ประเภทของกราฟใน TradingView และวิธีการอ่านสำหรับมือใหม่กราฟแสดงผลราคาในแต่ละรูปแบบมีการแสดงผลที่แตกต่างกัน และมีผลต่อการวิเคราะห์รูปแบบที่หลากหลาย สำหรับกราฟชนิดต่างๆ ในแพลตฟอร์ม TradingView ประกอบไปด้วย
กราฟแสดงผลทั่วไป
• Bars
กราฟแท่ง หรือที่นิยมเรียกว่า OHLC (Open, High, Low, Close) มีการแสดงข้อมูลมากกว่ากราฟเส้น แต่ละแท่งแทนราคาเปิด สูงสุด ต่ำสุด และปิดในระยะเวลาที่ระบุ
• Candles
กราฟแท่งเทียนแสดงผลคล้ายกับกราฟแท่ง แต่ใช้ "แท่งเทียน" เพื่อแสดงราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุด สีและรูปร่างของแท่งเทียน (เขียวและแดง) จะช่วยให้เรามองเห็นอารมณ์ของตลาดได้ง่ายมากขึ้น
• Hollow Candles
แสดงผลคล้ายกับกราฟแท่งเทียน แต่มีความแตกต่างในส่วนของสีภายในแท่งเทียน คือ มีทั้งสีทึบและสีโปร่ง ช่วยให้สามารถแสดงข้อมูล 2 มิติทั้งในกระทิง และหมีได้ โดยสีโปร่งบ่งบอกถึง ราคาปิดของแท่งเทียนปัจจุบันสูงกว่าราคาเปิดของแท่งเทียนปัจจุบัน และสีทึบบ่งบอกถึง ราคาปิดของแท่งเทียนปัจจุบันต่ำกว่าราคาเปิดของแท่งเทียนปัจจุบัน ขณะสีเขียวและแดงถูกกำหนดโดยการเปรียบเทียบของราคาปิดของแท่งเทียนปัจจุบันกับราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้า
• Line
กราฟเส้นแสดงผลโดยการเชื่อมต่อราคาปิดในระยะเวลาที่ระบุ เป็นกราฟที่เรียบง่ายและดูสะอาดตา เหมาะสำหรับการระบุแนวโน้มราคาทั่วไป
• Line with markers
กราฟเส้นพร้อมแสดงเครื่องหมายแสดงผลเช่นเดียวกับกราฟเส้น แต่มีการเพิ่มจุดข้อมูลสำคัญเข้ามา โดยกราฟประเภทนี้มักถูกใช้เพื่อแสดงผลข้อมูลทางเศรษฐกิจ
• Step line
กราฟแสดงการเคลื่อนไหวของราคาด้วยรูปแบบขั้น โดยปกติแล้วจะแสดงขั้นด้วยราคาปิด แต่สามารถแก้ไขได้ผ่านการตั้งค่า กราฟนี้ถูกนำมาใช้เพื่อหลีกหลี่ยมกราฟแสดงผลมุมมแหลม เพื่อให้เห็นระดับราคาได้ชัดเจนขึ้น มักนิยมใช้กับเครื่องมือวาดเส้นตรง เช่น Vertical Ray หรือ Fib Retracement
• Area
กราฟพื้นที่แสดงผลคล้ายกับกราฟเส้น แต่พื้นที่ที่อยู่ข้างใต้เส้นจะถูกเติมสี และเน้นการเคลื่อนไหวของราคา
• HLC Area
กราฟที่สามารถแสดงผล 3 ค่า ได้แก่ ราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด และราคาปิด เพื่อทำให้เกิดการมุ่งเน้นไปที่ข้อมูลสำคัญที่สุด โดยไม่สนใจราคาเปิดที่มีนัยสำคัญน้อยกว่าในเชิงการวิเคราะห์ ขณะที่ความกว้างของพื้นที่ระหว่างเส้นสีเขียวและแดงก็บ่งบอกถึงช่วงการแกว่งตัวของราคา
• Baseline
กราฟเส้นที่แสดงอัตราการเปลี่ยนของราคาอ้างอิงจากฐานราคาที่กำหนด มีประโยชน์อย่างมากในการวิเคราะห์ความผันผวนของราคา
• Columns
แสดงผลเป็นกราฟแท่ง โดยใช้ราคาปิดเป็นค่าเริ่มต้น (default) แต่สามารถตั้งค่าเป็นค่าอื่นๆ ได้ รวมถึงการปรับสีแท่ง โดยค่าเริ่มต้นเดิม สีเขียวแสดงราคาเปิดน้อยกว่าราคาปิด และสีแดงแสดงราคาปิดน้อยกว่าราคาเปิด
