ทองคำ – การรีเทสต์เส้นเทรนด์ขาขึ้น บ่งชี้โอกาสพุ่งสู่ 4,120 ดอลลการวิเคราะห์ (ภาษาไทย):
ทองคำ (XAU/USD) ยังคงอยู่ในภาวะ ขาขึ้นอย่างชัดเจน โดยได้รับการสนับสนุนจาก เส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้น ที่แข็งแรง หลังจากราคาพุ่งแรงก่อนหน้า ขณะนี้ราคาเริ่มย่อตัวเพื่อพักฐาน และกำลังเคลื่อนลงสู่ โซนดีมานด์ (Demand Zone) สำคัญที่อยู่ในแนวเดียวกับเส้นเทรนด์ไลน์
ตามภาพรวมในกราฟ คาดการณ์ได้ดังนี้:
✅ สถานการณ์ขาขึ้นที่มีความเป็นไปได้สูง:
ราคาปรับลงทดสอบโซนดีมานด์และเส้นเทรนด์ไลน์
ฝั่งซื้อเข้ามาป้องกันบริเวณนี้
ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อไปยังโซนแนวต้าน:
4,100 ดอลลาร์
4,115 – 4,120 ดอลลาร์
ตราบใดที่ราคายังอยู่ เหนือเส้นเทรนด์ไลน์ โครงสร้างขาขึ้นยังคงแข็งแรง
⚠️ ความเสี่ยงขาลง:
หากราคาหลุดเส้นเทรนด์ไลน์ลงไปอย่างชัดเจน (บริเวณ 4,050 ดอลลาร์) โมเมนตัมขาขึ้นอาจอ่อนแรง และราคามีโอกาสติดขัดลงลึกกว่าเดิม
Xauusdforex
ทองคำมีแนวโน้มขึ้นต่อสู่ 4210 หลังรีเทสต์แนวรับ 4100ราคาทองคำแสดงโครงสร้างขาขึ้นอย่างชัดเจนหลังจากเด้งกลับแรงจาก โซนจิตวิทยาที่สำคัญ 3897–3929 ซึ่งทำหน้าที่เป็นเขตดีมานด์สำคัญและช่วยให้แรงซื้อกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง
ขณะนี้ราคาได้ทะลุแนวต้านบริเวณ 4100 และเปลี่ยนเป็น แนวรับ แล้ว
มีโอกาสสูงที่จะเกิด รีเทสต์ ในโซน 4100–4120 (ลูกศรสีน้ำเงิน)
หากผู้ซื้อปกป้องโซนนี้ได้ แนวโน้มขาขึ้นมีโอกาสไปสู่เป้าหมายด้านบนต่อไป
✅ โซนสำคัญ
แนวรับ: 4100 – 4120
โซนเป้าหมาย: 4210 (โซนอัปไพลายหลัก)
ตราบใดที่ราคายังยืนเหนือ 4100 ฝั่งขาขึ้นยังคงได้เปรียบ
✅ โครงสร้างตลาด
โมเมนตัมกลับตัวขึ้นอย่างชัดเจน
มีสัญญาณเบรกและอาจรีเทสต์
เป้าหมายสอดคล้องกับโซนสภาพคล่องและอัปไพลายเดิม
รอทดสอบแนวต้าน $4,150-4,155 ลุ้นทะลุทำ NEW HIGH📊 Timeframe: H1
วันที่: 12 พฤศจิกายน 2568 | 11:42 น.
📌 ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน (FUNDAMENTAL OUTLOOK):
▪️ แรงหนุนต่อเนื่อง: ราคาทองคำยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากความคาดหวังที่ FED จะคงนโยบายผ่อนคลาย (RATE CUT BETS) เนื่องจากคาดว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่ถูกเลื่อนออกไปจะออกมาอ่อนแอ
▪️ DXY อ่อนค่า: แนวโน้ม DOVISH ของ FED ทำให้ดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) อยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติมต่อทองคำ
▪️ ข้อควรระวัง: แม้จะมีแรงหนุน แต่ตลาดกำลังจับตาผลการโหวตของสภาผู้แทนฯ (วันนี้) เพื่อยุติ SHUTDOWN ซึ่งเป็นความเสี่ยงหลักที่อาจทำให้เกิดการขายทำกำไรระยะสั้น
📌 ภาพรวมแนวโน้มทางเทคนิค H4 (TECHNICAL TREND):
▪️ แนวโน้มหลัก: ราคาอยู่ในโมเมนตัมขาขึ้นที่แข็งแกร่ง และกำลังสะสมพลังรอบ $4,100
▪️ คลื่นลูกที่ 4: อ้างอิงจากบทวิเคราะห์ มีการก่อตัวของคลื่นลูกที่ 4 (ELLIOTT WAVE 4) ซึ่งบ่งชี้ว่าราคากำลังเตรียมพร้อมสำหรับคลื่นลูกที่ 5 หากสามารถทะลุแนวต้านปัจจุบันได้
▪️ Resistance Zone: ราคากำลังเผชิญโซนแนวต้านสำคัญที่ $4,150–$4,155 ซึ่งเป็นจุดชี้ขาดทิศทาง (BREAKOUT POINT) สำหรับการวิ่งไปยัง $4,200 และ $4,236
📌 แนวรับและแนวต้านที่ต้องติดตาม:
* แนวต้าน (RESISTANCE):
* R1 (BREAKOUT ZONE): $4,150 - $4,155
* R2 (TARGET): $4,170 / $4,208 / $4,236
* แนวรับ (SUPPORT):
* S1 (NEAR-TERM DEMAND): $4,090 - $4,092 (จุดที่บทวิเคราะห์ระบุให้เป็น BUY ZONE)
* S2 (KEY SUPPORT): $4,059 (แนวรับจากการทะลุครั้งก่อน)
🚨ความคิดเห็นส่วนตัว:
ในสภาวะที่ตลาดกำลังลุ้น BREAKOUT ที่แนวต้าน $4,150 กลยุทธ์ที่สำคัญคือการตั้งรับที่แนวรับที่แข็งแกร่งและกำหนด STOP LOSS ที่เคร่งครัด
* คำแนะนำ: พิจารณาการเข้าซื้อ (BUY) ในจังหวะย่อตัวลงมาใกล้แนวรับ S1 ($4,090 - $4,092) หรือ S2 ($4,059) เพื่อจำกัดความเสี่ยง
* หลักการบริหารความเสี่ยง: การวางแผนสำหรับสถานการณ์ SELL (บริเวณ $4,198 - $4,200 ระมัดระวังหากทะลุ $4,205) กลยุทธ์ COUNTER-TREND ที่ต้องใช้ความระมัดระวังสูงสุด ควรเคร่งครัดเรื่อง Stop losss และ LOT SIZE อย่างยิ่ง
XAU/USD: BREAKOUT! ทะลุแนวต้านสำคัญ มุ่งสู่ $4,120📊 Timeframe: H4 (Swing Trading) | 10 - 14 พฤศจิกายน 2568 |
วันที่: 10 พฤศจิกายน 2568 | 14:18 น.
