ช่วงนี้ควรเริ่มทยอยซื้อหุ้นที่ลงมาเยอะๆ เข้าพอร์ตแล้วหรือยัง? ช่วงนี้เลื่อน Facebook ผ่านเพจหุ้นต่างๆ ก็จะเริ่มมีโพสเชิงกึ่งคำถามว่า ตอนนี้ ตัวนี้น่าเริ่มซื้อหรือยัง? ตัวนั้นลงมาเยอะแล้วต้องซื้อแล้วถือยาวดีมั้ย?
ผมเอง ก็ไม่ใช่เซียนหุ้นอะไร เพราะส่วนตัวก็ยังเพิ่งมาดู price pattern ของหุ้นไทยได้ไม่นานเหมือนกัน .. แต่ด้วยความรู้ของการนั่ง Backtest ด้วยกลยุทธ ตระกูล Trend Following มาหลายสินค้า .. ก็พอสรุปรูปแบบของกราฟที่ดูแล้วน่าจะเป็น "ขาขึ้น" ได้ดังนี้
--------------------------------
1) กราฟขาขึ้น = indicator ชี้ขึ้น
--------------------------------
* ข้อนี้สำคัญมากที่สุด และโคตรง่ายที่สุด พิมพ์แล้วก็เหมือนกำปั้นทุบดิน แต่มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
* เอาง่ายๆ กราฟใดๆ มันจะขึ้นได้ สิ่งที่ผมสังเกตุเห็นได้ มันจะมีสิ่งคล้ายๆ กันดังนี้
* Exponential Moving Average ( 21 ) เคลื่อนที่ไปในทิศทางชี้ขึ้นและจะอยู่ใต้แท่งเทียน
* Action Zone เขียว ( หรือเส้น MACD ทั้งสองเส้น > 0 )
* ถ้าเอา CDC ATR มาใส่กราฟ ก็จะเป็นสีเขียว
* พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าอยากจะซื้อจริงๆ ก็นั่งรอให้เงื่อนไขข้างบนครบก่อนก็น่าจะดีกว่าครับ เพราะอย่างน้อย เราจะมีโอกาสที่เราจะได้กำไร สูงกว่าเสียตัง
--------------------------------
2) ถ้าตลาดมันยังเป็นขาลง มันก็จะลงไปเรื่อยๆ จนกว่ามันจะหยุดลง
--------------------------------
* ข้อนี้ก็เหมือนเป็นการตอบแบบกวนตีนๆ อีกเช่นกัน แต่ตลาดมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
* ถ้ามันจะหยุดลง ..กราฟมันก็จะค่อยๆ กลับตัว ขึ้นมาเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนสุดท้าย indicator ทั้งหลายที่ผมบอกในข้อแรก มันก็จะเขียว .. และนั่นคือจุดที่เราควรจะเสี่ยงเข้า และมีโอกาสชนะสูงขึ้น
* ต่างกับช่วงที่กราฟมันยังแดง ยังหัวปัก เหมือนหุ้นในตัวอย่างนี้ การที่เราเข้าไปเสี่ยงซื้อ ตอนที่กราฟยังเป็นขาลงอยู่ ก็เท่ากับการไปรับมีดที่กำลังหล่น..
* ถ้าโชคดี มีดมันเริ่มหมดแรงหล่นแล้วเราก็อาจจะไม่เจ็บหนัก และมีดก็จะพาเรารวยได้
* แต่ถ้าโชคร้าย มีดมันยังไม่หมดแรง แล้วมันหล่นต่อ มันก็จะทิ่มทะลุมือเรา ลงไปให้เราเอาตีนรับอีกรอบ ... ซึ่งถ้ายังโชคร้ายอยู่ มันก็จะทะลุตีนไปด้วย
* ทางที่ดี ผมว่า นั่งรอดูให้มีดมันหล่นลงพื้น แล้วหยุดสะบัดก่อน แล้วค่อยก้มลงเก็บมีด ... น่าจะปลอดภัยกว่า...
* คนส่วนใหญ่ กลัวจะไม่ได้ของ กลัวจะตกรถ แถมพวกสื่อต่างๆ ก็บิ้วให้เราซื้อซะเหลือเกิน เหมือนกับว่า ของแม่งลดราคาลงมาขนาดนี้แล้ว ไม่ซื้อก็โง่
* แต่ถ้าใครเคยผ่านช่วง ICO เน่า ของตลาดคริปโตมาก่อน คุณจะเข้าใจว่า ถ้าตลาดมันลง ไม่ว่าคุณจะถัวสวนเทรนแค่ไหน มันก็จะสามารถลงไปอีกได้เรื่อยๆ เรื่อยๆ จนกว่ามันจะหยุดลงจริงๆ โน่นแหละ 555
--------------------------------
3) ไม่มี Oversold ที่แท้ทรู และไม่มี Overbought ที่แท้ทรู เช่นกัน
--------------------------------
* มือใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาด ก็จะไปยึดติดกับหลักการ RSI Oversold ที่เขาสอนๆ กันว่า เฮ้ย มัน OS + Bullish divergence แล้ว เดี๋ยวมันต้องเด้งในเร็วๆ นี้แน่ๆ แล้วก็รีบไปซื้อสวนเทรนกัน
* ปัญหาของระบบสวนเทรนแบบนี้ มันก็คือว่า... มันสวนเทรนอ่ะ! .. มันอาศัยโชคล้วนๆ เลยครับ!
* ถูก ว่าบางครั้ง เราสวนแล้วมันจะขึ้นก็ได้ .. แต่ก็ต้องถามว่า แล้วโอกาสมันกี่% ล่ะ? แล้วมันคุ้มกับการสวนหรือไม่? เพราะผมเคยเห็นบางทีมัน OS แล้ว OS อีก มันก็ลงไปได้เรื่อยๆ แบบไม่มีที่สิ้นสุดนะครับ 55
* ดังนั้น ผมว่า รอชัวร์ๆ ก่อนดีกว่า
--------------------------------
4) ซื้อแล้วดอย ก็ไม่เป็นไรหรอก เราเป็น VI มองการลงทุนระยะยาว
--------------------------------
* ข้อนี้ มักเป็นคำแก้ตัวของคนติดหุ้น แล้วไม่ยอมเรียนรู้ว่าทำไมถึงติด แล้วจะแก้ไขได้อย่างไร
* เคส VI นี่ ถ้าเราไปดูกราฟของ KBANK ที่ทำ New Low 10 ปีก็พบว่า...
* ไม่ว่าคุณจะทยอยซื้อหุ้น KBANK ที่ราคาเท่าไหร่ก็ได้ แล้วไม่ขาย ( DCA หุ้น ) ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา.. ณ ตอนนี้ คุณก็จะ "ดอย" อยู่ดี ครับ
* จะดอยมาก ดอยน้อย ก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณไปดอยที่ราคาเท่าไหร่ .. แต่ถ้าจะให้เฉลี่ยๆ ก็น่าจะมี ระดับ -50% up
* กลายเป็นว่า.. VI เนี่ย จริงๆ แล้ว มันใช้กับตลาดหุ้นไทยเราได้หรือป่าว? หรือใช้ได้แค่ช่วงหลังวิกฤต sub prime ตอนปี 2008? หรือเป็นแค่คำหวานที่เหล่ากูรูหุ้นหลอกให้เราถือหุ้นไปเรื่อยๆ ไม่ยอมขาย?
* อย่าลืมนะครับ เรามาลงทุน ก็อยากให้เงินเรางอกเงย เมื่อเวลาผ่านไป .. ไม่ใช่ว่า ยิ่งถือ ก็ยิ่งขาดทุน
* เราทำธุรกิจ ปีสองปีแรก ขาดทุน เราอาจจะต้องมานั่งคิดทบทวนดูเลยครับว่า ควรจะทำต่อดีไหม หรือยอมเลิกกิจการแล้วไปทำอย่างอื่น
* นี่กลายเป็นว่า พอเราติดหุ้น เราก็ทนขาดทุนไปเรื่อยๆ และรออย่างมีความหวังว่า "สักวัน" ราคามันน่าจะขึ้นไปสิบเด้งร้อยเด้ง เหมือนที่มันเคยขึ้นไปในอดีต... แบบนี้มันไม่ใช่การลงทุนแล้วครับ มันคือการซื้อหวยดีๆ นี่เอง 555
--------------------------------
สรุปว่า... ควรซื้อหรือยัง
--------------------------------
อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ ผมตอบเลยว่า "ยัง" ... เก็บเงินสดของท่านไว้ก่อนดีกว่า...
ไม่ต้องรีบช้อน กะจะได้จุดต่ำที่สุดหรอกครับ ตลาดมันก็อยู่ของมันตรงนี้ ไม่ไปไหน อีกกี่สิบกี่ร้อยปี มันก็ยังอยู่ เพราะว่า มันคือสิ่งที่เล่นกับความโลภของคนที่ไม่รู้ และคิดว่า ตลาดมันง่ายๆ นั่งกระดิกตีนริมชายหาดก็รวยได้ เหมือนดังภาพที่สื่อชอบเอามาหลอกพวกเรากัน..
ระหว่างรอ ก็นั่งศึกษาหาข้อมูลกันไปก่อน อย่างน้อย ก็ควรดูกราฟให้เป็น..
ยุคนี้ มีเว็บอย่าง tradingview ช่วยให้ท่านดูกราฟ + ใส่ indicator ได้อย่างง่ายๆ ไม่ยุ่งยากเหมือนสมัยก่อนแล้วครับ
พวก กลยุทธ ต่างๆ ผมก็ทำแจกเอาไว้เยอะแยะ ก็ไปเรียนรู้ หาวิธีใส่ แล้วก็ลองศึกษามันไปเรื่อยๆ ดูก่อน ยังไม่ต้องรีบกดซื้อด้วยเงินจริง ลองนั่ง backtest ไปเรื่อยๆ ก่อนว่า ท่าไหน ที่เราน่าจะเข้าซื้อ แล้วมีโอกาสชนะมากที่สุด
แล้วก็.. อย่าไปฟังพวกเพจเชียร์หุ้น กลุ่มหุ้น หรือบทวิเคราะห์อะไรมากนัก ถ้าอยากซื้อ ให้กลับมาเปิดกราฟดูก่อนว่า มันกลับตัวเป็นขาขึ้นหรือยัง.. ถ้ายัง ก็ยังไม่ต้องซื้อ แต่ใส่ watch list ไว้ก่อน
ก็ลองไปปรับใช้กันดูนะครับ อยากให้ทุกคนดูกราฟกันเองเป็น จะได้ไม่ไปติดดอยส่งเดช ครับ ช่วงนี้เงินยิ่งหายากอยู่ ...
อ้อ ส่วน ถ้าใคร เทรดหุ้นธรรมดา ยังไม่มีกำไรสม่ำเสมอตลอด 1-2 ปี... อย่าคิดแม้แต่จะไปลอง TFEX นะครับ ... หมดตัวแน่นอน 555
Stockexchangeofthailand
Forward Test ระบบ Action Zone เขียวซื้อแดงขาย บนสัญญา S50ทดลอง Forward Test ระบบ Action Zone บนสัญญา Future S50 เพื่อการเรียนรู้ครับ
ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน หรือเป็นการ discredit ลุงโฉลกแต่อย่างใด
บางอย่างผมอาจจะใช้สัญลักษณ์หรือชื่อเรียกผิด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ เพราะยังเพิ่งเริ่มศึกษานะครับ
รอบนี้ระบบ Action Zone มีสัญญาณ แดงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องออกกันไปตามระบบครับ
----- LONG Entry ------
Series : S50M20
Entry Date : 20 Apr 2020
Entry Index : 835
Stop Loss : 777 ( ใต้ Gap ที่อยู่ใต้ EMA 18 )
SL point : 58
Actual Loss = 58x 200 = 11600 บาท ต่อ 1 contract
Risk 2% พอร์ตนี้ต้องมีขนาด = 580,000 บาท ขั้นต่ำ
------- Exit --------
Exit Date : 29 June 2020 ( วันสุดท้ายที่ให้เทรด )
Time Hold : 70 วัน
Exit Index : 874 ( ตัว index จริงราคาอาจจะไม่ใช่อันนี้ )
Profit Point = 874-835 = 39 point
Actual Profit = 39 x 200 = 7800 บาท +-
กำไรต่อขนาดพอร์ต = 1.34% ( ยังไม่รวมค่า broker fee )
------ Conclusion ---------
สรุปก็คือ รอบนี้ ถ้าเทรด future ของ SET50 ที่ TFEX ด้วยระบบ Action Zone เขียวซื้อแดงขาย
เราก็จะได้กำไรประมาณ 1.3% ที่ความเสี่ยง 2% ครับ
สิ่งที่ผมเห็นก็คือว่า.. การเทรด S50 นั้น ถ้าจะคุมความเสี่ยงตามกฏ Risk per Trade เป๊ะๆ จะเห็นได้ว่า
เราจะต้องมี position ที่ใหญ่มากๆ .. อย่างเคสนี้ ถ้าจะเสี่ยงแค่ 2% เราจะต้องมีขนาดหน้าตักที่สูงถึง 580,000 บาท ถึงจะเทรดแล้วคุมความเสี่ยงได้
และยังมีสิ่งที่ไม่รู้อีกก็คือ.. อย่างเคสรอบนี้ ระบบมันมา "แดง" บอกให้ออก ณ วันสุดท้าย ที่ให้เทรดสัญญา S50M20 พอดี ( วันที่ 29 June 2020 )
ก็ไม่รู้ว่า ในวันนั้น ตัวสัญญา S50M20 ราคาจะเหวี่ยงลงไปถึงแค่ไหน
===============================
เนื่องจากระบบ "แดง" เราก็เลยลองมา fwd test โดยการเปิด "Short" กันดูดีกว่า โดยแผนก็คือจะ SL ถ้าราคาทะลุ High เดิม กันครับ
----- SHORT Entry ------
Series : S50U20 ( Sep contract )
Entry Date : 1 Jul 2020
Entry Index : 872
Stop Loss : 972 ( High เดิม )
SL point : 100
Actual Loss = 100x 200 = 20,000 บาท ต่อ 1 contract
Risk 2% พอร์ตนี้ต้องมีขนาด = 1,000,000 บาท ขั้นต่ำ
แต่การ Short เราจะไม่สามารถรันเทรนได้ ต้อง ตี fibo เอา โดยเป้าการลงรอบนี้มีดังนี้
เป้าแรก : 770 ( fib projection ที่ 1 และ โซน 0.618 fib )
เป้าสอง : 700 ( fib projection ที่ 1.618 และ โซน 0.786 fib )
เดี๋ยวเรามา update กันอีกที ถ้าถึงเป้านะครับ
SET: ATR flip จากเขียวเป็นแดง + ทำ lower low ทรงนี้มีแววลงหนักหลังจากลากเม่าขึ้นไปที่ยอดดอยเพื่อไปรับของกันจนเต็มมือ
สุดท้าย วันนี้ กราฟก็ทำทรงที่ไม่ควรจะทำ ถ้าจะขึ้นต่อได้ นั่นก็คือ..
1) ATR (4) Daily Flip จากเขียวเป็นแดง : เป็นสัญญาณว่า การลงรอบนี้ แหกกรอบการแกว่งลงมาแรงมากจนเกินไป
2) ราคาวิ่งใต้ EMA 18 และกรอบ Action Zone มาสามสี่วัน และวันนี้เป็นวันที่ confirmation ว่า น่าจะเป็นการเปิดฉากขาลงอย่างเป็นทางการ
3) กราฟทำ Lower Low หลุด low เดิม ที่ 1338 และไปปิดต่ำกว่า low เดิม ที่ 1333
4) MACD กำลังจะมุดเส้น 0 ลงไป
5) แท่ง Monthly จะปิดแท่งด้วยทรง Rejection ที่อัปรีย์ที่สุด หางชี้ฟ้ายาวเฟื้อย
6) ช่วง peak 1450 สัญญาณเม่ามาเต็ม ทั้งคนอวดกำไรเต็มเฟส และยอดคนเปิดบัญชีหุ้นสูงที่สุดในรอบหลายๆ เดือน รวมถึงการเปิด gap ขึ้นข้างบน
และเศรษฐกิจโลก ที่กำลังจะเจอการเผาจริง หลังออกงบ Q2 ที่กำลังจะถึงนี้...
รอบนี้ ถ้าการปรับฐานที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ทำ new low
เราก็น่าจะได้เห็นการพักตัวที่แถวๆ 1100-1200 ( fibo 0.618-0.786 )
แต่ถ้าทำ new low ก็ตัวใครตัวมัน เพราะไม่รู้จะลงไปถึงไหนกันเลย
รอบนี้ เม่ามือใหม่ ที่ไม่เคยเทรดหุ้นมาก่อน และไม่มีความรู้ หรือ mindset ที่ถูกต้อง
ก็จะมือแข็ง ทำอะไรไม่ถูก เพราะที่ผ่านมา คิดว่าตลาดมันง่าย
แค่ซื้อๆ ขายๆ ก็ได้กำไรง่ายๆ ทุกวัน
สุดท้าย ก็ได้แต่ปลอบใจกันเองบนยอดดอย ว่า ไม่ขาย ก็ไม่ขาดทุน
และแปลงร่างจาก day trade เป็น VI จำเป็นกันจนหมด
เฮ้อ ก็นั่นน่ะแหละ ไม่รู้มันจะลากขึ้นไปทำไม
สุดท้ายก็จบรอบอยู่ดี 555
ตอนนี้ส่วนตัวผมมือว่างละ ก็ขาดทุนกันไปตามระเบียบ
แต่ก็ได้เรียนรู้อะไรมาหลายๆ อย่าง ก็ถือว่าเป็นค่าครูที่คุ้มค่า 555
เป็นกำลังใจให้มือใหม่ทุกคนนะครับ
หาความรู้กันเยอะๆ นะครับ ตลาดมันไม่ง่าย..
มันมีช่วงง่าย(อ่อยเหยื่อ) และช่วงคืนกำไร เสมอครับ
ปล. กราฟ month รันทดจัด
SET : RSI มากกว่า 46.8 เตรียมเป็นขาขึ้นรอบใหญ่ กินเวลา 2-4 ปีจากรูป ถ้าเราลองลากเส้นแนวนอน ตามแนวรับของ RSI ที่ SET เคยย่อลงมาแล้วไม่หลุด
จะเห็นได้ว่า
ค่า RSI ที่เป็นแนวรับ/แนวต้านใหญ่ ของ SET ระดับ TF Weekly ก็คือประมาร 46.8
ซึ่ง จากที่ได้ลองไล่ดูข้อมูลย้อนหลัง พบว่า
เมื่อ RSI ข้ามจากโซนล่าง ( น้อยกว่า 46 ) ข้ามเส้น 46.8 ขึ้นมา = หลังจากนั้นตลาดจะเป็นภาวะกระทิง ( Bullish / ขาขึ้น )
เมื่อ RSI ข้ามจากโซนบน ( มากกว่า 47 ) ข้ามเส้น 46.8 ลงมา = หลังจากนั้นตลาดจะเป็นภาวะหมี ( Bearish / ขาลง )
ซึ่ง ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ถ้าเราสังเกตุ RSI จะเห็นได้ว่า
ตอนนี้ มันวิ่งข้ามเส้น 46.8 ขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และ confirm อีกชั้น ด้วย เส้น MACD ตัดกันเมื่อหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา
ซึ่ง... ถ้าเราลองมองย้อนหลังไป เราจะพบความสัมพันธ์ที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
1) 15 ก.พ. 16 - 21 พ.ค. 18 ( ประมาณ 2 ปี )
--------------------
- RSI ได้ทะลุแนวต้าน 46.8 ขึ้นไป และวิ่งเป็นขาขึ้นยาว ตลอด 2 ปี
- ถ้าสังเกตุ MACD ก่อนหน้านั้นมีการตัดกันที่โซนล่างด้วย ก็เป็นการ confirm uptrend
- หลังจาก RSI Overbought แรก ตลาดก็มีการ Correction ลงมาแรง ถ้าดูจากกราฟแล้ว ผมว่าก็แรงกันจนเม่าสติแตกแน่ๆ 555 เพราะลงจาก 1550 ไป 1350 ในเวลา 7 สัปดาห์ ( สองเดือน )
- แต่ก็น่าจะเป็นจุดซื้อเพิ่มที่ดี สำหรับคนที่ยังไม่ได้ขึ้นรถ ( แต่ตอนหน้างาน ทุบแรง+นาน แบบนี้ ต้องมีคนสติแตกกันอย่างแน่นอนครับ )
- หลังจากนั้นตลาดก็ค่อยๆ ขึ้นไปต่อเรื่อยๆ แต่ก็มีช่วง sideway นิ่งๆ ไม่ไปไหน ให้คนถอดใจ กันอยู่เกือบปี ( ม.ค. 17-ส.ค. 17 )
- แล้วก็พุ่งพรวดเดียวไป peak ตอน ม.ค. 18 -- ก็สอดคล้องกับราคา BTC ที่พุ่งกระฉูดไปเหมือนกัน
- หลังจากนั้น ราคาก็เจอ bearish divergence weekly แล้วก็ร่วงลงมาหนัก ยาว ตั้งแต่ 2018 ถึงปัจจุบันนี่แหละ
- สิ่งที่เราเรียนรู้ จากการลองไล่พฤติกรรมราคา ในภาพใหญ่ คือ บางช่วง ตลาดมันจะเล่นงานเราด้วยการ correction อย่างรุนแรง แต่เป็นการ correction เพื่อไปต่อ
- ซึ่งเราก็ต้องมีแนวทางการหนีที่ชัดเจน เก็บเอาไว้ดูประกอบด้วย เช่น ถ้าปิด week ต่ำกว่า low ก่อนหน้า ไกลๆ ก็หนี หรือ short TFEX hedge พอร์ตเอาไว้ก่อน เป็นต้น
Pattern นี้ ในช่วงเวลาอื่นๆ
- 3 มี.ค. 14- 11 พ.ค. 15 = ปีกว่าๆ ( แถวนี้ ราคา BTC ก็ sideway )
- 21 พ.ย. 11 - 10 มิ.ย. 13 = เกือบสองปี ( แถวนี้ ราคา BTC ก็วิ่งควาย )
- 16 เม.ย. 09 - 12 ก.ย. 11 = สองปีกว่า
* แถวนี้ กราฟวิ่งขึ้นแบบแทบจะไม่พักอยู่ 2 ปี เปิดตำนานเซียนหุ้นในเมืองไทย
- 4 พ.ค. 04 - 16 มิ.ย. 08 = choppy market 4 ปี
* ช่วงนี้ตลาดวิ่งขึ้นวิ่งลงในกรอบ ไม่ได้พุ่งไปไหนไกลอยู่เป็นหลายปี
* ผมจำได้ว่า ช่วงนั้น หนังสือพ่อรวยสอนลูกฮิตมาก เพราะตลาดเมกาดี คน flip อสังหากันรัวๆ จนเกิดฟองสบู่ sub prime แล้วแตกในปี 2008
- 1998-2004 = ต้มยำกุ้ง Recovery 6 ปี
* ช่วงนี้ตลาดยังซึมๆ เหงาๆ เพราะคนหมดตัวกันไปเยอะ หลังจากวิกฤต ต้มยำกุ้ง
* ช่วงนี้ ใครมีเงิน แล้วช้อนหุ้นราคาถูก ตอนมันทำกรอบสะสมแถวโซน 200-300 แล้วไม่ขาย ตอนนี้ก็รวยกันไปถ้วนหน้า
สรุป
-----
* บทความนี้ก็เป็นข้อสังเกตุ ย้อนหลัง ของพฤติกรรมราคาของตลาดหุ้นไทย กับ RSI
* เอาจริงๆ มันก็มีบางช่วงที่ตรง ใช้ได้ แต่บางช่วงที่เราเจอตลาด choppy กันอยู่หลายปี กลยุทธนี้ก็ไม่เวิร์คเหมือนกัน
* สำหรับหุ้น ผมว่า บางที เราก็ต้องเทรดกันแบบมองภาพยาว และเล่นกันไปอย่างใจเย็นๆ
* อย่าง ถ้าเราดู TF monthly ประกอบ ก็จะเห็นว่า รอบนี้คือ opportunity of the lifetime จริงๆ อย่างลุงโฉลกแกเคยพูดไว้ในคลิป เพราะตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทย RSI monthly เราลงไปหลุด 30 แค่ 3 ครั้งเท่านั้น
* ถ้าเราตัดสินใจเข้าหุ้น ในรอบนี้ ผมคิดว่า ไม้ที่เข้ารอบนี้ ต้องอย่าออกเด็ดขาด และถือกันไปยาวๆ
* ส่วนเงินสด บางส่วน ก็เก็บเอาไว้ข้างสนาม ไว้รอจังหวะ correction แรงๆ แล้วค่อยเข้าเพิ่ม เป็นต้น
* ก็ลองสังเกตุดูนะครับ เราก็ไม่รู้อนาคตหรอกว่ามันจะไปทางไหน แต่ที่แน่ๆ สิ่งที่ชัวร์ที่สุดคือ
* เม่า จะเข้าที่ยอดดอย ที่ RSI peak ใน TF ใหญ่ แทบจะเสมอครับ
* เพราะเป็นเม่า ตอนที่ต้องเข้า ก็ลังเลๆ แล้วไม่ยอมถือทนรวย ไปเข้าๆ ออกๆ
* สุดท้าย พอไปเข้าไม้สุดท้าย แบบมั่นใจ จัดหนักจัดเต็ม ตอน RSI peak ก็โดนตลาดรับน้องอย่างไม่ต้องสงสัยครับ ( ผมรู้ เพราะผมก็เคยทำแบบนั้นมาก่อน 555 )
* ถ้าไม่อยากเป็นเม่า ก็วางแผนเทรดไม้ระยะยาว เอาไว้บ้างก็ดีนะครับ
SET : RSI Monthly Reset แล้ว พร้อมทะยานไปสู่ 3300 จุด!จากรูปที่ผมได้ตั้งข้อสังเกตุมา พบว่า
เมื่อไหร่ที่ SET ย่อแรง จน RSI ระดับ TF Month Reset แล้วเนี่ย
หลังจากนั้น มันมักจะเป็นขาขึ้นรอบใหญ่ครับ
ในช่วง 4-5 วันนี้ เราก็เริ่มที่จะเห็นเงินต่างชาติไหลกลับเข้ามาช้อนหุ้นหลายๆ ตัวของไทยแล้วเหมือนกัน
ผมว่า.. หลายๆ คนก็น่าจะเห็น fact ข้อนี้ ว่า ตลาดหุ้นไทยเรา มัน bottom ไปแล้ว
และหุ้นไทยหลายๆ ตัว พอไปดูผลกำไรย้อนหลัง ก็ไม่ได้ขาดทุนอะไรขี้ริ้วขี้เหร่เลย แต่ว่า ราคาเสือกลง!!
ก็ไม่แน่นะ รอบนี้ อาจจะเป็นขาขึ้นใหญ่อย่างลุงโฉลกว่าไว้ก็ได้ครับ
มาดูแต่ละช่วงกัน
-------------
1998-2004
-------------
RSI จาก ล่างสุด ( OS ) ไปบนสุด ( OB )
ใช้เวลา 1949 วัน ( 5.3 ปี )
SET ขึ้นไป 293%
--------------
2008-2013
--------------
RSI จาก ล่างสุด ( OS ) ไปบนสุด ( OB )
ใช้เวลา 1579 วัน ( 4.3 ปี )
SET ขึ้นไป 336%
* จริงๆ ตรงจุดนี้ มีการทำ เวฟ 5 อีกรอบด้วย ก่อนร่วงยาว
--------------
2020-2024/2025?
--------------
RSI จาก ล่างสุด ( OS ) ไปบนสุด ( OB )
ใช้เวลา 4-5 ปี? ก็น่าจะ top ช่วง 2024-2025
โดย SET อาจจะขึ้นไปแถวๆ 3300 จุด
( 1.618 + 4.236 fib level )
ขึ้นไปประมาณ 250%
------
สรุป
------
จะเห็นได้ว่า ตอนนี้ เรามีความ "เป็นไปได้สูง" มากๆ ครับว่า
เงินจากนอก จะไหลกลับเข้ามาตลาดหุ้นไทยเรา กันอย่างจริงๆ จังๆ เป็นเวลาหลายปี
อย่าลืมว่า รอบนี้ QE กันล้นโลก เงินแม่ง ล้นสุดๆ นะครับ
ถ้าสถานการณ์ virus covid ดีขึ้น เงินที่โยนเข้าหลุมดำ มันก็ต้องออกมาหาที่ลง
และมันจะไปไหนได้ นอกจากตลาดหุ้น หรือ Bitcoin(?) 555
ผมว่า แหย่ขาในหุ้นไทย เอาไว้บ้าง ก็ดีนะครับ
และให้มองเกมยาวๆ อย่ามองเกมสั้นๆ เล่นเข้าๆ ออกๆ แบบนั้นไม่เวิร์คครับ เพราะคุณจะโดนอารมณ์เล่นงานเวลาตลาดพักตัว
หรือใครนึกไม่ออกจริงๆ ไม่มีความรู้เลย
ก็ไปดูหุ้น top 10 หรือลองหาหุ้นที่มีกำไรต่อเนื่อง แข็งๆ
แล้วก็ทยอย DCA หุ้นไปก็ได้ แต่อย่างน้อย ขอให้ถือทน ถือยาว
รอให้ RSI monthly อย่างน้อย peak ไปก่อน แล้วค่อย ทยอยๆ ขายออกก็ได้ ( ควรดูกราฟให้เป็นครับ )