Gold price OGV4 on August 19, 2024gold price trend analysis for OGV4 on August 19, 2024, based on Open Interest, Volume, and Volatility data:
---
### 1. Open Interest (OI) Analysis
The Open Interest chart illustrates the number of open Call and Put contracts for OGV4, with the highest concentration of OI between the 2500-2550 strike price range, indicating its significance.
- **Call Options**: The highest Open Interest is at the 2550 strike price, suggesting that most investors expect the price to move upwards toward this level.
- **Put Options**: Conversely, there is significant Open Interest at the 2450 strike price, indicating that some investors anticipate the price may drop below 2500.
The concentration of OI in this range reflects the price levels investors are focusing on as crucial points for future price movements.
### 2. Intraday Volume Analysis
The Intraday Volume chart shows the trading volume within a single day across various strike prices.
- The highest trading volume is observed between the 2500-2550 strike prices, aligning with the area of highest OI.
- The high trading volume in this range confirms the market's interest in these price levels and suggests the potential for future price movements within this range.
### 3. Overall Volume Analysis
The Overall Volume chart displays the accumulated trading volume over time.
- The highest overall volume is at the 2500-2550 strike prices, further confirming significant investor interest in this price range.
- High volume in this area indicates substantial accumulation by investors, making it a critical price zone.
### Gold Price Chart Analysis
#### 1. Chart Patterns and Price Trend
- The chart indicates that the gold price is currently in an uptrend, characterized by longer green candlesticks, which signify strong buying pressure.
- The previous resistance at approximately 2,525 has been clearly breached, indicating the strength of the current uptrend.
#### 2. Testing Resistance Levels
- The next resistance level is around 2,550, which is a key level to watch for upcoming tests. Breaking through this level would confirm the continuation of the uptrend, while failure to do so might result in a pullback to consolidate buying pressure.
#### 3. Support Levels
- The critical support level is at 2,500, which should be monitored to see if the price will pull back to test and consolidate buying interest. If the price holds above this level, it could be a positive signal for further upward movement.
### 🔥 Analysis
From the charts, the gold price (GCZ2024) is clearly in an uptrend, having broken through the key resistance level at 2,525. Currently, attention should be on the upcoming test of the 2,550 resistance level. If the price can break through, the uptrend is likely to continue, but if it pulls back, the support at 2,500 will be critical for evaluating new buying opportunities.
### ✅ OI & Volume Heat Map Changes
#### 1. Open Interest (OI) Changes
- **Level 2480:** Significant OI increase in Call options by 272 contracts indicates growing interest in opening long positions at this price level, possibly expecting prices to rise to or above this level.
- **Level 2500:** OI increased by 283 contracts in Put options while Call OI decreased by 220 contracts, suggesting expectations that the price might not break above this level and could potentially decline. Put option holders seem confident in the support at this level.
- **Level 2550:** A significant decrease in Call OI by 433 contracts, with only 1 contract in Put options, indicates the market does not expect prices to reach this level in the short term.
#### 2. Volume Analysis
- High trading volumes at the 2480 and 2500 levels indicate strong interest from investors looking to hedge risks or speculate on price stability in this range.
- Conversely, very low trading volumes at the 2550 level, consistent with declining OI, suggest that the market does not expect an easy breakthrough of this resistance.
#### 3. Price Trend Assessment
- Analysis of OI and Volume data reveals that the market is closely watching the price movement between 2480-2500, a range with significant OI and Volume accumulation. Price movements within this range will likely influence investor decisions significantly.
- Prices are expected to move within the 2480-2500 range, with 2500 likely acting as a critical resistance level. If prices break above this level, there could be further upside potential, but if not, a pullback to 2480 is possible.
### 🔥 Trading Strategy for GCZ2024
1. **If the price breaks above 2,550**:
- **Action**: Open a Long position.
- **Target**: 2,575.
- **Stop Loss**: Below 2,525.
2. **If the price pulls back to 2,500-2,525**:
- **Action**: Open a Long position.
- **Target**: 2,550.
- **Stop Loss**: Below 2,480.
3. **If the price drops below 2,500**:
- **Action**: Open a Short position.
- **Target**: 2,475.
- **Stop Loss**: Above 2,525.
Use OI and Volume data to support your decision-making.
ค้นหาในไอเดียสำหรับ "CANDLESTICK"
การฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วง 20-23 ธันวาคม 2567 ต่อเนื่อง24/12/24 ทำไมถึงคาดการณ์ ช่วงเวลาการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยได้ล่วงหน้า ในช่วง 20-23 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป
เราใช้หลักการจาก **Dynamic Trader** ของ Robert Miner
เป็นระบบการวิเคราะห์และการเทรดที่หาความสัมพันธ์ ของ **ราคา (Price), เวลา (Time), และรูปแบบ (Pattern)** ในตลาดการเงิน
เพื่อช่วยให้เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์แนวโน้มและจุดกลับตัวของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ รายละเอียดหลักมีดังนี้:
---
### **1. โซนการปรับตัวของราคา (Price Retracement Zones)**
- **หลักการสำคัญ:** การปรับฐาน (Corrections) ของราคา มักจะเกิดขึ้นในช่วงที่สามารถคาดการณ์ได้จาก **Fibonacci Retracement Levels**
- **ระดับที่สำคัญ:**
- **50% - 61.8% Retracement Zone:** โซนนี้คือเป้าหมายการปรับฐานที่พบบ่อยในตลาดที่มีแนวโน้ม (Trend) เช่น:
- ในแนวโน้มขาขึ้น ราคามักจะย่อลงมาประมาณ 50%-61.8% ของแนวโน้มก่อนหน้า ก่อนที่จะกลับตัวและขึ้นต่อ
- ในแนวโน้มขาลง ราคามักจะเด้งกลับขึ้นมาในช่วงเดียวกัน
- **ที่มา:** ระดับเหล่านี้มาจากตัวเลขสัดส่วนของ Fibonacci ซึ่งเป็นเครื่องมือที่นิยมมากในเทคนิคอล
- **การใช้งาน:**
- ใช้โซนนี้เพื่อระบุแนวรับ (Support) และแนวต้าน (Resistance)
- พิจารณาเข้าเทรดเมื่อราคามาถึงโซนนี้และมีสัญญาณยืนยัน
---
### **2. โซนการปรับตัวของเวลา (Time Retracement Zones)**
- **หลักการสำคัญ:** นอกจากราคาที่ปรับตัวแล้ว การปรับฐานของตลาดมักใช้ระยะเวลาในช่วงที่สามารถคาดการณ์ได้
- **ระดับที่สำคัญ:**
- **38.2% - 61.8% Time Retracement Zone:** หมายถึงระยะเวลาของการปรับฐานเมื่อเทียบกับระยะเวลาของแนวโน้มก่อนหน้า
- ตัวอย่าง: ถ้าแนวโน้มก่อนหน้ากินเวลา 10 วัน การปรับฐานอาจกินเวลาประมาณ 3.8 วัน (38.2%) ถึง 6.1 วัน (61.8%) ก่อนที่จะกลับตัว
- **การใช้งาน:**
- วิเคราะห์วงจรเวลา (Time Cycles) เพื่อคาดการณ์ว่าเมื่อไหร่การปรับฐานน่าจะสิ้นสุด
- ผสานการวิเคราะห์เวลานี้กับโซนราคาสำหรับจุดเข้าเทรดที่แม่นยำขึ้น
---
### **3. การผสมผสานระหว่างราคาและเวลา (Price-Time Confluence)**
- **หลักการสำคัญ:** โอกาสที่ดีที่สุดสำหรับการเทรดคือเมื่อ **ราคาและเวลา** เกิดการปรับตัวพร้อมกันในโซนเดียวกัน (**Price-Time Confluence**)
- **ตัวอย่าง:**
- หากราคาปรับฐานมาอยู่ที่ 50% และในขณะเดียวกันเวลาอยู่ในช่วง 38.2% ของแนวโน้มก่อนหน้า จะเป็นสัญญาณที่มีโอกาสสูงว่าการปรับฐานใกล้สิ้นสุดแล้ว
---
### **4. การวิเคราะห์รูปแบบ (Pattern Recognition)**
- **รูปแบบ ABC Correction:**
- Dynamic Trader มุ่งเน้นรูปแบบการปรับฐานที่เรียกว่า **ABC Correction** ซึ่งมาจากทฤษฎี Elliott Wave
- **โครงสร้าง:**
- **Wave A:** การเคลื่อนไหวแรกที่สวนทางกับแนวโน้มเดิม
- **Wave B:** การย้อนกลับบางส่วนของ Wave A
- **Wave C:** การเคลื่อนไหวต่อเนื่องในทิศทางเดียวกับ Wave A (มักจะยาวเท่ากับ Wave A)
- **การใช้งาน:**
- มองหาและเทรดเมื่อ Wave C สิ้นสุด โดยคาดว่าแนวโน้มหลักจะกลับมา
---
### **5. แนวทางปฏิบัติสำหรับการเทรด**
- **การปรับตัวไม่ได้เกิดขึ้นเสมอในทุกกรณี:**
- แม้ Fibonacci และโซนเวลาให้แนวทางที่ดี แต่การปรับฐานบางครั้งอาจไม่ตรงตามระดับเป๊ะ ๆ
- **ความยืดหยุ่น:**
- ใช้เครื่องมืออื่น ๆ เช่น สัญญาณจากกราฟแท่งเทียน (Candlestick Patterns) หรืออินดิเคเตอร์ เช่น RSI หรือ Moving Average เพื่อยืนยันการเทรด
- **การตัดสินใจ:**
- ใช้โซนราคาและเวลาเป็นกรอบการวิเคราะห์ แต่รอการยืนยันก่อนเข้าเทรดเสมอ
---
### **6. ซอฟต์แวร์และเครื่องมือ**
- Robert Miner มี **Dynamic Trader Software** ที่ช่วยอัตโนมัติในการ:
- คำนวณระดับ Fibonacci และโซนเวลา
- ระบุรูปแบบ ABC
- สร้างจุดเข้า-ออกสำหรับการเทรดตามการวิเคราะห์เหล่านี้
เราสามารถประยุกต์ใช้ บน MT5 และ TradingView ได้ในปัจจุบัน แต่อาจมีความคลาดเคลื่อนเล็กน้อย
---
### **สรุป**
Dynamic Trader ของ Robert Miner เป็นระบบที่ช่วยเทรดเดอร์สร้างกลยุทธ์อย่างมีแบบแผน โดยเน้นการผสมผสานของ **ราคา, เวลา, และรูปแบบ** เพื่อหาจุดที่เหมาะสมในการเข้าและออกจากตลาด
สำหรับในภาพนี้ เป็นเหตการณ์จริง ที่กำลังเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยใน SET50 มีคำอธิบายดังนี้
จากภาพกราฟ SET50 ที่แสดงให้เห็น Fibonacci Retracement และช่วงเวลาคาดการณ์ เราสามารถสรุปหลักการของ **Dynamic Trader** ตามข้อมูลดังนี้:
1. **โซนการปรับตัวของราคา (Price Retracement Zone):**
- ราคาปรับฐานลงมาอยู่ในโซน **50% - 61.8% Fibonacci Retracement** (ช่วง 881.20 - 861.24) ซึ่งเป็นโซนที่มีโอกาสสูงที่การปรับฐานจะสิ้นสุด
- หากราคามีสัญญาณกลับตัวในโซนนี้ อาจเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการเข้าเทรดในทิศทางแนวโน้มเดิม (ขาขึ้น)
2. **โซนการปรับตัวของเวลา (Time Retracement Zone):**
- ช่วงเวลาที่คาดว่าการปรับฐานจะสิ้นสุดอยู่ระหว่างวันที่ **23 ธันวาคม 2024 - 8 มกราคม 2025**
- การวิเคราะห์เวลาช่วยเสริมความมั่นใจในการคาดการณ์จุดกลับตัวของราคา
3. **การผสมผสานระหว่างราคาและเวลา (Price-Time Confluence):**
- หากราคาสิ้นสุดการปรับฐานในโซน Fibonacci Retracement พร้อมกับตรงช่วงเวลาที่คาดการณ์ (Price-Time Confluence) จะเพิ่มโอกาสที่การกลับตัวจะเกิดขึ้นจริง
### **ข้อเสนอแนะ:**
- รอดูการยืนยันด้วยสัญญาณทางเทคนิค เช่น แท่งเทียนกลับตัว (Reversal Candlestick) หรือ TD BUY SETUP#9 เพื่อเพิ่มความมั่นใจก่อนเข้าเทรด
หลักการนี้ช่วยให้คุณใช้โซนราคาและเวลาในการวางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ!
SET หลุด 1400 ดาวโจนส์ -1000 กว่าจุด ตลาดหุ้นไทย ยังไงดี?SET หลุด 1400 ดาวโจนส์ -1000 กว่าจุด ตลาดหุ้นไทย ยังไงดี?
ในกราฟที่แสดง มีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) รวมถึงแนวโน้มราคา, โครงสร้างตลาด, และการใช้งาน Fibonacci Retracement และ Time Ratio ที่ช่วยคาดการณ์จุดกลับตัวในอนาคต ต่อไปนี้คือการวิเคราะห์กราฟโดยละเอียด:
---
### 1. **โครงสร้างตลาด (Market Structure)**:
- กราฟนี้แสดงโครงสร้างราคาที่มีการเคลื่อนไหวแบบ **Higher High (H), Lower Low (L)** และ **Retest จุดเดิม (R)** โดยสามารถแบ่งได้ดังนี้:
- ช่วงที่ตลาดปรับตัวขึ้น: กราฟสร้าง **Higher High (H)** โดยเป็นจุดสูงสุดใหม่
- ช่วงที่ตลาดปรับตัวลง: มีการทะลุแนวรับ (Break of Structure หรือ BOS) และเข้าสู่ช่วงแนวโน้มขาลง
- ช่วง **Retest**: ราคากลับมาทดสอบระดับแนวต้านที่เดิม (บริเวณสีแดง)
---
### 2. **Fibonacci Retracement**:
กราฟนี้แสดงระดับ Fibonacci Retracement ซึ่งช่วยระบุโซนแนวรับ/แนวต้านที่สำคัญ โดยระดับที่เด่นชัดคือ:
- **61.8% (1,411.21):** เป็นโซนที่ราคามักจะเด้งหรือกลับตัว (Good Probability)
- **78.6% (1,385.22):** เป็นโซนแนวรับที่แข็งแกร่ง (Very Good Probability)
- **88.6% (1,369.75):** เป็นโซนสุดท้ายที่มักจะใช้เป็นจุดตัดสินใจ ถ้าราคาทะลุโซนนี้ ตลาดอาจเข้าสู่แนวโน้มขาลงที่ชัดเจน
---
### 3. **Break of Structure (BOS)**:
- จุด BOS (Break of Structure) เป็นบริเวณที่ราคา **ทะลุแนวรับสำคัญ** และบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นขาลง
- การเกิด BOS ในกราฟนี้ยืนยันว่าแนวโน้มขาลงกำลังแข็งแรง
---
### 4. **Time Ratio และวันที่สำคัญ (Fibonacci Time Zone)**:
- วันที่ **20/12/2024** ถูกระบุไว้ในกราฟ ซึ่งอาจเป็นการคาดการณ์จุดกลับตัวสำคัญ โดยสัมพันธ์กับ Fibonacci Time Ratio (0.618, 1.0, 1.618)
- วันที่นี้ถูกใช้เพื่อคาดการณ์ว่าตลาดอาจเริ่มมีการกลับตัวในแนวโน้ม หรือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ
---
### 5. **โซนสภาพคล่อง (Liquidity Zone)**:
- บริเวณสีแดง: เป็นโซนแนวต้านที่ราคาทดสอบซ้ำ (Retest) และเป็นพื้นที่ที่นักลงทุนอาจมองหาการขาย (Sell Area)
- บริเวณสีเขียว: เป็นโซนแนวรับ (Demand Zone) ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ราคาจะเด้งกลับเมื่อมาถึง
---
### 6. **จุดสำคัญในกราฟ (Key Levels)**:
- **แนวต้าน (Resistance):**
- บริเวณที่ราคามีการ Retest และไม่สามารถทะลุขึ้นไปได้ เป็นแนวต้านสำคัญที่บ่งบอกถึงความแข็งแรงของแรงขาย
- **แนวรับ (Support):**
- ระดับ Fibonacci (61.8%, 78.6%, 88.6%) เป็นแนวรับสำคัญที่ราคามักจะมีปฏิกิริยาเมื่อมาถึง
- **ระดับราคาเป้าหมาย (Target Levels):**
- ถ้าราคาทะลุระดับ 1,369.75 (88.6%) ตลาดอาจปรับตัวลงต่อ โดยเป้าหมายถัดไปอาจอยู่ในช่วง 1,344
---
### 7. **การวิเคราะห์การกลับตัว (Reversal Analysis):**
- หากราคาสามารถยืนเหนือระดับ **61.8% (1,411.21)** ได้ อาจมีโอกาสที่แนวโน้มจะกลับมาเป็นขาขึ้นในระยะสั้น
- ถ้าราคาลงไปที่ **78.6% (1,385.22)** หรือ **88.6% (1,369.75)** แต่มีแรงซื้อกลับมา อาจเกิดการเด้งกลับในแนวโน้มขาลง
---
### 8. **กลยุทธ์การเทรด (Trading Strategy)**:
- **สำหรับฝั่งขาย (Short):**
- มองหาการเปิดสถานะขายเมื่อราคาขึ้นไปทดสอบบริเวณแนวต้าน (บริเวณสีแดง) หรือระดับ 61.8%
- **สำหรับฝั่งซื้อ (Long):**
- มองหาการเปิดสถานะซื้อเมื่อราคาลงมาที่ระดับ 78.6% หรือ 88.6% และแสดงสัญญาณการกลับตัว
- **เป้าหมาย (Targets):**
- สำหรับฝั่งซื้อ: เน้นเป้าหมายระยะสั้นในกรอบ Fibonacci Retracement
- สำหรับฝั่งขาย: เป้าหมายที่ระดับ 1,344 หรือต่ำกว่า หากแนวรับถูกทะลุ
---
### สรุป:
กราฟนี้มีการใช้งาน Fibonacci Retracement, Time Ratio และการวิเคราะห์โครงสร้างตลาดอย่างชัดเจนเพื่อคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคต จุดสำคัญที่ต้องจับตามองคือ:
1. การเคลื่อนไหวของราคาในระดับ Fibonacci 61.8%, 78.6%, และ 88.6%
2. การ Retest ในโซนแนวต้าน
3. วันที่ 20/12/2024 ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญ
การวางกลยุทธ์ควรพิจารณาแนวรับ/แนวต้านที่สำคัญ และรอคอยการยืนยันจากพฤติกรรมราคาก่อนตัดสินใจเทรด
โอกาสลงจบและเข้าซื้อเกิดที่โซนราคาใด และ เมื่อไหร่
จากการวิเคราะห์ข้อมูลในกราฟ โอกาสเข้าสู่ **โซนซื้อ (Buy Zone)** ขึ้นอยู่กับจุดที่ราคาเคลื่อนที่ถึงแนวรับสำคัญ หรือแสดงสัญญาณกลับตัวในระดับ Fibonacci Retracement ที่สำคัญ รวมถึงโซนแนวรับเชิงโครงสร้างในตลาด (**Demand Zone**) ต่อไปนี้คือรายละเอียด:
---
### **1. ราคาเป้าหมายสำหรับโซนซื้อ**
#### ระดับ Fibonacci Retracement:
1. **78.6% (1,385.22):**
- เป็นโซนแรกที่มีโอกาสเห็นแรงซื้อกลับตัว เพราะระดับนี้มักเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งในตลาดขาลง
- หากราคาลงมาทดสอบที่บริเวณนี้พร้อมด้วยสัญญาณกลับตัว เช่น แท่งเทียนกลับทิศ (Bullish Candlestick) หรือวอลุ่มเพิ่มขึ้น อาจเปิดสถานะซื้อได้
- **กลยุทธ์:** รอคอนเฟิร์มด้วย Price Action หรือ Bullish Divergence จากเครื่องมือ Indicator เช่น RSI
2. **88.6% (1,369.75):**
- หากระดับ 78.6% ไม่สามารถรองรับแรงขายได้ ราคาจะเคลื่อนที่ลงมายังโซนนี้ ซึ่งเป็นโซนสุดท้ายที่มีแนวโน้มจะเกิดการกลับตัว
- **กลยุทธ์:** พิจารณาเปิดสถานะซื้อในโซนนี้พร้อมตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ใต้โซนเล็กน้อย เช่น 1,360
#### โซนแนวรับเชิงโครงสร้าง (Demand Zone):
- บริเวณ **1,380 - 1,370** (พื้นที่สีเขียว):
- โซนนี้เป็นแนวรับเชิงโครงสร้างที่มีความน่าสนใจ เนื่องจากเป็นจุดที่เคยเกิดแรงซื้อในอดีต
- สัญญาณการกลับตัวในบริเวณนี้จะเพิ่มความมั่นใจให้การเปิดสถานะซื้อ
---
### **2. เวลาเป้าหมาย**
#### Fibonacci Time Ratio:
- วันที่ระบุในกราฟคือ **20/12/2024**:
- วันที่นี้สัมพันธ์กับ Fibonacci Time Ratio ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีโอกาสเกิดจุดกลับตัวสำคัญ
- หากราคายังอยู่ในแนวโน้มขาลง ณ เวลานี้ หรือเคลื่อนที่ลงมายังระดับ Fibonacci Retracement ที่ระบุไว้ (78.6% หรือ 88.6%) อาจเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการเข้าสู่สถานะซื้อ
#### แนวโน้มโดยรวม:
- หากราคาปรับตัวลงต่อเนื่องในช่วงก่อนวันที่ 20/12/2024 และเริ่มแสดงสัญญาณกลับตัวในช่วงใกล้วันดังกล่าว อาจถือเป็นจุดเข้าซื้อที่เหมาะสมที่สุด
---
### **3. สัญญาณยืนยันสำหรับเปิดสถานะซื้อ**
- **รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns):**
- แท่งเทียนกลับตัว เช่น **Bullish Engulfing**, **Hammer**, หรือ **Morning Star** ในระดับแนวรับ
- **วอลุ่ม (Volume):**
- ดูวอลุ่มเพิ่มขึ้นในช่วงแนวรับ หากมีแรงซื้อที่ชัดเจน
- **Divergence กับ Indicators:**
- ใช้ RSI หรือ MACD เพื่อดู **Bullish Divergence** (ราคาไปต่ำกว่า แต่ Indicator ไม่ต่ำกว่า)
---
### **สรุปโอกาสเข้าสู่โซนซื้อ**
- **ระดับราคาเป้าหมาย:**
- โซนแรก: 1,385 (78.6% Fibonacci Retracement)
- โซนสุดท้าย: 1,370 (88.6% Fibonacci Retracement)
- **เวลาเป้าหมาย:**
- ประมาณวันที่ **20/12/2024** หรือก่อนหน้านี้ หากราคาเคลื่อนที่เข้าสู่โซนซื้อในแนวรับที่สำคัญ
- **สัญญาณยืนยัน:**
- ใช้ Price Action, Volume, หรือ Indicators เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเปิดสถานะซื้อ
---
การตัดสินใจเข้าซื้อควรพิจารณาร่วมกับการตั้ง **จุดตัดขาดทุน (Stop Loss)** และ **จุดทำกำไร (Take Profit)** เพื่อบริหารความเสี่ยงในการเทรดอย่างเหมาะสม.
H4 ปิด bullish Engulfing ฉะนั้นขาขึ้นได้เปรียบถ้าจะทำลายโครง...🛑#มุมมองส่วนตัว และนักวิเคระห์ 📊Candlestick
H4 ปิด bullish Engulfing ฉะนั้นขาขึ้นได้เปรียบถ้าจะทำลาย
โครงสร้างของแท่งเทียนได้ต้องหลุด 2661 (จุดยอม SL )แต่ถ้าไม่ผ่านราคานี้ยังสามารถถือบวนได้. มุ่งหวังที่ 2673/2678/268
🏦#มุมมองส่วนตัว และนักวิเคระห์ สำหรับการวิเคราะห์ราคาทองคำ (XAUUSD) ในสัปดาห์นี้ (14-18 ตุลาคม 2024) จากข้อมูลในกราฟและแนวโน้มปัจจุบัน:
🍀1. แนวรับสำคัญ: บริเวณที่น่าสนใจเป็นพิเศษในกราฟจะอยู่ที่ระดับ $2,633.79 ซึ่งเป็นระดับ Fibonacci 0.618 โดยหากราคาทองคำไม่สามารถทะลุลงต่ำกว่าจุดนี้ได้ จะเป็นการยืนยันแนวรับที่สำคัญ นอกจากนี้บริเวณ $2,643.81 (Fibonacci 0.51) ก็เป็นแนวรับรองลงมา
🍀2. แนวต้านสำคัญ: แนวต้านที่น่าสังเกตคือบริเวณ $2,686.22 ซึ่งหากราคาสามารถทะลุผ่านระดับนี้ได้ มีโอกาสที่ราคาทองจะปรับตัวสูงขึ้นไปต่อในทิศทางขาขึ้น
🍀3. อินดิเคเตอร์ Stochastic: ข้อมูลในกราฟแสดงว่า Stochastic ใกล้เคียงกับโซน overbought ที่ประมาณ 80.76 ซึ่งบ่งชี้ว่าอาจมีแรงขายเกิดขึ้นในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม หากไม่มีแรงกดดันจากข่าวหรือปัจจัยพื้นฐาน อาจเห็นการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนการย่อตัว
📊Candlestick
H4 ปิด bullish Engulfing ฉะนั้นขาขึ้นได้เปรียบถ้าจะทำลายโครงสร้างของแท่งเทียนได้ต้องหลุด 2661 (จุดยอม SL )แต่ถ้าไม่ผ่านราคานี้ยังสามารถถือบวนได้. มุ่งหวังที่ 2673/2678/2685
✅#ข่าวที่ต้องติดตาม
4. วันที่ 16 ตุลาคม 2567 มีข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ (XAUUSD) ได้แก่:
1. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ: ประกาศในวันที่ 16 ตุลาคม 2567 เวลา 19:30 น. ตามเวลาประเทศไทย ข้อมูล PPI นี้จะส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์โดยตรง ซึ่งหากตัวเลขออกมาต่ำกว่าที่คาด จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนลง ส่งผลให้ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
2. ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ: คาดว่าจะประกาศเวลา 20:15 น. ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งตัวเลขนี้สามารถบ่งบอกถึงภาวะเศรษฐกิจในสหรัฐฯ หากการผลิตลดลง จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และสนับสนุนให้ราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้น
💥ในขณะเดียวกัน ความตึงเครียดทางการเมือง เช่น สถานการณ์ในตะวันออกกลางยังเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำมากขึ้น เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่มีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมือง
💥ดังนั้น จากกราฟและข้อมูลทางเทคนิคปัจจุบัน ราคาทองคำอาจมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อหากผ่านแนวต้านสำคัญ แต่ในระยะสั้น อาจเห็นการย่อตัวหากมีแรงขายจากระดับ overbought ของ Stochastic
🏦สำหรับผู้ที่ถือทองคำควรติดตามข่าวเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากสามารถส่งผลกระทบต่อทิศทางราคาทองคำในตลาดระยะสั้นถึงระยะกลางได้อย่างมีนัยสำคัญ  .
#เทรดควรมีจุดยอมอย่างชัดเจน และบริหารส่วนกำไรพักพอ ไม่ต้องโลภค่อยเป็นค่อยไป
ตลาดนัดปัจจุบันไม่เหมาะกับการเทรดระยะยาวควรเหมาะกับการเทรดทำกำไรระยะสั้น
For trading techniques Overall,tf d1 is still a strong bearish but it is starting to retreat in the former candlestick,makings this trade extremely
Cautious,it may swing up to the original 1865.50 price.
The overall trading outlook is still bearish,trying to come out to the sell as the main.
If in this tf d1 the candlestick breaks the price of 1835.21 it will breakdown to 1821.71 in the future.
for trading techniques trade in tf h1 bollinger band hit bb on press sell
Hit bb bottom press buy
Sl 500-1,000 point
Tp100-300 point,double,3 short-term storage sticks
Thank you and good luck
USOIL : กับแรงซื้อใน Timeframe H4คำอธิบาย
สัญญาการซื้อขายส่วนต่างน้ำมันดิบ WTI ในช่วงค่ำของวันที่ผ่านมา เกิดแรงซื้อในปริมาณมาก ประกอบกับราคาขึ้นไปแตะบริเวณแนวต้านของ Rising Wedge และเกิดแรงขายทำกำไรเกิดขั้นในระยะสั้นๆ เมื่อพิจารณาจาก RSI จะเห็นได้ว่าราคาเริ่มเข้าสู่โซนของ Overbought และสัญญาณเริ่มมีการชะลอตัว
ทางเลือกในการลงทุน
1. หากแรงซื้อและราคาที่เกิดขึ้น สามารถยืนเหนือแนวต้านของ Rising Wedge และทะลุผ่าน Trend line ขึ้นไปได้ ราคาอาจจะมีโอกาศขึ้นไปทดสอบที่โซนแนวต้าน 83.00 - 85.00
2. หากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านขึ้นไปได้ ราคาอาจเกิดการย่อตัวลงมาที่ปริเวณแนวต้านเพื่อสะสมแรง และมีโอกาศขึ้นไปทดสอบบริเวณแนวต้าน ทั้งนี้จำเป็นต้องดูปัจจัยของสัญญาณยืนยันประกอบจาก RSI และสัญญาณกลับตัวอื่นๆ ประกอบอีกครั้ง
3. หากราคาไม่สามารถวิ่งทะลุแนวต้านขึ้นไปได้ ประกอบกับมีสัญญาณกลับตัวอื่นๆ ประกอบ และมีปัจจัยจากสัญญาณ RSI บ่งชี้ว่าราคาไม่อาจขึ้นไปต่อได้ ราคามีแนวโน้มลงเนื่องจากแรงขาย
GOLD Analysis ส่งท้ายปี 2020ราคาทองใน TF Daily ปรับตัวขึ้นมาใกล้ทดสอบแนว Trendline ราคาใน Weekly ปิดเป็น Doji Candlestick ซึ่งกำลังที่จะบอกถึงการตัดสินใจเลือกระหว่าง Bull กับ Bear โดยมีเงื่อนไข หาก BreakOut Trendline ขึ้นไปได้ ราคาจะปรับตัวขึ้นต่อ แต่หากราคาไม่สามารถ BreakOut ได้ แล้วกลับตัวลงมาปิดใน Day ต่ำกว่า 1850 โอกาสที่ราคาจะลงต่อก็มี
แนวรับ : 1850-60 , 1820-30 และ 1750
แนวต้าน : 1910-20 , 1960 และ 2000
อธิบายเพิ่มเติม สิ่งที่กำลังรอ คือ รอสัญญาณจาก Candlestick Pattern
สำหรับเทคนิค : - ราคาต้องยืนยันด้วยสัญญาณจึงจะมีทิศทางที่ชัดเจน
- หากราคาปรับตัวลงมา 1820-30 จุดนี้คือโซน Buy
- โซนราคา 1820-30 จะทำให้ราคาปรับตัวลงต่อ หากราคารีบาวด์ขึ้นมาทดสอบ 1850-60 อีกครั้งแล้วไม่สามารถยืนเหนือได้
- หากหลุด 1820 ราคามีแนวรับที่ 1750-60
- หากราคายืนเหนือ 1910 ได้ มีโอกาสขึ้นไปทดสอบ 1960 และ 2000
- ระวัง Support/Resistance จะเป็นจุดเปลี่ยนของแนวโน้มราคา
#การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
Por : Technical AnalysisDJI Mini Futures
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟราย 2 ชั่วโมง ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สดีดตัวขึ้นมาปิดสูง จากแรงซื้อเก็งกำไรระยะสั้น ดัชนีกลับมายืนอยู่ในช่องแนวโน้มขาลง (กราฟรายวัน แท่งเทียนเกิดเป็น Long Bullish Candlestick มีกึ่งกลางลำตัวเป็นแนวรับอยู่ที่ 22,301 จุด) และมีกรอบบนของช่องแนวโน้มขาลงเป็นแนวต้านอยู่ที่ 23,223 จุด หากดัชนีสามารถยืนปิดเหนือแนวต้านนี้ได้ ดัชนีจะเปลี่ยนทิศทางเป็นขาขึ้นและปรับตัวเข้าหาแนวต้านถัดไปที่ 23,770 จุด แต่ถ้าไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 23,223 จุด ดัชนีจะแกว่งตัวอยู่ในแนวโน้มขาลง
ทิศทางนโยบายดอกเบี้ยขาขึ้นของเฟดและสัญญาณเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จะสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้น
ดัชนีระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 23,415 – 23,770 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 22,408 – 21,856 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
ปิดสถานะขายเนื่องจากแท่งเทียนเกิดเป็น Long Bullish Candlestick
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อดัชนีปรับตัวลดลงเข้าหาแนวรับที่ 22,300 จุด เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 23,415 จุด ตัดขาดทุนเมื่อดัชนีปรับตัวลงต่ำกว่า 22,210 จุด
Por : Technical AnalysisS&P 500 E-Mini Futures
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟราย 2 ชั่วโมง ดัชนี S&P500 ฟิวเจอร์สดีดตัวขึ้นจากแรงซื้อเก็งกำไรระยะสั้น ทำให้ดัชนีกลับขึ้นมาอยู่ในช่องแนวโน้มขาลง (กราฟรายวัน แท่งเทียนเกิดเป็น Long Bullish Candlestick มีกึ่งกลางลำตัวเป็นแนวรับอยู่ที่ 2,408 จุด) และมีกรอบบนของช่องแนวโน้มขาลงเป็นแนวต้านอยู่ที่ 2,506 จุด หากดัชนีสามารถยืนปิดเหนือแนวต้านนี้ได้ ดัชนีจะเปลี่ยนทิศทางเป็นขาขึ้นและปรับตัวเข้าหาแนวต้านถัดไปที่ 2,565 จุด แต่ถ้าไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 2,506 จุด ดัชนีจะแกว่งตัวอยู่ในแนวโน้มขาลง
ทิศทางนโยบายดอกเบี้ยขาขึ้นของเฟดและสัญญาณเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จะสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้น
ดัชนีระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 2,530 – 2,565 จุด และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 2,421 – 2,364 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
ปิดสถานะขายเนื่องจากแท่งเทียนเกิดเป็น Long Bullish Candlestick
เปิดสถานะซื้อ (Open Long) เมื่อดัชนีอ่อนตัวลงเข้าหาแนวรับที่ 2,408 จุด เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 2,503 จุด ตัดขาดทุนเมื่อดัชนีปรับตัวลงต่ำกว่า 2,397 จุด
Por : Technical AnalysisEURUSD
ปัจจัยทางเทคนิค
จากกราฟรายวัน ราคา EURUSD ดิ่งลงทดสอบแนวรับของจุดต่ำเก่าที่ 1.15102 หลังราคาดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 38.2% Fibonacci retracement 1.18553 ราคาดิ่งลงหลัง ECB ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงกลางปีหน้า แท่งเทียนเกิดเป็น Long Bearish Candlestick ซึ่งจะมีกึ่งกลางของลำตัวเป็นแนวต้าน และราคามีทิศทางเคลื่อนตัวไปตามแนวโน้มขาลง
ทิศทางราคา EURUSD ระยะสั้น มีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1.16092 – 1.16396 และมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1.15102 – 1.14792
สรุป
ระยะสั้นราคาจะมีการปรับตัวขึ้นทางเทคนิคัล เข้าหาแนวต้านกึ่งกลางลำตัวของ Long Bearish Candlestick ซึ่งจะเป็นการปรับตัวขึ้นเพื่อลง
Sell Stop ที่ราคา 1.16374 – 1.16769 เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่ 1.15102 – 1.14792
วิเคราะห์สภาพตลาดจากกรณีที่ S50H25 ลงมาถึงระดับ TD BUY SETUP#8การวิเคราะห์สภาพตลาดจากกรณีที่ **S50H25** ลงมาถึงระดับ **TD BUY SETUP #8** ใน Time Frame รายวัน (DAY) และอยู่ใกล้กับโซน **Pivot Point** (872.9 - 875.5) สามารถพิจารณาได้ดังนี้:
---
### **1. สถานะของตลาด**
1. **แนวโน้มปัจจุบัน**:
- การนับ TD Sequential Buy Setup ถึงแท่งที่ 8 แสดงให้เห็นว่าตลาดอยู่ในแนวโน้มขาลงที่ยังไม่สิ้นสุด (Setup ยังไม่ครบ 9) แต่เริ่มเข้าใกล้จุดที่มีโอกาสกลับตัว
- ระดับ Pivot Point (872.9 - 875.5) เป็นแนวรับสำคัญเชิงจิตวิทยาและทางเทคนิคที่ตลาดอาจพักตัวหรือดีดกลับ
2. **ปริมาณการซื้อขาย (Volume)**:
- หาก Volume ลดลงในช่วงที่ราคาเข้าใกล้ Pivot Point อาจบ่งบอกถึงการชะลอตัวของแรงขาย
- หากมี Volume เพิ่มขึ้นพร้อมแท่งเทียนกลับตัว (Bullish Candlestick) บริเวณนี้ จะเป็นสัญญาณเสริมสำหรับโอกาสกลับตัว
3. **Momentum Indicator (RSI, Stochastic)**:
- ควรตรวจสอบว่า Indicator อยู่ในโซน Oversold (ต่ำกว่า 30 หรือใกล้ 20) ซึ่งจะเพิ่มน้ำหนักในการกลับตัวตาม TD Sequential
---
### **2. การวิเคราะห์แนวรับและแนวต้าน**
1. **โซนแนวรับ (Pivot Point)**:
- ระดับ 872.9 - 875.5 เป็นจุดที่ตลาดอาจพักตัวหรือสร้างฐาน
- หากราคาทะลุแนวรับนี้ลงไป แนวรับถัดไปคือ 863.8 (S2) ซึ่งอยู่ใกล้กับระดับ Fibonacci Retracement สำคัญ
2. **โซนแนวต้าน**:
- แนวต้านแรกคือบริเวณ R1 (894.2) ซึ่งใกล้กับ High เดิมของแท่งเทียนก่อนหน้า
- แนวต้านถัดไปคือ R2 (903.3) ซึ่งจะมีนัยสำคัญหากตลาดกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น
---
### **3. แผนการเทรด**
#### **3.1 หากคาดการณ์ตลาดกลับตัว (Reversal)**
- **จุดเข้า (Entry)**:
- รอให้ TD Sequential นับถึงแท่งที่ 9 พร้อมแท่งเทียนกลับตัว (เช่น Hammer, Bullish Engulfing) หรือสัญญาณอื่นที่ยืนยันการดีดกลับ
- เข้าใกล้บริเวณ 873-875 หากราคาสามารถยืนเหนือระดับ Pivot ได้
- **เป้าหมายทำกำไร (Take Profit)**: เมื่อราคาปิด>= Pivot 888.10
- เป้าหมายแรก: 894.2 (R1)
- เป้าหมายถัดไป: 903.3 (R2)
- **จุดตัดขาดทุน (Stop Loss)**:
- ตั้ง Stop Loss ไว้ต่ำกว่า 870 เพื่อจำกัดความเสี่ยง
#### **3.2 หากตลาดทะลุแนวรับลง (Breakdown)**
- **จุดเข้า (Entry)**:
- รอให้ราคาปิดต่ำกว่า Pivot Point (875) พร้อม Volume หนาแน่นเพื่อยืนยันแรงขาย
- เข้า Short Position เมื่อราคาย่อตัวกลับขึ้นทดสอบแนว Pivot Point แล้วไม่สามารถผ่านได้
- **เป้าหมายทำกำไร (Take Profit)**:
- เป้าหมายแรก: 863.8 (S3)
- **จุดตัดขาดทุน (Stop Loss)**:
- ตั้ง Stop Loss ไว้เหนือ 880 เพื่อป้องกันการกลับตัวที่ไม่คาดคิด
---
### **4. สรุปแนวทางการวิเคราะห์**
- สัญญาณ TD Sequential #8 บริเวณแนวรับ Pivot Point บ่งชี้ว่าตลาดกำลังเข้าใกล้จุดที่อาจเกิดการกลับตัวได้
- ควรติดตามพฤติกรรมราคาบริเวณ Pivot Point (872.9 - 875.5) อย่างใกล้ชิด และรอการยืนยันจากรูปแบบแท่งเทียนหรือ Indicator เสริม
- วางแผนการเทรดทั้งในกรณี Reversal (กลับตัว) และ Breakdown (หลุดแนวรับ) เพื่อเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงในทุกสถานการณ์
แผนการเทรดตลาดหุ้นไทย (20 ธ.ค. 2567 - 6 ม.ค. 2568) โพสต์ 09:09แผนการเทรดตลาดหุ้นไทย (20 ธ.ค. 2567 - 6 ม.ค. 2568) โพสต์เวลา 09:09
1. การวิเคราะห์โซนเวลา (สำคัญ)
20 ธ.ค. 2567 ช่วงเวลาที่ราคาอาจเกิดการกลับตัวในแนวโน้ม เนื่องจากตรงกับ Fibonacci Time (1.272)
6 ม.ค. 2568 ช่วงเวลาที่ราคามีโอกาสตัดสินทิศทาง (Fibonacci Time 1.618)
กลยุทธ์ จับตาดูการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลานี้ หากราคาทะลุแนวต้านหรือหลุดแนวรับสำคัญ ให้ปรับแผนทันที
---
2. การวิเคราะห์โซนราคา
แนวรับสำคัญ
1,369-1,385 (Fibonacci 88.6% - 78.6%) โดยมี 1374.33 เป็น low ของวันก่อนหน้า 19 ธ.ค.67
1,360 (จุดยอมแพ้): หากหลุด แนวโน้มขาลงจะชัดเจน
แนวต้านสำคัญ
ระยะสั้น 1,411 (Fibonacci 61.8%) ทดสอบความแข็งแกร่งของขาขึ้น
ระยะกลาง 1,447-1,450 โซน Supply ที่อาจเกิดแรงขาย
---
3. แผนการเทรด
1. โซนเข้าซื้อ (Long Entry)
- พิจารณาเปิดสถานะ Long ที่ระดับ 1,369-1,374 หากมีสัญญาณกลับตัว (เช่น Bullish Candlestick) TD BUY SETUP8/9
- Stop Loss ตั้งไว้ที่ ต่ำกว่า 1,360
2. โซนขาย (Short Entry) ทำเมื่อดัชนี ดีดตัวขึ้นมาแล้วหมดแรง
- พิจารณาเปิดสถานะ Short หากราคาดีดขึ้นมาถึง 1,411 หรือ 1,447-1,450แต่ไม่สามารถทะลุผ่าน
3. เป้าหมายทำกำไร (Take Profit) กรณีเข้าซื้อ ในกรอบ 1369-1374 แล้ว ดัชนีดีดตัวขึ้นมา
- เป้าหมายแรก 1,411 (ระดับ 61.8%)
- เป้าหมายถัดไป1,447 (Supply Zone)
---
4. การจัดการความเสี่ยง:**
- ใช้ Risk-to-Reward Ratio อย่างน้อย **1:2**
- หากราคาไม่เคลื่อนไหวตามแผน ให้รีบตัดขาดทุน
---
สรุปสั้น ๆ:
**เข้าซื้อ:** 1,369-1,374
**ตัดขาดทุน:** <1,360
หากเป็นไปตามแผน
**เป้าหมายกำไร:** 1,411 และ 1,447 หรือ ถือสถานะต่อเนื่องในแนวโน้มระยะยาวหากยัง Bullish ต่อเนื่อง
BTC break flagพร้อม PA Morning starในTFDayBTCมีแรงซื้อเข้ามาเยอะ จนสามารถ
1.เบรค 2้ highย้อย ในTF h4
2.เบรคflag pattern
3.พร้อม price action Morning starในTFDay
4.ถ้าออกไปดูTF Dayอีกจะเห็นCCi ทำ Hidden Divergance สัญญานของขาขึ้นด้วยครับ
5.เทรนก็ยังเป็นเทรนขาขึ้นแบบSide way up
จริงๆน่าซื้อทั้งZoneที่กางFibไว้ให้เลยครับเพราะTrend มันแรง แต่ใครสายสวนแล้วค่อยรับย่อก็sellลงมาสัก99000แบบปลอดภัยๆ แล้วค่อยหาเก็บbuyแถวๆ 50-61.8 หรือประมาณราคา 97000-98000 Sl หรือ hedge ใต้Lowได้เลย
เมื่อราคาหุ้น CCET ขึ้นมาที่ระดับ Fibonacci 200% เราควรทำอย่างไรการตัดสินใจเมื่อราคาหุ้น CCET (หรือหุ้นใดๆ) ขึ้นมาถึงระดับ Fibonacci 200% ควรพิจารณาหลายปัจจัยก่อนดำเนินการซื้อหรือขาย ดังนี้:
1. ตรวจสอบแนวโน้มราคาก่อนหน้า
การขึ้นมาถึง Fibonacci 200% อาจเป็นสัญญาณของความร้อนแรงในตลาดหรือการเก็งกำไร:
หากราคาขึ้นต่อเนื่องจาก Fibonacci 100% หรือ 161.8% ด้วยแรงซื้อที่ชัดเจน อาจบ่งบอกถึง โมเมนตัมขาขึ้น ที่ยังแข็งแกร่ง
แต่หากมีสัญญาณแผ่วลง (เช่น Volume ลดลง, ราคาขึ้นไม่สูงกว่าระดับนี้) อาจเกิดการพักตัวหรือกลับตัว
2. วิเคราะห์พฤติกรรมราคาและปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis)
ดูว่ามี Volume เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนหรือไม่:
Volume สูง และราคาทะลุ 200% ขึ้นไป: อาจเป็นสัญญาณการ Breakout
Volume ต่ำ แม้ราคาขึ้นถึง 200%: ระวังการกลับตัวหรือแรงขายทำกำไร
3. ใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิคประกอบ
ตรวจสอบตัวชี้วัดอื่น เช่น:
RSI: หาก RSI เข้าโซน Overbought (>70) อาจเป็นสัญญาณว่าแรงซื้อเริ่มแผ่ว
MACD: ดูว่ามีสัญญาณ Divergence (ความแตกต่างระหว่างราคาและ MACD) หรือไม่
Candlestick Patterns: หากมีแท่งเทียนกลับตัว (เช่น Shooting Star, Bearish Engulfing) ที่ระดับ 200% อาจบ่งบอกการปรับฐาน
4. ประเมินแนวต้านและเป้าหมายราคา
Fibonacci 200% อาจเป็นแนวต้านสำคัญ:
หากราคาไม่สามารถทะลุระดับนี้ได้ อาจพิจารณา ทยอยขายทำกำไร
หากทะลุและยืนได้ มีโอกาสที่ราคาจะไปต่อ (เช่น 261.8%)
5. วางกลยุทธ์
หากถือหุ้นอยู่:
ขายบางส่วน: หากราคาขึ้นเร็วและใกล้แนวต้าน 200% โดยไม่มีแรงสนับสนุนที่ชัดเจน
ถือรอต่อ: หากมีแรงซื้อชัดเจนและราคา Breakout ได้
ตั้ง Stop Loss ใกล้ Fibonacci 200% ในกรณีที่ราคาหลุดแนวนี้
หากกำลังพิจารณาซื้อ:
ระวังแรงขายทำกำไรที่ Fibonacci 200%
ซื้อเมื่อราคา Breakout และยืนเหนือระดับนี้ได้อย่างมั่นคง พร้อม Volume สนับสนุน
6. ปัจจัยพื้นฐานและข่าวสาร
ตรวจสอบปัจจัยพื้นฐานของ CCET เช่น:
งบการเงิน
ข่าวสารหรือเหตุการณ์สำคัญที่อาจส่งผลต่อราคา
หากมีข่าวดีที่สนับสนุน เช่น ผลประกอบการดีขึ้น หรือตลาดโดยรวมเป็นบวก อาจเพิ่มความมั่นใจในการถือรอต่อ
สรุป
หากราคาขึ้นเร็วและถึง 200% โดยไม่มี Volume สนับสนุนหรือมีสัญญาณกลับตัว: ทยอยขายทำกำไร
หากทะลุ 200% และมีแรงซื้อชัดเจน: ถือรอต่อหรือลงทุนเพิ่ม แต่ต้องตั้ง Stop Loss
ควรใช้เครื่องมือเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานประกอบการตัดสินใจเสมอ
การลงทุนมีความเสี่ยง อย่าลืมประเมินสถานการณ์ตามเป้าหมายและความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้