า 37%

ณ 3 มี.ค.2566 เวลา 14.00 น. ราคา Bitcoin (BTC) ยังคงยืนเหนือ 20,000 ดอลลาร์ อยู่ที่ระดับ 22,283 ดอลลาร์ ปรับตัวลง 4.63% จากราคาปิดวันก่อนหน้า 23,436 ดอลลาร์ สะท้อนว่า ณ สิ้นเดือนก.พ. ราคา Bitcoin(BTC) นั้นมีความผันผวนต่ำกว่าเดือนอื่น ๆ เป็นอย่างมาก ตามรายงาน Bitcoin (BTC) ขยับเพิ่มขึ้นเพียง 0.03% จากเดือนที่แล้ว

"คุณานันต์ คงธนสิริสันติ " Research Specialist เทคโทโร (TECHTORO) สื่อกลางให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีการเงินและการลงทุนทั่วไป ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ตั้งแต่ต้นปี 2566 มี

5 เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี และเป็นสัญญาณที่ต้องติดตามหลังจากนี้ เริ่มจาก 

1.Bitcoin (BTC)ทะลุแนวต้านสำคัญ DMA 200 เส้น DMA 200 (200-Day Moving Average) เป็นเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน

โดยนักลงทุนมองเส้นนี้เป็นเส้นแบ่งสำคัญระหว่าง “ตลาดหมี” และ “ตลาดกระทิง” ถึงขั้นมีคำกล่าวว่า “ไม่มีตลาดกระทิงใดอยู่ใต้เส้น DMA 200 และไม่มีตลาดหมีเหนือเส้น DMA 200” โดยปัจจุบันเส้นดังกล่าวของ Bitcoin (BTC) อยู่ที่ช่วงราคา 19,750 ดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 690,000 บาท) หมายความว่า ขณะนี้ Bitcoin (BTC) ได้เข้าสู่ตลาดกระทิงเป็นที่เรียบร้อย

2.BTC.D (Bitcoin Dominance) ปรับตัวสูงขึ้นBTC.D หรือ Bitcoin Dominance คือ สัดส่วนการครองตลาดของ Bitcoin (BTC) เมื่อเทียบกับมูลค่าทั้งหมดของคริปโทเคอร์เรนซีอื่นๆในตลาด

โดยณ 28 ก.พ. 66 เวลา 12.00 น. BTC.D อยู่ที่ 43.96% ปรับตัวจากจุดต่ำสุดที่ 38.86% เมื่อเดือนก.ย.ปีที่แล้ว หมายความว่า ณ ขณะนี้ Bitcoin (BTC) มีสัดส่วนการครองตลาดอยู่ที่ 43.96% ดังนั้นการเคลื่อนไหวของตลาดคริปโทยังคงขึ้นอยู่กับพี่ใหญ่อย่าง Bitcoin (BTC)

3.WMA 200 อีกหนึ่งกำแพงที่ต้องฝ่าไป แม้ว่า Bitcoin (BTC) จะมีราคาสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนบางส่วนรู้สึกคลายกังวล แต่อย่างไรก็ตาม Bitcoin (BTC) ยังจำเป็นต้องฝ่าอีกหนึ่งแนวต้านสำคัญ ซึ่งนับว่า “แข็ง” เสียยิ่งกว่า DMA 200 นั่นก็คือ WMA 200 (200-Week Moving Average) หรือค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ (ประมาณ 4 ปี) 

ด้วยความที่อินดิเคเตอร์นี้อยู่ในกรอบเวลา (Timeframe) ที่ใหญ่กว่า ทำให้ WMA 200 บ่งบอกเทรนด์ในภาพที่ใหญ่กว่า โดยปัจจุบันเส้น WMA 200 ของ Bitcoin (BTC) อยู่ที่ประมาณ 25,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 878,000 บาท) หมายความว่าแนวต้านต่อไปของ Bitcoin (BTC) จะอยู่ที่บริเวณนั้น และมีความเป็นไปได้ว่า จุดนั้นจะเป็นแนวต้านที่แข็งแรงกว่า DMA 200

4.นับถอยหลัง Bitcoin Halving อีกหนึ่งปัจจัยที่มีแนวโน้มช่วยหนุน Bitcoin (BTC) ในช่วงนี้ก็คือ “Bitcoin Halving” ซึ่งเป็นกลไกลดการผลิต Bitcoin (BTC) ลง ‘ครึ่งหนึ่ง’ ทุก ๆ 4 ปี โดยการ Halving ครั้งหน้าจะเกิดขึ้นในเดือน พ.ค. ปี 2567 ซึ่งหมายความว่า นักลงทุนจะมีเวลาสะสม Bitcoin (BTC) อีกประมาณ 420 วัน ก่อนจะเกิดการลดกำลังการผลิต โดยการ Halving ครั้งล่าสุด (วันที่ 11 พ.ค. 2563) พบว่าราคา Bitcoin (BTC) ปรับขึ้นสูงถึง 559% เมื่อผ่านไป 365 วัน

5.การขึ้นดอกเบี้ยของ FED และแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ ซึ่งในด้านของปัจจัยเชิงลบ ยังคงมีเรื่องของเงินเฟ้อที่แม้ว่าจะเริ่มเบาลงแต่ก็ยังคงไม่สงบ โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการเปิดเผยตัวเลข “ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ” (GDP) ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดการเติบโตทางรายได้ของประเทศ พบว่าอยู่ที่โต2.7% ต่ำกว่ากว่าคาดการณ์ไว้ที่ 2.9%

ในส่วนของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นเครื่องมือทางสถิติที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงราคาขายปลีกของสินค้าและบริการ พบว่าอยู่ที่ 6.4% สูงกว่าคาดการณ์ที่ 6.2% บ่งบอกถึงราคาสินค้าที่ยังคงสูง และการเติบโตทางรายได้ที่ยังต่ำจึงมีความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED (Federal Reserve) จะเข้มงวดในการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีก

ทั้งนี้ ยังมีความกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ในสหรัฐฯ เนื่องมาจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ FED ซึ่งอาจส่งผลให้ประชาชนเลือกที่จะเก็บเงินมากกว่าจับจ่ายใช้สอย หรือเลือกที่จะลงทุนในพันธบัตรมากกว่าสินทรัพย์เสี่ยง

อย่างไรก็ดี โลกคริปโทเคอร์เรนซี่ ในปัจจุบันมีความเคลื่อนไหนค่อนข้างเร็วนั้น "คุณานันต์" แนะนำว่า การลงทุนในโลกคริปโทฯ จำเป็นต้องใช้ความรู้ ความเข้าใจขั้นสูง โดยที่นักลงทุนที่ตัดสินใจก้าวเข้าสู่วงการคริปโทเคอร์เรนซี ควรเตรียมพื้นฐาน 4 อย่าง

1. ความรู้ ความเข้าใจ นับว่า เป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในโลกคริปโทฯ เพื่อป้องกัน SCAM และการถูกหลอกลวงในรูปแบบต่าง ๆ

2. การเก็บรักษา เพราะไม่มีใครเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลได้ดีเท่าตัวเราเอง นักลงทุนควรศึกษาวิธีการใช้งานHardware Wallet ให้ดี

3. ความผันผวนของราคา โดยที่คริปโทเคอร์เรนซีมีลักษณะที่แตกต่างจากสินทรัพย์ชนิดอื่นๆ นักลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะของสินทรัพย์ว่าเป็นอย่างไร

4. ความแข็งแรงของแพลตฟอร์ม และ Smart Comntract แม้สิ่งนี้อาจเป็นเรื่องยากสำหรับมือใหม่ แต่หากนักลงทุนสามารถอ่าน Code หรือ Smart Contract เบื้องต้น และรู้วิธีการเช็คเหรียญจริงหรือเหรียญปลอม การดู Volumn Trade ว่าเป็นวอลุ่มแท้หรือวอลุ่มเทียม สิ่งเหล่านี้จะทำให้นักลงทุนวิเคราะห์ตลาดได้ดียิ่งขึ้น

โดยมุมมองทั้งหมดนี้ มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาข้อมูลโดยทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่การให้คำแนะนำด้านการเงินและการลงทุน นักลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี่