ราคาทองคำถูกเทขายอย่างหนักท่ามกลางความสนใจซื้อดอลลาร์สหรัฐ
📊ราคาทองคำกระตุ้นการขายเพื่อทำกำไรอย่างหนักประเดิมวันต้นสัปดาห์/ประเดิมเดือนใหม่ และร่วงลงมาที่ระดับ 2,621 ดอลลาร์ในช่วงการซื้อขายของตลาดเอเชีย ท่ามกลางอุปสงค์ของดอลลาร์สหรัฐที่ปรับตัวขึ้นตามความคาดหวังว่าแผนภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ อาจจุดชนวนแรงกดดันด้านเงินเฟ้ออีกครั้ง และจำกัดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง ซึ่งในทางกลับกัน ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ที่แตะเมื่อวันศุกร์ และกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้กระแสเงินไหลออกจากทองคำ
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงคาดการณ์ว่าธนาคารกลางของสหรัฐฯ จะลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดพื้นฐานในเดือนธันวาคม นอกจากนี้ มาตรการภาษีศุลกากรที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขู่ไว้ ได้กระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกที่ปะทุขึ้นใหม่ และอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก ทั้งนี้ เมื่อรวมกับความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงมีอยู่จากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ ทำให้ราคาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยยังสามารถยืนเหนือระดับ 2,600 ดอลลาร์ได้
📊 ปัจจัยทางเทคนิค:
Gold price seems vulnerable; one-week-old ascending channel breakdown in play
📉จากมุมมองทางเทคนิค การร่วงลงของราคาในวันเดียวต่ำกว่าขอบล่างของช่องทางขาลงที่เกิดขึ้นเมื่อเกือบหนึ่งสัปดาห์ก่อนอาจถือเป็นปัจจัยกระตุ้นสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ที่มีแนวโน้มขาลง นอกจากนี้ ออสซิลเลเตอร์บนกราฟรายวัน/4 ชั่วโมงเริ่มสร้างแรงกระตุ้นเชิงลบอีกครั้ง และบ่งชี้ว่าราคาทองคำมีแนวโน้มลดลงต่ำสุด ดังนั้น การร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในสัปดาห์ที่แล้วที่บริเวณ 2,605 ดอลลาร์จึงดูมีความเป็นไปได้สูง การขายตามราคาที่ต่ำกว่า 2,600 ดอลลาร์อาจเปิดโอกาส ให้เห็นเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบง่าย 100 วัน (SMA) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่บริเวณ 2,575 ดอลลาร์
📈ในทางกลับกัน จุดทะลุแนวรับของช่องแนวโน้มขาขึ้นที่บริเวณ 2,642-2,643 ดอลลาร์ อาจทำหน้าที่เป็นอุปสรรคทันทีก่อนที่แนวต้านคงที่ที่ 2,652 ดอลลาร์และจุดสูงสุดของสวิงที่บริเวณ 2,665 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา การซื้อตามราคาบางส่วนจะช่วยให้ราคาทองคำสามารถกลับขึ้นไปถึงระดับ 2,700 ดอลลาร์ได้อีกครั้งและขยายการเคลื่อนไหวในเชิงบวกให้เข้าใกล้โซนอุปทาน 2,721-2,722 ดอลลาร์มากขึ้น จุดหลังนี้ควรทำหน้าที่เป็นจุดสำคัญ ซึ่งหากผ่านได้อย่างเด็ดขาด ก็จะบ่งชี้ว่าการปรับลดลงล่าสุดจากจุดสูงสุดตลอดกาลที่แตะเมื่อเดือนตุลาคมได้ผ่านพ้นไปแล้วและปูทางไปสู่การเคลื่อนไหวที่เพิ่มสูงขึ้นต่อไป
ข้อจำกัด: การวิเคราะห์นี้เป็นเพียงการคาดการณ์ และสถานการณ์ตลาดอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผู้ลงทุนควรทำการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน
หมายเหตุ: ข้อมูลที่นำเสนอนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจลงทุนของตนเอง