วิเคราะห์ทองคำรอบเย็น 15 มีนาคม 2564รอบบ่ายวันนี้ไม่ได้วิเคราะห์เพราะยังใช้แผนการเทรดเดิมของภาคเช้าอยู่นะครับเลยไม่มี แต่สำหรับรอบเย็นก็มาตามนัดครับ
ทิศทางทองคำเย็นวันนี้
ทองคำช่วงเช้าวันนี้อ่อนตัวหลังการปรับขึ้นทดสอบจุดสูงสุดของวันที่ 1,733.92 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ก็ต้องสูญเสียช่วงบวกของราคาทำให้ราคาทองคำปรับตัวต่ำลงมาด้านล่างอีกรอบ ซึ่งยังทรงตัวได้ที่บริเวณ 1,719-1,724 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (แนว EMA200) ทองคำภาคเช้าทำระดับต่ำสุดของวันที่ 1,721.55 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปัจจัยกดดันราคาทองคำมาจากการปรับตัวขึ้นของดัชนีดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นรับข่าวความคาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อีกรอบ หลังการลงนามผ่านร่างกฎหมายโดย ปธน.โจ ไบเดน เมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราจะสังเกตุได้ว่าการปรับตัวลดลงของทองคำเวลานี้ค่อนข้างมีระยะที่จำกัดลง (Downside) อันเนื่องมาจากระยะนี้การปรับตัวขึ้นของดัชนีดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มจะลดลงไปได้บ้างแล้ว ปัจจัยสำคัญที่จะชี้ทิศทางทองคำได้นั้น อาจเหลือเพียงรายงานปัจจัยสำคัญๆ ในสัปดาห์หน้า และการประชุมของ FED ตลอดจนการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ และจีน ในรัฐอาลาสก้าวันที่ 18-19 มีนาคมนี้ ซึ่งถือว่าเป็นการพบกันครั้งแรกเลยหลังการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ นายโจ ไบเดน ก็ต้องเฝ้าติดตามสถานะการณ์เหล่านี้กันต่อไปครับ.... โดยความคิดเห็นส่วนตัวนั้นหากพิจารณาจากรอบใหญ่แล้ว ราคาทองคำยังเป็นเพียงแค่การปรับฐานอยู่ ยังไม่ชี้ชัดว่าจะกลับมาเป็นทิศทางขาขึ้นในช่วงเวลานี้ การปรับตัวขึ้นของทองคำอาจเป็นเพียงระยะสั้นๆ ซึ่งเราก็ต้องเฝ้าติดตามปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาหนุน หรือหาก bitcoin ปรับตัวลงอย่างรุนแรง ผมว่าทองคำจะกลับมาได้อีกครั้งแน่นอน ผมเอากราฟรายวันมาให้ดูเพื่อแสดงว่าการปรับตัวขึ้นก็ยังมีแรงขายทำกำไรอยู่ตลอดเวลา และมีรูปแบบแท่งเทียนที่กำลังสะท้อนถึงการกลับตัวของราคาอีกครั้ง หากราคาทองคำกราฟรายวันยังไม่สามารถผ่านแนว EMA20 ขึ้นไปได้
ประเมินทางเทคนิค ในระยะสั้นหากราคาทองคำยังมีแรงซื้อเข้ามาหนุนอย่างต่อเนื่องสลับกับการขายทำกำไรออกไปบ้าง แต่หากแรงซื้อที่ชัดเจนทำให้ทองคำยังทรงตัวได้ในแดนบวกก็จะทำให้เรามีโอกาสในการเห็นราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้อีกครั้ง ซึ่งประเมินว่าหากราคาทองคำยังอยู่ในแนวรับ 1,719-1,724 ดอลลาร์ต่อออนซ์อย่างแข็งแกร่ง ทองคำก็มีโอกาสสูงที่จะปรับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,740 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อีกรอบหนึ่ง
กลยุทธ์การเทรดทองคำเช้านี้
หาราคาทองคำทรงตัวเหนือบริเวณ 1,719-1,724 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และมีสัญญาปรับตัวขึ้น ให้เสี่ยงเปิด Long Position จากแนวบริเวณดังกล่าว (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำปรับตัวต่ำกว่า 1,710 ดอลลาร์ต่อออนซ์) พิจารณาทำกำไรบริเวณ 1,730-1,740 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวได้ สำหรับใครที่ติด Short Position เอาไว้ต่ำกว่า 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อราคาทองคำปรับอ่อนตัวลงไปแนวรับต่างๆ ให้พิจารณาปรับลดขนาดการลงทุนบางส่วนออกไปก่อน เพื่อปรับสมดุลย์พอร์ตการลงทุนช่วงที่ทองคำมีความผันผวนพอสมควร
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**การวิเคราะห์เป็นเพียงการตั้งค่าสมมุติฐานสถิติจากอดีตถึงความน่าจะเป็นในอนาคต ไม่ได้เป็นเครื่องมือการันตีการทำผลกำไรได้ถูกต้อง 100%
Xpowerteam
วิเคราะห์ทองคำรอบเย็นถึงค่ำวันที่ 12 มีนาคม 2564 ทองคำรอบเย็นถึงค่ำวันนี้ยังเผชิญกับแรงขายทองคำต่อเนื่องตลอดทั้งวัน
โดยราคาทองคำทำระดับต่ำสุดในช่วงเช้าที่บริเวณ 1,716.17 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และในช่วงเวลา 14:00 น. ทองคำก็ยังปรับตัวร่วงต่ำกว่าแนวรับแรกที่ 1,711-1,720 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งการปรับตัวต่ำต่อเนื่องของทองคำวันนี้ได้รับแรงกดดันจาการปรับตัวขึ้นของดัชนีดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ที่ได้ปรับตัวขึ้นอีกครั้งหลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ลงนามร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ที่มีชื่อเรียกว่า "American Rescue Plan Act of 2021" เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่การลดลงของทองคำก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง จากดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ก็ลดความร้อนแรงลงจากการปรับลงมาก่อนหน้า โดยนักลงทุนอาจเฝ้ารอดูปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้าที่ FED จะมีการประชุม และการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและจีนในรัฐอลาสก้าที่จะมีขึ้นในวันที่ 18-19 มีนาคมนี้ ซึ่งถือเป็นการพบกันเป็นครั้งแรกของสองประเทศภายหลังจากที่ปธน.โจ ไบเดนเข้ารับตำแหน่ง
ประเมินทางเทคนิคทองคำเย็นวันนี้ หากราคาทองคำสามารถทรงตัวได้ที่บริเวณ 1,703-1,699 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนวโน้มที่ทองคำจะปรับตัวขึ้นในระยะสั้นจากแรงซื้อที่เข้ามาอีกครั้ง ซึ่งอาจทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,716-1,711 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังการเปิด Long Position ในช่วงนี้ให้พิจารณาถึงขนาดการลงทุนฝั่ง Long ไว้ด้วย แม้อาจจะมีแรงซื้อเข้ามาบ้างแต่ก็อาจเป็นเพียงการขยับราคาในระยะสั้นเท่านั้น เพราะเมื่อทองขยับขึ้นมักจะมีแรงขายกดดันราคาทองคำสลับออกมาต่อเนื่อง
กลยุทธ์การเทรดทองคำ
หากราคาทองคำสามารถทรงตัวเหนือระดับราคาบริเวณ 1,703-1,699 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจพิจารณาเสี่ยงเปิด Long Position เน้นการทำกำไรระยะสั้นเท่านั้น พิจารณาปิดทำกำไรเมื่อราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,716-1,711 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากทองคำหลุดต่ำกว่า 1,699 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**การวิเคราะห์เป็นเพียงการตั้งค่าสมมุติฐานสถิติจากอดีตถึงความน่าจะเป็นในอนาคต ไม่ได้เป็นเครื่องมือการันตีการทำผลกำไรได้ถูกต้อง 100%
วิเคราะห์ทองคำศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2564วานนี้ทองคำปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่รอบ 6 วัน ที่ระดับ 1,739.75 ก่อนสูญเสียช่วงบวกไปหลังรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 712,000 ราย จากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 725,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย.63 ตัวเลขการว่างงานที่ลดลงสะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐได้ต่อเนื่องหลายสัปดาห์ จึงเป็นอีกปัจจัยกดดันทองคำปรับร่วงลงจากแนวต้าน 1,739 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในส่วนของตลาดหุ้นวานนี้ทั้งฝั่งยุโรปและอเมริกาก็พากันปิดบวก สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ก็สามารถฟื้นคืนขึ้นมาได้อีกครั้งหลังหลุด EMA200 วันลงไปสู่ระดับ 1.475% ก่อนปรับขึ้นมาได้ที่ระดับ 1.542% ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ10 ปี กลับมายืนเหนือ EMA200 ได้อีก สกุลเงินยูโรวานนี้ก็ช่วยผยุงราคาทองคำไม่ให้ร่วงหลุดจากระดับ 1,720 ดอลลาร์ โดย EURUSD ปรับตัวขึ้นเหนือ EMA200 วันได้อีกครั้งและทรงตัวบริเวณ 1.19877
ประเมินทางเทคนิค ทองคำได้ลดแรงบวกในช่วงเย็นวานนี้ ทำให้ไม่สามารถปรับขึ้นเหนือแนวต้าน 1,739-1,748 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ทำให้มีการเทขายทำกำไรออกมา เป็นเหตุให้ทองคำปรับลดลงสู่แนวรับบริเวณ 1,720-1,711 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากราคาทองคำยังสามารถทรงตัวเหนือบริเวณดังกล่าว อาจมีแนวโน้มที่ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,739-1,748 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อีกครั้งเช่นกัน แต่หากทองคำหลุดแนวรับ 1,711-1,720 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้นั้น ทองคำอาจจะย่อตัวลงไปที่แนวรับด้านล่างได้เช่นกัน ประเมินแนวรับแรกที่ 1,704-1,695 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การเทรดทองคำ
หากราคาทองคำยังสามารถทรงตัวเหนือบริเวณ 1,711-1,720 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้เสี่ยงเปิด Long Position โดยให้เน้นการทำกำไรระยะสั้นเท่านั้น ประเมินพิจารณาทำกำไรหากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,739-1,748 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ (ตัดขาดทุนหากทองคำปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1,711 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
และหากราคาทองคำหลุดจากแนว EMA200 วันกรอบรายชั่วโมง บริเวณ 1,711-1,720 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักลงทุนอาจเสี่ยงเปิด Short Position อีกครั้ง แต่ให้เน้นการเข้าเก็งกำไรระยะสั้นในรอบเท่านั้น พิจารณาปิดทำกำไรหรือซื้อคืนหากราคาทองคำไม่สามารถปรับหลุดต่ำกว่า 1,699-1,704 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากสามารถปรับตัวต่ำได้อีกก็ให้ชะลอการปิดทำกำไรลงไปก่อน ประเมินแนวรับถัดไปที่ 1,693 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนะนำสำหรับวันนี้ทองคำอาจมีการย่อตัวในช่วงแรกได้ ซึ่งหากเป็นการย่อในกรอบ 1,711-1,720 โอกาสที่จะปรับตัวขึ้นก็มีอยู่สูงพอสมควร การเพิ่มขนาดการลงทุนฝั่ง Long Position ให้เพิ่มขนาดการลงทุนในระยะสั้นเท่านั้น โดยไม่ควรเน้นการลงทุนฝั่งนี้สูงจนเกินไป เพราะหากมองในกรอบใหญ่จะยังคงเห็นภาพโอกาสตลาดทองคำยังมีทิศทางขาลงอยู่
กองทุน SPDR ปรับลดการถือครองลง -4.96 ตัน ปัจจุบันถือครองสุทธิ 1,055.27 ตัน
แนวรับแนวต้าน กรอบรายชั่วโมง
-------------------------------------
Support : 1,720 / 1,711 / 1,703
-------------------------------------
Resistance : 1,732 / 1,739 / 1,748
-------------------------------------
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
**การวิเคราะห์เป็นเพียงการตั้งค่าสมมุติฐานสถิติจากอดีตถึงความน่าจะเป็นในอนาคต ไม่ได้เป็นเครื่องมือการันตีการทำผลกำไรถูกต้อง 100%
วิเคราะห์ทองคำบ่ายวันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม 2564ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในภาคเช้าตามแรงซื้อต่อเนื่องจากวานนี้ โดยสามารถทำจุดสูงสุดระหว่างวันได้ที่ 1,735.73 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งปัจจัยหนุนให้แรงซื้อกลับเข้ามาสู่ตลาดทองคำหลักๆ คงหนีไม่ได้เลยจากการอ่อนค่าของดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาตลอดกาลของตลาดทองคำได้ปรับตัวอ่อนค่าลงจากเมื่อวานหลังการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) แบบเดือนต่อเดือน ของเดือนกุมภาพันธ์ ออกมาที่ระดับ 0.1% ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 0.2% เลยทำให้ดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวร่วงลง ช่วยหนุนราคาทองคำให้กลับฟื้นขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันได้อีกครั้ง (EMA200)ในกรอบรายชั่วโมง
ประเมินทางเทคนิค หากราคาทองคำยังไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 1,739-1,748 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจเกิดแรงขายทำกำไรออกมาที่บริเวณดังกล่าวได้อีกครั้ง ทำให้แนวโน้มทองคำอาจย่อตัวลงไปสู่แนวรับด้านล่างบริเวณ 1,720-1,711 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากราคาทองคำยังสามารถยืนเหนือหรือทรงตัวได้ที่บริเวณดังกล่าว อาจมีแรงซื้อเข้ามาหนุนให้ราคาทองคำปรับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,739-1,748 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง
กลยุทธ์การเทรดทองคำภาคบ่าย
หากราคาทองคำย่อตัวลงมาบริเวณ 1,720-1,711 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และสามารถทรงตัวได้ที่บริเวณดังกล่าว อาจเสี่ยงเปิด Long Position ที่บริเวณดังกล่าวโดยเน้นการลงทุนระยะสั้นเท่านั้น (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำหลุด 1,703 ดอลลาร์ต่อออนซ์) ประเมินพิจารณาทำกำไรหรือซื้อคืนทองคำที่บริเวณ 1,739-1,748 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากกรณีที่ราคาทองคำหลุดต่ำกว่าแนวรับแรกไปได้ ให้ชะลอการลงทุนออกไปก่อน โดยให้ไปรอซื้อคืนทองคำที่บริเวณแนวรับถัดไปี่ 1,704-1,699 ดอลลาร์ต่อออนซ์
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**การวิเคราะห์เป็นเพียงการตั้งสมมุติฐานค่าสถิติจากอดีตถึงความน่าจะเป็นในอนาคต ไม่ใช่เป็นเครื่องมือการันตีการทำผลกำไรได้ถูกต้อง 100%
วิเคราะห์ทองคำพฤหัสฯที่ 11 มีนาคม 2564วานนี้ราคาทองคำปรับขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน หรือ EMA200 ในกรอบรายชั่วโมงหลังประกาศค่าตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (Core CPI) แบบเดือนต่อเดือน ประจำเดือนกุมภาพันธ์ รายงานตัวเลขออกมา 0.1% ต่ำกว่าคาดการณ์ 0.2% ทำให้ดัชนีดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลดลง เป็นเหตุให้หนุนราคาทองคำพุ่งขึ้นจากบริเวณพักฐานจนสามารถยืนเหนือเส้น EMA200 วันในกรอบรายชั่วโมงสำเร็จ ทั้งนี้ถึงยังงัยภาพรวมของดัชนีดอลลาร์ก็ยังคงมีทิศทางขาขึ้น โดยหากดัชนีดอลลาร์ยังไม่ปรับตัวต่ำกว่า 91.65 ก็ยังมีแนวโน้มการกลับขึ้นไปได้อีก ในส่วนของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ก็เช่นกันแม้จะมีลักษณะการย่อลงมาบ้าง แต่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็ยังเป็นปัจจัยหนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีและดัชนีดอลลาร์ยังคงปรับตัวสูงขึ้นได้อีก นักลงทุนทองคำจึงยังต้องให้ความสำคัญในการติดตามการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี และดัชนีดอลลาร์ควบคู่ไปกับการลงทุนทองคำในเวลานี้
ประเมินทางเทคนิค หากราคาทองคำยังไม่สามารถขึ้นยืนเหนือแนวต้านบริเวณ 1,720-1,732 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจเกิดการอ่อนตัวจากการเทขายทำกำไรออกมา ซึ่งถ้าหากราคาทองคำยังไม่หลุดจากแนวรับบริเวณ 1,710-1,717 หรือทรงตัวได้ที่บริเวณดังกล่าว ก็ยังมีโอกาสที่ทองคำจะปรับขึ้นเพื่อกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,720-1,732 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้แนวระวังสำคัญก็คงเป็นแนวเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ราคาทองคำอาจวกกลับลงมาได้อีกเพื่อสะสมกำลังซื้อใหม่อีกรอบ ซึ่งถ้าทองคำสามารถทรงตัวได้ที่แนวรับ 1,710-1,717 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ประเมินได้ว่าแนวโน้มที่ทองคำจะขยับขึ้นทดสอบ 1,740-1,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์ก็มีโอกาสเป็นไปได้เช่นกัน
กลยุทธ์การเทรดทองคำ
หากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,720-1,732 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทองคำอาจย่อลงมาบริเวณ 1,710-1,717 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้เสี่ยงเปิด Long Position โดยเน้นการเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น ประเมินพิจารณาปิดทำกำไรหรือขายออกที่บริเวณแนวต้าน 1,732-1,740 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวได้ แต่หากทะลุผ่านไปได้ให้ชะลอการปิดทำกำไรบางส่วนไปก่อน แล้วรอแนวต้านถัดไปที่ 1,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับใครที่มี Short Position ไว้ในมือ ให้พิจารณาปรับลดขนาดการลงทุนเมื่อราคาทองคำปรับย่อตัวลงมาก่อนในเวลานี้ เพื่อปรับสมดุลย์พอร์ตที่อาจเกิดจากการแกว่งตังของราคาจากการปรับทิศของเทรนด์ใหญ่ที่กำลังจะมา
กองทุน SPDR ปรับลดการถือครองทองคำลง -1.75 ตัน ปัจจุบันถือครองสุทธิ 1,060.23 ตัน
แนวรับแนวต้านกรอบรายชั่วโมง
------------------------------------------
Support : 1,711 / 1,704 / 1,694
------------------------------------------
Resistance : 1,732 / 1,740 / 1,750
------------------------------------------
*การลงทุนทองคำมีความเสี่ยงสูง จึงควรใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
**การวิเคราะห์เป็นเพียงการตั้งค่าสมมุติฐานสถิติจากอดีตถึงความน่าจะเป็นในอนาคต ไม่ได้เป็นเครื่องมือการันตีผลกำไรถูกต้อง 100%
วิเคราะห์ทองคำพุธที่ 10 มีนาคม 2564 (ภาคบ่าย)ราคาทองคำช่วงเช้ายังทรงตัวเหนือ 1,714 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนปรับตัวย่อลงทดสอบแนวเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน (EMA20) ที่บริเวณ 1,710 ดอลลาร์ต่อออนซ์ กรอบรายชั่วโมง ซึ่งถือเป็นการฟื้นตัวขึ้นโดยมีกรอบการแกว่งตัวระหว่าง 1,710-1,719 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ดัชนีดอลลาร์ (DXY) ช่วงเช้าปรับตัวอ่อนค่าลงมาบ้าง โดยลดช่วงบวกที่ 92.50 จุดที่ทำไว้วานนี้ การฟื้นตัวของทองคำยังมาจากการเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นและการปรับแข็งค่าขึ้นของเงินสกุลยูโรเมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์ (EURUSD) จึงเข้ามากดดันให้ดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลดลง
แต่การปรับขึ้นของทองคำยังค่อนข้างอยู่ในระดับจำกัด ภายใต้ความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและทั่วโลก ทางด้านการฉีดวัคซีนโควิด-19 ก็กำลังดำเนินการอย่างต่อเนื่องทั่วโลกทั้งหมดนี้ก็ยังเป็นสาเหตุหลักๆ ที่ยังกดดันราคาทองคำเอาไว้ หากทองคำจะฟื้นตัวได้ชัดเจนนั้นต้องอาศัยปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาหนุนทองคำในเวลานี้เท่านั้น
ประเมินทางเทคนิคทองคำภาคบ่ายนี้ ยังคงทรงตัวเหนือ 1,714 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนวโน้มที่ทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นเพื่อทื่จะทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,724-1,730 เป็นบริเวณที่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน (EMA200) ในกรอบรายชั่วโมง และถ้าหากทองคำยังไม่สามารถขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านบริเวณดังกล่าว อาจเห็นการอ่อนตัวจากการเทขายทำกำไรออกมาทำให้ราคาทองคำปรับตัวต่ำลงไปที่แนวรับ 1,695-1,686 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อสะสมกำลังกลับขึ้นมาอีกครั้ง แต่ราคาจะต้องทรงตัวเหนือบริเวณแนวรับ 1,695-1,686 ดอลลาร์ต่อออนซ์อย่างชัดเจนก่อน
กลยุทธ์การเทรดทองคำภาคบ่าย
หากราคาทองคำยังสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,714-1,710 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้เสี่ยงเปิด Long Position เน้นการทำกำไรระยะสั้น พิจารณาปิดทำกำไรหรือขายออกทองคำหากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 1,724-1,730 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำหลุดต่ำกว่า 1,706 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**การวิเคราะห์เป็นเพียงการตั้งสมมุติฐานค่าสถิติจากอดีตถึงความน่าจะเป็นในอนาคต ไม่ได้เป็นเครื่องมือการรันตีการทำผลกำไรได้อย่างถูกต้อง 100%
ติดตามความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมได้ที่ twitter@XpowerT และ Fan page : trader74
วิเคราะห์ทองคำพุธที่ 10 มีนาคม 2564 (ภาคเช้า) สวัสดีทองคำวันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 นะครับ เมื่อคืนก็มีทั้งสมหวังและผิดหวัง ทั้งสบายใจและไม่สบายใจ ทั้งรอคอยอย่างมีความหวัง และท้อแท้อย่างเลื่อนลอย ก็เป็นธรรมดาของโลกเราละครับทุกๆ จังหวะชีวิตเรามีสิทธิ์เลือกได้เพียงด้านเดียวเท่านั้น วานนี้ทองคำพุ่งขึ้นกว่า 20 ดอลลาร์ แตะระดับสูงสุดที่ 1,720.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนปรับลดช่วงบวกทรงตัวเหนือบริเวณ 1,714 ดอลลาต่อออนซ์
สรุปราคาทองคำวานนี้เปิดตลาดที่ 1,683.17 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปิดตลาดที่ 1,715.75 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำจุดสูงสุดในวันที่ระดับ1,720.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และจุดต่ำสุดในวันที่ระดับ 1,680.02 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ราคาทองคำปรับตัวหนุนสูงขึ้น ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี และดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับตัวอ่อนค่าลง เป็นผลให้ทองคำปรับตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน และจากการเข้าแทรกแซงตลาดหุ้นจีนของรัฐบาลจีนนั้นก็ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มกังวลและแห่เข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย อีกกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาซื้อเก็บทองคำวานนี้คือพวกเก็งกำไรระยะสั้นจากราคาทองคำที่ถูกลง ทำให้เพิ่มโอกาสการลงทุนได้มากขึ้น
ดัชนีดอลลาร์ (DXY)วานนี้ปิดที่ 91.971$ หรือ -0.342 (-0.37%) เป็นการปรับลดลงในรอบ 4 วัน ในส่วนของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี (US10Y) ก็ปรับลดลงแต่ระดับ 1.528 หรือ -0.071(-4.46%) เป็นการปรับลดในรอบ 4 วันเช่นกัน เมื่อพิจารณาแล้วเรายังมองการลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี (US10Y) และดัชนีดอลลาร์ (DXY) ยังคงมีทิศทางปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งอยู่ ซึ่งหากทองคำยังไม่สามารถปรับขึ้นเหนือ Supply zone ใหญ่ที่ 1,740-1,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนวโน้มทองคำยังเป็นทิศทางของลงอยู่สำหรับเทรนด์ใหญ่
ประเมินทางเทคนิค ขณะนี้ถ้าเราพิจารณาจากกรอบใหญ่รายวันจะเห็นได้ว่าทองคำได้ขยับขึ้นเหนือระดับ Oversold ใน RSI 14 วันแล้ว และแนวทางการปรับขึ้นเราจะเห็นจุดสำคัญที่เป็นแนวต้านหลักใกล้ๆ แนวเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน (Exponential Moving Average Period 20 day) แนวบริเวณนั้นจะเป็นระดับ 1,738-1,740 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งถือว่าน่าสนใจทีเดียวที่เราจะเฝ้าติดตามบริเวณดังกล่าวไว้ ซึ่งหากมันสามารถปรับขึ้นจนหลุดแนวต้านบริเวณดังกล่าว ก็มีโอกาสที่ทองคำจะปรับตัวขึ้นถึงบริเวณ 1,774 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับวันนี้หากทองคำยังสามารถทรงตัวเหนือแนวรับบริเวณ 1,706-1,714 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจมีการขยับขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,740-1,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยระหว่างนั้นต้องเฝ้าสังเกตแถวบริเวณ 1,720-1,724 ดอลลาร์ต่อออนซ์ บริเวณนั้นเป็นเแนวเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน (EMA200 = Exponential Moving Average 200 day) ในกรอบรายชั่วโมง ว่าทองคำจะผ่านแนวดังกล่าวได้หรือไม่ หากผ่านขึ้นไปได้ก็มีโอกาสที่จะขึ้นทดสอบต่อแนวต้าน 1,740-1,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การเทรดทองคำภาคเช้าวันนี้
- BUY (Short-term) หากราคาทรงตัวเหนือ 1,706-1,714 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจเสี่ยงเปิด Long Position เหนือ 1,714 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยพิจารณาทำกำไรหรือขายออกที่บริเวณ 1,724-1,730 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากทองคำยังขยับขึ้นเหนือแนวปิดทำกำไรดังกล่าว ให้ชะลอการปิดกำไรบางส่วนออกไปก่อน แนวต้านถัดไปที่บริเวณ 1,740 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำหลุดต่ำกว่า 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
- SELL (Short-term) หากราคาทองคำวันนี้ไม่สามารถปรับขึ้นเหนือแนวต้าน 1,724-1,730 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้เสี่ยงเปิด Short Position โดยเน้นขนาดการลงทุนระยะสั้น และพิจารณาปิดทำกำไรที่บริเวณ 1,700-1,706 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาทองคำยังปรับตัวต่ำต่อเนื่อง อาจชะลอการปิดทำกำไรหรือเข้าซื้อคืนทองคำออกไปก่อน โดยแนวรับถัดไปบริเวณ 1,676-1,685 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำปรับขึ้นเหนือ 1,740 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
แนะนำนักลงทุนให้ปรับลดขนาดการลงทุนฝั่ง Short ลงก่อน เนื่องจากวันนี้เราต้องเฝ้าติดตามว่าทองคำจะปรับขึ้นทดสอบแนวเส้น EMA200 วันได้หรือไม่ ระหว่างนั้นอาจมีการปรับฐานบ้างในกรอบระหว่าง 1,706-1,714 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จึงควรพิจารณาการลงทุนฝั่ง Short ให้รอบคอบและเลือกจังหวะที่ราคาปรับหลุดต่ำกว่า 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับแนวต้านกรอบรายชั่วโมง
-----------------------------------------
Support : 1,706 / 1,695 / 1,676
-----------------------------------------
Resistance : 1,724 / 1,730 / 1,740
-----------------------------------------
กองทุน SPDR ปรับลดการถือครองทองคำลง -1.46 ตัน ปัจจุบันถือครองสุทธิ 1,061.98 ตัน
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาญให้รอบคอบก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**การวิเคราะห์เป็นเพียงสมมุติฐานค่าสถิติจากอดีตถึงความน่าจะเป็นในอนาคต ไม่ใช่เป็นเครื่องมือการันตีการทำผลกำไรได้ถูกต้อง 100%
วิเคราะห์ทองคำอังคารที่ 9 มีนาคม 2564 ภาคเช้าตลาดทองคำวานนี้
- Open 1,700.06 $/Onz.
- Close 1,683.17 $/Onz.
- High 1,714.18 $/Onz.
- Low 1,676.69 $/Onz.
--------------------------------------------------------------
เรียกได้ว่าชาวดอยนอนเซ็งกันไปตามๆ กัน เมื่อทองคำฟื้นตัวกลับมาได้เพียงแค่วันเดียวก่อนร่วงหลุด 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แบบเห็นการพลิกกลับฟื้นตัวได้ริบหรี่ทีเดียว ช่วงเช้าวานนี้ราคาทองคำฟื้นตัวเหนือ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ก็ต้องเจอกับแรงขายทำกำไรออกมาจนหลุด 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีและดอลลาร์ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง ค่าเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐขยับแข็งค่าขึ้นในรอบ 3 เดือน ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ปิเหนือจุดสูงสุดในรอบ 1 ปี สร้างแรงกดดันต่อทองคำให้ปรับตัวต่ำลง นักวิเคราะห์ออกมาเตือนหากทองคำหลุด 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เสี่ยงต่อการปรับฐานต่อ แต่ถ้าราคาทองคำสามารถวิ่งเหนือทะลุ 1,760-1,776 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โอกาสที่จะพลิกเทรนด์เป็นขาขึ้นก็ยังมีอยู่
ทองคำในระยะกลางมีสัญญาณการแกว่งตัวลดลง แม้ทองจะเผชิญกับเศรษฐกิจสหรัฐที่ฟื้นตัวดีขึ้น จนหนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น แต่ในระยะสั้นทองคำยังมีโอกาสดีดตัวกลับจากแรงซื้อทางกายภาพของผู้ค้าผลิตเครื่องประดับทองคำและนักลงทุนอินเดียและจีน ที่มักจะเข้าซื้อทองคำเมื่อราคาอยู่ในจุดที่เหมาะสม อาจเป็นสาเหตุให้ช่วยหนุนราคาทองคำได้บ้างยามนี้ ส่วนกองทุน SPDR แม้จะมีการเข้าซื้อบ้างบางส่วน แต่ภาพรวมก็ยังเป็นการเทขายต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีกว่า 100 ตัน
ทองคำแม้จะมีการปรับขึ้นได้บ้าง แต่ก็จะมีแรงขายสลับออกมาทำกำไรเช่นกัน และจากท่าทีของเฟดก็ดูเหมือนจะพอใจกับสถานการณ์ปัจจุบันอยู่ อาจเลี่ยงไม่ได้ที่ราคาทองคำอาจจะดิ่งลงจากระดับปัจจุบันได้อีก และอาจลึกไปถึง 1,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในอีกไม่นานก็เป็นได้ หากสถานการณ์ตลาดทองคำยังเป็นเช่นนี้อีก
ประเมินทางเทคนิค ทองคำวันนี้ หากยังไม่สามารถขึ้นยืนเหนือบริเวณ 1,695-1,705 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนวโน้มทองคำอาจปรับตัวต่ำได้อีกรอบ ซึ่งในรอบนี้แนวรับจะลึกลงไปที่บริเวณ 1,666-1,677ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในภาคเช้าเราอาจได้เห็นการปรับตัวขึ้นของทองคำได้บ้าง ซึ่งก็ต้องติดตามว่าจะสามารถหลุดแนวต้านแถวๆ 1,695 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้หรือไม่ แนะนำให้นักลงทุนเฝ้าติดตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีและดัชนีดอลลาร์สหรัฐคู่ขนานไปกับการเทรดทองคำในเวลานี้
กลยุทธ์การเทรดทองคำ
หากราคาทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,695-1,705 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวได้ แนะนำให้เสี่ยงเปิดขายที่บริเวณดังกล่าว โดยเน้นการเข้าเก็งกำไรระยะสั้น พิจารณาปิดทำกำไรที่แนวรับ 1,666 - 1,677 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากทองคำสามารถผ่านแนวรับดังกล่าวได้ก็ให้ชะลอการปิดทำกำไรหรือเข้าซื้อคืนไปก่อน ประเมินแนวรับถัดไปที่ 1,653 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภาพรวมเทรนด์ใหญ่ยังเป็นขาลง จึงแนะนำให้นักลงทุนหาจังหวะเปิดคำสั่งซื้อขายฝั่ง "Short" เป็นหลักเพื่อรักษาสมดุลย์พอร์ตลงทุน (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำหลุด 1,695 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
กองทุน SPDR ปรับลดการถือครองลง -5.82 ตัน ปัจจุบันถือครองทั้งสิ้น 1,063.44 ตัน
แนวรับ แนวต้าน กรอบรายชั่วโมง
--------------------------------------
Support : 1,677 / 1,666 / 1,653
--------------------------------------
Resistance : 1,684 / 1,695 / 1,705
--------------------------------------
*การลงทุนทองคำมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**การวิเคราะห์เป็นเพียงสมมุติฐานค่าสถิติจากอดีตถึงความน่าจะเป็นในอนาคต ไม่ใช่เป็นเครื่องมือการันตีการทำกำไรได้ถูกต้อง 100% เสมอไป
วิเคราะห์ทองคำภาคค่ำ 8 มีนาคม 2564ทองคำภาคกลางวันนี้ไม่สามารถปรับผ่านแนวต้านบริเวณ 1,703-1,709 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ยังพุ่งขี้นต่อเนื่อง แม้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาจะมีข่าวการผ่านความเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์จากวุฒิสภาก็ตาม ก็ไม่ได้สร้างแรงผันผวนต่อดอลลาร์เท่าที่ควร อาจเนื่องข่าวดังกล่าวตลาดได้รับทราบมาพอสมควรก่อนหน้านี้แล้ว จึงไม่ได้สร้างความประหลาดใจหรือวิตกกังวลถึงข่าวดังกล่าว แต่กลับพุ่งขึ้นต่อเนื่องหลังรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้ดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐได้ขยับขึ้นทำจุดสูงใหม่ ทองคำจึงต้องอาศัยปัจจัยใหม่ๆ เพื่อหนุนให้กลับไปในฝั่งบวกเท่านั้น โดยแนวรับที่น่าสนใจเข้าซื้อจริงๆ ของทองคำจะอยู่แถว 1,683-1689 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ภาพรวมกรอบใหญ่ทองคำยังมีทิศทางขาลงที่ชัดเจนอยู่พอสมควร เราจึงไม่กล้าฟันธงว่าควรเข้าซื้อที่บริเวณดังกล่าวได้หรือไม่
คำแนะนำการเทรดทองคำภาคค่ำ
BUY (LONG POSITION) หากทองคำสามารถยืนทรงตัวเหนือแนวรับบริเวณ 1,683-1,689 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจมีแนวโน้มที่ทองคำจะปรับตัวขึ้นในระยะสั้นๆ ให้เสี่ยงเปิดคำสั่งซื้อที่บริเวณดังกล่าว ซึ่งยังให้เน้นการเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น โดยพิจารณาปิดทำกำไรหรือขายออกที่แนวต้านบริเวณ 1,703-1,709 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับการเทรดฝั่ง BUY ให้ระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะภาพเทรนด์ใหญ่ยังเป็นทิศทางขาลงที่ชัดเจนอยู่ แต่จะปรับขึ้นได้บ้างในกรอบเล็กเพื่อปรับฐานราคาในแต่ละช่วงของจังหวะการซื้อขาย (ตัดขาดทุนหากทองคำหลุดต่ำกว่า 1,683 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
SELL (SHORT POSITION)
Idea 1. หากทองคำหลุด 1,683-1,689 ดอลลาร์ต่อออนซ์ลงมาให้เสี่ยงขายระยะสั้นจากแนวดังกล่าว โดยพิจารณาปิดกำไรที่แนวรับ 1,674-1,670 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุดแนวต้าน 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
Idea 2. รอราคาปรับฐานปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,703-1,709 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถ้าหากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าว ให้เสี่ยงขายที่บริเวณดังกล่าว โดยเน้นการเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น ให้พิจารณาทำกำไรที่แนวรับบริเวณ 1,683-1,689 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากหลุดแนวรับดังกล่าวได้ให้ชะลอการปิดทำกำไรไปก่อน โดยแนวรับถัดไปจะเป็นบริเวณ 1,670-1,674 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำปรับขึ้นเหนือ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
**คำเตือนการลงทุนทองคำในเวลานี้ ทิศทางทองคำกรอบใหญ่ยังมีทิศทางขาลงที่ชัดเจนพอสมควร นักลงทุนจึงควรเน้นการลงทุนในฝั่งขายเป็นหลัก สำหรับการเข้าซื้อยังสามารถทำได้เมื่อมีการปรับฐานราคาแต่จะเป็นการเน้นให้กำไรระยะสั้นเท่านั้น นักลงทุนควรติดตามความเคลื่อนไหวของดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีคู่ขนานกับการตัดสินใจลงทุนทองคำในขณะนี้
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารญาณให้รอบคอบก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**การวิเคราะห์เป็นเพียงการตั้งค่าสมมุติฐานค่าสถิติในอดีตถึงความน่าจะเป็นต่อไปในอนาคต ไม่ได้เป็นเครื่องมือการันตีความถูกต้องในการลงทุน 100%
วิเคราะห์ทองคำจันทร์ที่ 8 มีนาคม 2564ทองคำปิดตลาดเมื่อคืนวันที่ 5 มีนาคม 2564 ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน หลุดแนวรับระดับ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากผลกระทบของการแข็งค่าสกุลเงินดอลลาร์และการดีดขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ หลังรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ออกมาแข็งแกร่งเกินคาด
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมองเดือนเมษายน ลดลง 2.2 ดอลลาร์หรือร้อยละ 0.13% ปิดที่ระดับ 1,698.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นการปิดที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ 5 มิถุนายน 2563 และในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาสัญญาทองคำปรับลดลงกว่า 1.8%
จากคืนวันศุกร์ทองคำได้ถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐและดัชนีดอลลาร์ที่ปรับตัวขึ้นขานรับรายงาน NFP ในคืนวันศุกร์ที่ออกมาแข็งแกร่งเกิดคาดโดยเพิ่มขึ้น 379,000 ตำแหน่ง ในเดือนกุมภาพันธ์ สูงกว่าที่คาดการไว้ที่ 210,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานปรับลดลง 6.2% จากคาดการณ์ที่ 6.3% ของเดือนกุมภาพันธ์ ทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ที่พุ่งแตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 1 ปี ที่ระดับ 1.626% นอกจากนี้ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินหลักในตระกล้าเงินก็เพิ่มขึ้น 0.39% แตะระดับ 91.9835 ซึ่งเป็นการแข็งค่าทำให้ทองคำถูกลดทอนความน่าสนใจจากนักลงทุน
ประเมินทางเทคนิควันนี้ทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นในระยะสั้นจากการปรับฐานราคาของดอลลาร์ที่ติดแนวต้าน 91.74 ดอลลาร์ หากทองคำยังทรงตัวเหนือแนวรับ 1,703-1,709 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนวโน้มทองคำก็มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ในระยะสั้น ให้นักลงทุนเฝ้าติดตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี คู่ขนานกับการลงทุน ในส่วนของดอลลาร์อาจได้รับผลกระทบจากมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ที่จะออกเป็นกฏหมายต่อไปในสัปดาห์นี้ ก็จะส่งผลดีต่อทองคำให้ปรับตัวขึ้นได้
กลยุทธ์การเทรดทองคำวันนี้
หากทองคำสามารถทรงตัวเหนือแนวรับ 1,703-1,709 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้นั้น ให้เสี่ยงซื้อที่บริเวณดังกล่าวโดยเน้นการเข้าเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้นตามการปรับขึ้นในแต่ละรอบ ประเมินปิดทำกำไรหรือขายทองคำที่บริเวณแนวต้าน 1,709-1,718 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากทองคำสามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวไปได้ก็ให้ชะลอการปิดทำกำไรหรือขายออกทองคำออกไปก่อน แนวต้านถัดไปที่ 1,730 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ตัดขาดทุนหากทองคำปรับตัวต่ำกว่าแนวรับ 1,683 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
กองทุน SPDR ปรับลดการถือครองทองคำลง -9.04 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,069.26 ตัน
แนวรับแนวต้าน กรอบรายชั่วโมง
Support : 1,703 / 1,689 / 1,670
-------------------------------------
Resistance : 1,709 / 1,726 / 1,730
-------------------------------------
วิเคราะห์ทองคำศุกร์ที่ 5 มีนาคม 2564ทองคำวานนี้ปิดร่วง 15.1 ดอลลาร์ ภายใต้การกดดันของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ยังพุ่งขึ้นไม่หยุด
ทองคำปรับร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือนคืนวานนี้ โดยถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond Yield 10 Year) หลังประธานเฟดได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ ราคาทองคำปิดตลาดที่ 1,707.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ร่วงลง 15.1 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือ -0.88% ซึ่งถือว่าเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย.63 เมื่อคืนนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับขึ้นแตะระดับ 1.541% การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนหันกลับเข้ามาซื้อพันธบัตรกันอีกครั้ง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ พุ่งขึ้นหลังนายเจอโรม พาวเวลได้กล่าวว่าการที่สหรัฐฯ กลับมาเปิดเศรษฐกิจหลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ จะทำให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้น ซึ่งก็ยังมองว่าการปรับของเงินเฟ้อครั้งนี้ จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว และยังไม่มีความรุนแรงเพียงพอที่จะทำให้เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลานี้ อีกผลกระทบมาจากการแข็งค่าของดัชนีดอลลาร์ที่ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 91.62 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 0.75% เมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินหลักในตลาดปริวรรตเงินตรา ส่วนในด้านฝั่งของวัคซีนโควิด-19 ก็มีความคืบหน้ามากการฉีดวัคซีนในวงกว้างจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวได้รวดเร็วขึ้น ขณะที่นักลงทุนเองก็ยังเฝ้าติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยสภาผู้แทนราษฏรได้ลงมติให้ความเห็นชอบในมาตรการดังกล่าว ก่อนส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณาต่อเพื่อนำส่งให้ ปธน.โจ ไบเดน ลงนามรับรองกฎหมายต่อไป
ประเมินทางเทคนิค หากราคาทองคำยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นไปเหนือแนวต้านบริเวร 1,702-1,709 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทองคำอาจมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงต่ำ โดยมีแนวรับบริเวณ 1,683-1,689 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ให้ติดตามการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ กับดัชนีดอลลาร์อย่างใกล้ชิดคู่ขนานกับการเทรดทองคำ
คำแนะนำการเทรดทองคำ
หากราคาทองคำยังไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,702-1,709 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้เสี่ยงเปิดขายที่บริเวณดังกล่าว โดยเน้นการเก็งกำไระยะสั้นเท่านั้น พิจารณาปิดทำกำไรหรือซื้อคืนทองคำบริเวณแนวรับ 1,683-1,689 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากทองคำหลุดแนวรับดังกล่าวให้ชะลอการปิดทำกำไรหรือซื้อคืนทองคำไปก่อน โดยให้เฝ้าระวังที่แนวรับถัดไป 1,670 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับแนวต้าน ทองคำวันนี้ (กรอบรายชั่วโมง)
Support : 1,689 / 1,683 / 1,670
------------------------------------------
Resistance : 1,702 / 1,719 / 1,730
------------------------------------------
กองทุน SPDR ปรับลดการถือครองทองคำ -4.08 ตัน และยังถือครองสุทธิทั้งสิ้น 1,078.30 ตัน
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**การวิเคราะห์เป็นเพียงสมมุติฐานค่าสถิติจากอดีตถึงความน่าจะเป็นในปัจจุบันและอนาคต ไม่ได้เป็นเครื่องมือการันตีการทำผลกำไร 100%
วิเคราะห์ทองคำภาคบ่าย 4 มีนาคม 2564 (ปรับแผนใหม่)ทองภาคบ่ายเริ่มขยับตัวได้บ้างแต่ก็ยังเป็นการขยับตามแรงซื้อที่ไม่ชัดเจนมากนัก ทั้งแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ อายุ 10 ปี (Bond Yield 10 year) และดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (Dollar Index) ที่ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (Bond Yield 10 Year) ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นเพื่อทดสอบระดับสูงสุดก่อนหน้าที่ 1.563% และดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ (Dollar Index) ซึ่งยังมีแนวโน้มขยับขึ้นอยู่ ขณะที่เขียนบทวิเคราะห์ดอลลาร์ยังคงทรงตัวเหนือ 90 ดอลลาร์ ใกล้ๆ 91 ดอลลาร์ ก็ต้องติดตามผลการประกาศตัวเลขจำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก รายสัปดาห์ในคำ่คืนนี้กัน ยังมีอีกข่าวใหญ่ที่อาจสร้างความผันผวนกับดอลลาร์ได้ หากเป็นสถานะการณ์ที่เกิดขึ้นจริง คือข่าวจากสำนักข่าวกรองสหรัฐฯ ออกมาระบุว่าวันนี้จะมีกลุ่มติดอาวุธเข้ายึดอาคารรัฐสภา โดยกลุ่มติดอาวุธดังกล่าวถูกผลักดันจากทฤษฎีสมคบคิดที่ว่า อดีต ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ จะกลับมามีอำนาจวันที่ 4 มีนาคม 2564 ก็ต้องติดตามเรื่องนี้ด้วยครับ
ประเมินทางเทคนิค คาดว่าหากทองคำสามารถขยับขึ้นเหนือ 1,730-1,740 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจทำให้ทองคำขยับขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,760-1,774 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้อีกครั้ง แต่หากแรงซื้อยังจำกัด หรือสถานะการณ์ดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ยังปรับขึ้นต่อเนื่องได้นั้น ทองคำก็จะเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1,740 ดอลลาร์ต่ออไป
คำแนะนำการเทรดทองคำบ่ายถึงช่วงก่อนคำ่
หากราคาทองคำยังไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 1,726-1,730 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้เสี่ยงเปิดสถานะขาย (Short) ที่บริเวณดังกล่าว โดยเน้นการเข้าเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น พิจารณาปิดทำกำไรหรือเข้าซื้อคืนที่บริเวณแนวรับ 1,702-1,710 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากยังคงปรับตัวต่ำจนหลุดแนวรับดังกล่าว ให้ชะลอการปิดทำกำไรและเข้าซื้อคืนไปก่อน แนวรับถัดไปคือ 1,685 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำปรับขึ้นเหนือแนวต้าน 1,740 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**การวิเคราะห์เป็นเพียงสมมุติฐานค่าทางสถิติในอดีตถึงความน่าจะเป็นในปัจจุบันและอนาคต ไม่ใช่เครื่องมือการันตีการทำผลกำไร 100%
วิเคราะห์ทองคำพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม 2564เมื่อคืนนี้เป็นอีกวันที่ทองคำได้ถูกกดดันจนปรับร่วงกว่า 17.8 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปิดตลาดทองคำที่ระดับราคา 1,715.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ -1.03% เป็นการปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2563 การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ อายุ 10 ปีอีกครั้งเมื่อคืนนี้ที่ระดับ 1.47% ทำให้กดดันทองคำอีกครั้งหลังนักลงทุนได้หันเข้าซื้อพันธบัตรสหรัฐกัน นักวิเคราะห์กล่าวว่า "การปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี (Bond Yield 10 Year) เมื่อคืนนี้จะทำให้นักลงทุนหันมาให้ความสนใจในการเข้าซื้อพันธบัตรสหรัฐกันอีกครั้ง" และในส่วนของดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) เมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินหลักในตลาดปริวรรตเงินตรานั้น ดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 90.94 ดอลลาร์ ปรับเพิ่มขึ้น +0.19% และอีกประเด็นเมื่อคืนนี้ที่ทำให้ทองคำปรับร่วงอีกครั้งมาจากรายงานความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของสหรัฐฯ โดยนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกมาบอกว่า "ชาวอเมริกันที่เป็นผู้ใหญ่จะได้รับวัคซีนโควิด-19 กันทุกคนภายในเดือนพฤษภาคม ปีนี้ ซึ่งเป็นกำหนดการที่เร็วกว่าคาดการณ์เดิมถึง 2 เดือน ซึ่งในการฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นวงกว้างเช่นนี้จะช่วยทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯ กลับมาฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
สำหรับปัจจัยทางเทคนิควันนี้ ประเมินว่าหากราคาไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 1,717-1,722 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นแนวต้านระยะสั้น โอกาสที่ทองคำอาจจะปรับตัวร่วงลงมาสู่แนวรับบริเวณ 1,707-1,710 ดอลลลาร์ต่อออนซ์ ได้อีกครั้ง ทั้งนี้ให้ติดตามการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี (Bond Yield 10 Year) และดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (Dollar Index) อย่างใกล้ชิดคู่ขนาดกับการเคลื่อนไหวทองคำ เพราะมีผลโดยตรงต่อการปรับเปลี่ยนทิศทางทองคำในขณะนี้ สำหรับตัวเลขรายงานเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญคืนนี้ที่ต้องติดตามมี รายงานจำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (รายสัปดาห์) คาดการณ์ระดับ 750,000 ตำแหน่ง จากระดับก่อนหน้า 730,000 ตำแหน่ง
คำแนะนำการเทรดทองคำวันนี้
หากราคาทองคำไม่สามารถปรับตัวขึ้นเหนือแนวต้านบริเวณ 1,717-1,722 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้เสี่ยงขาย โดยเน้นการเก็งกำไรระยะสั้น เป้าหมายพิจารณาปิดทำกำไรหรือเข้าซื้อคืนทองคำประเมินที่บริเวณแนวรับ 1,707-1,710 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาทองคำยังปรับตัวลงต่ำกว่าแนวรับดังกล่าว ให้ชะลอการปิดทำกำไรหรือเข้าซื้อคืนทองคำไว้ก่อน สำหรับแนวรับถัดไปจะอยู่ที่ 1,683 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำปรับขึ้นสูงกว่าแนวต้าน 1,730 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
แนวรับ แนวต้าน ทองคำวันนี้ (กรอบรายชั่วโมง)
Support : 1,710 / 1,707 / 1,683
------------------------------------------------
Resistance : 1,717 / 1,730 / 1,740
------------------------------------------------
กองทุน SPDR ปรับลดการถือครองทองคำลง -4.74 ตัน ปัจจุบันถือครองสุทธิที่ 1,082.38 ตัน
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณอย่างรอบคอบก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**การวิเคราะห์เป็นเพียงสมมุติฐานค่าสถิติจากอดีตถึงความน่าจะเป็นในปัจจุบันและอนาคต ไม่ได้เป็นเครื่องมือการันตีการทำผลกำไรจากการลงทุน 100%
วิเคราะห์ทองคำพุธที่ 3 มีนาคม 2564สรุปทองคำวานนี้ปิดตลาดที่ระดับ 1,738.02 $/Onz. ปรับบวกเพิ่มขึ้น +13.50$/Onz. หรือ +0.78% ซึ่งเป็นการปิดบวกได้ในรอบ 5 วันก่อนหน้านี้
ทองคำวานนี้เปิดตลาดที่ 1,724.52 $/Onz. สามารถทำจุดสูงสุดระหว่างวันได้ที่ 1,739.04 $/Onz. และจุดต่ำสุดระหว่างวันที่ 1.707.11 $/Onz. ซึ่งทำให้ทองคำกลับมาปิดบวกได้อีกครั้งหลังการอ่อนค่าลงของ Bond Yield 10 Year และ Dollar Index นักลงทุนยังคงเฝ้าจับตาผลการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ จากวุฒิสภาของสหรัฐฯ หลังได้ผ่านร่างจากสภาผู้แทนฯ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 64 มานี้ และขณะเดียวกันเฟดก็ยังคงขอดูท่ามีรายงานการจ้างงาน และอัตราเงินเฟ้อก่อนที่จะปรับนโยบายการเงินใหม่หรือไม่ ทำให้ตลาดการเงินและการลงทุนช่วงนี้มีความผันผวนพอสมควร Bond Yield 10 Year เองวานนี้ก็ปรับตัวลงหลังได้รับคำเตือนจากจีนเกี่ยวกับการเกิดฟองสบู่ในตลาดการเงิน
ทางเทคนิคประเมินว่า ทองคำหากไม่สามารถปรับขึ้นเหนือระดับ 1,734-1,740 $/Onz. แนวโน้มทองคำอาจปรับตัวลงจากการขายทำกำไรระยะสั้นของนักลงทุนออกมา ทำให้ทองคำอาจปรับลงสู่แนวรับบริเวณ 1,730-1,717 (Demand Zone) ได้อีกครั้ง แต่หากว่าทองคำพุ่งทะลุกรอบ 1,734-1,740 $/Onz. ได้นั้นเราอาจมีโอกาสได้เห็นทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,760-1,774 (Supply Zone)
คำแนะนำการเทรดทองคำวันนี้
หากราคาทองคำถูกปฏิเสธราคาบริเวณ 1,734-1,740 $/Onz. ให้เสี่ยงขายที่บริเวณดังกล่าว โดยเน้นการเข้าเก็งกำไรระยะสั้น และพิจารณาปิดทำกำไรหรือเข้าซื้อคืนที่บริเวณแนวรับ 1,723-1,730 $/Onz. แต่หากราคาทองคำยังปรับตัวต่ำหลุดแนวรับดังกล่าวให้ชะลอการปิดทำกำไรและเข้าซื้อคืน โดยให้รอจังหวะที่แนวรับถัดไปบริเวณ 1,717-1,707 $/Onz. (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำหลุด 1,760 $/onz)
แนวรับแนวต้าน (Support & Resistance)
Support : 1,730 / 1,717 / 1,707
------------------------------------
Resistance : 1,740 / 1,760 / 1,774
------------------------------------
กองทุน SPDR มีสถานะการถือครองทองคำเพิ่มขึ้น +2.62 ตัน ปัจจุบันถือทองคำสุทธิ 1,087.12 ตัน
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**การวิเคราะห์เป็นเพียงสมมุติฐานค่าสถิติจากอดีตถึงความน่าจะเป็นในปัจจุบันและอนาคต ไม่ได้เป็นเครื่องมือการันตีผลกำไร 100%
วิเคราะห์ทองคำรอบเย็นถึงค่ำ 2 มีนาคม 2564เช้านี้ทองคำร่วงลงจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ (Dollar Index) ที่เปิดรับข่าวดีจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีเกินคาด โดยเฉพาะ ISM Manufacturing ที่พุ่งสูงสุดรอบ 3 ปี ในเดือน ก.พ. ทั้งนี้นักลงทุนยังเฝ้าติดตามนโยบายแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ที่ผ่านเข้าสู่วุฒิสภา และจะเริ่มมีการอภิปรายกันภายในสัปดาห์นี้ ทำให้สกุลเงินดอลลาร์ (Dollar Index) แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินหลัก เลยเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำให้ปรับตัวต่ำลงไปที่ระดับ 1,707.19 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทางเทคนิคประเมินทองคำ หากไม่สามารถผ่านแนวต้านระยะสั้น 1,730-1,740 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มีแนวโน้มว่าทองคำจะยังคงทิศทางขาลงอีก โดยประเมินแนวรับที่ระดับราคา 1,706 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ทั้งนั้นนักลงทุนต้องระมัดระวังการเข้าซื้อเก็งกำไรที่บริเวณแนวรับดังกล่าว อาจมีการเข้าซื้อเป็นปริมาณมากส่งผลให้ทองคำมีโอกาสปรับขึ้นสู่แนวต้าน 1,730-1,740 ดอลาร์ต่อออนซ์ ได้อีกครั้ง
คำแนะนำ
ถ้าหากทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,730-1,740 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะให้ขายเพื่อทำกำไรระยะสั้น (ตัดขาดทุนหากทองคำปรับขึ้นเหนือ 1,740 ดอลลาร์ต่อออนซ์) และให้รอซื้อคืนที่บริเวณแนวรับ 1,706 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากทองคำไม่หลุดจากแนวรับดังกล่าว แต่ถ้าหากหลุดแนวรับ 1,706 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ชะลอการปิดทำกำไร และรอการซื้อคืนที่แนวรับถัดไปบริเวณ 1,683 ดอลลาร์ต่อออนซ์
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**การวิเคราะห์เป็นเพียงสมมุติฐานค่าสถิติจากอดีตถึงความน่าจะเป็นของปัจจุบันและอนาคต ไม่ได้หมายเป็นเครื่องมือการันตีการทำผลกำไร 100%
วิเคราะห์ทองคำอังคารที่ 2 มีนาคม 2564ตลาดทองคำวานนี้เปิดตลาดที่ 1,734.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และปิดตลาดที่ 1,724.52 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยปรับลดลง -9.68 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ -0.56% ทองคำวานนี้ปรับตัวขึ้นในช่วงเช้ารับการอ่อนตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี (Bond Yield 10 Year) และดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ (Dollar Index) แต่ก็ไม่สามารถรักษาช่วงบวกราคาในระหว่างวันได้ ทองคำได้ปรับตัวลงต่ำหลังขึ้นทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จนทำให้ทองคำหลุดแนวรับ 1,730 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งการปรับลงต่ำของทองคำได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.455% จากระดับ 1.381%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี (Bond Yield 10 Year) ยังติดแนวต้านที่ระดับ 1.455% และทรงตัวที่บริเวณดังกล่าว โดยหากหลุดระดับ 1.380% เราอาจได้เห็นการปรับตัวลงต่ำได้ชัดเจนมากขึ้น สำหรับดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ (Dollar Index) ทรงตัวเหนือ 91 ดอลลาร์ หากมีการปรับตัวลงจาก 90.70 ดอลลาร์ ก็จะทำให้เห็นการปรับลงต่ำที่ชัดเจนมากขี้นเช่นกัน
ประเมินทางเทคนิคทองคำวันนี้ หากราคาทองคำไม่สามารถขึ้นยืนเหนือแนวต้านบริเวณ 1,730-1,738 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทองคำอาจปรับตัวลงต่ำสู่แนวรับ 1,717 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การเทรดทองคำวันนี้
หากทองคำปรับขึ้นสู่ระดับ 1,730-1,740 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวได้นั้นให้เสี่ยงเปิดสถานะ Short โดยเน้นการทำกำไรระยะสั้นเท่านั้น พิจารณาปิดทำกำไรที่บริเวณแนวรับ 1,717 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองคำยังสามารถปรับตัวลงต่ำได้อีกก็ให้ชะลอการปิดไปก่อน โดยแนวรับถัดไปที่ 1,706 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากทองคำปรับตัวขึ้นเหนือ 1,740 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
แนวรับ แนวต้าน (Support & Resistance)
Support : 1,717 / 1,706 / 1,683
--------------------------------------
Resistance : 1,730 / 1,740 / 1,760
--------------------------------------
กองทุน SPDR ปรับลดถือครองทองคำ -9.03 ตัน ปัจจุบันถือทองคำทั้งสิ้น 1,084.50 ตัน
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**การวิเคราะห์เป็นเพียงการตั้งสมมุติฐานค่าสถิติจากอดีตถึงความน่าจะเป็นในปัจจุบันและอนาคต จึงเป็นการการันตีโอกาสทำกำไรได้ 100%
โอกาสเทรดทองคำเย็นนี้ 1 มีนาคม 64ทองคำถ้ายังไม่ผ่าน 1,730-1,777 ขึ้นไปได้ก็มีโอกาสอ่อนตัวลงจากการถูกขายทำกำไรระยะสั้นสลับออกมา แม้ภาพรวมอาจเห็นการฟื้นตัวบ้างหลัง bond yield ปรับลดลงมาบ้าง ทั้งนี้หากไม่ผ่านก็ให้หาจุดเข้าตามแผนภาพที่แนบมานะครับ เป้าหมายกำไรก็ระบุไว้แล้ว... อย่าลืมวาง SL ด้วยทุกครั้งนะครับ อย่าปล่อยทนขาดทุนอันตรายครับ
วิเคราะห์ทองคำรายชั่วโมง 1 มีนาคม 2564 ภาคเช้าทองคำภาคเช้าปรับตัวขึ้นเพื่อปรับฐานราคาเล็กน้อย ประเมินว่าหากราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นเหนือระดับราคา 1,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้นั้น ทองคำอาจปรับตัวขึ้นต่อเพื่อทดสอบระดับ 1,788 ซึ่งใกล้กับบริเวณเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน (Moving Average 200 day) แต่หากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณดังกล่าวได้นั้น อาจเกิดการปล่อยขายทองคำออกมาจากการเก็งกำไรระยะสั้นกันอีกรอบ ทองคำอาจอ่อนตัวลงสู่แนวรับเดิมที่ระดับ 1,730 และ 1,717 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ให้เฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี (Bond Yield 10 Year) หากราคาปรับต่ำกว่า 1.386% ก็จะทำให้มีโอกาสปรับตัวต่ำได้อีกต่อเนื่อง แต่ถ้ายังยืนได้ที่บริเวณดังกล่าว ก็อาจปรับขึ้นสู่ระดับ 1.442% ได้อีกครั้ง หากเป็นเช่นนี้ก็จะถ่วงราคาทองคำให้ปรับต่ำได้อีก
TVC:US10Y NYSE:UA TVC:DXY
ในส่วนของดอลลาร์หากไม่สามารถปรับต่ำกว่า 90.703 ดอลลาร์ อาจมีการปรับขึ้นสู่ระดับ 90.973 ดอลลาร์ แต่หากต่ำกว่า 90.703 ดอลลาร์ มีโอกาสที่จะอ่อนตัวลงที่ 90.485 ดอลลาร์
วิเคราะห์ทองคำ 1-5 มีนาคม 2564สวัสดีทองคำสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม 64 ระหว่างวันที่ 1-5 มีนาคม 2564 ภาวะตลาดทองคำเมื่อวันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมาปรับตัวร่วงแรง 46.6 ดอลลาร์ เป็นเหตุมาจากดอลลาร์-บอนด์ยีนด์พุ่งทะยานฉุดราคาทองคำร่วงหนักบ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange)ส่งมอบเดือนเมษายน 2564 ร่วงลง 46.6 ดอลลาร์หรือ 2.62% ปิดตลาดที่ระดับราคา 1,728.8 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นการปิดต่ำสุดนับแต่เดือนมิถุนายน 2563 โดยรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาทองคำปรับร่วงลงราว 2.7% และในเดือนกุมภาพันธ์สัญญาทองคำร่วงลงกว่า 6.6% ซึ่งเป็นการร่วงในรายเดือนที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2559 มากสุดในรอบ 4 ปี
เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี(Bond Yield 10 year) ได้ลดทอนความต้องการซื้อทองคำของนักลงทุน เป็นการถ่วงราคาปิดที่ระดับต่ำสุด อัตราผลตอบแทนรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี (Bond Yield 10 Year) ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 1.451% ในวันศุกร์ หลังพุ่งแตะระดับสูงสุดที่ 1.614% ในวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา ในส่วนของดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ก็ได้แข็งค่าขึ้นในวันศุกร์ที่ผ่านมา มีผลถ่วงราคาทองคำให้ร่วงเช่นกัน เมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินหลักในตลาดปริวัตรเงินตรา ดอลลาร์ปรับขึ้น 0.82% สู่ระดับ 90.869 ในคืนวันศุกร์
สองกรณีดังกล่าวนั้นหากสัปดาห์นี้ยังทิศทางเป็นบวก ก็จะยังคงกดดันถ่วงราคาทองคำให้ร่วงต่อได้อีก แต่ส่วนตัวแล้วผมมองว่าจะเป็นกดดันทางคำแค่ในระยะสั้นเท่านั้น เพราะเมื่อเรามองภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในขณะนี้จะเห็นว่าตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆ ที่รายงานก่อนหน้าก็ออกมาดีเกินคาด ทั้งหากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากวงเงิน 1.9 ล้านล้านเหรียญที่จะได้รับอนุมัติเพื่ออัดฉีดเข้าสู่ระบบนั้น เราก็พอมองว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯจะฟื้นได้จากการที่ประชาชนร่วมจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น ทำให้คาดการว่าผลกระทบเงินเฟ้อในอนาคตนี้ต้องเกิดขึ้นแน่นอน จะเร็วสุดกลางปีนี้หรือช้าหน่อยต้นปีหน้าก็ตามเหตุผลเหล่านี้จะยังไม่เป็นปัจจัยเข้าหนุนทองคำได้เลยเวลานี้ เพราะเป็นเพียงสิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในภายหน้า แต่ยังไม่ได้เกิดในเหตุการณ์ปัจจุบัน
มาอีกกรณีที่จะไม่พูดเลยก็จะหาว่าตกเทรนด์อีก ก็คือการปรับตัวขึ้นพุ่งแรงของสกุลเงินดิจิตอลอย่าง Bitcoin (BTCUSD) ที่พุ่งทะยานถึง 58,354.14 ดอลลาร์ แม้ตอนนี้จะปรับตัวลงต่ำแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมองเป็นเพียงแค่การย่อเพื่อปรับฐาน ตราบที่ Bitcoin ยังไม่หลุด 42,000 ดอลลาร์ลงไป เรายังมองโอกาสว่าเป็นขาขึ้นต่อเนื่องได้อีก ในส่วนของ Ethereum (ETHUSD) ก็ไม่ได้ต่างโดยราคาได้ปรับย่อลงจากระดับสูงสุดที่ 2,040.62 ดอลลาร์ แต่หากไม่หลุด 1,382.63 ดอลลาร์ ก็ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีก ประเด็นนี้ทำให้นักลงทุนหันไปให้ความสนใจในสินทรัพย์สกุลเงินดิจิตอลมากขึ้น ทำให้ลดทอนความสนใจทองคำลงไปด้วย
ประเมินทางเทคนิค หากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 1,760-1,777 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ อาจเห็นการอ่อนตัวของราคาทองคำจากการทำกำไรระยะสั้นได้อีกครั้ง โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 1,730 และ 1,706 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นจุดรองรับราคาหากปรับตัวลดลงมา แต่หากราคาสามารถผ่านแนวต้าน 1,760-1,777 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขึ้นไปได้ เราประเมินแนวต้านก่อนจะขยับเหนือ 1,800 ได้อีกครั้งที่ระดับราคา 1,806 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับแนวต้าน กรอบรายวัน
Resistance : 1,760 / 1,777 / 1,806
----------------------------------
Support : 1,730 / 1,706 / 1,683
----------------------------------
สรุปปิดตลาดทองคำเดือนกุมภาพันธ์ปิดตลาดทองคำเดือนกุมภาพันธ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรียกว่าเดือนนี้ไม่หวมหวานเช่นเดือนแห่งความรักเอาเสียเลย ตามที่ผมได้เขียนไว้ก่อนหน้าแล้วว่าเดือนนี้ต้องปิดในแดนลบ แต่ก็ไม่นึกว่าจะลบลงได้ขนาดนี้ ทำเอาเตื่นมาถึงกับสะดุ้ง ก็ยังดีว่าเล่นไว้ฝั่ง Sell ตามแผน
ทองคำปิดตลาดแดนลบที่ระดับราคา 1,734.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (-35.75$ (-2.02%) โดยทองคำเปิดตลาดวานนี้ที่ราคา 1,769.95 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และได้ทำจุดสูงสุดใหม่ก่อนหน้า/ระหว่างวันที่ระดับ 1,775.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนจุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,717.16 ดอลลาร์ต่อออนซ์
การปรับตัวขึ้นของ Bond Yield 10 Year US. นั้นหลีกไม่ได้เลยที่จะมาเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำในระยะนี้ ซึ่งแม้ว่าวานนี้ Bond Yield 10 Year US. จะถอยลงมาจากจุดสูงสุดในรอบปีที่ 1.6% สู่ระดับ 1.40% (-0.108) แต่ก็ยังคงถือว่าเป็นระดับที่สูงอยู่ ในส่วนของดอลลาร์ทีอ่อนตัวตอนต้นของสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ก็กลับมาแข็งค่าได้หลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ค่อยรายงานมาล้วนออกมาสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ว่ากำลังฟื้นตัว ทองคำจึงปรับร่วงลงแรงจนเป็นเหตุให้ทองคำสร้างจุดต่ำสุดใหม่ได้ถึง 2 ครั้งในวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งการปรับฐานราคาลงต่ำนั้นท้ายของวันก่อนปิดตลาดราคาก็ rebound กลับมายืนเหนือแนว 1,730 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อีกครั้ง เป็นราคาปิดตลาดที่ 1,734.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
หากจะประเมินทางเทคนิคแล้วนั้นถ้าทองคำไม่โดนกดดันจาก Bond Yield 10 Year US. ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หรือดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นมาอีก ทองคำอาจจะสามารถตั้งฐานราคาใหม่ได้ใกล้ๆ 1,755 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อสะสมกำลังซื้อต่อไป
ส่วนจะถามว่าทองคำจะมีโอกาสฟื้นตัวได้เมื่อไหร่ เมื่อเราลองมาพิจารณาที่กรอบรายสัปดาห์จะเห็นได้ว่าราคาทองคำได้ปรับตัวลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน (Moving Average 50 Day) แล้ว และยังเคลื่อนตัวมาอยู่ในกรอบอุปสงค์ระหว่าง 1,684-1,742 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยพิจารณามองว่าหากราคายังคงมีแรงขายออกมาต่อเนื่องในสัปดาห์ต่อจากนี้ ก็มีลุ้นว่าสัปดาห์หน้าทองคำอาจเคลื่อนไหวลงใกล้ๆ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรืออาจหลุดไปถึง 1,684 ดอลลาร์ต่อออนซ์ก็เป็นได้ หากเป็นเช่นนี้ราคาทองคำมีโอกาสเคลื่อนไหวเข้าทดสอบแนวเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน (Moving Average 200 Day) ได้อย่างแน่นอน เมื่อเป็นแบบนี้ทองคำก็จะเข้าใกล้ระดับราคา 1,556 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าหากมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนราคาไว้ได้ ราคาทองคำต้องปรับฐานเหนือระดับ 1,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์ให้ได้ก่อน ถึงจะพอมองหาโอกาสว่าตลาดทองคำจะมีทุนเข้ามาหนุนราคาได้หรือไม่
ภาพรวม Bond Yield ตอนนี้นักลงทุนเองก็แห่กันเข้าถือครอง เมื่อเป็นเช่นนี้เราอาจเห็นการปรับตัวต่ำของอัตราผลตอบแทนได้ในไม่ช้า มันก็จะส่งผลดีต่อราคาทองคำต่อไปในอนาคต.....