• High-low
กราฟแสดงราคาสูงสุดและต่ำสุดบนรูปแบบกราฟแท่งในระยะเวลาที่กำหนด
กราฟแสดงผลที่อ้างอิงเพียงราคาเท่านั้น
• Heiken-Ashi
เป็นรูปแบบของกราฟแท่งเทียน แต่มีการใช้สูตรคำนวณเพื่อสร้างแท่งเทียนแต่ละแท่งออกมา กราฟรูปแบบนี้มีประโยชน์ในการระบุแนวโน้มของตลาดและลดความผันผวนของราคา
• Renko
กราฟนี้มีความเป็นเอกลักษณ์ แสดงผลเป็นแท่งเทียนในลักษณะอิฐบล็อกที่ต่อกัน แต่ละแท่งอิฐเน้นการเปลี่ยนแปลงของราคาและมีการกรองการเคลื่อนไหวของราคาที่ไม่สำคัญออกไป โดยแท่งอิฐนั้นจะมีทั้งสีแดงและสีเขียวซึ่งเคลื่อนที่ไปในทิศทางต่างๆ ตามค่าของแท่งอิฐก่อนหน้า ซึ่งการเคลื่อนที่ในแต่ละทิศทางจะเป็นสัญญาณเตือนที่ช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจว่าแนวโน้มหรือเทรนด์กำลังจะเปลี่ยนแปลงนั่นเอง ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีในการระบุจังหวะในการเข้าเทรด
• Line break
กราฟแสดงข้อมูลแบบแท่งอิฐ สิ่งสำคัญของกราฟประเภทนี้ คือ การตั้งค่าแท่งอิฐ (ราคาปิดปัจจุบันเทียบราคาปิดวันที่ตั้งค่า) เช่น โดยทั่วไปนิยมตั้งค่าไว้ที่ 3 วัน หมายถึง ราคาปิดปัจจุบันเทียบกับราคาปิดในช่วง 2 แท่งอิฐก่อนหน้า โดยแท่งสีเขียวหมายถึงราคาปรับตัวขึ้น แท่งสีแดงหมายถึงราคาปรับตัวลง และจะไม่เกิดแท่งอิฐใหม่หากราคาปิดปัจจุบันเท่ากับราคาปิดของงวดเวลาก่อนหน้าที่ตั้งค่าไว้
• Kagi
กราฟที่แสดงผลด้วยแท่งตัว L ที่พิจารณาจากการเคลื่อนไหวของราคาเท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงปัจจัยด้านเวลา หลักการของ Kagi ค่อนข้างเรียบง่าย สีเขียวแสดงทิศทางหุ้นขึ้น และสีแดงแสดงทิศทางหุ้นลง หากมีแรงซื้อมากพอจนราคาปิดสูงกว่าราคาปิดสูงสุดในช่วงก่อนหน้า กราฟจะเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียว ในทางกลับกันหากมีแรงขายมากพอจราคาปิดต่ำกว่าราคาปิดต่ำสุดในช่วงก่อนหน้า กราฟจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดง
• Point & Figure
เรียกย่อๆ ว่ากราฟ PnF กราฟรูปแบบนี้ไม่สนใจเวลาและเน้นเฉพาะการเคลื่อนไหวของราคา โดยใช้คอลัมน์ของ X (แสดงราคาปรับตัวขึ้น) และ O (แสดงราคาปรับตัวลง) เพื่อแทนการเคลื่อนไหวราคาที่ถูกกรองแล้ว
• Range
กราฟช่วงเป็นกราฟที่แสดงผลในรูปแบบแท่ง โดยบาร์ราคาเปิดบันทึกไว้ในแท่ง ในระหว่างนั้นขนาดของแท่งกราฟจะเคลื่อนที่ออกไปจากราคาเปิดเป็นไปได้ทั้งขึ้นและลง ความแตกต่างระหว่างค่าของจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของแท่งจะถูกพิจารณาเป็นการเคลื่อนไหวของราคา และเมื่อใดก็ตามราคาเคลื่อนที่เกินไปจากที่ระยะ สูง-ต่ำ ถึงที่กำหนด (Interval) ไว้ ก็จะเกิดแท่งกราฟใหม่ขึ้นมา
คำเตือน : ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน