BangkokBizNewsBangkokBizNews

เปิดโผ 10 หุ้นยักษ์ใหญ่ มูลค่าสุทธิของกิจการ มโหฬาร มากสุดในตลาดหุ้นไทย

เปิดโผ 10 หุ้นยักษ์ใหญ่ มูลค่าสุทธิของกิจการ มโหฬาร มากสุดในตลาดหุ้นไทย PTT มูลค่าสุทธิของกิจการนำสุดอันดับ 1 ที่ 2,956,752.46 ล้านบาท และมีมาร์เก็ตแคป 971,141.87 ล้านบาท

การเลือกลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ต้องมีหลายองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจนั้นๆมีความได้เปรียบด้านการแข่งขัน,กิจการเติบโตต่อเนื่อง,มีกำไรอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีปัญหาขาดทุน,หนี้สินไม่เยอะ,กำไรสะสมเพิ่มอย่างต่อเนื่อง,ควบคุมต้นทุน,การดำเนินงานได้ดี,สภาพคล่องต้องดี และปันผลดี ซึ่งยังมี1ปัจจัย ที่ควรจะรู้นั้นคือมูลค่าสุทธิของกิจการ โดยเป็นข้อมูลซึ่งใช้วัดมูลค่าของบริษัท โดยคำนวณจาก มูลค่าตามราคาตลาดโดยรวมของหลักทรัพย์, หนี้สิน, เงินสด, ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย และทุนจดทะเบียนหุ้นบุริมสิทธิ 

ทั้งนี้ “กรุงเทพธุรกิจ” ได้คัดมูลค่าสุทธิของกิจการในบริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นไทยที่มีมากที่สุดใน 10 อันดับแรก มีดังนี้ 

1.บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) PTT

  • มูลค่าสุทธิของกิจการ 2,956,752.46 ล้านบาท 
  • มาร์เก็ตแคป 971,141.87 ล้านบาท
  • EBITDA 117,075.78 ล้านบาท 
  • P/E 8.58 เท่า 
  • รายได้ ไตรมาส 1/67 ที่ 796,595.54 ล้านบาท 
  • กำไร ไตรมาส 1/67 ที่ 28,967.50 ล้านบาท

2.บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) CPALL

  • มูลค่าสุทธิของกิจการ 1,279,026.99 ล้านบาท 
  • มาร์เก็ตแคป 532,248.75 ล้านบาท
  • EBITDA 21,981.14 ล้านบาท 
  • P/E 25.74 เท่า 
  • รายได้ ไตรมาส 1/67 ที่ 241,008.84 ล้านบาท 
  • กำไร ไตรมาส 1/67 ที่ 6,319.40 ล้านบาท

3.บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) AOT

  • มูลค่าสุทธิของกิจการ 1,017,898.77 ล้านบาท 
  • มาร์เก็ตแคป 942,856.20 ล้านบาท
  • EBITDA 20,337.95 ล้านบาท 
  • P/E 55.67 เท่า 
  • รายได้ ไตรมาส 1/67 ที่ 34,112.69 ล้านบาท 
  • กำไร ไตรมาส 1/67 ที่ 10,347.63 ล้านบาท

4.บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) DELTA

  • มูลค่าสุทธิของกิจการ 966,840.57 ล้านบาท 
  • มาร์เก็ตแคป 935,536.21 ล้านบาท
  • EBITDA 5,930.98 ล้านบาท 
  • P/E 48.94 เท่า 
  • รายได้ ไตรมาส 1/67 ที่ 38,499.79 ล้านบาท 
  • กำไร ไตรมาส 1/67 ที่ 4,307.51 ล้านบาท

5.บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ADVANC

  • มูลค่าสุทธิของกิจการ 962,322.46 ล้านบาท 
  • มาร์เก็ตแคป 615,661.42 ล้านบาท
  • EBITDA 27,984.26 ล้านบาท 
  • P/E 20.00 เท่า 
  • รายได้ ไตรมาส 1/67 ที่ 53,465.06 ล้านบาท 
  • กำไร ไตรมาส 1/67 ที่ 8,451.05 ล้านบาท

6.บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) TRUE

  • มูลค่าสุทธิของกิจการ 903,544.39 ล้านบาท 
  • มาร์เก็ตแคป 293,692.86 ล้านบาท
  • EBITDA 23,582.07 ล้านบาท 
  • P/E - เท่า 
  • รายได้ ไตรมาส 1/67 ที่ 51,885.59 ล้านบาท 
  • กำไร ไตรมาส 1/67 ที่ -769.25 ล้านบาท

7.บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) PTTEP

  • มูลค่าสุทธิของกิจการ 868,365.87 ล้านบาท 
  • มาร์เก็ตแคป 617,332.73 ล้านบาท
  • EBITDA 58,859.26 ล้านบาท 
  • P/E 8.11 เท่า 
  • รายได้ ไตรมาส 1/67 ที่ 78,812.18 ล้านบาท 
  • กำไร ไตรมาส 1/67 ที่ 18,682.82 ล้านบาท

8.บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) GULF

  • มูลค่าสุทธิของกิจการ 817,483.98 ล้านบาท 
  • มาร์เก็ตแคป 495,725.59 ล้านบาท
  • EBITDA 8,081.17 ล้านบาท 
  • P/E 34.17 เท่า 
  • รายได้ ไตรมาส 1/67 ที่ 32,279.92 ล้านบาท 
  • กำไร ไตรมาส 1/67 ที่ 3,498.53 ล้านบาท

9. บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) CPF

  • มูลค่าสุทธิของกิจการ 817,233.84 ล้านบาท 
  • มาร์เก็ตแคป 189,305.29 ล้านบาท
  • EBITDA 16,528.38 ล้านบาท 
  • P/E - เท่า 
  • รายได้ ไตรมาส 1/67 ที่ 141,102.21 ล้านบาท 
  • กำไร ไตรมาส 1/67 ที่ 1,152.03 ล้านบาท

10.บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) SCC

  • มูลค่าสุทธิของกิจการ 805,143.55 ล้านบาท 
  • มาร์เก็ตแคป 298,800.00 ล้านบาท
  • EBITDA 14,295.82 ล้านบาท 
  • P/E 25.29 เท่า 
  • รายได้ ไตรมาส 1/67 ที่ 127,036.01 ล้านบาท 
  • กำไร ไตรมาส 1/67 ที่ 2,424.86 ล้านบาท

ประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด ให้ข้อมูลกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า มูลค่าสุทธิของกิจการ หรือ Enterprise Value เป็นการนำมาร์เก็ตแคป หรือมูลค่าตลาด + หนี้สินรวม - เงินสดรวม ก็จะเป็นมูลค่าของกิจการ หากจะมีการเทกกิจการเราต้องดูที่ Enterprise Value 

ทั้งนี้ เวลาที่นักลงทุนประเมินหุ้นตัวใดก็ตามว่า หุ้นตัวนี้จะสามารถผลิตเงินสดได้ในอัตราส่วนเท่าไหร่ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะดูกันเป็น ratio หรือ อัตราส่วน คือ EV/EBITDA ก็คือ Enterprise Value หารด้วยกำไรก่อนภาษี และดอกเบี้ยจ่าย บวกกับค่าเสื่อม และค่าจัดจำหน่าย โดยเงินสดนั้นมีมูลค่ากี่เท่าของมูลค่ากิจการที่หามาได้ในแต่ละปี ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 10 - 20 เท่า 

แต่อย่างไรก็ตาม หากยิ่งต่ำกว่า 10 -20 เท่าถือว่าดี เพราะนั้นแปลว่า Enterprise Value เมื่อเทียบกับเงินสด กิจการนั้น ๆ สามารถผลิตเงินสดได้เยอะ หากยิ่งต่ำนั่นหมายความว่า กิจการผลิตเงินสดได้สูงกว่า มูลค่าของกิจการ อย่างไรก็ดี Enterprise Value ใช้เป็นตัวชี้วัดความถูก - แพงของหุ้นนั้น ๆ ในกลุ่มเดียวกันได้ 

อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า มูลค่าสุทธิของกิจการเป็นการดูในลักษณะของธุรกิจที่เดียวกันในตลาดหุ้นนั้น นำมาเปรียบเทียบเป็นข้อมูลในการคัดเลือกหุ้นไทยว่า มีราคาแพงหรือถูก โดยคำนวณตาม amount ตาม absolute term และหากนำมูลค่าสุทธิของกิจการ มาหารกับจำนวนหุ้น คิดเป็นต่อหน่วยเท่าไหร่ ก็จะสามารถเปรียบเทียบข้ามกิจการได้ 

ขณะเดียวกัน มาร์เก็ตแคปเป็นการนำมูลค่ารวมของหุ้นมาคูณด้วยราคาหุ้น หรือเป็นมูลค่าที่ตลาดตีมูลค่าบริษัทนี้ว่าจะอยู่ที่เท่าไหร่ ซึ่งอาจจะไม่ได้มีมูลค่าที่บริษัทนั้นมีจริง ๆ ก็ได้ ซึ่งจะมีความผันแปรไปตามสภาวะเศรษฐกิจ อารมณ์ของนักลงทุนที่อาจจะมีขึ้น ลงได้ หากช่วงใดตลาดดีราคาก็อาจจะปรับสูงขึ้นมา ซึ่งไม่เกิี่ยวกับมูลค่าที่บริษัทมี

BangkokBizNews