วิเคราะห์สภาพตลาดจากกรณีที่ S50H25 ลงมาถึงระดับ TD BUY SETUP#8การวิเคราะห์สภาพตลาดจากกรณีที่ **S50H25** ลงมาถึงระดับ **TD BUY SETUP #8** ใน Time Frame รายวัน (DAY) และอยู่ใกล้กับโซน **Pivot Point** (872.9 - 875.5) สามารถพิจารณาได้ดังนี้:
---
### **1. สถานะของตลาด**
1. **แนวโน้มปัจจุบัน**:
- การนับ TD Sequential Buy Setup ถึงแท่งที่ 8 แสดงให้เห็นว่าตลาดอยู่ในแนวโน้มขาลงที่ยังไม่สิ้นสุด (Setup ยังไม่ครบ 9) แต่เริ่มเข้าใกล้จุดที่มีโอกาสกลับตัว
- ระดับ Pivot Point (872.9 - 875.5) เป็นแนวรับสำคัญเชิงจิตวิทยาและทางเทคนิคที่ตลาดอาจพักตัวหรือดีดกลับ
2. **ปริมาณการซื้อขาย (Volume)**:
- หาก Volume ลดลงในช่วงที่ราคาเข้าใกล้ Pivot Point อาจบ่งบอกถึงการชะลอตัวของแรงขาย
- หากมี Volume เพิ่มขึ้นพร้อมแท่งเทียนกลับตัว (Bullish Candlestick) บริเวณนี้ จะเป็นสัญญาณเสริมสำหรับโอกาสกลับตัว
3. **Momentum Indicator (RSI, Stochastic)**:
- ควรตรวจสอบว่า Indicator อยู่ในโซน Oversold (ต่ำกว่า 30 หรือใกล้ 20) ซึ่งจะเพิ่มน้ำหนักในการกลับตัวตาม TD Sequential
---
### **2. การวิเคราะห์แนวรับและแนวต้าน**
1. **โซนแนวรับ (Pivot Point)**:
- ระดับ 872.9 - 875.5 เป็นจุดที่ตลาดอาจพักตัวหรือสร้างฐาน
- หากราคาทะลุแนวรับนี้ลงไป แนวรับถัดไปคือ 863.8 (S2) ซึ่งอยู่ใกล้กับระดับ Fibonacci Retracement สำคัญ
2. **โซนแนวต้าน**:
- แนวต้านแรกคือบริเวณ R1 (894.2) ซึ่งใกล้กับ High เดิมของแท่งเทียนก่อนหน้า
- แนวต้านถัดไปคือ R2 (903.3) ซึ่งจะมีนัยสำคัญหากตลาดกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น
---
### **3. แผนการเทรด**
#### **3.1 หากคาดการณ์ตลาดกลับตัว (Reversal)**
- **จุดเข้า (Entry)**:
- รอให้ TD Sequential นับถึงแท่งที่ 9 พร้อมแท่งเทียนกลับตัว (เช่น Hammer, Bullish Engulfing) หรือสัญญาณอื่นที่ยืนยันการดีดกลับ
- เข้าใกล้บริเวณ 873-875 หากราคาสามารถยืนเหนือระดับ Pivot ได้
- **เป้าหมายทำกำไร (Take Profit)**: เมื่อราคาปิด>= Pivot 888.10
- เป้าหมายแรก: 894.2 (R1)
- เป้าหมายถัดไป: 903.3 (R2)
- **จุดตัดขาดทุน (Stop Loss)**:
- ตั้ง Stop Loss ไว้ต่ำกว่า 870 เพื่อจำกัดความเสี่ยง
#### **3.2 หากตลาดทะลุแนวรับลง (Breakdown)**
- **จุดเข้า (Entry)**:
- รอให้ราคาปิดต่ำกว่า Pivot Point (875) พร้อม Volume หนาแน่นเพื่อยืนยันแรงขาย
- เข้า Short Position เมื่อราคาย่อตัวกลับขึ้นทดสอบแนว Pivot Point แล้วไม่สามารถผ่านได้
- **เป้าหมายทำกำไร (Take Profit)**:
- เป้าหมายแรก: 863.8 (S3)
- **จุดตัดขาดทุน (Stop Loss)**:
- ตั้ง Stop Loss ไว้เหนือ 880 เพื่อป้องกันการกลับตัวที่ไม่คาดคิด
---
### **4. สรุปแนวทางการวิเคราะห์**
- สัญญาณ TD Sequential #8 บริเวณแนวรับ Pivot Point บ่งชี้ว่าตลาดกำลังเข้าใกล้จุดที่อาจเกิดการกลับตัวได้
- ควรติดตามพฤติกรรมราคาบริเวณ Pivot Point (872.9 - 875.5) อย่างใกล้ชิด และรอการยืนยันจากรูปแบบแท่งเทียนหรือ Indicator เสริม
- วางแผนการเทรดทั้งในกรณี Reversal (กลับตัว) และ Breakdown (หลุดแนวรับ) เพื่อเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงในทุกสถานการณ์
รูปแบบชาร์ต
แผนการเทรดตลาดหุ้นไทย (20 ธ.ค. 2567 - 6 ม.ค. 2568) โพสต์ 09:09แผนการเทรดตลาดหุ้นไทย (20 ธ.ค. 2567 - 6 ม.ค. 2568) โพสต์เวลา 09:09
1. การวิเคราะห์โซนเวลา (สำคัญ)
20 ธ.ค. 2567 ช่วงเวลาที่ราคาอาจเกิดการกลับตัวในแนวโน้ม เนื่องจากตรงกับ Fibonacci Time (1.272)
6 ม.ค. 2568 ช่วงเวลาที่ราคามีโอกาสตัดสินทิศทาง (Fibonacci Time 1.618)
กลยุทธ์ จับตาดูการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลานี้ หากราคาทะลุแนวต้านหรือหลุดแนวรับสำคัญ ให้ปรับแผนทันที
---
2. การวิเคราะห์โซนราคา
แนวรับสำคัญ
1,369-1,385 (Fibonacci 88.6% - 78.6%) โดยมี 1374.33 เป็น low ของวันก่อนหน้า 19 ธ.ค.67
1,360 (จุดยอมแพ้): หากหลุด แนวโน้มขาลงจะชัดเจน
แนวต้านสำคัญ
ระยะสั้น 1,411 (Fibonacci 61.8%) ทดสอบความแข็งแกร่งของขาขึ้น
ระยะกลาง 1,447-1,450 โซน Supply ที่อาจเกิดแรงขาย
---
3. แผนการเทรด
1. โซนเข้าซื้อ (Long Entry)
- พิจารณาเปิดสถานะ Long ที่ระดับ 1,369-1,374 หากมีสัญญาณกลับตัว (เช่น Bullish Candlestick) TD BUY SETUP8/9
- Stop Loss ตั้งไว้ที่ ต่ำกว่า 1,360
2. โซนขาย (Short Entry) ทำเมื่อดัชนี ดีดตัวขึ้นมาแล้วหมดแรง
- พิจารณาเปิดสถานะ Short หากราคาดีดขึ้นมาถึง 1,411 หรือ 1,447-1,450แต่ไม่สามารถทะลุผ่าน
3. เป้าหมายทำกำไร (Take Profit) กรณีเข้าซื้อ ในกรอบ 1369-1374 แล้ว ดัชนีดีดตัวขึ้นมา
- เป้าหมายแรก 1,411 (ระดับ 61.8%)
- เป้าหมายถัดไป1,447 (Supply Zone)
---
4. การจัดการความเสี่ยง:**
- ใช้ Risk-to-Reward Ratio อย่างน้อย **1:2**
- หากราคาไม่เคลื่อนไหวตามแผน ให้รีบตัดขาดทุน
---
สรุปสั้น ๆ:
**เข้าซื้อ:** 1,369-1,374
**ตัดขาดทุน:** <1,360
หากเป็นไปตามแผน
**เป้าหมายกำไร:** 1,411 และ 1,447 หรือ ถือสถานะต่อเนื่องในแนวโน้มระยะยาวหากยัง Bullish ต่อเนื่อง
Gold Market Outlook [20 ธันวาคม 2567]🌟 Gold Market Outlook
📰 ทองคำร่วงเป็นวันที่สองหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ หนุนเฟดคงจุดยืนแข็งกร้าว
📝 สรุปภาวะตลาดทองคำ
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี แต่ลบความแข็งแกร่งในช่วงต้นวันหลังจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตอกย้ำมุมมองตลาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะยังคงระมัดระวังในการผ่อนคลายนโยบายการเงินในปีหน้า
🔍 ปัจจัยสำคัญที่กดดันราคา
- GDP สหรัฐฯ ไตรมาส 3 ขยายตัวเกินคาด
- ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงมากกว่าที่คาดการณ์
- เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและความเสี่ยงเงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เฟดไม่รีบร้อนลดดอกเบี้ย
💫 มุมมองตลาด
ราคาทองคำร่วงลงกว่า 2% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนในช่วงต้นวัน หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดปรับลดคาดการณ์การผ่อนคลายนโยบายการเงินในอนาคต อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลงดังกล่าวกลับดึงดูดนักลงทุนให้เข้าซื้อ ส่งผลให้ราคาดีดตัวขึ้นถึง 1.5% ในช่วงต้นวัน
⚠️ ปัจจัยที่ต้องจับตา
- ความเสี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ
- การเปิดเผยตัวเลข Core PCE ในวันศุกร์
- สถานการณ์หนี้สาธารณะสหรัฐฯ
📊 วิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาทองคำมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด โดยยังคงมีแรงกดดันต่อเนื่อง หากราคาไม่สามารถหลุดแนวรับ 2,585 อาจเห็นการแกว่งตัวด้านข้าง แนะนำรอจังหวะขายเมื่อราคาทดสอบแนวต้านรายวัน โดยเน้นทำกำไรระยะสั้นเท่านั้น
📈 แนวรับ-แนวต้าน (06:45)
XAUUSD
สถานะ: 📉 Slightly Bearish
🔼 แนวต้าน 3: $2,620
🔼 แนวต้าน 2: $2,610
🔼 แนวต้าน 1: $2,602
——————————
🔽 แนวรับ 1: $2,589
🔽 แนวรับ 2: $2,585
🔽 แนวรับ 3: $2,580
✍️ วิเคราะห์โดย: Beam 🕵️♂️
กลยุทธ์การซื้อขายทองคำ วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 24ข้อมูลจากสหรัฐฯ เสริมสร้างความคาดหวังของตลาดว่า เฟดจะใช้แนวทางที่ระมัดระวังในการผ่อนคลายนโยบายในปีหน้า
ข้อมูลล่าสุดได้เสริมสร้างความคาดหวังของตลาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะใช้แนวทางที่ระมัดระวังในการผ่อนคลายนโยบายในปีหน้า
ข้อมูลก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวได้เร็วกว่าเมื่อคาดการณ์ไว้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2024 ขณะที่จำนวนคำขอรับสวัสดิการว่างงานก็ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับการคาดการณ์
เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและความเสี่ยงของเงินเฟ้อ รวมถึงภาษีและการลดการใช้จ่าย ยืนยันว่าเฟดไม่มีเหตุผลมากนักที่จะต้องดำเนินการอย่างรุนแรง ซึ่งโดยทั่วไปจะไม่ดีสำหรับทองคำซึ่งเป็นโลหะที่ไม่ให้ผลตอบแทน
นักลงทุนกำลังรอคอยการเปิดเผยข้อมูล PCE หลักในวันที่ 20 ธันวาคม ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดชื่นชอบ เพื่อหาเบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ ในการซื้อขายวันนี้ นักลงทุนจะให้ความสำคัญกับข้อมูลเงินเฟ้อ PCE ที่สำคัญ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดว่า ทองคำจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วไปยังระดับ 2.63x - 2.65x หรือจะถูกดันลงไปต่ำกว่าที่ระดับ 2.55x - 2.53x คำตอบจะได้รู้ในคืนนี้ โดยคาดว่าจะมีการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากข้อมูลก่อนหน้า
ในขณะนี้ แนะนำให้พิจารณาซื้อในช่วงเซสชั่นเอเชียและยุโรปก่อน โดยจะพิจารณาข้อมูล PCE หลังจากนั้น ดังนั้นคำแนะนำคือการซื้อ โดยมีเป้าหมายที่ 2.605 - 2.607, 2.610 - 2.612 และอาจจะถึง 2.615 - 2.617 หลังจากนั้นสามารถพิจารณาการขายเมื่อมีการปรับฐาน โดยตั้งเป้าหมายที่ 5-10 จุด
ในช่วงเซสชั่นยุโรป หากทองคำยังคงเทรดอยู่ที่ประมาณ 2.59x เมื่อเริ่มต้นเซสชั่นยุโรป กลยุทธ์การซื้อยังคงมีผลอยู่ อย่างไรก็ตาม หากทองคำลดลงและปิดแท่งเทียนที่ระดับ 2.58x ควรพิจารณาสถานการณ์ใหม่ ในกรณีนี้อาจพิจารณาการขายได้เร็วขึ้น โดยตั้งเป้าหมายที่ 5-10 จุด
แผนการเทรด:
โซนซื้อ: 2591 - 2589
SL: 2585
TP1: 2600
TP2: 2605
โซนขาย: 2621 - 2623
SL: 2627
TP1: 2610
TP2: 2600
ทองคำฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังจากที่จีนตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้หลังจากที่เฟดส่งสัญญาณว่าการลดอัตราดอกเบี้ยอาจน้อยลง
=> ยังมีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นได้อีก แต่ไม่แนะนำให้ซื้อในช่วงที่ราคาพุ่งขึ้น ควรรอการปรับฐานเล็กน้อยและพิจารณาการซื้อจะดีกว่า
XAUUSD แผนEW ส่วนตัวหลังจากที่ราคาทิ้งตัวอย่างรุนแรงจึงไบเบสว่าเป็นคลื่น3 แต่ยังไม่ถึงเป้าถึงมาการเด้ง มองว่าเป็น 4 และการนับคลื่นภายในไม่สามาถหา 5 คลื่นได้อาจจะอนุมานเป็นการขั้นแบบ 3 ขา (ยังไม่ได้เข้าไปนับ) แต่ขอมองคร่าวๆว่าเป็นการเด้งเพื่อลงต่อ ตอนนี้ รีเทสมาได้ในระดับ 38.2 % ถึงหาจังหวะในการเซลลงไป
SET หลุด 1400 ดาวโจนส์ -1000 กว่าจุด ตลาดหุ้นไทย ยังไงดี?SET หลุด 1400 ดาวโจนส์ -1000 กว่าจุด ตลาดหุ้นไทย ยังไงดี?
ในกราฟที่แสดง มีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) รวมถึงแนวโน้มราคา, โครงสร้างตลาด, และการใช้งาน Fibonacci Retracement และ Time Ratio ที่ช่วยคาดการณ์จุดกลับตัวในอนาคต ต่อไปนี้คือการวิเคราะห์กราฟโดยละเอียด:
---
### 1. **โครงสร้างตลาด (Market Structure)**:
- กราฟนี้แสดงโครงสร้างราคาที่มีการเคลื่อนไหวแบบ **Higher High (H), Lower Low (L)** และ **Retest จุดเดิม (R)** โดยสามารถแบ่งได้ดังนี้:
- ช่วงที่ตลาดปรับตัวขึ้น: กราฟสร้าง **Higher High (H)** โดยเป็นจุดสูงสุดใหม่
- ช่วงที่ตลาดปรับตัวลง: มีการทะลุแนวรับ (Break of Structure หรือ BOS) และเข้าสู่ช่วงแนวโน้มขาลง
- ช่วง **Retest**: ราคากลับมาทดสอบระดับแนวต้านที่เดิม (บริเวณสีแดง)
---
### 2. **Fibonacci Retracement**:
กราฟนี้แสดงระดับ Fibonacci Retracement ซึ่งช่วยระบุโซนแนวรับ/แนวต้านที่สำคัญ โดยระดับที่เด่นชัดคือ:
- **61.8% (1,411.21):** เป็นโซนที่ราคามักจะเด้งหรือกลับตัว (Good Probability)
- **78.6% (1,385.22):** เป็นโซนแนวรับที่แข็งแกร่ง (Very Good Probability)
- **88.6% (1,369.75):** เป็นโซนสุดท้ายที่มักจะใช้เป็นจุดตัดสินใจ ถ้าราคาทะลุโซนนี้ ตลาดอาจเข้าสู่แนวโน้มขาลงที่ชัดเจน
---
### 3. **Break of Structure (BOS)**:
- จุด BOS (Break of Structure) เป็นบริเวณที่ราคา **ทะลุแนวรับสำคัญ** และบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นขาลง
- การเกิด BOS ในกราฟนี้ยืนยันว่าแนวโน้มขาลงกำลังแข็งแรง
---
### 4. **Time Ratio และวันที่สำคัญ (Fibonacci Time Zone)**:
- วันที่ **20/12/2024** ถูกระบุไว้ในกราฟ ซึ่งอาจเป็นการคาดการณ์จุดกลับตัวสำคัญ โดยสัมพันธ์กับ Fibonacci Time Ratio (0.618, 1.0, 1.618)
- วันที่นี้ถูกใช้เพื่อคาดการณ์ว่าตลาดอาจเริ่มมีการกลับตัวในแนวโน้ม หรือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ
---
### 5. **โซนสภาพคล่อง (Liquidity Zone)**:
- บริเวณสีแดง: เป็นโซนแนวต้านที่ราคาทดสอบซ้ำ (Retest) และเป็นพื้นที่ที่นักลงทุนอาจมองหาการขาย (Sell Area)
- บริเวณสีเขียว: เป็นโซนแนวรับ (Demand Zone) ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ราคาจะเด้งกลับเมื่อมาถึง
---
### 6. **จุดสำคัญในกราฟ (Key Levels)**:
- **แนวต้าน (Resistance):**
- บริเวณที่ราคามีการ Retest และไม่สามารถทะลุขึ้นไปได้ เป็นแนวต้านสำคัญที่บ่งบอกถึงความแข็งแรงของแรงขาย
- **แนวรับ (Support):**
- ระดับ Fibonacci (61.8%, 78.6%, 88.6%) เป็นแนวรับสำคัญที่ราคามักจะมีปฏิกิริยาเมื่อมาถึง
- **ระดับราคาเป้าหมาย (Target Levels):**
- ถ้าราคาทะลุระดับ 1,369.75 (88.6%) ตลาดอาจปรับตัวลงต่อ โดยเป้าหมายถัดไปอาจอยู่ในช่วง 1,344
---
### 7. **การวิเคราะห์การกลับตัว (Reversal Analysis):**
- หากราคาสามารถยืนเหนือระดับ **61.8% (1,411.21)** ได้ อาจมีโอกาสที่แนวโน้มจะกลับมาเป็นขาขึ้นในระยะสั้น
- ถ้าราคาลงไปที่ **78.6% (1,385.22)** หรือ **88.6% (1,369.75)** แต่มีแรงซื้อกลับมา อาจเกิดการเด้งกลับในแนวโน้มขาลง
---
### 8. **กลยุทธ์การเทรด (Trading Strategy)**:
- **สำหรับฝั่งขาย (Short):**
- มองหาการเปิดสถานะขายเมื่อราคาขึ้นไปทดสอบบริเวณแนวต้าน (บริเวณสีแดง) หรือระดับ 61.8%
- **สำหรับฝั่งซื้อ (Long):**
- มองหาการเปิดสถานะซื้อเมื่อราคาลงมาที่ระดับ 78.6% หรือ 88.6% และแสดงสัญญาณการกลับตัว
- **เป้าหมาย (Targets):**
- สำหรับฝั่งซื้อ: เน้นเป้าหมายระยะสั้นในกรอบ Fibonacci Retracement
- สำหรับฝั่งขาย: เป้าหมายที่ระดับ 1,344 หรือต่ำกว่า หากแนวรับถูกทะลุ
---
### สรุป:
กราฟนี้มีการใช้งาน Fibonacci Retracement, Time Ratio และการวิเคราะห์โครงสร้างตลาดอย่างชัดเจนเพื่อคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคต จุดสำคัญที่ต้องจับตามองคือ:
1. การเคลื่อนไหวของราคาในระดับ Fibonacci 61.8%, 78.6%, และ 88.6%
2. การ Retest ในโซนแนวต้าน
3. วันที่ 20/12/2024 ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญ
การวางกลยุทธ์ควรพิจารณาแนวรับ/แนวต้านที่สำคัญ และรอคอยการยืนยันจากพฤติกรรมราคาก่อนตัดสินใจเทรด
โอกาสลงจบและเข้าซื้อเกิดที่โซนราคาใด และ เมื่อไหร่
จากการวิเคราะห์ข้อมูลในกราฟ โอกาสเข้าสู่ **โซนซื้อ (Buy Zone)** ขึ้นอยู่กับจุดที่ราคาเคลื่อนที่ถึงแนวรับสำคัญ หรือแสดงสัญญาณกลับตัวในระดับ Fibonacci Retracement ที่สำคัญ รวมถึงโซนแนวรับเชิงโครงสร้างในตลาด (**Demand Zone**) ต่อไปนี้คือรายละเอียด:
---
### **1. ราคาเป้าหมายสำหรับโซนซื้อ**
#### ระดับ Fibonacci Retracement:
1. **78.6% (1,385.22):**
- เป็นโซนแรกที่มีโอกาสเห็นแรงซื้อกลับตัว เพราะระดับนี้มักเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งในตลาดขาลง
- หากราคาลงมาทดสอบที่บริเวณนี้พร้อมด้วยสัญญาณกลับตัว เช่น แท่งเทียนกลับทิศ (Bullish Candlestick) หรือวอลุ่มเพิ่มขึ้น อาจเปิดสถานะซื้อได้
- **กลยุทธ์:** รอคอนเฟิร์มด้วย Price Action หรือ Bullish Divergence จากเครื่องมือ Indicator เช่น RSI
2. **88.6% (1,369.75):**
- หากระดับ 78.6% ไม่สามารถรองรับแรงขายได้ ราคาจะเคลื่อนที่ลงมายังโซนนี้ ซึ่งเป็นโซนสุดท้ายที่มีแนวโน้มจะเกิดการกลับตัว
- **กลยุทธ์:** พิจารณาเปิดสถานะซื้อในโซนนี้พร้อมตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ใต้โซนเล็กน้อย เช่น 1,360
#### โซนแนวรับเชิงโครงสร้าง (Demand Zone):
- บริเวณ **1,380 - 1,370** (พื้นที่สีเขียว):
- โซนนี้เป็นแนวรับเชิงโครงสร้างที่มีความน่าสนใจ เนื่องจากเป็นจุดที่เคยเกิดแรงซื้อในอดีต
- สัญญาณการกลับตัวในบริเวณนี้จะเพิ่มความมั่นใจให้การเปิดสถานะซื้อ
---
### **2. เวลาเป้าหมาย**
#### Fibonacci Time Ratio:
- วันที่ระบุในกราฟคือ **20/12/2024**:
- วันที่นี้สัมพันธ์กับ Fibonacci Time Ratio ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีโอกาสเกิดจุดกลับตัวสำคัญ
- หากราคายังอยู่ในแนวโน้มขาลง ณ เวลานี้ หรือเคลื่อนที่ลงมายังระดับ Fibonacci Retracement ที่ระบุไว้ (78.6% หรือ 88.6%) อาจเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการเข้าสู่สถานะซื้อ
#### แนวโน้มโดยรวม:
- หากราคาปรับตัวลงต่อเนื่องในช่วงก่อนวันที่ 20/12/2024 และเริ่มแสดงสัญญาณกลับตัวในช่วงใกล้วันดังกล่าว อาจถือเป็นจุดเข้าซื้อที่เหมาะสมที่สุด
---
### **3. สัญญาณยืนยันสำหรับเปิดสถานะซื้อ**
- **รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns):**
- แท่งเทียนกลับตัว เช่น **Bullish Engulfing**, **Hammer**, หรือ **Morning Star** ในระดับแนวรับ
- **วอลุ่ม (Volume):**
- ดูวอลุ่มเพิ่มขึ้นในช่วงแนวรับ หากมีแรงซื้อที่ชัดเจน
- **Divergence กับ Indicators:**
- ใช้ RSI หรือ MACD เพื่อดู **Bullish Divergence** (ราคาไปต่ำกว่า แต่ Indicator ไม่ต่ำกว่า)
---
### **สรุปโอกาสเข้าสู่โซนซื้อ**
- **ระดับราคาเป้าหมาย:**
- โซนแรก: 1,385 (78.6% Fibonacci Retracement)
- โซนสุดท้าย: 1,370 (88.6% Fibonacci Retracement)
- **เวลาเป้าหมาย:**
- ประมาณวันที่ **20/12/2024** หรือก่อนหน้านี้ หากราคาเคลื่อนที่เข้าสู่โซนซื้อในแนวรับที่สำคัญ
- **สัญญาณยืนยัน:**
- ใช้ Price Action, Volume, หรือ Indicators เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเปิดสถานะซื้อ
---
การตัดสินใจเข้าซื้อควรพิจารณาร่วมกับการตั้ง **จุดตัดขาดทุน (Stop Loss)** และ **จุดทำกำไร (Take Profit)** เพื่อบริหารความเสี่ยงในการเทรดอย่างเหมาะสม.
ข่าวสารและนิตยสาร ข่าวสารและนิตยสาร
ยูบีเอสคาดการณ์ราคาทองคำที่จะถึง 22,900/ออนซ์ในตอนท้ายของปี 2025 ได้แรงหนุนจากความต้องการข ยูบีเอสโครงการซื้อธนาคารกลางของ 900 เมตริกตันหรือมากกว่าในปี 2025 เป็นส่วนหนึ่งของความพ
จากมุมมองทางเทคนิคที่ 100 และ 200 รายสัปดาห์ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่เรียบง่าย(เอสเอ็มเอ)ยังคงมีแน อย่างไรก็ตามแนวต้านที่ 22,665 กำลังจำกัดการเคลื่อนไหวคว่ำต่อไป
ในระยะสั้นราคาทองคำกำลังลดลงอย่างเห็นได้ชัดหลังจากการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรปล่าสุดซึ่งได้รับการตีความว่าเฟดระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการตัดในอนาคต ราคาอยู่ใกล้ 100 เอสเอ็มเอ,และผู้ค้าจะต้องดูสำหรับความท้าทายที่มีความหมายไปยังโซนสนับสนุนนี้.
(Trade ตาม Trend) NASDAQ 100 Swing BuyTrade ตามเทรนด์
NASDAQ 100 Swing Buy
ราคาเป็น Up Trend แข็งแรง
ใช้ EMA และแนวสำคัญ เป็นจุดรับย่อซื้อ
ราคาได้เทสกึ่งกลางของ Fair Value Gap ไปแล้ว 1 ครั้ง
ซึ่งอยู่บริเวณ EMA21 หากราคาย่อเข้าโซน 1 และ 2 จะเป็นจุดรับ BUY (22000-21900)
และถ้าหากหลุดไปจนถึง FVG ตรงนี้ควรจะรอการกลับตัวก่อน และไม่ควรหลุด Low ล่าสุด (21900)
หากหลุดลงไปจะเป็นจุด Stop Loss
ราคาเป็น All Time High ไม่มีแนวต้าน
ใช้ Fibonacci เป็นจุดล็อคกำไรที่
161.8 (22300)