เขียนโดย...
นที บุญญานุวัตร
ผู้ก่อตั้งกลุ่ม Xpower Bullish Team
วิเคราะห์ทองคำภาคคำ่ 26/02/64ทองคำภาคค่ำวันนี้ราคาทองคำขยับขึ้นเล็กน้อยจากการสร้างฐานราคาใหม่อีกครั้ง ทั้งนี้นักลงทุนในตลาดหุ้นได้ออกมาเทขายหุ้นเพื่อเข้าถือครองพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับตัวพุ่งขึ้นทั่วโลก ทำตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดร่วง 75.97 จุด ตลาดนิกเกอิญี่ปุ่นปิดร่วง 1,202.26 จุด หลังที่นักลงทุนได้เทขายหุ้นออกมา หากสถานะการณ์การเข้าซื้อพันธบัตรมากขึ้น ก็จะเป็นผลดีต่อไปกับทองคำซึ่งเมื่ออัตราผลตอบแทนปรับลดลง มันก็จะมาลดแรงกดดันทองคำได้อีกครั้ง
สำหรับทองคำวันนี้ก็ได้ทำจุดต่ำสุดใหม่ได้อีกครั้งที่ระดับราคา 1,755.24 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนจะปรับตัวขึ้นแต่ด้วยแรงซื้อที่ยังจำกัดทำให้ทองคำยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นเหนือแนวต้านระยะสั้นที่บริเวณ 1,769-1,773 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ จึงทำให้ทองคำยังคงปรับตัวลง ประเมินว่าถ้ายังไม่สามารถขึ้นยืนเหนือบริเวณแนวต้านดังกล่าวได้ ทองคำก็จะปรับตัวลงได้อีกครั้ง ซึ่งมีแนวรับที่ 1,757-1,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองคำปรับหลุดต่ำกว่าแนวรับดังกล่าว แนวรับถัดไปประเมินที่ระดับราคา 1,740 ดอลลาร์ต่อออนซ์
คำแนะนำการเทรดทองคำภาคค่ำนี้
หากราคายังไม่สามารถปรับตัวขึ้นเหนือ 1,769-1,773 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้เสี่ยงเปิดคำสั่งขาย (short) โดยยังให้เน้นการเข้าเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น ให้พิจารณาการทำกำไรที่แนวรับบริเวณ 1,757-1,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์หากราคาทองคำยังปรับตัวลงต่ำกว่าก็ให้พิจารณาชะลอปิดทำกำไรบางส่วนออกไปก่อน (ตัดขาดทุนหากราคาทองคำปรับตัวเหนือ 1,781 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
วิเคราะห์ทองคำวันสุดท้ายของสัปดาห์ 26/02/64ทองคำวานนี้ดิ่งแรงกว่า 34.70 ดอลลาร์ ซึ่งผลกระทบดังกล่าวาจาก Bond Yield 10 Year ที่ปรับตัวขึ้นแตะ 1.55% จากที่เคยขึ้นไปแตะที่ระดับ 1.6% ก่อนหน้านี้ เป็นผลจากการคาดการณ์ถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ และยังได้มีการประมูลตั๋วเงินคลังอายุ 7 ปีของรัฐบาลของสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 6.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ทำให้ส่งผลกระทบต่อทองคำอย่างหนัก ทั้งวานนี้ตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาก็ดีเกินคาดกาณ์ เช่น ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก รายสัปดาห์ก็ออกมาที่ 730,000 ราย ถือเป็นการปรับลดลงลงก่อนหน้า, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนระดับ 3.4% Vs. 3.1% สำหรับตัวเลขประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ประกาศครั้งที่ 2 ไตรมาส 4/2020 ออกมา 4.1% แม้จะต่ำกว่าที่คาดการไว้ที่ 4.2% แต่ก็ยังเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการประกาศครั้งที่ 1 ในไตรมาสเดียวกันจากระดับ 4.0% ทำให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐได้มากขึ้น ก็ไม่แปลกอะไรที่ทองคำจะถูกกดดันจนร่วงลงแรงในระยะนี้ การปรับตัวลดลงของทองคำทำให้กองทุน SPDR ได้ปรับลดการถือครองทองคำลง -6.12 ตัน ปัจจุบันคงถือครองทองคำสุทธิ 1,100.24 ตัน ทั้งหมดจึงทำให้ทองคำร่วงลงสู่ระดับ 1,765 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งมองภาพรวมทองคำเวลานี้แล้วคาดว่าปิดตลาดสัปดาห์นี้ และปิดตลาดเดือนกุมภาพันธ์นี้ ทองคำมีโอกาสที่จะปิดในแดนลบ (Bearish)
ทางด้านเทคนิค ทองคำก็ยังคงปรับตัวต่ำต่อเนื่อง เพื่อลงทดสอบแนวรับต่ำสุดก่อนหน้าที่ระดับราคา 1,760.51 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองคำยังไม่หลุดต่ำลงไปจากบริเวณดังกล่าว อาจมีการปรับขึ้นบ้างจากการปรับฐานราคาในระยะสั้น นักลงทุนจึงควรระมัดระวังในการเปิดสถานะคำสั่ง Long position โดยให้พิจารณาถึงขนาดพอร์ตการลงทุนในแต่ละครั้งให้เหมาะสมกับการเคลื่อนไหวของราคาในปัจจุบัน
กลยุทธ์การเทรดทองคำวันนี้
แนะนำให้นักลงทุนรอการปรับตัวของของราคาทองคำขึ้น หากราคาทองคำไม่สามารถปรับตัวขึ้นเหนือบริเวณแนวต้าน 1,773-1,778 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้นั้น แนะนำให้เปิดสถานะคำสั่ง Short Position โดยให้เน้นการเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งทองคำอาจผันผวนได้เมื่อราคาปรับตัวลงมาใกล้บริเวณต่ำสุดก่อนหน้าที่ระดับ 1,760.51 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และให้พิจารณาปิดทำกำไรที่บริเวณแนวรับดังกล่าว 1,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองคำกลับไปยืนได้ที่บริเวณดังกล่าว (ตัดขาดทุนหากทองคำปรับตัวสูงกว่าระดับ 1,781 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
แนวโน้มทองคำวันนี้
--------------------------------------------
H1 = Downtrend (Below EMA200)
H4 = Downtrend (Below EMA200)
DAY = Downtrend (Below EMA200)
WEEK = Uptrend (Above EMA200)
MONTH = Uptrend (Above EMA200)
--------------------------------------------
แนวรับแนวต้านทองคำวันนี้ (Gold Support&Resistance)
--------------------------------------------
Resistance = 1,781 / 1,794 /1,804
--------------------------------------------
Support = 1,760 / 1,744 / 1,722
--------------------------------------------
*การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนการลงทุนทุกครั้ง
**การวิเคราะห์เป็นเพียงสมมุติฐานค่าสถิติจากอดีตถึงความน่าจะเป็นในปัจจุบันและอนาคต จึงมิได้เป็นเครื่องมือการันตีสร้างกำไรจากการลงทุนได้ 100%