📌 ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน (FUNDAMENTAL OUTLOOK):
▪️ ปัจจัยหนุน (BULLISH): ตลาดยังคงเพิ่มการคาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ยของ FED (RATE CUT BETS) หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อ่อนแอลง ซึ่งลดต้นทุนการถือครองทองคำ
▪️ ปัจจัยกดดัน (BEARISH): วุฒิสภาสหรัฐฯ กำลังลงคะแนนเพื่อยุติ US GOVERNMENT SHUTDOWN หากสำเร็จจะลดความกังวลในตลาด (RISK-OFF) และกดดันราคาทองคำในฐานะ SAFE-HAVEN
▪️ ข้อสังเกต: การผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนก็เป็นอีกปัจจัยที่อาจฉุดราคาลงในระยะสั้น
📌 ภาพรวมแนวโน้มทางเทคนิค H4 (TECHNICAL TREND):
▪️ แนวโน้มหลัก: ราคาทองคำได้ ฟื้นตัวและทะลุแนวต้าน (BREAKOUT) อย่างชัดเจนในช่วงเปิดสัปดาห์ บ่งชี้ถึงโมเมนตัมขาขึ้นที่แข็งแกร่ง (STRONG BULLISH MOMENTUM)
▪️ ทิศทางปัจจุบัน: ราคากำลังทดสอบแนวต้านสำคัญที่ $4087 และมีเป้าหมายหลักในการทดสอบโซน SUPPLY ถัดไป
▪️ สัญญาณ RSI: RSI อยู่ในโซน OVERBOUGHT (80.93) ซึ่งเตือนถึงความเสี่ยงของการขายทำกำไร (PROFIT-TAKING SELL-OFF) ในระยะสั้น
📌 แนวรับและแนวต้านสำคัญ (SUPPORT & RESISTANCE) H4:
* แนวต้าน (RESISTANCE):
* R1 (KEY ZONE): $4120 - $4144 (โซน SUPPLY หลัก/เป้าหมายถัดไป)
* R2 (MAJOR TARGET): $4166
* แนวรับ (SUPPORT):
* S1 (BREAKOUT LEVEL/DEMAND): $4019 - $4029 (แนวต้านเดิมที่เปลี่ยนเป็นแนวรับ)
* S2 (MID-TERM): $3955 - $3960
* S3 (MAJOR DEMAND): $3920
🚨 ข้อเสนอแนะในการปรึกษาและวางแผน:
ในสภาวะที่ราคาเกิด BREAKOUT และ RSI อยู่ในโซน OVERBOUGHT การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด
* คำแนะนำ: หากท่านตัดสินใจเข้า POSITION ในบริเวณราคาที่กำหนด โปรดปรึกษาเพื่อวางแผนบริหารความเสี่ยงในการตั้งค่า STOPLOSS และ LOT SIZE ให้เหมาะสม โดยพิจารณาความเสี่ยงของการดีดตัวกลับ (PULLBACK) จากโซน OVERBOUGHT
วันที่ 7 พฤศจิกายน ทองคำจะเป็นอย่างไร?📉 1. โครงสร้างราคา & เส้นเทรนด์ไลน์
ราคากำลังเคลื่อนไหวอยู่ในรูปแบบ สามเหลี่ยมสมมาตร (Symmetrical Triangle):
เส้นเทรนด์ไลน์ด้านบน (สีดำเข้ม): เชื่อมจุดยอดที่ลดต่ำลง → แนวต้านหลักของแนวโน้มขาลง
เส้นเทรนด์ไลน์ด้านล่าง (สีแดง): เชื่อมจุดต่ำที่สูงขึ้น → แนวรับแบบไดนามิก
→ รูปแบบนี้แสดงถึงภาวะสะสมก่อนที่จะเกิดการเบรกเอาท์ที่ชัดเจน
🧭 2. โซนแนวต้าน
บริเวณ 4,000 – 4,030:
ตรงกับ Fibo 0.382 – 0.5 ของคลื่นขาลงก่อนหน้า
ตรงกับเส้น EMA 37 & 89 → สร้างโซนแนวต้านที่แข็งแรง
นี่คือแนวต้านสำคัญที่มีความเป็นไปได้สูงที่ราคาจะถูกปฏิเสธ
💎 3. โซนแนวรับ
แนวรับใกล้: 3,965 – 3,970 → ขอบล่างของสามเหลี่ยม + Fibo 0.5
แนวรับแข็งแกร่ง: 3,920 – 3,880 → โซนจุดต่ำก่อนหน้า + Fibo 0.618 – 1.0
→ หากราคาทะลุเส้นเทรนด์สีแดง เป้าหมายถัดไปจะอยู่ที่บริเวณ 3,880
📊 แผนเทรดทองคำ (GOLD)
SELL GOLD: 4028 - 4030
Stoploss: 4037
Take profit: 50 - 200 - 400 pips
BUY GOLD: 3892 - 3890
Stoploss: 3885
Take profit: 50 - 200 - 400 pips
แรงซื้อฟื้นตัวใกล้ $4,000 ท่ามกลางความกังวลรัฐบาลสหรัฐฯ📈 บทวิเคราะห์ XAU/USD (H1/H4) และปัจจัยพื้นฐาน
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568, 12:27 น.
📌 ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน (FUNDAMENTAL OUTLOOK):
▪️ ปัจจัยหนุน (BULLISH): ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย (SAFE-HAVEN DEMAND) เพิ่มขึ้นจากความกังวลต่อการปิดหน่วยงานราชการสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนทางภาษี
▪️ คาดการณ์ดอกเบี้ย: ผลสำรวจการจ้างงานที่อ่อนแอลง สนับสนุนการคาดการณ์ว่า FED จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ
▪️ ปัจจัยจำกัด: การเข้าซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (MILD USD BUYING) ยังคงจำกัดการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ
📌 ภาพรวมแนวโน้มทางเทคนิค H1 (TECHNICAL TREND):
▪️ แนวโน้มหลัก: ราคาอยู่ในช่วงสะสมพลังและแกว่งตัวในกรอบ (ACCUMULATION AND SIDEWAYS) ใต้ระดับ $4,000
▪️ ทิศทางปัจจุบัน: ราคาเคลื่อนไหวอยู่ในช่องทางขาขึ้นเล็กน้อย (UPWARD CHANNEL) และกำลังรีบาวด์จากแรงขายเมื่อวาน
▪️ สัญญาณสำคัญ: ตราบใดที่ราคายังไม่สามารถทะลุโซน SUPPLY หลัก ($4015 - $4030) ขึ้นไปได้อย่างมีนัยสำคัญ แนวโน้มระยะสั้นยังคงจำกัด
📌 แนวรับและแนวต้านสำคัญ (SUPPORT & RESISTANCE):
* แนวต้าน (RESISTANCE):
* R1 (NEAR-TERM SUPPLY): $4015 - $4030 (โซน SUPPLY/ระดับ BREAKOUT)
* R2 (MID-TERM): $4048 - $4059 (ระดับที่อาจมีแรงขายหนาแน่น)
* R3 (MAJOR): $4082 - $4092
* แนวรับ (SUPPORT):
* S1 (NEAR-TERM DEMAND): $3942 - $3955 (แนวรับของ UPWARD CHANNEL และโซน DEMAND)
* S2 (MID-TERM): $3902 - $3915
* S3 (MAJOR DEMAND): $3887 - $3900 (โซน DEMAND หลัก)
🚨 ข้อเสนอแนะในการปรึกษาและวางแผน:
ตลาดกำลังแสดงความขัดแย้งระหว่างแรงกดดันระยะสั้น (USD BUYING) และแรงหนุนระยะยาว (SAFE-HAVEN DEMAND) การซื้อขายในโซนสะสมราคานี้มีความเสี่ยงสูง
DXY ฟื้นตัว—ราคาทองคำอยู่ภายใต้แรงกดดันในการขายต่ำกว่า $4000📈 บทวิเคราะห์ XAU/USD (H1) และปัจจัยพื้นฐาน
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2568, 12:25 น.
📌 ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน (FUNDAMENTAL OUTLOOK):
▪️ ปัจจัยกดดัน (BEARISH): ราคาทองคำอยู่ภายใต้แรงกดดันจากการฟื้นตัวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY RECOVERS)
▪️ ตัวเลขเศรษฐกิจ: รายงานการจ้างงานภาคเอกชน ADP ที่แข็งแกร่งกว่าคาด (เพิ่มขึ้น 42,000 ตำแหน่ง) บ่งชี้ถึงความมีเสถียรภาพในตลาดแรงงาน ซึ่งสนับสนุนแนวโน้มที่ FED อาจคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง
▪️ ความเคลื่อนไหวสำคัญ: มีกำหนดการกล่าวสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่ FED หลายท่านในวันนี้ ซึ่งอาจสร้างความผันผวนต่อค่าเงินดอลลาร์และราคาทองคำ
📌 ภาพรวมแนวโน้มทางเทคนิค H1 (TECHNICAL TREND):
▪️ แนวโน้มหลัก: ราคาทองคำกำลังเคลื่อนไหวในกรอบสะสมราคา (ACCUMULATION/CONSOLIDATION) ใต้ระดับจิตวิทยาสำคัญที่ $4,000
▪️ ทิศทางปัจจุบัน: ราคายังขาดแรงผลักดันขาขึ้นที่ชัดเจน (LACK CURRENT UPWARD MOMENTUM) และมีการสะสมตัวอยู่ใต้โซน SUPPLY หลัก (ประมาณ $4020 - $4040)
▪️ สัญญาณสำคัญ: ตามภาพ RSI ยังคงอยู่เหนือ 50 เล็กน้อย แต่การเคลื่อนไหวของราคายังคงถูกจำกัดในกรอบแคบ
📌 แนวรับและแนวต้านสำคัญ (SUPPORT & RESISTANCE):
* แนวต้าน (RESISTANCE):
* R1 (NEAR-TERM SUPPLY): $4021 - $4030 (บริเวณโซน SUPPLY สีแดง)
* R2 (MID-TERM): $4045 - $4087 (ระดับที่อาจเกิดแรงขาย/ปฏิเสธราคา)
* R3 (MAJOR): $4130 - $4140 (โซน SUPPLY หลักด้านบนสุด)
* แนวรับ (SUPPORT):
* S1 (NEAR-TERM DEMAND): $3947 - $3955 (โซน DEMAND สีเขียวอ่อน)
* S2 (MID-TERM): $3925 - $3930
* S3 (MAJOR DEMAND): $3887 - $3910 (โซน DEMAND หลักและระดับ LOW ที่สำคัญ)
* S4 (NEXT TARGET): $3840
🚨 ข้อเสนอแนะในการปรึกษาและวางแผน:
เนื่องจากราคากำลังเคลื่อนไหวในกรอบ (RANGE) และมีปัจจัยพื้นฐานที่กดดัน (USD RECOVERY) ความผันผวนจะสูงมาก หากราคาหลุดออกจากกรอบสำคัญ
* มุมมองจากบทวิเคราะห์: มีการวางแผนสำหรับสถานการณ์ SELL (บริเวณ $4087 - $4089) และ BUY (บริเวณ $3948 - $3946) ซึ่งเน้นการเข้าเทรดที่ขอบของกรอบราคา (RANGE BOUNDARY) และใช้ RISK/REWARD RATIO ที่กำหนดไว้
* คำแนะนำในการบริหารความเสี่ยง: การตั้งค่า TAKEPROFIT และ STOPLOSS ควรคำนวณจากขนาด LOT SIZE ที่เหมาะสมกับ BALANCE บัญชีของท่าน (LOT SIZE MANAGEMENT) โดยยึดหลักการบริหารเงินทุน (CAPITAL MANAGEMENT)
ตลาด Sideways จับตาตัวเลข ISM สี่ทุ่ม!⚡️ วิเคราะห์แนวโน้ม XAUUSD (ทองคำ) ⚡️
วันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 (Timeframe H1)
---
📉 ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental)
* ตลาดเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) มากขึ้น หลังความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน มีทิศทางดีขึ้น (มีการผ่อนคลายมาตรการกีดกันทางการค้า)
* สถานการณ์นี้ส่งผลลบ (Bearish 🐻) ต่อทองคำ เนื่องจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ลดลง
---
📊 การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical)
* โครงสร้างราคา: ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (สะสมพลัง) อย่างชัดเจน โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณ $4000
* ภาพรวม: การเคลื่อนไหวในกรอบนี้ถูกมองว่าเป็นการ ปรับฐาน (Correction) ในไทม์เฟรมที่ใหญ่กว่า
---
🎯 โซนสำคัญที่น่าจับตามอง
* กรอบแนวต้าน (Supply): $4059 - $4061
* กรอบแนวรับ (Demand): $3917 - $3919
---
🚨 ไฮไลท์สำคัญวันนี้! (High Impact News) 🚨
* ข่าว: US ISM Manufacturing PMI (ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ)
* เวลา: 22:00 น. (สี่ทุ่มไทย)‼️
* ข้อควรระวัง: ตลาดกำลังรอข่าวนี้ คาดว่าจะมีความผันผวนสูงมากในช่วงประกาศตัวเลข!
สัญญาณการซื้อขายข้อมูล NFP ประจำสัปดาห์นี้สวัสดีทุกคน. สัปดาห์นี้เรามีข้อมูล NFP มาวิเคราะห์อัตราต่อรองทองคำในสัปดาห์นี้กัน ระดับการสนับสนุนทองคำในปัจจุบันอยู่ที่ 2840-2830-2817
1: ในเส้น K รายวัน ตัวบ่งชี้สุ่มอยู่ในสถานะ Golden Cross ซึ่งเป็นสัญญาณขาขึ้นหลัก เส้นคู่ MACD ยังคงเพิ่มขึ้นเป็นหลัก ดังนั้นเส้น K รายวันยังคงถูกครอบงำโดยขาขึ้น และแนวโน้มขาขึ้นเป็นที่โดดเด่น ในแง่ของรูปแบบ วันนี้เป็นวันที่ 6 ของการทะลุขึ้น ดังนั้นควรระมัดระวังและเริ่มปรับตัวทีละน้อยในวันศุกร์ หากมีรูปแบบบวก 3 รูปแบบติดต่อกัน รูปแบบบวก 6 รูปแบบติดต่อกัน หรือรูปแบบบวก 9 รูปแบบติดต่อกัน ให้ระวังการลดลงและการแก้ไขในรูปแบบ
2: ในช่วงเวลา 4 ชั่วโมง ตัวบ่งชี้สุ่มจะอยู่ในสถานะของการยึดเกาะและเฉื่อยชั่วคราว และตัวบ่งชี้ MACD อยู่ในแนวเส้นคู่ขึ้น ทั้งสองนี้ค่อนข้างขัดแย้งกัน แสดงให้เห็นว่าจะมีการปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในระหว่างวัน ตำแหน่งแนวรับการแปลงจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดใน 4 ชั่วโมงปัจจุบันอยู่ที่ตำแหน่งแนวรับสามตำแหน่งคือ 2840-2830-2817
เมื่อวานเราก็เริ่มขายทองคำในระดับสูงและตอนนี้ดูเหมือนว่าแนวคิดการซื้อขายนี้จะประสบความสำเร็จ
วิเคราะห์กราฟเทรดทอง XAUUSD (ช่วงเช้า) 20/01/2568วางเเผนย่อ Buy ตามกรอบ 2690 - 2675 Swing Trade
TP 2700-2710-2720
SL 2655
.
ข้อควรรู้ : คลิปนี้ เป็นการแชร์ความรู้กี่ยวกับการเทรด ไม่ใช่คำแนะนำทางการเงินหรือการการลงทุน (การลงทุนในตลาด CFDS มีความเสี่ยงสูง โปรดใช้วิจารณญาณ)
__________________________________________
เตรียมอัพเดทข่าวแนวโน้มตลาด วิเคราะห์กราฟเด่นประจำวัน
ที่นักเทรดไม่ควรพลาด
.
.
#coachJ #jttraderfx #สอนให้เทรดด้วยตัวเอง #forex #crypto #เทรดforex #เทรดcrypto #xm #xauusdanalysis #goldanalysis #dailyforecast #เทรดทอง #trade #gold #xauusd #ทองคำ #forex
สัญญาณการซื้อขายทองคำที่ถูกต้องสวัสดีทุกคน. มีข้อมูล NFP ที่สำคัญมากในสัปดาห์นี้ ข้อมูลนี้จะทำให้เกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของทองคำ มาวิเคราะห์แนวโน้มทองคำประจำสัปดาห์นี้กัน คุณยังสามารถโพสต์มุมมองของคุณเกี่ยวกับแนวโน้มของทองคำในสัปดาห์นี้ในพื้นที่แสดงความคิดเห็น
ตำแหน่งสำคัญของทองคำปัจจุบันอยู่ที่ 2610-2584 หากสีเหลืองวันจันทร์ยังคงอยู่เหนือแนวรับ 2610 ก่อนข้อมูล NFP ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ทองคำจะรักษาระดับการรวมตัวไว้ที่ 2610-2665 ก่อนที่จะมีการปรับฐานเงินเดือนนอกภาคเกษตรกรรม รอคำแนะนำจากข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำวันศุกร์ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ปิดบังว่าข่าวด่วนอาจทำให้ทองคำทะลุกรอบ 2610-2665 ล่วงหน้าได้
ในทางกลับกัน หากทองคำตกลงต่ำกว่า 2610 ทองคำจะกลับเข้าสู่แนวโน้มขาลง
หากมันทรงตัวเหนือ 2610 หลังจากที่ตกลงไปต่ำกว่า 2610 แล้ว พื้นที่สำหรับทองคำจะค่อนข้างแคบ และช่วงอาจถูกจำกัดไว้ที่ 2610-2625 ตรงกันข้ามหากภาพเป็น 2665 ช่วงเวลาก็จะรันในช่วง 2665-2720
เงินหลักของเราคือซื้อที่ 2615 หลังจากจบ TP และเลือกขายที่ 2660 เมื่อวานก็ตกลงไปที่ 2642 เช่นกัน ทิศทางการซื้อขายของเราถูกต้อง การเผยแพร่เนื้อหาที่นี่อาจมีความล่าช้า หากคุณคิดว่าบทความของฉันมีประโยชน์สำหรับคุณ โปรดชอบด้วย ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนของคุณ
ทองคำยังคงมีแนวโน้มลดลงในช่วงต้นสัปดาห์เช้านี้ราคาทองคำทรงตัวเหนือระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งสัปดาห์จากดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง แนวโน้มขาขึ้นดูเหมือนจะยังถูกจำกัด
ราคาทองคำ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยหลังจากลงมาทดสอบระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ที่บริเวณ 2,644-2,643 ดอลลาร์ ซึ่งแตะระดับดังกล่าวในช่วงการซื้อขายในตลาดเอเชียเมื่อช่วงเช้า ท่ามกลางความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงินน้อยลง โดยนักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่าเฟดจะระมัดระวังมากขึ้นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า ท่ามกลางสัญญาณว่าความคืบหน้าในการปรับลดอัตราเงินเฟ้อให้เข้าใกล้เป้าหมาย 2% นั้นหยุดชะงักลง ซึ่งในทางกลับกัน ปัจจัยดังกล่าวยังคงสนับสนุนให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐสูงขึ้น และกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลง
นอกจากนี้ ดูเหมือนว่านักลงทุนจะเริ่มชะลอการลงทุน และอาจเลือกที่จะรออยู่ข้างสนามก่อนการตัดสินใจนโยบายที่สำคัญของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในคืนวันพุธนี้ โดยความเสี่ยงจากเหตุการณ์สำคัญของธนาคารกลางสหรัฐฯ คือการที่ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงเล็กน้อย ทำให้ผู้ซื้อขายดอลลาร์สหรัฐยังคงต้องตั้งรับ นอกจากนี้ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ อาจยังคงให้การสนับสนุนราคาทองคำในระดับหนึ่ง อนึ่งนักลงทุนต่างจับจ้องไปที่การเปิดเผยดัชนี PMI ของทั่วโลกเพื่อมองหาโอกาสในระยะสั้น
📊 ปัจจัยทางเทคนิค:
การปรับราคาทองคำทางเทคนิคทำให้ต้องระมัดระวัง ราคามีโอกาสผันผวนสูง
📉จากมุมมองทางเทคนิค ราคาทองคำที่ต่ำในรอบเซสชั่นเอเชียที่บริเวณ 2,644-2,643 ดอลลาร์ อยู่ในโซนที่มีการซื้อขายหนาแน่น หากการปรับลดต่อไปอาจส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งเป้าไปที่ 2,625 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดประจำเดือนที่บริเวณ 2,614 ดอลลาร์ ตามลำดับ และแนวรับสำคัญที่ 2,605-2,600 ดอลลาร์ หากราคาทองคำทะลุลงมาต่ำกว่า 2,605 ดอลลาร์ จะเป็นปัจจัยกระตุ้นใหม่สำหรับผู้ซื้อขายที่มีแนวโน้มจะขาลง และเปิดทางให้เกิดการขาย หรือขาดทุนเพิ่มเติม(Panic sell)
📈ในทางกลับกัน ระดับ 2667 ดอลลาร์ในขณะนี้ดูเหมือนจะทำหน้าที่เป็นอุปสรรคทันทีก่อนที่จะถึงระดับ 2,677 ดอลลาร์ ซึ่งหากสูงกว่านั้น ราคาทองคำอาจมุ่งเป้าไปที่การกลับตัวกลับขึ้นไปถึงระดับ 2,700 ดอลลาร์อีกครั้ง การเคลื่อนตัวขึ้นครั้งต่อไปอาจขยายไปสู่จุดสูงสุดรายเดือนที่บริเวณ 2,726 ดอลลาร์ ซึ่งหากผ่านได้อย่างเด็ดขาด ก็จะเป็นการปูทางไปสู่การเคลื่อนไหวที่เพิ่มสูงขึ้นในระยะใกล้ต่อไป
ข้อจำกัด: การวิเคราะห์นี้เป็นเพียงการคาดการณ์ และสถานการณ์ตลาดอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผู้ลงทุนควรทำการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน
หมายเหตุ: ข้อมูลที่นำเสนอนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจลงทุนของตนเอง
การเพิ่มขึ้นของทองคำทำให้มีโอกาสที่จะร่วงลงหรือไม่?ทำความเข้าใจกับทองคำในประโยคเดียว: ทองทะลุกรอบเล็กน้อยในระยะสั้น และคาดว่าจะสูงขึ้นในวันนี้ และราคาโดยรวมยังอยู่ในช่วงช็อก
ราคาแนวต้านสั้น 1: 2688.00
ราคาแนวต้านสั้น 2: 2702.00
ราคาดุลยภาพสั้นและยาว: 2660.00
ราคาแนวรับกระทิง 1: 2653.00
ราคาแนวรับกระทิง 2: 2635.00
การวิเคราะห์บทความจะต้องพิจารณาจากแนวโน้มของตลาดแบบเรียลไทม์ เพื่อให้คุณสามารถดูด้านล่างของบทความและไปที่พื้นที่เพื่อรับคำตอบที่คุณต้องการ
ให้เราตรวจสอบแนวโน้มของทองคำด้วยกัน ขอบคุณทุกท่านที่สนับสนุนผม
H4 ปิด bullish Engulfing ฉะนั้นขาขึ้นได้เปรียบถ้าจะทำลายโครง...🛑#มุมมองส่วนตัว และนักวิเคระห์ 📊Candlestick
H4 ปิด bullish Engulfing ฉะนั้นขาขึ้นได้เปรียบถ้าจะทำลาย
โครงสร้างของแท่งเทียนได้ต้องหลุด 2661 (จุดยอม SL )แต่ถ้าไม่ผ่านราคานี้ยังสามารถถือบวนได้. มุ่งหวังที่ 2673/2678/268
🏦#มุมมองส่วนตัว และนักวิเคระห์ สำหรับการวิเคราะห์ราคาทองคำ (XAUUSD) ในสัปดาห์นี้ (14-18 ตุลาคม 2024) จากข้อมูลในกราฟและแนวโน้มปัจจุบัน:
🍀1. แนวรับสำคัญ: บริเวณที่น่าสนใจเป็นพิเศษในกราฟจะอยู่ที่ระดับ $2,633.79 ซึ่งเป็นระดับ Fibonacci 0.618 โดยหากราคาทองคำไม่สามารถทะลุลงต่ำกว่าจุดนี้ได้ จะเป็นการยืนยันแนวรับที่สำคัญ นอกจากนี้บริเวณ $2,643.81 (Fibonacci 0.51) ก็เป็นแนวรับรองลงมา
🍀2. แนวต้านสำคัญ: แนวต้านที่น่าสังเกตคือบริเวณ $2,686.22 ซึ่งหากราคาสามารถทะลุผ่านระดับนี้ได้ มีโอกาสที่ราคาทองจะปรับตัวสูงขึ้นไปต่อในทิศทางขาขึ้น
🍀3. อินดิเคเตอร์ Stochastic: ข้อมูลในกราฟแสดงว่า Stochastic ใกล้เคียงกับโซน overbought ที่ประมาณ 80.76 ซึ่งบ่งชี้ว่าอาจมีแรงขายเกิดขึ้นในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม หากไม่มีแรงกดดันจากข่าวหรือปัจจัยพื้นฐาน อาจเห็นการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนการย่อตัว
📊Candlestick
H4 ปิด bullish Engulfing ฉะนั้นขาขึ้นได้เปรียบถ้าจะทำลายโครงสร้างของแท่งเทียนได้ต้องหลุด 2661 (จุดยอม SL )แต่ถ้าไม่ผ่านราคานี้ยังสามารถถือบวนได้. มุ่งหวังที่ 2673/2678/2685
✅#ข่าวที่ต้องติดตาม
4. วันที่ 16 ตุลาคม 2567 มีข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ (XAUUSD) ได้แก่:
1. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ: ประกาศในวันที่ 16 ตุลาคม 2567 เวลา 19:30 น. ตามเวลาประเทศไทย ข้อมูล PPI นี้จะส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์โดยตรง ซึ่งหากตัวเลขออกมาต่ำกว่าที่คาด จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนลง ส่งผลให้ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
2. ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ: คาดว่าจะประกาศเวลา 20:15 น. ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งตัวเลขนี้สามารถบ่งบอกถึงภาวะเศรษฐกิจในสหรัฐฯ หากการผลิตลดลง จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และสนับสนุนให้ราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้น
💥ในขณะเดียวกัน ความตึงเครียดทางการเมือง เช่น สถานการณ์ในตะวันออกกลางยังเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำมากขึ้น เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่มีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมือง
💥ดังนั้น จากกราฟและข้อมูลทางเทคนิคปัจจุบัน ราคาทองคำอาจมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อหากผ่านแนวต้านสำคัญ แต่ในระยะสั้น อาจเห็นการย่อตัวหากมีแรงขายจากระดับ overbought ของ Stochastic
🏦สำหรับผู้ที่ถือทองคำควรติดตามข่าวเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากสามารถส่งผลกระทบต่อทิศทางราคาทองคำในตลาดระยะสั้นถึงระยะกลางได้อย่างมีนัยสำคัญ  .
#เทรดควรมีจุดยอมอย่างชัดเจน และบริหารส่วนกำไรพักพอ ไม่ต้องโลภค่อยเป็นค่อยไป
ตลาดนัดปัจจุบันไม่เหมาะกับการเทรดระยะยาวควรเหมาะกับการเทรดทำกำไรระยะสั้น
รอ New high zone 2645-2650 แล้วมีโอกาสปรับลงก่อนเพื่อไปต่อ🛡ราคาทองคำปรับตัวขึ้นสร้างจุดสูงสุดตลอดกาล และยืนเหนือระดับ 2,600 ดอลลาร์ได้อย่างสบายๆ พุ่งทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงการซื้อขายในตลาดเอเชียวันนี้(24 กย) แต่ราคาทองคำยังคงปรับตัวขึ้นได้ไม่มากนัก เนื่องจากนักลงทุนต่างรอคอยความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับแผนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยขณะนี้กำลังให้ความสนใจกับคำกล่าวของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ที่จะถึงนี้ และการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (PCE Price Index) ของสหรัฐในวันศุกร์นี้
💡ผู้ซื้อขายอาจเลือกที่จะเคลื่อนไหวอยู่ข้างสนามก่อนที่จะประกาศดัชนีราคารายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์ ท่ามกลางสภาวะซื้อมากเกินไปในกราฟรายวัน
นอกจากนี้ ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงมีอยู่จากความขัดแย้งที่ดำเนินอยู่ในตะวันออกกลาง ร่วมกับความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ ก่อนการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน และความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว น่าจะช่วยหนุนราคาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
🕯แนวโน้มทางเทคนิค:
📈จากมุมมองทางเทคนิค การทะลุและการยอมรับเหนือระดับ 2,600 ดอลลาร์ล่าสุดอาจถือเป็นปัจจัยกระตุ้นใหม่สำหรับเทรดเดอร์ขาขึ้น อย่างไรก็ตาม ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพันธ์ (RSI) บนกราฟ รายวัน ยังคงอยู่เหนือระดับ 70 และควรใช้ความระมัดระวัง
ความคิดเห็นส่วนตัว
หลังจากข่าว PMI เมื่อวานนี้ ราคาทองคำยังคงเพิ่มขึ้นในเชิงบวก สร้าง ATH ใหม่ วันนี้แนวโน้ม ATH ใหม่ยังคงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากนั้นจะต้องลดลงเพื่อสร้างสภาพคล่อง - ทำให้ตลาดมีเสถียรภาพ ดังนั้น จึงควรรอให้ราคาปรับตัวขึ้นในระยะใกล้หรือย่อตัวลงเล็กน้อยก่อนจึงค่อยวางตำแหน่งเพื่อเคลื่อนไหวในขั้นต่อไป
📉ในขณะเดียวกัน การปรับตัวลดลงใดๆ ก็มีแนวโน้มที่จะดึงดูดผู้ซื้อรายใหม่ใกล้ระดับ 2,600 ดอลลาร์ ซึ่งหากต่ำกว่านั้น ราคาทองคำอาจร่วงลงมาที่โซนแนวรับที่เป็นเส้นแนวนอน 2,560 ดอลลาร์ แนวรับที่เกี่ยวข้องถัดไปจะอยู่ใกล้จุดทะลุแนวต้าน 2,535-2,530 ดอลลาร์ ก่อนที่จะถึงระดับจิตวิทยา 2,500 ดอลลาร์ การทะลุลงมาต่ำกว่าจุดทะลุหลังอาจเปลี่ยนแนวโน้มในระยะใกล้ไปเป็นการซื้อขายขาลง และเปิดทางไปสู่ขาลงอย่างมีนัยสำคัญ
แนวคิดแผน Sell1 (วันที่ 24 กันยายน)
Sell 2643-2648-2653
Sl 2670
TP1 2620
TP2 2600
TP3 2580
TP4 2560
TP5 2540
TP6 2530
แนวคิดเพิ่มเติมจะประกาศในกลุ่ม
แนวคิดแผน Buy1 (วันที่ 24 กันยายน)
Buy zone 2605-2600
Sl 2584
TP1 2620
TP2 2640
TP3 2660
TP4 2680
TP5 2700
แนวคิดเพิ่มเติมจะประกาศในกลุ่ม
แนวคิดแผน Buy2 (วันที่ 24 กันยายน)
Buy zone 2591-2586
Sl 2570
TP1 2610
TP2 2630
TP3 2650
TP5 2670
TP6 2690
แนวคิดเพิ่มเติมจะประกาศในกลุ่ม
Seller ยังคุมเกมส์หลังจากทดสอบ Al ltime high ไม่ผ่าน✍️ ความคิดเห็นเกี่ยวกับราคาทองคำตั้งแต่วันที่ 9/9 - 13/9/2024
สิ้นสุดสัปดาห์ ราคาทองคำร่วงลงต่ำกว่า 2,500 ดอลลาร์ ก่อนข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯในสัปดาห์ถัดไป
หลังจากไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 2,531 ดอลลาร์ได้ ปิดที่ 2,493 ดอลลาร์ ขณะที่การคาดการณ์เกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดมีมากขึ้น / แม้ว่าผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจะลดลง แต่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐกลับฟื้นตัวขึ้นเหนือระดับ 101.00 ได้ ทำให้ราคาทองคำได้รับแรงกดดันเพิ่มเติม หลังจากไม่สามารถทดสอบระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 2,531 ดอลลาร์ และร่วงลงมากกว่า 0.80% ในช่วงท้ายของการซื้อขายในอเมริกา รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ของสหรัฐฯ ประจำเดือนสิงหาคมต่ำกว่าที่คาดไว้ แต่ปรับตัวดีขึ้นจากตัวเลขที่ปรับปรุงใหม่ในเดือนกรกฎาคม อัตราการว่างงานลดลง และรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงเพิ่มขึ้น ทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจมีความซับซ้อนมากขึ้น ทำให้เกิดความลังเลเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 50 หรือ 25 จุดพื้นฐาน (bps) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการประชุมเดือนกันยายน
แนวโน้มทางเทคนิค:
ในกรอบเวลาระยะยาว ด้านเทคนิคยังคงแสดงให้เห็นว่าทองคำกำลังพัฒนาอย่างมั่นคง โดยแนวโน้มหลักคือขาขึ้น เร็วๆ นี้เราจะได้เห็นจุดสูงสุดใหม่ ATH ใหม่ในช่วงปลายปี 2024 แต่ในระยะสั้น ดูเหมือนว่าราคาจะเคลื่อนไหวในเชิงลบ หลังจากที่ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรายวันเหนือ 2,520 ดอลลาร์ ราคาได้เปลี่ยนทิศทางและก่อตัวเป็นรูปแบบแท่งเทียนแบบ Bearish engulfing” ซึ่งเปิดโอกาสให้เกิดการเทขายเพิ่มเติม
📌สิ่งที่ควรสังเกต: ราคาทองคำแตะระดับสูงสุดเดิมที่ ATH 2527-2531 ถึง 6 ครั้ง ราคาจึงตอบสนองอย่างรุนแรง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโมเมนตัมของการปรับขึ้นราคายังคงแข็งแกร่งมาก อย่างไรก็ตาม กองทุนขนาดใหญ่และนักลงทุนไม่ต้องการให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นในช่วงเวลานี้ บางทีอาจจะหลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
โมเมนตัมเปลี่ยนเป็นขาลงตามที่ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพันธ์ (RSI) แสดง RSI กำลังจะข้ามไปต่ำกว่าระดับกลาง
📉หากราคาร่วงลงต่ำกว่าระดับต่ำสุดของวันที่ 22 สิงหาคมที่ 2,470 ดอลลาร์ นั่นอาจเปิดช่องให้ราคาลดลงต่อไป Demand zone ถัดไปคือจุดบรรจบของระดับสูงสุดในวันที่ 12 เมษายน ซึ่งกลายเป็นแนวรับ และเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบง่าย (SMA) 50 วันระหว่าง 2,435 ดอลลาร์และ 2,431 ดอลลาร์
📈ในทางกลับกัน หากมีแรงซื้อเข้ามาดันราคาขึ้นไปเหนือ 2,500 ดอลลาร์ แนวต้านถัดไปจะเป็นระดับสูงสุดในรอบปีที่ 2,531 ดอลลาร์ หากทะลุผ่านได้ จุดหยุดถัดไปจะเป็นระดับจิตวิทยาที่ 2,550 ดอลลาร์ ตามด้วยระดับ 2,600 ดอลลาร์
จากพื้นที่แนวต้านและแนวรับของราคาทองคำตามกรอบ H2 ช่วงวันที่ 9/9 - 13/9/2024
ระบุพื้นที่สำคัญดังต่อไปนี้:
Resistance: $2505, $2530, 2560
Support : $2470, $2453, $2432
⚠️หมายเหตุ
- บทวิเคราะห์นี้เป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น
- ผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างจากการคาดการณ์
- ข้อมูลนี้ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน
- โปรดศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
**ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่่ยงสูง ควรติดตามปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อราคาทองคำอย่างใกล้ชิด
ขอให้เทรดเดอร์จัดการเงินทุนของตนให้ดี
- เลือกจำนวนล็อตที่ตรงกับเงินทุนของคุณ
- Takeprofit เท่ากับ 4-6% ของบัญชีเงินทุน
- Stoplose เท่ากับ 2-3% ของบัญชีเงินทุน
- ผู้ชนะคือผู้ที่อยู่กับตลาดนานที่สุด
--------------------------------------
เดือนกันยายน - วางเป้าหมายที่จะไปถึง New ATH.✍️ความคิดเห็นเกี่ยวกับราคาทองคำตั้งแต่วันที่ 2/9 - 6/9/2024
สถานการณ์ล่าสุด:
◾️ราคาทองคำร่วงลงกว่า 0.90% ในวันศุกร์ ต่ำกว่า 2,500 ดอลลาร์เป็นครั้งที่สองในสัปดาห์นี้ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานเดือนกรกฎาคม ปัจจุบัน ซื้อขายที่ 2,497 ดอลลาร์ หลังจากแตะระดับสูงสุดที่ 2,526 ดอลลาร์ในช่วงก่อนหน้า
สำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐฯ (BEA) เปิดเผยว่ามาตรการเงินเฟ้อที่เฟดต้องการอย่าง PCE พื้นฐาน ต่ำกว่าที่คาดเล็กน้อย แต่เท่ากับตัวเลขของเดือนมิถุนายน ข้อมูลนี้สนับสนุนแผนการของเฟดที่จะเริ่มผ่อนปรนนโยบายการเงินในการประชุมเดือนกันยายน แม้ว่าขนาดของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกยังคงไม่ชัดเจน
--------------------------------------
📌Identify:
การปรับราคาทองคำให้อยู่ในโซนไซด์เวย์แต่ไม่ต่ำกว่า 2490 - 2500 ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งของราคาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แนวโน้มขาขึ้นยังคงมีอิทธิพลเหนือกรอบระยะยาว H1, H4, D1
--------------------------------------
พื้นที่แนวต้านและแนวรับของราคาทองคำตามกรอบ H4 ตั้งแต่วันที่ 2/9 - 6/9/2024
ระบุพื้นที่สำคัญที่สำคัญดังนี้:
แนวต้าน: 2532 ,2545, 2592
แนวรับ: 2470 ,2438, 2425
--------------------------------------
ไอเดียเพิ่มเติมจะแจ้งในกลุ่ม
⚠️หมายเหตุ
- บทวิเคราะห์นี้เป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น
- ผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างจากการคาดการณ์
- ข้อมูลนี้ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน
- โปรดศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
**ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่่ยงสูง ควรติดตามปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อราคาทองคำอย่างใกล้ชิด
ขอให้เทรดเดอร์จัดการเงินทุนของตนให้ดี
- เลือกจำนวนล็อตที่ตรงกับเงินทุนของคุณ
- Takeprofit เท่ากับ 4-6% ของบัญชีเงินทุน
- Stoplose เท่ากับ 2-3% ของบัญชีเงินทุน
- ผู้ชนะคือผู้ที่อยู่กับตลาดนานที่สุด
--------------------------------------
ราคาทองคำเพิ่มขึ้นด้วยความคาดหวังว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นในการซื้อขายในเอเชียในวันพฤหัสบดี ซึ่งขยายตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอทำให้เกิดความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยธนาคารกลางสหรัฐ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง
โลหะสีเหลืองกำลังเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์นี้ เนื่องจากเทรดเดอร์ตั้งราคาในเฟดเพื่อเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศแคนาดา และการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนั้นคาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางจากธนาคารกลางยุโรป เงื่อนไขทั่วโลก
สิ่งนี้ทำให้เห็นการฟื้นตัวของโลหะสีเหลืองแม้ว่าความต้องการความเสี่ยงในวงกว้างจะดีขึ้นก็ตาม
ราคาทองคำสปอตเพิ่มขึ้น 0.6% สู่ระดับ 2,370.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าที่จะหมดอายุในเดือนสิงหาคมลดลง 0.6% สู่ระดับ 2,389.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 01:07 ET (05:07 GMT)
ทองคำร่วง 100 ดอลลาร์จากสถิติใหม่ เน้นลดอัตราดอกเบี้ย
ปัจจุบันราคาทองคำซื้อขายต่ำกว่า 100 ดอลลาร์จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนพฤษภาคม แต่ปัจจัยเบื้องหลังการเพิ่มขึ้นของราคาในครั้งนี้แตกต่างออกไป
ราคาทองคำพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนพฤษภาคมไม่นานหลังจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกในอิหร่านสังหารประธานาธิบดีเอบราฮิม ไรซี และทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เลวร้ายลงในประเทศนี้
ทองคำพุ่งถึงจุดสูงสุดท่ามกลางความขัดแย้งราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเซสชั่นเอเชียเมื่อวันพุธ แต่ยังคงอยู่ในระดับคงที่เป็นเวลาเกือบสองสัปดาห์ ท่ามกลางการคาดเดาอย่างต่อเนื่องว่าธนาคารกลางสหรัฐจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด
ในบรรดาโลหะอุตสาหกรรม ราคาทองแดงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 เดือน ซึ่งทำลายสถิติสูงสุดส่วนใหญ่ของเดือนพฤษภาคม ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการชะลอตัวของการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก
ทองคำได้รับการผ่อนปรนเล็กน้อยเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสองเดือนในสัปดาห์นี้ แต่ดอลลาร์ฟื้นตัวเล็กน้อยในวันพุธ
ราคาทองคำสปอตเพิ่มขึ้น 0.4% สู่ระดับ 2,337.35 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าที่จะหมดอายุในเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 0.4% สู่ระดับ 2,357.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 00:46 น. ET (04:46 GMT) อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำสปอตยังคงอยู่ที่ระดับ 2,300 ถึง 2,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นเวลาเกือบสองสัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงที่แตะระดับนี้หลังจากร่วงลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนพฤษภาคม
ทองคำมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยท่ามกลางความคาดหวังเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ผู้ค้ายังคงระวังภาวะกระทิงในโลหะสีเหลือง แม้ว่าชุดข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอจะเพิ่มการเก็งกำไรว่าเฟดจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน
ทองคำโลกเพิ่มขึ้น 1% หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อ่อนแอราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นในวันจันทร์ (3 มิถุนายน) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อ่อนตัวกว่าที่คาด ตอกย้ำความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปลายปีนี้ ซึ่งส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่อ่อนตัวลง
ในช่วงท้ายของช่วงการซื้อขายในวันที่ 3 มิถุนายน สัญญาทองคำสปอตเพิ่มขึ้น 0.9% เป็น 2,348.06 USD/ออนซ์ หลังจากเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเดือนที่แล้ว ราคาทองคำแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 2,449.89 USD/oz เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม สัญญาทองคำล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 1% เป็น 2,368.60 USD/oz
ข้อมูลแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมการผลิตในสหรัฐฯ ชะลอตัวเป็นเดือนที่สองติดต่อกันในเดือนพฤษภาคม และการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐฯ ลดลงอย่างไม่คาดคิดเป็นเดือนที่สองติดต่อกันในเดือนเมษายน เนื่องจากกิจกรรมที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยลดลง
ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อเทียบกับคู่แข่ง ทำให้ทองคำมีความน่าดึงดูดใจมากขึ้นสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ในรอบ 10 ปีก็ปรับตัวลดลงเช่นกันตามข้อมูลการผลิตที่อ่อนแอ
คาดการณ์ว่าทองคำจะยังคงลดลงเล็กน้อยเมื่อสิ้นสุดวันซื้อขายวันที่ 30 พฤษภาคม สีแดงครอบคลุมรายการราคาโลหะ สำหรับโลหะมีค่า ราคาเงินและแพลทินัมลดลงพร้อมกันเนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมหภาค ปิดเซสชัน ราคาโลหะเงินลดลง 2.59% เป็น 31.53 USD/ออนซ์ ทำลายสถิติที่เพิ่มขึ้น 3 เซสชันติดต่อกัน ราคาแพลตตินัมลดลง 0.94% สู่ 1,038 ดอลลาร์/ออนซ์
ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ได้ส่งข้อความอย่างต่อเนื่องว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐยังไม่เย็นลงอย่างรวดเร็วเพียงพอ และ Fed จำเป็นต้องรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับสูงต่อไปเป็นเวลานาน สิ่งนี้ได้ลดทัศนคติในแง่ดีในตลาดและจำกัดการเพิ่มขึ้นของโลหะมีค่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ ในช่วงการซื้อขายเมื่อวานนี้ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางของ Fed ยังส่งผลให้ราคาเงินและแพลทินัมลดลง แม้ว่าสหรัฐฯ จะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอออกมาหลายชุด ซึ่งสนับสนุนสถานการณ์การลดอัตราดอกเบี้ยก็ตาม
โดยเฉพาะตามรายงานเบื้องต้นจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกา การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเพียง 1.3% ในไตรมาสแรกของปี 2024 ปรับลดลงจาก 1.6% ในรายงานฉบับที่แล้ว นอกจากนี้ การใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นเพียง 2% ในไตรมาสแรกของปี 2024 ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่สองของปี 2023
สำหรับโลหะพื้นฐาน ราคาแร่เหล็กลดลง 2.7% มาอยู่ที่ 115.64 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดสองสัปดาห์หลังจากที่จีนส่งสัญญาณให้จำกัดการผลิตเหล็กต่อไป
ตามคำแถลงของรัฐบาลจีน จีนตั้งเป้าที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของอุตสาหกรรมหลักๆ ประมาณ 1% ของการปล่อยก๊าซทั้งหมดของประเทศภายในปี 2566 และย้ำการควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอน ก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายน หน่วยงานวางแผนของรัฐจีนประกาศว่ารัฐบาลจะยังคงจัดการผลผลิตเหล็กดิบต่อไปจนถึงปี 2024
ราคาทองแดงของ COMEX ก็ร่วงลงติดต่อกันสองครั้ง โดยลดลง 2.77% อยู่ที่ 4.65 USD/ปอนด์ ประสิทธิภาพราคาทองแดงอ่อนตัวลงในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากความเสี่ยงด้านอุปทานลดลง ในขณะที่อุปสงค์ที่แท้จริงยังคงอ่อนแอในจีน
ข้อมูลทางสถิติแสดงให้เห็นว่าสินค้าคงคลังที่แผนกเซี่ยงไฮ้ยังคงอยู่ที่ 290,000 ตัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ในขณะเดียวกัน ผลผลิตทองแดงกลั่นของประเทศยังคงสูงเป็นประวัติการณ์ที่ประมาณ 1.4 ล้านตัน แม้ว่าจะมีข้อจำกัดในการผลิตก็ตาม สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าการบริโภคที่ซบเซาในจีนทำให้เกิดอุปทานส่วนเกิน
ทองคำร่วงลงเนื่องจากเงินดอลลาร์ฟื้นตัวจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ราคาทองคำร่วงลงในช่วงเซสชั่นเอเชียในวันพฤหัสบดี สาเหตุหลักมาจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเทรดเดอร์ยังคงวิตกกังวลก่อนข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่ออัตราดอกเบี้ย
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่าสองสัปดาห์ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่สูงในระยะยาว ส่งผลให้เทรดเดอร์เอนเอียงไปทางดอลลาร์อย่างหนัก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเช่นกันในสัปดาห์นี้
แนวโน้มดังกล่าวทำให้เกิดการไหลออกของทองคำ ส่งผลให้โลหะสีเหลืองอยู่ห่างจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โลหะสีเหลืองก็สูญเสียกำไรเกือบทั้งหมดในสัปดาห์นี้
ราคาทองคำสปอตร่วงลง 0.2% สู่ระดับ 2,332.98 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าร่วงลง 0.4% สู่ระดับ 2,331.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ก่อนหมดอายุในวันที่ 1 มิถุนายน
ราคาทองคำอยู่ภายใต้แรงกดดัน สัญญาณอัตราดอกเบี้ยหลายรายการกำลังใกล้เข้ามา
โลหะสีเหลืองได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ข่าวเศรษฐกิจสหรัฐเพิ่มเติมในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย
ข้อมูลที่ได้รับการปรับปรุงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศในไตรมาสแรกจะถูกเปิดเผยในวันพฤหัสบดีและอาจแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจยังทำให้ Federal Reserve มีพื้นที่มากขึ้นในการรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับสูงได้นานขึ้น
ทองคำคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเล็กน้อยในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาทองคำยังคงทรงตัวเนื่องจากค่าเงิน USD ลดลงเล็กน้อย ขณะนี้นักลงทุนกำลังมุ่งเน้นไปที่การเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่กำลังจะมีขึ้น ซึ่งคาดว่าจะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในนโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ
ในวันอังคาร ราคาทองคำสปอตไม่เปลี่ยนแปลงที่ 2,350.85 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยคงระดับไว้ตั้งแต่เช้าตรู่ที่ 0350 GMT การรักษาเสถียรภาพนี้เพิ่มขึ้น 1% ในช่วงก่อนหน้า ในขณะเดียวกัน ราคาทองคำล่วงหน้าของสหรัฐฯ มีกิจกรรมเชิงบวกมากขึ้น โดยเพิ่มขึ้น 0.8% แตะที่ 2,352.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ
นักวิเคราะห์ตลาดกำลังจับตาดูความแข็งแกร่งของ USD อย่างใกล้ชิด เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ในการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อราคาทองคำ ตามคำบอกเล่าของ Kelvin Wong นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ OANDA การแข็งค่าของ USD ที่ได้รับการสนับสนุนจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายอาจนำไปสู่การเคลื่อนไหวที่ถูกต้องของทองคำแท่ง อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น Wong เชื่อว่าสปอตทองคำกำลังโน้มตัวไปสู่แนวโน้มเชิงบวก โดยที่ 2,310 ดอลลาร์เป็นระดับแนวรับที่สำคัญประจำสัปดาห์






















